Advent of the Archmage – ตอนที่ 22: ทุกวินาทีมีค่า!

ลอร์ด เพิ่งจะอายุแค่ 35 ปี มันเป็นนักรบเลเวล 6 ที่อายุน้อยที่สุดของพาลิค ประเทศแห่งดาร์กเอลฟ์

 

นักรบแห่งทวีปฟีรุเมนนั้นสามารถสร้างออร่าต่อสู้ได้เมื่อเลเวล 3 ในเลเวล 6 พวกเขาสามารถปลดปล่อยออร่าต่อสู้ออกไปนอกขอบเขตของร่างกายเพื่อโจมตีระยะไกลได้

 

นักรบที่เลเวลไม่ถึง 6 ต้องเสี่ยงต่อการถูกโจมตีขณะที่เขาพยายามจะเข้าใกล้นักเวทย์ แต่เมื่อถึงเลเวล6 แล้ว พวกเขาจะได้รับพลังที่พวกเขาต้องการในการเผชิญหน้ากับนักเวทย์อย่างแท้จริง

 

ในโลกของดาร์กเอลฟ์ความแข็งแกร่งก็เท่ากับฐานะ ดาร์กเอลฟ์หนุ่มอังฉริยะ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น หัวหน้าทัพในการซุ่มโจมตีเมืองแกลดสโตน

 

ตอนนี้กองทัพดาร์กเอลฟ์ อยู่ห่างจากเมืองแกลดสโตนแค่ 5 ไมล์ พวกมันสามารถเห็นกำแพงเมืองและยอดแหลมของหอนาฬิกาได้ ถ้าพวกมันมองไปทางทิศตะวันออก

 

แผนของพวกมันไม่ได้ราบรื่นอย่างที่ ลอร์ด คิดเอาไว้

 

หน่วยลาดตระเวนที่มันส่งไปกลับมาพร้อมกับข่าวร้ายมากมาย ซึ่งนั่นทำให้ ลอร์ด ถึงกับเครียดจนทำหน้าเหมือนทะเลที่พายุเข้า

 

“ท่านจอมพล ยังมีพวกการ์ดรักษาความปลอดภัยอยู่ที่กำแพงเมืองอยู่เลยครับ!”

 

“ท่านจอมพล ประตูทางเหนือไม่ได้ถูกเปิดอย่างที่วางแผนเอาไว้ครับ”

 

“ท่านจอมพล มีการ์ดรักษาความปลอดภัยอย่างน้อย 2,000 คนอยู่ในกำแพงเมืองของแกลดสโตนครับ! และหน่วยป้องกันทั้งหมดก็กระจายอยู่ตามกำแพงครับ!”

 

เกิดความเงียบขึ้นระหว่างลอร์ดกับแม่ทัพของมัน

 

ดาร์กเอลฟ์นักฆ่าเมื่อก่อนหน้านี้ไม่ได้บอกมันอย่างนั้น ทั้งหมดที่มันบอกคือจำนวนคนสำคัญในเมืองที่โดนฆ่า และนักเวทย์ในเมืองแกลดสโตนได้ถูกกวาดล้างจนหมด มีเพียงแค่อุบัติเหตุครั้งเดียวตลอดการดำเนินการทั้งหมดคือ การพังทลายของหอคอยวาร์ปในสถาบันเวทย์มนต์ เพราะเหตุนั้นพวกมันก็เลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งใครซักคนนึงมาพร้อมกับข่าวร้าย

 

แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ความโกลาหลจะเพิ่มมากขึ้นในช่วงสองชั่วโมงที่ผ่านมานี้

 

“พานักฆ่ามาที่นี่!” ลอร์ดมองไปที่ดาร์กเอลฟ์ที่ทำงานพลาด

 

นักฆ่าที่มาส่งข้อความ ถูกนำตัวมาอย่างรวดเร็ว มันรู้ดีว่าทุกอย่างไม่ดีแน่เมื่อมันได้เห็นลอร์ดกับพวกแม่ทัพ ขาของมันเปลี่ยนเป็นวุ้น มันสะดุดแล้วก็ล้มลง

 

มันลุกขึ้นยืน เท้าของมันสั่นขณะที่เดินไปหาจอมพลแล้วพูดออกมาอย่างสุภาพ “ท่านจอมพล ข้ามาแล้วครับ”

 

ใบหน้าอันหล่อเหลาของ ลอร์ด เหมือนดั่งหลุมดำที่จะกลืนกินมันได้ทุกเมื่อ ดวงตาสีทับทิมของมันจ้องไปที่นักฆ่าที่อยู่ตรงหน้ามัน

 

“นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว แกมีอะไรปิดบังข้าอีกไหม?”

 

นักฆ่าเริ่มตัวสั่นแบบควบคุมไม่อยู่ หลังจากนั้นมันก็เริ่มพูด “ท่านจอลพล จิ๊กตายแล้ว เขาถูกฆ่าโดยนักเวทย์หนุ่มคนเดียวกับคนที่พังหอคอยวาร์ป ท่านโฮล์มส์ กำลังไล่ตามเขาขณะที่ผมเดินทางมาที่นี่”

 

ลอร์ด เขม่นตา “นักเวทย์หนุ่มหรอ?”

 

แม่ทัพที่อยู่ข้างๆมันพูดออกมาเบาๆ “ท่านจอมพล ดูเหมือนว่าท่าน โฮล์มส์ เองก็ไม่อาจสู้กับนักเวทย์หนุ่มคนนั้นได้ เขาเองก็แพ้ไปแล้วเช่นกันครับ”

 

สงครามครั้งนี้ ความพ่ายแพ้หมายถึงความตาย!

 

ลอร์ด รู้สึกไมเกรนขึ้น โฮล์มส์ เป็นสมาชิกของกิลด์จอมเวทย์พระจันทร์สีเงิน ไม่ใช่ทหารของมัน และหน้าที่ของ โฮล์มส์ ก็ไม่ใช่การต่อสู้ แต่เป็นการอยู่ที่นั่นเพื่อเปิดประตูวาร์ป ตอนนี้โฮล์มส์ ตายแล้ว พวกกิลด์นักเวทย์ต้องมาหาเรื่องมันแน่

 

ความโกรธในใจของมันเริ่มพุ่งพล่าน มันมองไปที่นักฆ่าอย่างเย็นชาแล้วถาม “แล้วทำไมแกไม่บอกมาให้หมดตั้งแต่ก่อนหน้านี้ห้ะ!?”

 

นักฆ่าถึงกับเข่าทรุดลงกับพื้น มันรู้ว่าจุดจบของมันใกล้เข้ามาแล้ว

 

ลอร์ด โบกมือ มีดาร์กเอลฟ์ 2 คนมาลากตัวผู้ส่งสารออกไป หลังจากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น นักฆ่าได้ถูกประหารแล้ว

 

“ท่านจอมพล พวกเราจะทำอย่างไรต่อไปดี?” นายพลคนอื่นกล่าว

 

ลอร์ด หัวเราะเยาะ “ผู้นำของเมืองแกลดสโตนถูกสังหารไปหมดแล้ว กองกำลังทั้งหมด 2000 กว่าคนที่เฝ้าระวังเมืองนี้ก็เป็นเพียงแค่พวกที่ไร้ประโยชน์ รีบเข้าโจมตีเมืองเดี๋ยวนี้เลย!”

 

มันมีนักรบ 20000 คนและมันเองก็เป็นนักรบเลเวล 6 ที่ทรงพลัง และมันยังได้รับความช่วยเหลือจากเหล่าแม่ทัพอีก ซึ่งแต่ละคนต่างก็แข็งแกร่งกันทั้งนั้น นักรบในเมืองแกลดสโตนต้องถูกกวาดล้าง พวกที่ปกป้องเมืองทั้ง 2000 คนก็เป็นแค่ทหารทั่วไป จะมีใครหยุด ลอร์ดกับแม่ทัพของมันได้ถ้ามันใช้กำลังเข้ายึดเมือง?

 

ด้วยความแข็งแกร่งของทหารของมันทำให้ ลอร์ด มีความมั่นใจว่ามันจะสามารถยึดเมืองแกลดสโตนได้ก่อนที่กองหนุนจะมาถึง

 

แล้วพอถึงเวลานั้น, มันก็จะสามารถป้องกันเมืองแกลดสโตนจากพวกพันธมิตรของแกลดสโตน, พวกทหารจากป้อมปราการแบล็คไอรอนตอนที่พวกเขามาถึง มันจะได้รับการยกย่องท่ามกลางเหล่าดาร์กเอลฟ์ในตอนที่ทำพิธีบูชายัญในเมืองเสร็จสมบูรณ์!

 

“ท่านจอมพลครับ ผมว่ามันค่อนข้างเสี่ยงนะ ถ้า…” แม่ทัพคนหนึ่งแนะนำ

 

ถ้าพวกมันไม่สามารถยึดเมืองได้ก่อนที่กองหนุนมาถึง พวกมันจะตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง

 

“แกกล้าตั้งคำถามกับข้างั้นเหรอ!” ลอร์ด ตะโกน มันจ้องไปที่นายพลด้วยตาสีแดงก่ำ

 

ในหมู่พวกดาร์กเอลฟ์ พวกที่แข็งแกร่งกว่าย่อมได้รับการเคารพ แม่ทัพถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว “ไม่แน่นอนอยู่แล้วครับ ท่านจอมพล คำพูดของท่านคือคำสั่งของผม!”

 

ลอร์ด ถอนหายใจอย่างเยือกเย็นและออกคำสั่ง พวกดาร์กเอลฟ์เริ่มเร่งฝีเท้าขึ้น

 

ในทางตะวันออก

 

กองทัพกำทัพกำลังรีบเร่งขึ้นเหนือให้เร็วที่สุดเท่าที่พวกเขาจะสามารถทำได้ผ่านทางถนนหลัก โดยมีจอมพล อัลลองส์ ผู้พิทักษ์แห่งป้อมปราการแบล็กไอรอนเป็นคนนำทัพมา

 

อัลลองส์ ก็เป็นนักรบเลเวล 6 เช่นกัน เขานำกองทัพออกมาทันทีที่ได้ยินข่าวว่าค่าย MI3 ที่เมืองแกลดสโตนขอความช่วยเหลือ

 

ที่ป้อมปราการแบล็กไอรอนมีทหารประจำการอยู่ทั้งหมด 15000 คน เขาได้นำคนมา10000คนและทิ้งที่เหลือไว้ดูแลค่ายภายใต้การดูแลของมือขวาของเขา

 

จากรายงาน อัลลองส์ รู้ว่าสถานการณ์เร่งด่วนมาก แล้วเขาก็ส่งข่าวไปยังเมืองหลวงด้วย เขาเชื่อว่าเขาสามารถปกป้องเมืองได้ ถ้าเขาสามารถเข้าไปในเมืองได้ก่อนพวกดาร์กเอลฟ์

 

ถ้าเขายื้อไว้ได้ซักพัก จนกองทัพจากเมืองหลวงมา พวกดาร์กเอลฟ์ก็จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถอยทัพหรือยอมถูกฆ่า

 

“เร็วเข้า เร็วเข้า!” อัลลองส์ ตะโกน

 

เวลาคือกุญแจสำคัญในสถานการณ์เช่นนี้ แต่ละวินาทีที่ผ่านไปจะส่งผลถึงผลลัพธ์ของการต่อสู้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการที่แกลดสโตนตกไปอยู่กับกองทัพของพวกดาร์กเอลฟ์ หรือการที่พวกเขา, ป้อมปราการแบล็กไอรอนสามารถปกป้องประชาชนของราชอาณาจักรนอร์ตันและเอาชนะพวกเอลฟ์นอกคอกได้—ทุกๆอย่างล้วนขึ้นอยู่กับว่าใครเข้ามาในเมืองก่อน

 

ฟิ้ว ฟิ้ว เสียงลมพัดรุนแรงบนท้องฟ้า มันคือกองทัพกริฟฟอนที่เป็นกองกำลังพิเศษของป้อมปราการแบล็กไอรอน กริฟฟิน 15 ตัวบินเป็นรูปตัวVอยู่บนท้องฟ้า นักเวทย์ ออสมิว นั่งอยู่บนกริฟฟินตัวหน้าสุด คทาของเขาเปล่งแสงเรืองๆ นำพาฝูงไปสู่แกลดสโตน

 

ออสมิว นักเวทย์เลเวล 3 ที่เชี่ยวชาญในเวทย์ธาตุ เขาเป็นแบทเทิลเมจจากสภาม่วงที่ประจำการอยู่ในค่ายเหล็กดำ ปกติกริฟฟินไม่ถนัดในการต่อสู้กลางคืน แต่ภายใต้การชี้นำของแสงจากคทาของ ออสมิว เจ้าสัตว์ร้ายตัวใหญ่ก็ได้พานักรบที่แข็งแกร่งทั้ง 15 คนมุ่งตรงไปทางเป้าหมายของพวกเขา คนเหล่านี้คือนักรบที่ถูกเลือกจากท่ามกลางกองกำลังของป้อมปราการแบล็คไอรอนเพื่อทำภารกิจเสี่ยงตาย

 

พวกกริฟฟินจะส่งนักรบเข้าไปในแกลดสโตนเพื่อให้ช่วยรักษาสภาพปัจจุบันของเมืองและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้แกลดสโตนตกอยู่ในมือของกองทัพดาร์กเอลฟ์ช้าที่สุด

 

ภารกิจนี้เป็นภารกิจที่เสี่ยงอันตรายเป็นพิเศษและมีโอกาสรอดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นั่นคือเหตุผลที่สมาชิกแต่ละคนของภารกิจฆ่าตัวตายนี้จึงเป็นนักรบที่มีเลเวลอย่างน้อย 3 และคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาก็คือ มิ้งซ์ นักรบเลเวล 4 ซึ่งเป็นนายทหารระดับพันตรีในป้อมปราการแบล็กไอรอน และเขาก็ยังมีสถานะอื่นอีก เขาเป็นน้องชายของลอร์ด เดอริค, เอิร์ลแห่งประเทสเมเปิลที่อยู่ทางฝั่งตะวันออก และตัวเขาก็เป็นอัศวินแห่งราชอาณาจักร

 

สำหรับนักเวทย์ ออสมิว เขาจะไม่เข้าร่วมการต่อสู้ เว้นเสียแต่ว่าจะเจอนักเวทย์ฝ่ายศัตรู และถ้าไม่เจอเขาก็จะออกจากเมืองแกลดสโตนหลังจากนำทางกริฟฟินไปถึงที่นั่น

 

ไม่มีใครสามารถบังคับให้เขาเข้าร่วมการต่อสู้ได้เนื่องจากนักเวทย์นั้นมีอยู่น้อยมาก พวกเขามีค่ามากเกินกว่าที่จะใช้ในการต่อสู้ตามปกติเช่นนี้ งานหยาบๆแบบนี้มีไว้สำหรับพวกนักรบ

 

กริฟฟินบินเร็วมาก เมืองแกลดสโตนอยู่ในระยะสายตาของพวกเขาแล้ว พวกเขาน่าจะถึงในอีกครึ่งชั่วโมงนี้

 

จากฟากฟ้าพวกเขามองเห็นการ์ดเดินลาดตระเว็นอยู่ที่กำแพงฝั่งตะวันออกที่มีแสงไฟสดใส และทางทิศเหนือก็มีเงาสีดำกำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ๆ

 

ข่าวดีคือเมืองแกลดสโตนยังไม่โดนยึด และก็ได้เตรียมการป้องกันไว้ระดับนึงแล้วด้วย ข่าวร้ายคือกองทัพดาร์กเอลฟ์เคลื่อนพลมาถึงแล้ว

 

นักเวทย์ ออสมิว ค่อยๆร่อนลงอย่างช้าๆจนอยู่ประมาณ 300 ฟุตจากเมือง จากนั้นเขาก็ร่ายเวทย์ใส่พื้น

 

กริฟฟินบินลงตามแสงไฟนำทาง และ ออสมิว ก็ได้เคลือบนักรบที่ผ่านเขาไปด้วยเวทย์ป้องกัน เกราะหิน ทีละคนๆ

 

เกราะหิน

เวทย์ป้องกันเลเวล2

ผล:เกราะดินอันหนาแน่นและแข็งแกร่ง เกราะเวทมนต์อันทนทาน มันสามารถป้องกันการโจมตีกายภาพได้เป็นอย่างดี

 

เวทย์ทำงานอย่างต่อเนื่อง ชั้นหนาของแสงสีเหลืองปรากฏตัวขึ้นที่นักรบที่ทรงพลังทั้ง 15 คน แสงมีความหนาแน่นมากจนดูเหมือนกับชั้นของผลึกสีเหลือง

 

หลังจากที่ร่ายเวทย์เลเวล 2 ไปมากกว่า 14 ครั้ง ออสมิว ก็ได้ใช้มานาของเขาไปมากกว่าครึ่ง “มิ้งซ์การต่อสู้หลังจากนี้ฝากเจ้าด้วย!” เขาตะโกน

 

“ไม่ต้องห่วง!” มิ้งซ์พูดและเขาหยิบโล่ที่ติดอยู่ที่หลังเขาออกมาพร้อมกับวิ่งไปที่กำแพงเมือง

 

ออสมิว มอง มิ้งซ์ วิ่งหายไป จากนั้นเขาก็ออกจากเมืองแกลดสโตนไปที่ป้อมปราการแบล็กไอรอน พร้อมกับกริฟฟินอีก14ตัว

 

เขาทำภารกิจของเขาสำเร็จแล้ว นั่นก็คือการส่งทีมพลีชีพมาให้ถึงจุดหมาย

 

ในเวลาเดียวกันนั้น ลิงค์ กับ เซลีน ก็มาถึงสถาบันเวทมนต์ระดับต้นเฟลมมิ่ง

 

คนเราจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วได้ยังไงในโลกแห่งฟิรุแมน? เครื่องมือ ยา และบัพ

 

ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถหาได้ในสถาบันเวทมนต์ และเขามาที่นี่เพื่อที่จะเอาพลังนั้น

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset