Advent of the Archmage – ตอนที่ 224: แมวกับหนู

“มีคนกำลังเข้ามา!”

 

ด้านหลังพุ่มไม้หนาทึบ ดาร์กเอลฟ์ไสยเวทย์(กลู)ได้โผล่หัวกับจมูกออกมา

 

“มีกลิ่นเลือดรุนแรงมาก…” ดาร์กเอลฟ์รายงาน “มีเลือดของพวกมนุษย์..แล้วก็เลือดพรรคพวกของเรา…แล้วก็มีกลิ่นเหม็นสาปของเทพแห่งแสงเลวทรามนั่นด้วย ”

 

พุ่มหญ้าที่อยู่ข้างๆเขาสั่นไหว และก็มีดาร์กเอลฟ์ไสยเวทย์อีกคนโผล่ออกมา

 

“ดาร์โค่, พรรคพวกของเราต้องบาดเจ็บอยู่แน่ๆ” เขาพูด “พวกเราต้องไปช่วยพวกเขา”

 

หลังจากที่พูด ดาร์กเอลฟ์ไสยเวทย์ก็รีบเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

 

คนที่ชื่อว่าดาร์โค่รู้สึกลังเลอยู่พักนึง ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาคงจะตามหลังพรรคพวกของเขาไปโดยไม่มีการหยุดชะงัก แต่ในตอนนี้   มีกลิ่นเลือดคลุ้งอยู่เต็มอากาศทำให้เขารู้สึกถึงลางที่ไม่ดี จากนั้นก็มีเสียงดังมาจากด้านหลังของเขา มันคือพรรคพวกดาร์กเอลฟ์ไสยเวทย์อีกคนที่รีบตามดาร์กเอลฟ์คนแรกมา เขารู้สึกแปลกใจที่เห็นดาร์โค่ยืนอยู่นิ่งๆไม่ขยับไปไหน

 

“ดาร์โค่ เจ้ามัวรออะไรอยู่?” เขาถาม “ไปกันเถอะ!”

 

พอเขาพูดจบ ก็มีดาร์กเอลฟ์ไสยเวทย์ออกมาอีกคนนึง เขาไม่พูดอะไร แต่เขามองไปที่ดาร์โค่ด้วยความสับสน ในสายตาของเขาดูเหมือนว่าจะมีถามคำถามเดียวกันกับดาร์กเอลฟ์คนก่อนหน้านี้

 

ดาร์โค่ถอนหายใจและเริ่มตามพรรคพวกของเขาไปอย่างลังเล

 

ดาร์กเอลฟ์ไสยเวทย์ทั้งสี่วิ่งผ่านป่าแบล็คฟอเรสอย่างป่าเถื่อน ความเร็วของพวกเขานั้นดุจดั่งสายฟ้า และเสียงฝีเท้าของพวกเขาก็เงียบมากๆ ไม่ว่าที่ไหนที่พวกเขาไป นกและสัตว์อื่นๆจะเงียบในขณะที่แมลงกับพวกงูจะหลบเลี่ยงพวกเขา

 

ครึ่งนาทีต่อมา ในที่สุดพวกเขาก็ลดความเร็วลง กลิ่นเลือดในอากาศนั้นชัดเจนมาก ไม่ไกลจากที่นั่นมาก พวกเขาเห็นศพของมนุษย์มากมายนอนเกลื่อนอยู่ที่พื้น

 

“ตอนนี้พวกเราอยู่ใกล้สนามรบแล้ว” หนึ่งในพวกเขาพูด “ข้าเห็นแต่ศพของมนุษย์ มีพวกเจ้าคนไหนเห็นร่างของพรรคพวกเรามั้ย?”

 

“ไม่”

 

“ข้าก็เช่นกัน”

 

ในที่สุดดาร์โค่ก็ตามพวกเขาทัน และเขาก็ตรวจสอบศพด้วยความระมัดระวังมากกว่าคนอื่น เขาซ่อนอยู่ในจุดที่ซ่อนเร้นมากที่สุดและสังเกตุการณ์เป็นเวลา 2 นาที จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่จุดๆหนึ่ง

 

“ดูตรงนั้นสิ!”เขาพูด

 

ดาร์กเอลฟ์ทั้งสามคนมองไปยังจุดที่ดาร์โค่ชี้แล้วเห็นลำไส้กองนึงอยู่บนกิ่งไม้ เมื่อตัดสินจากกลิ่นของมันแล้ว มันเป็นของพรรคพวกของพวกเขา

 

สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดในทันทีที่พวกเขาเข้าใจสิ่งที่พวกเขาเห็น

 

ไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม ถ้าเกิดว่าโดนเอาไส้ในออกมาแบบนี้หล่ะก็ มันก็หมายความได้อย่างเดียวว่าพรรคพวกของเขาจะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าเขาอาจจะยังไม่ตาย แต่เขาก็ไม่มีทางต่อสู้ได้อีกแล้ว

 

“ไอพวกมนุษย์เลวนั่นจะต้องแบกร่างของทหารคนนี้ไปแน่ๆ” หนึ่งในพวกเขาตะโกน “พวกเราจะต้องไล่ตามพวกมันไปและบดขยี้พวกมันซะ!”

 

“เดี๋ยว ใจเย็นก่อน” ดาร์โค่กระซิบ “ข้าสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ”

 

“แต่พวกเราปล่อยให้ร่างของทหารของพวกเราตกไปอยู่ในมือของมนุษย์ไม่ได้นะ!” ดาร์กเอลฟ์อีกคนพูดโพล่งขึ้นมาในขณะที่หันมามองดาร์โค่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความดูถูก “นั่นเป็นคำสั่งของหัวหน้าใหญ่!”

 

“นายกลัวงั้นหรอ ดาร์โค่?” ดาร์กเอลฟ์ถามด้วยความสงสัย

 

“ไม่ได้กลัว” ดาร์โค่ตอบ “แต่ข้ารู้สึกว่าพวกเราควรระวังตัวให้มากกว่านี้…” ความสงสัยในสายตาของพรรคพวกของเขานั้นทำให้ดาร์โค่ลำบากใจที่จะพูดต่อ เขาไม่สามารถปฏิเสธลางสังหรณ์แปลกๆอันรุนแรงที่เขาสัมผัสได้ แต่เขาก็ไม่สามารถบอกได้ว่ามีอะไรที่ผิดปกติ

 

จากนั้นพรรคพวกของเขาก็หมดความอดทนกับความเฉื่อยชาของเขา

 

“ความจริงมันก็เห็นอยู่ชัดๆแล้วนี่ ดาร์โค่” ดาร์กเอลฟ์ที่อยู่ข้างเขาเริ่มพูดอย่างหนาวเหน็บ “ทหารของพวกเราพบหน่วยลาดตระเวนของมนุษย์ และพวกเขาก็พ่ายแพ้เพราะว่าพวกมนุษย์มันมีเยอะเกินไป สิ่งที่พวกเราควรทำในตอนนี้ก็คือการแก้แค้น!”

 

ดาร์กเอลฟ์ที่พึ่งพูดไปเมื่อสักครู่นั้นแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งสี่คน หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นและโบกมือให้กับคนอื่นๆ

 

“ไปกันเถอะ” เขาพูด “พวกเราต้องเร่งความเร็วและฆ่ามนุษย์ทุกคนไม่ให้เหลือ!”

 

เขาเป็นคนแรกที่พุ่งไปข้างหน้า จากนั้นอีกสองคนก็ตามเขาไปโดยไม่มีความลังเล ดาร์โค่ไม่มีทางเลือกอื่น ดังนั้นในที่สุดเขาก็ต้องตามหลังพวกนั้นไป ดาร์กเอลฟ์ทั้งสี่นั้นไม่คิดว่าจะมีการลอบโจมตีรอพวกเขาอยู่ข้างหน้า ดังนั้นพวกเขาจึงแค่ตามกลิ่นที่อยู่ในอากาศและร่องรอยของมนุษย์

 

3 วินาทีต่อมาดาร์กเอลฟ์คนแรกก็มาถึงสนามรบและพบกับศพมนุษย์อีกคนนึง เขากระทืบหัวกะโหลกของศพให้แตกเป็นเสี่ยงๆในทันที วินาทีต่อมา ดาร์กเอลฟ์อีกสองคนก็มาถึง จากนั้นดาร์โค่เองก็มาถึงเช่นกัน พวกเขากระตือรือร้นในการไล่จับหน่วยลาดตระเวนมนุษย์มาก ดังนั้นพวกเขาจึงเร่งความเร็วขึ้นไปอีก โดยที่ไม่สงสัยเลยแม้แต่นิดเดียวว่าอาจจะมีกับดักรอพวกเขาอยู่ข้างหน้า

 

ทันใดนั้นเอง พวกเขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้นในอากาศ ในตอนที่พวกดาร์กเอลฟ์ทั้งสามพุ่งไปข้างหน้า ก็มีคลื่นโปร่งแสงปรากฏขึ้นในอากาศ  คลื่นพวกนั้นไม่ได้ปกคลุมพื้นที่ใหญ่มาก แต่มันก็ใหญ่พอที่จะคลุมดาร์กเอลฟ์ทั้งสี่ให้อยู่ในสนามพลังรูปแบบฟองได้

 

ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากทำให้พวกเขาทุกคนไม่สามารถตอบโต้ได้ทันเวลา

 

ในชั่วพริบตา ดาร์กเอลฟ์ทั้งสี่ก็รู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาถูกผลักโดยพลังปริศนา เพราะว่าพวกเขาเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ร่างกายของพวกเขาจึงใช้เวลาประมาณ 75% อยู่กลางอากาศ และในตอนที่สนามพลังโปร่งแสงปรากฏขึ้นมา มันก็ได้จับพวกเขาเอาไว้กลางอากาศ

 

ซึ่งผลก็คือ พวกเขาทั้งสามถูกจับไว้โดยไม่มีการป้องกันอะไรเลย แม้ว่าแรงผลักนั้นจะไม่ได้แรงมาก แต่มันก็มากพอที่จะทำให้พวกเขาเสียสมดุลได้ มีเพียงดาร์โค่คนเดียวที่หลบกับดักได้ ในตอนที่สนามพลังปรากฏขึ้น เท้าของเขานั้นอยู่ติดกับพื้น ดังนั้นเขาจึงมีเวลามากพอที่จะก้มลงและสร้างความมั่นคงให้ตัวเอง สนามพลังนั้นไม่ได้รุนแรงมาก และเขาก็มีความแข็งแกร่งอยู่ที่เลเวล 6 อยู่ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่เขาสามารถหลบการโจมตีนี้ได้อย่างง่ายดาย

 

“ระวังด้วย มันคือกับดัก!” เขาตะโกนในทันที

 

หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความตกใจในตอนที่เขาตะโกนเตือน หลังจากที่ได้รับพรจากสตรีแห่งความมืด  พวกเขาก็ใกล้เคียงกับคำว่าอมตะ ภายในป่าพวกเขาเป็นคนโจมตีมนุษย์อยู่ฝ่ายเดียวมาตลอด แต่ในตอนนี้สถานการณ์ได้กลับตาลปัตรแล้ว เขาอดสงสัยไม่ได้ว่ามีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติเอามากๆ

 

ตุบ! ตุบ! ตุบ!

 

ดาร์กเอลฟ์ทั้งสามกระเด็นออกมาและกระแทกเข้ากับต้นไม้ แรงกระแทกนั้นไม่ได้แรงมาก มันไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนบนผิวหนังเลยด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็รู้สึกอารมณ์เสียที่มาติดกับดักง่ายๆแบบนี้

 

“บ้าเอ้ย นี่มันกับดักของนักเวทย์!” หนึ่งในพวกเขาพูด

 

“ออกมานะ ไอเวร! ข้าจะฉีกเจ้าให้เป็นชิ้นๆเลย!”

 

“ข้าเกลียดนักเวทย์ที่สุด! พวกมันอ่อนแอ และพวกมันก็ชอบใช้วิธีสกปรก!”

 

ระหว่างที่พวกเขากำลังร่วง ดาร์กเอลฟ์ไสยเวทย์ทั้งสามคนนี้ไม่รู้สึกตัวเลยว่าพวกเขากำลังอยู่ในอันตรายที่มากยิ่งกว่าเดิม แต่พวกเขากลับโกรธขึ้น พอพวกเขาลงมาถึงพื้นและกำลังจะลุกขึ้นยืน พวกเขาก็โดนการโจมตีเข้าไปอีกชุดนึง!

 

แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก!

 

จู่ๆก็มีเสียงแปลกๆดังขึ้นในป่าที่เงียบสงบ ในเวลาต่อมา ตาข่ายสีเงินที่ทำมาจากธาตุเงินศักดิ์สิทธ์ก็ปรากฏขึ้น ตาข่ายพวกนี้ได้จับดาร์กเอลฟ์ไสยเวทย์ทั้งสามเอาไว้ ด้วยความที่สมดุลของพวกเขายังไม่ได้ฟื้นฟูกลับมา; ทำให้พวกเขาไม่สามารถหนีได้

 

จากนั้นก็มีเสียงเหล็กแทงทะลุเนื้อดังขึ้นและตามด้วยเสียงร้องของดาร์กเอลฟ์ทั้งสาม กูลที่สมควรจะเป็นอมตะพวกนี้ส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด มันดังมากจนทำให้ใบไม้สั่นสะเทือน

 

เกราะหนาของพวกเขา ผิวหนังหนาๆของพวกเขา และกล้ามเนื้อของพวกเขาได้ดูดซับแรงกระแทกจากลูกธนูที่พุ่งทะลุผิวหนังของพวกเขา ปกป้องพวกเขาไม่ให้โดนอวัยวะสำคัญ ยังไงก็ตาม ลูกศรพวกนี้ก็ยังสร้างความเจ็บปวดในระดับผึ้งต่อยได้!

 

“โอ้ย! ไอ้พวกมนุษย์เวร! ฆ่ามัน! ฆ่ามัน!”

 

 

ดาร์กเอลฟ์ทั้งสามยังสามารถขยับได้เล็กน้อย พวกเขาสังเกตเห็นว่าผู้โจมตีนั้นอยู่ในพุ่มไม้ และพวกเขาก็พยายามที่จะดึงธนูออกจากตัวของพวกเขาพร้อมกับตระโกนด่าผู้โจมตีไปด้วย แต่ว่า ยังไงซะพวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บ บาดแผลของพวกเขานั้นค่อนข้างลึกเพราะว่าธนูพวกนี้มีพิษและดูเหมือนว่าจะฝังแน่นอยู่ในร่างกายของพวกเขา

 

ในตอนนี้ความเร็วในการวิ่งของพวกเขาลดลงอย่างมาก มันไม่ใช่ความเร็วที่ไม่มีใครสามารถซ่อนจากมันได้อีกแล้ว

 

“ยิง!” แอนนี่ตะโกน

 

ผลของการโจมตีนี้ประสบความสำเร็จจนน่าตกใจ  มันสร้างความมั่นใจให้กับหน่วยลาดตระเวนเป็นอย่างมาก พวกเขาแต่ละคนมีหน้าไม้คนละ 2 คัน  และได้ยิงไปแล้ว1 คัน จากนั้นพวกเขาก็ยิงมันด้วยหน้าไม้อีกคันและตาข่ายเงินก็ปรากฏขึ้นแล้วพุ่งไปหาดาร์กเอลฟ์อีกครั้ง

 

หนึ่งในพวกดาร์กเอลฟ์สะดุดในตอนที่เขาพยายามหลบตาข่ายและลูกศรก็ได้พุ่งตรงเข้าไปในดวงตาของเขา เจาะทะลุเข้าไปในกระโหลกเขาประมาณ 5 นิ้ว

 

เสียงกรีดร้องดังออกมาจากปากของดาร์กเอลฟ์คนนั้น แต่มันก็หยุดไปในทันทีที่เขาล้มลงกับพื้น ถึงแม้ว่าตัวเขาจะยังกระตุกอยู่, แต่มันก็เห็นได้ชัดเลยว่าเขาหมดสติไปแล้ว

 

ดาร์โค่รู้สึกหวาดกลัวเมื่อได้เห็นพรรคพวกของเขากำลังเจ็บปวดและล้มตาย เขาเป็นคนเดียวที่หนีจากการลอบโจมตีมาได้โดยไร้รอยขีดข่วน เขาตะโกนด้วยความโกรธและพุ่งไปหาหน่วยลาดตระเวนที่อยู่ใกล้เขามากที่สุด

 

เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นพละกำลังของเขายังคงเต็มเปี่ยม เขาพุ่งไปด้วยความเร็วสูงสุด ในสายตาของนักฆ่าเลเวล 4  เขาคงถูกมองเห็นเป็นภาพเงาจางๆ

 

ในอดีต กูลสามารถฆ่าหน่วยลาดตระเวนเผ่ามนุษย์ 8 คนได้อย่างง่ายดาย ภายในเวลาครึ่งนาที

 

แต่ในครั้งนี้ สถานการณ์มันต่างออกไป

 

ในจังหวะที่ดาร์โค่ก้าวออกมาและร่างกายของเขาอยู่บนอากาศด้วยความเร็วสูง คลื่นโปร่งแสงก็ได้ปรากฏขึ้นในอากาศด้านหน้าของเขาและผลักร่างกายของเขาไปข้างหน้า ดาร์โค่เสียสมดุลในทันทีและลอยไปข้างหน้า แม้ว่ามันจะไม่ได้แรงมาก แต่มันก็เกิดขึ้นถูกจังหวะ ทำให้ดาร์โค่ติดกับดักเข้าเต็มๆ

 

เสี้ยววินาทีต่อมา ตอนที่ดาร์โค่ตกถึงพื้น เขาก็ได้เรียนรู้จากเพื่อนของเขาว่าอย่ารีบลุกขึ้น กลับกันเขากลิ้งอยู่บนพื้นไปจนถึงข้างหลังต้นไม้แล้วจากนั้นเขาค่อยลุกขึ้น

 

ใบหน้าของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยความกลัว

 

เขาเห็นว่าที่ด้านหลังของหน่วยลาดตระเวนว่านั้นมีนักเวทย์ที่แข็งแกร่งซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดของป่า! เลเวลของนักเวทย์นั้นอาจจะไม่สูงมาก แต่ว่าความสามารถในการหาจังหวะที่เหมาะสมในการโจมตีนั้นน่ากลัวมากๆ ถ้ามีเขาอยู่ ความเร็วดุจสายฟ้าที่เป็นจุดเด่นที่สุดของพวกเขาก็ไร้ประโยชน์

 

ดาร์โค่ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้เป็นเวลาพักนึง ไม่กล้าที่จะขยับหรือโจมตีพวกหน่วยลาดตระเวน แต่ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่ขยับ แล้วหมายความว่าหน่วยลาดตระเวณจะอยู่เฉยๆไม่ทำอะไรเลย

 

เขายืนได้เพียงแค่ 2 วินาทีเท่านั้นก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงร้องของพรรคพวกของเขาอีกครั้ง เขาหันไปดูอย่างรวดเร็วและเห็นหนึ่งในพวกของเขามีรูใหญ่เบอเร่ออยู่ที่หน้าอกของเขาและมันก็เต็มไปด้วยของเหลวสีเงิน ดาร์กเอลฟ์คนนั้นดิ้นรนอย่างมากในการที่จะเอาของเหลวสีเงินออกจากหน้าอกและดิ้นอยู่ที่พื้นอย่างรุนแรง มันเป็นภาพที่น่าหวาดกลัวจริงๆ

 

ตั้งแต่ที่เขาได้รับพรจากพระเจ้า ดาร์โค่ก็ไม่เคยรู้สึกกลัวอีกเลย แต่ในตอนนี้ เขารู้สึกกลัวหัวหด

 

กลยุทธ์อันซับซ้อน นักเวทย์ที่ซ่อนตัวอยู่ หน่วยลาดตระเวนที่ไร้ซึ่งความกลัว – สิ่งเหล่านี้ทำให้ความกล้าของดาร์โค่หายไป ด้วยเสียงถอนหายใจอย่างเศร้าโศก เขาหันหลังกลับและหนีออกจากสนามรบให้ไวที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ เขาสู้กับพวกนั้นไม่ได้; เขาจะต้องหนีและไปรายงานเรื่องนี้ให้กับหัวหน้าของพวกเขา!

 

ยังไงก็ตาม เขาวิ่งไปได้แค่ไม่กี่ก้าวก่อนที่สนามพลังจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่สิ่งที่น่าตกใจก็คือดาร์โค่คาดเอาไว้แล้วและเตรียมตัวรับมัน แต่ว่าเขาก็ยังโดนสนามพลังกระแทกใส่อยู่ดี

 

ปัง!

 

ดราโค่กระเด็นไปในอากาศ

 

เขาไม่ได้ยอมแพ้และลุกขึ้นมาเริ่มวิ่งอีกครั้ง แต่แล้วสนามพลังก็ปรากฏขึ้นมาและทำให้เขาติดอีกครั้ง  ดาร์โค่ลุกขึ้นและวิ่งอีกครั้ง;แล้วเขาก็ล้มลงอีก เขาลุกขึ้นมาอีกครั้งและวิ่งและก็ล้มอีกครั้ง เขาเหมือนกับหนูที่วิ่งอยู่ในอุ้งมือของแมว ไม่ว่าเขาจะพยายามหนีแค่ไหน เขาก็ทำไม่สำเร็จ ไม่ว่าเขาจะพยายามหลบหรือซ่อนตัว หรือคลานลงกับพื้นเพื่อหลบหนี  มันก็ไม่ได้ผล เมื่อไหร่ที่เขาออกแรงพยายามที่จะหลบหนีคู่ต่อสู้ก็จะสามารถขัดขวางการเคลื่อนไหวของเขาได้เสมอ!

 

พูดสั้นๆก็คือ เขาถูกคู่ต่อสู้ให้ความเมตตาอย่างเต็มที่

 

หลังจากความพยายามครั้งที่ 30 ดาร์โค่ก็ล้มลงกับพื้นไม่ขยับ เขาไม่ได้รับบาดเจ็บหรือว่าเหนื่อย เขาเพียงแค่ยอมแพ้และยอมรับชะตากรรมของเขา

 

มีนักเวทย์ที่เก่งเกจขนาดนี้อยู่บนโลกได้ยังไงกัน? ดาร์โค่สงสัยด้วยความกลัวอย่างเต็มที่

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset