Advent of the Archmage – ตอนที่ 236: แบล็คฟอเรสอื่น

ในป่าแบล็คฟอเรสของอาณาจักรวิญญาณ มีแสงสลัวๆ และต้นไม้ก็เรืองแสงจางๆ เมื่อมองจากระยะไกลๆทุกอย่างนั้นจะรวมตัวกันเป็นหมอกอันยุ่งเหยิงทำให้ไม่มีทางที่จะมองอะไรอย่างชัดๆได้เลย

 

หลังจากที่ได้ฟังสิ่งที่เฟลิน่าพูด ทุกคนก็หยุดเดินและมองไปรอบๆอย่างสงสัย

 

พอผู้คนเริ่มแตกตื่น ก็มีเสียงแปลกๆดังขึ้นมาจากที่ไหนก็ไม่รู้

 

“หึหึ…หึหึหึ…555555…”

 

เสียงเหมือนกับมีใครบางคนกำลังหัวเราะ …และมันก็ฟังเหมือนกับว่าปีศาจที่กำลังหัวเราะนั้นกำลังยืนอยู่ข้างหลังพวกเขาเลย

 

ทุกคนต่างตกใจ และลิงค์เองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

 

พรึ่บ! แกร๊ง!

 

ทุกคนหยิบอาวุธของตัวเองออกมาและถือมันอย่างมั่นคง พวกเขายืนเป็นวงกลมโดยเอาหลังชนกันและสายตาของพวกเขาก็สอดส่องหาแหล่งที่มาของเสียงหัวเราะแปลกๆนี้

 

ลิงค์ร่ายเวทย์แสงสว่าง ถึงแม้ว่าผลของมันจะอ่อนแอมากในอาณาจักรวิญญาณก็ตาม ความสว่างของเวทย์นี้น้อยกว่าปกติถึง 10 เท่า ซึ่งมันไม่ได้สว่างไปมากกว่าแสงของหิ่งห้อยเลย

 

ลิงค์พยายามที่จะเพิ่มความสว่างโดยทุ่มสมาธิทั้งหมดของเขาลงไปในเวทมนตร์

 

สว่างขึ้นอีก! สว่างขึ้นอีกสิ! สว่างขึ้นอีก! เขาร่ายมันอยู่ภายในใจ

 

จากนั้น สิ่งแปลกๆก็เกิดขึ้น มันเหมือนกับว่าแสงได้ยินความคิดของลิงค์และสว่างขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่นานนัก แสงเวทมนตร์ก็สว่างพอที่จะส่องสว่างไปรอบๆพื้นที่ในระยะ 20 ฟุต ในระยะที่ไกลออกไป มันเหมือนกับว่าหมอกหนานั้นได้ปกคลุมทุกสิ่ง และทำให้บริเวณรอบๆกลายเป็นภาพเบลอ

 

“พวกนายเห็นอะไรบ้างไหม?” ลิงค์ถาม เขาหันซ้ายหันขวาพยายามที่จะมองหาสิ่งผิดปกติ แต่แล้ว เขาก็ไม่พบอะไรเลย

 

“ไม่ครับ”

 

“ผมก็ไม่เจอ”

 

“แปลกมาก” เฟลิน่าพูด “เมื่อสักครู่นี้ข้าเห็นมันชัดมากเลยนะ มันสูงประมาณ 7 ฟุต และมีหัวอันใหญ่โต และมันก็เคลื่อนที่ได้เร็วมากๆ”

 

“เธอมั่นใจนะว่าเธอไม่ได้คิดไปเอง?” แอนนี่ถาม

 

“นี่เจ้ากำลังสงสัยสายตาของนักรบมังกรอย่างงั้นหรอ?” เฟลิน่าตอบอย่างเยือกเย็น, ไม่พอใจกับคำถามของแอนนี่

 

ลิงค์เชื่อว่าเฟลิน่านั้นเห็นสิ่งที่เธอคิดว่าเธอเห็น

 

“เธอเห็นมันตรงไหน?” เขาถาม ถ้าเกิดว่าเป็นคนอื่นบอกว่าเจอเงาหล่ะก็ ลิงค์ก็คงจะคิดว่าพวกเขามองผิด แต่เฟลิน่านั้นเป็นนักรบเลเวล 7; มันไม่มีทางที่คนอย่างเธอจะมองผิดง่ายๆแบบนี้

 

เฟลิน่าชี้ไปยังพุ่มไม้ที่อยู่ข้างๆซึ่งมันมีความสูงมากกว่า 3 ฟุต

 

“ตรงนั้น” เธอพูด “ข้าเห็นมันยืนอยู่ตรงขอบพุ่มไม้นั่นและมองมาทางข้า ข้าเห็นมันด้วยหางตา แต่พอข้าหันไปมองมัน มันก็วิ่งหนีไปเลย”

 

ลิงค์ส่งบอลแสงไปทางพุ่มไม้ที่เฟลิน่าชี้ พื้นที่รอบๆพุ่มไม้ได้สว่างขึ้น และทุกคนก็หันไปมองมันเพื่อที่จะตรวจสอบดูรอบๆ

 

“ฉันไม่เห็นร่องรอยว่าเคยมีใครผ่านตรงนี้เลย” แอนนี่พูดหลังจากที่ผ่านไปพักนึง “แล้วพวกนายล่ะ?”

 

“ผมก็เหมือนกัน” หน่วยสอดแนมตอบ ทุกคนต่างก็ส่ายหน้า

 

เรื่องมันยิ่งแปลกเข้าไปมากขึ้นทุกที  จากคำอธิบายของเฟลิน่า สัตว์ประหลาดเงานั่นมีหัวที่ใหญ่โตและเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว มันเป็นไปไม่ได้ที่ใครบางคนที่มีลักษณะอย่างนั้นจะไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้เลย

 

“เป็นไปไม่ได้” เฟลิน่าพูดด้วยความสับสน “ข้าเห็นมันชัดมาก มันเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน?”

 

ลิงค์รู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ

 

เขาไม่รู้จะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นยังไง เขาเคยเข้าไปในอาณาจักรอื่นมาก่อนในตอนที่อยู่ในเกมเพื่อที่จะทำภารกิจบางอย่าง แต่การเดินทางทุกครั้งนั้นมันก็เป็นแค่ช่วงสั้นๆและไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย  พูดง่ายๆก็คือ เขายังไม่เคยเจออะไรที่แปลกเท่ากับสถานการณ์ที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้มาก่อน

 

เขาไม่รู้ว่าจะคาดหวังอะไรอีกแล้วในตอนนี้ สัตว์ประหลาดแบบไหนที่อยู่ในอาณาจักรนี้กันนะ? จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา? เขาไม่รู้เลย เขามีความรู้สึกว่าพวกเขากำลังถูกสิ่งมีชีวิตบางอย่างจ้องมองอยู่ แต่เขาก็ไม่รู้วิธีที่จะจัดการกับมัน

 

ถ้าพวกเขายังไปแบบนี้ต่อไป ลิงค์กลัวว่าอะไรบางอย่างที่เลวร้ายจะเกิดขึ้น

 

ลิงค์มองขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้งผ่านช่องว่างระหว่างกิ่งไม้และใบไม้ มันมืดและมีสีเทา และเขาก็สามารถรู้สึกได้ถึงแรงกดดันบางอย่างซึ่งบ่งบอกว่าอสรพิษทมิฬยังคงติดตามพวกเขาอยู่ มันอยู่ไม่ไกลมากนัก

 

สิ่งนี้ได้ทำลายการตัดสินใจของพวกเขาที่จะใช้เส้นทางนี้กลับไปยังอาณาจักรกายภาพจากที่นี่อย่างสมบูรณ์

 

“มาอยู่ใกล้ๆกันเข้าไว้เถอะ” เขาพูดหลังจากที่พิจารณาอยู่พักนึง “ดูให้ดีอย่าให้มีใครแยกกันหล่ะ เฟลิน่า คุณเดินนำหน้าสุด ผมจะเดินอยู่ด้านหลังเองแล้วก็แอนนี่ เธอกับคนอื่นที่เหลือเดินอยู่ตรงกลางนะ”

 

อาณาจักรวิญญาณอาจจะมีพลังอะไรบางอย่างที่ส่งผลต่อจิตใจ ในหมู่พวกเขา ลิงค์กับเฟลิน่ามีวิญญาณที่แข็งแกร่ง ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถต้านทานอิทธิพลจากมันได้ มันเป็นวิธีที่ฉลาดที่สุดในการให้พวกหน่วยสอดแนมยืนอยู่ตรงกลาง

 

ทุกคนพยักหน้าอย่างเงียบๆและจัดระเบียบของพวกเขา จากนั้นก็เริ่มเดินทางต่อ

 

ในระหว่างที่พวกเขาเดินลึกเข้าไปในป่าแบล็คฟอเรส ต้นไม้ก็เริ่มหนาแน่นขึ้น และป่าก็ค่อยๆมืดขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าแสงสว่างอ่อนๆที่ต้นไม้ปล่อยออกมา พวกเขาก็คงไม่เห็นแม้กระทั่งนิ้วที่ยื่นออกมาข้างหน้าตัวเองเลย

 

555555…555555555…

 

และก็เป็นอย่างที่พวกเขาคิดไว้ เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้ง และมันก็แทบจะทำให้พวกเขาหัวใจวาย

 

หลังจากนั้นไม่นาน กลุ่มสมาชิกที่อยู่ตรงกลาง ทหารสอดแนมที่ชื่อว่าอีริคก็ได้หันกลับมาและมองเข้าไปในป่าทึบและยิ้ม

 

“โอ้ แอลลี่ ลูกสาวของพ่อ…” เขาพึมพำ “ลูกยังไม่ตายหรอ! แอลลี่..”

 

เขากำลังเดินแตกกลุ่มและเข้าไปในป่าลึก

 

หน่วยสอดแนมคนอื่นรีบดึงเขากลับมาและตะโกนเรียกชื่อเขา

 

“อีริค! ตื่น!” พวกเขาตะโกน “อีริค!อีริค! มีสติหน่อยสิเว้ย!”

 

พวกเขาตบหน้าของอีริคในตอนที่พวกเขาตะโกนเรียกชื่อ แต่อีริคก็ไม่ตอบสนองพวกเขาเลยแม้แต่นิดเดียว รอยยิ้มอันน่าขนลุกยังคงอยู่ในใบหน้าของเขา; มันเหมือนกับว่าเขากำลังมีความสุขมากๆ

 

หลังจากนั้นไม่นาน ร่างกายของเขาก็ไม่ขยับอีกต่อไป จากนั้นเงาจางๆก็ได้ไหลออกมาจากร่างของเขาและลอยเข้าป่าไปอย่างรวดเร็ว หายไปจากทัศนวิสัยของพวกเขา เมื่อพวกเขามองไปที่อีริคอีกครั้ง พวกเขาก็พบว่าเขาไม่หายใจแล้ว

 

“เขาตายแล้ว” ลาร์สันพูด เขามองไปที่ลิงค์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

 

สีหน้าของหน่วยสอดแนมคนอื่นๆก็ไม่ต่างกันเลย

 

ทั่วทั้งป่าตกอยู่ในความเงียบไปพักนึง ตอนนี้อาณาจักรนี้ได้ดูน่ากลัวยิ่งกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้

 

“มันเนี่ยแหล่ะ!” เฟลิน่าตะโกนขึ้นมา “เงาดำที่ข้าเห็นก่อนหน้านี้ก็เคลื่อนที่ได้เร็วเท่ากับเงาที่ออกมาจากร่างของอีริคเลย!”

 

เสียงของเฟลิน่าทำให้แอนนี่ได้สติกลับมา จากนั้นเธอก็สังเกตุไปยังทิศทางที่เงาเคลื่อนที่ไปก่อนหน้านี้อย่างระมัดระวัง

 

“ไม่มีร่องรอยอยู่ที่พื้นเลย”แอนนี่พูด

 

“เมื่อกี๊มันคือวิญญาณของอีริครึเปล่า?”

 

“เมื่อกี๊นี้เขาพูดพึมพำชื่อของแอลลี่” เฟลิน่าพูด “ใครคือแอลลี่หรอ?”

 

“แอลลี่คือชื่อของลูกสาวของเขาที่ตายไปแล้ว” ทหารสอดแนมที่เป็นเพื่อนของอีริคตอบ “เธอตกลงไปในแม่น้ำและจมน้ำตายเพราะว่าอีริคไม่สนใจเธอ เขามักจะโทษตัวเองเสมอว่าเป็นคนทำให้เธอตาย”

 

“งั้นเมื่อกี๊ก็เป็นเสียงของแอลลี่งั้นหรอ?” เฟลิน่าถาม “หรือไม่ก็เป็นเสียงของอะไรบางอย่างที่ปลอมตัวเป็นแอลลี่เพื่อหลอกล่ออีริค?”

 

หน่วยสอดแนมมองหน้ากัน พวกเขาต่างก็จินตนาการถึงสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าในหัวของพวกเขา

 

“ข้ามีความรู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้เลย” เฟลิน่าพูดกับลิงค์ “พวกเราจะทำยังไงกันต่อดี?”

 

ตอนนี้ลิงค์ขมวดคิ้วเข้ม เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าและพบว่ามันมืดขึ้นและเต็มไปด้วยก้อนเมฆ แต่ถึงอย่างนั้น แรงกดดันที่เขาได้รับจากอสรพิษทมิฬก็ลดลงไปมากจากก่อนหน้านี้ พวกเขาน่าจะออกห่างจากอสรพิษทมิฬค่อนข้างไกลแล้ว ซึ่งนั่นทำให้ลิงค์ตัดสินใจที่จะเอาคัมภีร์ต่างมิติออกมาอีกครั้ง

 

“ผมคิดว่าพวกเราไม่ควรอยู่ที่อาณาจักรวิญญาณแห่งนี้นานเกินไป” ลิงค์พูด

 

จากนั้นเขาก็ส่งมานาไปที่คัมภีร์ และออร่าลึกลับก็พุ่งออกมาจากคัมภีร์และกระจายออกไปรอบๆ จากนั้น มันก็เหมือนกับหมึกที่หยดลงไปในแก้วน้ำ โลกนั้นสว่างขึ้นในทันที และสภาพแวดล้อมรอบๆก็มีสีสันมากขึ้น หิมะสีขาวปรากฏขึ้น และลมหนาวก็เริ่มที่จะพัดผ่านอากาศ

 

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าพวกเขายังอยู่ในดินแดนของดาร์กเอลฟ์และยังคงถูกคนที่มีอุปกรณ์ระดับเทพเจ้าตามล่า แต่ภาพของอาณาจักรอันคุ้นเคยนี้ก็ทำให้ทุกคนโล่งใจ

 

“โอ้ เทพแห่งแสง!” หนึ่งในหน่วยสอดแนมตะโกนออกมา “พวกเราได้เข้ามายังสุสานของพวกดาร์กเอลฟ์”

 

ด้วยความที่อยู่ในช่วงสงคราม สุสานของพวกดาร์กเอลฟ์จึงมีศพจำนวนมหาศาลที่ถูกทิ้งไว้ให้เน่าเปื่อย บางคนก็เป็นมนุษย์บางคนก็เป็นดาร์กเอลฟ์ ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่ห้อยอยู่บนต้นไม้ก็คือทหารชาวมนุษย์ที่ถูกประหาร

 

ลมกรรโชกพัดผ่านเข้ามา และมันก็นำกลิ่นอันเน่าเหม็นของศพที่เน่าเปื่อยลอยมาด้วย

 

“นี่เป็นสถานที่ต้องสาป!” เฟลิน่าอุทนด้วยใบหน้าอันบึ้งตึง “ออกไปจากที่นี่กันเถอะ!”

 

โดยปกแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ในสถานที่แบบนี้นานๆอยู่แล้ว หลังจากที่หาทิศทางที่ถูกต้องได้ พวกเขาก็เริ่มเดินทางลงใต้กันต่อ ยังไงก็ตาม ไม่นานหลังจากนั้น  เฟลิน่าก็เอียงหัวของเธอเหมือนกับว่าเธอกำลังฟังเสียงในอากาศอย่างระมัดระวัง

 

“ลิงค์ ฟังสิ!” เธอกระซิบ “มีคนกำลังไล่ตามเรามา พวกมันเร็วมากๆและดูจากเสียงฝีเท้าของพวกมันแล้ว ข้าคิดว่าพวกมันน่าจะมีกันประมาณ 30 คนนะ”

 

ลิงค์ร่ายเวทย์หูชะมดใส่ตัวเองและเงี่ยหูฟังเช่นกัน วินาทีต่อมา เขาก็หันกลับมาหาเฟลิน่าและคนอื่นๆพร้อมกับขมวดคิ้ว

 

“แย่แล้ว” เขาพูด “ฟังจากเสียงฝีเท้าของพวกมัน พวกมันน่าจะเป็นกูลทั้งหมดเลย มีปีศาจแบทเทิลเมจอยู่กับพวกมันด้วย พวกมันต้องเจอพวกเราแล้วแน่ๆ ฉันคิดว่านายหญิงของป้อมโครงกระดูกก็น่าจะอยู่กับพวกมันด้วยนะ”

 

ความจำที่โดดเด่นของลิงค์นั้นทำให้เขาสามารถจดจำคนๆนั้นได้หลังจากที่ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนๆนั้นเพียงแค่ครั้งเดียว นี่คือวิธีที่เขารู้ว่าปีศาจนั้นคือตนเดียวกับที่ได้ถอยหนีไปในตอนที่เขาอยู่ใกล้กับป้อมโครงกระดูก แม้ว่าเขาจะไม่ใช่นักสู้ที่กล้าหาญ แต่ปีศาจนั้นก็ยังมีเลเวล7 ดังนั้นเขาจะดูถูกมันไม่ได้

 

“พวกเราอยู่ห่างจากพวกมันประมาณ 3 ไมล์” เฟลิน่าพูด “ด้วยความเร็วของพวกกูล ข้าเกรงว่ามันสายไปแล้วที่พวกเราจะหนี”

 

พวกเขามีทั้งหมด 7 คน ลิงค์มีมานาเหลืออยู่ไม่มาก และต่อให้เฟลิน่าจะเป็นนักรบเลเวล 7 แต่เธอก็คงจะถูกรุม หน่วยสอดแนม 4 คนนั้นเป็นนักฆ่าเลเวล 4 เหมือนกันหมด ดังนั้นพวกเขาจึงสู้พวกกูลไม่ได้ ในอีกด้านหนึ่งคาร์โนสก็กำลังจะกลายร่างเป็นปีศาจ  ไม่ใช่แค่เขาสู้ไม่ได้เท่านั้น แต่เขายังเป็นตัวถ่วงด้วยซ้ำ

 

ดูเหมือนว่าพวกเขาจะถูกต้อนให้ตายในดินแดนแห่งนี้!

 

“พวกเราจะเข้าไปอาณาจักรวิญญาณกันอีกครั้ง” ลิงค์พูดหลังจากคิดอยู่สักพัก “พอพวกเราหลบจากพวกมันได้ พวกเราก็จะกลับมาอีกครั้ง นี่คือตัวเลือกเดียวที่พวกเรามี”

 

ทุกคนมองหน้ากันและพยักหน้าอย่างเงียบๆ ยอมรับชะตากรรมของพวกเขาเอง

 

ลิงค์หยิบคัมภีร์ออกมาอีกครั้ง เปิดใช้มานาของเขา จากนั้นสีของโลกก็จางลงอีกครั้งและกลายเป็นสีดำ สีเทาและป่าแบล็คฟอเรสอื่นอันน่าสยดสยอง

 

“มาเคลื่อนที่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อหนีให้ห่างจากพวกกูลกันเถอะ!”

 

 

ในป่าแบล็คฟอเรสของอาณาจักรกายภาพ

 

อาเซเลียที่ไล่ตามลิงค์ด้วยความเร็วสูงสุดรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง เธอยื่นมือของเธอออกมาเพื่อสั่งให้พวกกูลที่อยู่ข้างๆเธอหยุดการเคลื่อนไหว

 

“พวกหนูวิ่งเข้าไปในรูอีกแล้ว” เธอพูด “นี่มันไม่สนุกเลยสักนิด”

 

“แล้วพวกเราจะทำอะไรกันต่อครับ ท่านผู้ส่งสารแห่งความมืด?” บรูธตันถาม

 

อาเซเลียเงียบอยู่พักนึงก่อนที่จะตอบคำถาม

 

“ข้าต้องการนักเวทย์ที่สามารถไปอาณาจักรอื่นได้” ในที่สุดเธอก็พูด “พวกเราอยู่ห่างจากทะเลสาบดำเพียงแค่ 50 ไมล์เท่านั้น ทำไมเจ้าถึงไม่ไปที่หอคอยฮอร์ตันและพามาสเตอร์ไอมอนส์มาหาข้าหล่ะ? ข้าต้องการความรู้ของเขา”

 

“ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย!” บรูธตันตอบอย่างกระตือรือร้น เขารู้ว่าอาเซเลียไม่สบอารมณ์กับเขา ดังนั้นเขาจะต้องแสดงความกระตือรือร้นในตอนนี้ หลังจากที่ได้รับคำสั่ง เขาก็รีบหันหลังและรีบพุ่งไปทางทะเลสาบดำอย่างรวดเร็ว

 

อาเซเลียมองไปยังป่าแบล็คฟอเรสที่อยู่ตรงหน้าเธอและกัดริมฝีปาก ดูเหมือนว่าเธอจะอารมณ์เศร้าหมองแล้ว

 

“ของรักของข้า”เธอกระซิบพร้อมกับลูบแส้ที่อยู่ในมือเธออย่างอ่อนโยน “ข้าขอโทษจริงๆนะ ที่รัก ข้ายังไม่ได้เอาวิญญาณสดๆให้เจ้าเลย แต่ไม่ต้องกังวลไป มันจะใช้เวลาอีกไม่นาน ใช่แล้ว เดี๋ยวมันก็จะจบแล้ว”

 

 

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ก็มีหญิงสาวคนนึงเดินมาอย่างโดดเดี่ยวอยู่ที่เขตชายแดนทางใต้ของป่าแบล็คฟอเรส เธอมีดวงตาที่สดใสและบริสุทธิ์ และใบหน้าของเธอก็งดงามมาก  เธอสวมชุดเดรสสีน้ำเงินน่ารัก และเธอก็มีดาบเล็กๆคาดเอาไว้ที่เอว เธอยืนอยู่ที่ต้นป่าแบล็คฟอเรสและมองไปยังป่าที่สวยสดงดงามนี้ ทันใดนั้นเธอก็หยุดการเคลื่อนไหวในทันที

 

“ข้อมูลของมาสเตอร์หายไป ตรวจสอบใหม่…ตรวจสอบผิดพลาด…”

 

สีหน้าของเธอนั้นไม่มีอารมณ์และนิ่งมาก ไม่นานนักเสียงที่แหลมและไร้อารมณ์ของเธอก็ดังขึ้นอีกครั้ง “วิเคราะห์ความเป็นไปได้…เริ่มการสะกดรอยตาม…”

 

หลังจากที่หยุดไปพักนึง หญิงสาวก็พุ่งเข้าไปในส่วนลึกของป่าแบล็คฟอเรส

 

เธอนั้นเร็วมากๆ หลังจากที่เคลื่อนที่ไปได้ประมาณ 10 ฟุต ก็มีระเบิดเกิดขึ้นในอากาศ จากนั้นหญิงสาวก็หายเข้าไปในป่า ทุกเส้นทางที่เธอผ่าน พวกนกได้บินหนีไป และสัตว์ตัวเล็กๆจะซ่อนอยู่ในหลุมกับรังของพวกมันเหมือนกับว่ามีสัตว์ที่ดุร้ายเคลื่อนที่ผ่านพวกมันไป

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset