Advent of the Archmage – ตอนที่ 238: พวกเจ้าซุกซนจริงๆ

แสงเจิดจ้าเต็มท้องฟ้าเป็นเวลาห้าวินาที หลังจากนั้น, แสงจ้าก็ค่อยๆสลายไปอย่างช้าๆ, เหลือไว้แค่ร่างของลิงค์

 

ลิงค์คุกเข่าลงบนพื้น ในหน้าอินเตอร์เฟส, แถวการแจ้งเตือนโผล่ขึ้นมา พอมองพวกมัน, เขาก็ตระหนักได้ว่าทั้งหมดนั้นเป็นการแจ้งเตือนจากระบบเกมส์

 

ผู้เล่นเผาผลาญวิญญาณ เริ่มการป้องกันฉุกเฉิน

กำลังล้างค่าโอมนิสำรองทั้งหมด…เริ่มใช้ค่าโอมนิที่สำรองไว้ 500 แต้ม

ค่าโอมนิทั้งหมดถูกใช้

การแปลงสายเลือดสัมพันธ์ธาตุถูกระงับ, แปลงเป็นค่าโอมนิ 350 แต้ม เริ่มการใช้ค่าโอมนิ

ค่าโอมนิทั้งหมดถูกใช้

ค่าโอมนิที่ผู้เล่นมีในปัจจุบัน 200 แต้ม เริ่มการใช้ค่าโอมนิ

ค่าโอมนิทั้งหมดถูกใข้

เวทย์ชำระะล้างสำเร็จ พลังงานสำรองทั้งหมดจากระบบเกมส์ถูกใช้

 

หลังจากอ่านชุดข้อมูลนี้, ลิงค์ก็รู้สึกถึงความว่างเปล่าในร่างกายของเขาซึ่งสูญเสียไปกับมานาแล้วเขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก, โชคดีที่, เขาสูญเสียไปแค่พลังงานที่เก็บเอาไว้, และวิญญาณของเขาก็ไม่ได้รับความเสียหายเลย ลิงค์ถือว่านี่เป็นโชคดีอย่างเหลือเชื่อ

 

“ลิงค์, เป็นอะไรไหม?” แอนนี่ถามด้วยน้ำเสียงกังวล

 

ลิงค์หันกลับมาแล้วเห็นความกังวลในสีหน้าของแอนนี่ ซึ่งนี่ทำให้หัวใจของเขารู้สึกอบอุ่น

 

“ฉันโอเคดี” เขาพูด “แต่ฉันไม่สามารถใช้เวทย์ระดับสูงได้สักพัก”

 

อันที่จริง, เขายังมีมานาอยู่ประมาณ 500 แต้ม, แต่พิจารณาจากความแข็งแกร่งของศัตรูของพวกเขาในตอนนี้, มานาจำนวนเท่านี้จะเรียกว่าไร้ประโยชน์ก็ว่าได้

 

เฟลิน่าก็เดินมาหาเขาเหมือนกัน, แล้วเธอก็ดูค่อนข้างระแวง

 

“นั่นเป็นเวทย์ระดับตำนานหรอ?” เธอถาม

 

“บางทีนะ, ผมก็ไม่มั่นใจ” ลิงค์ตอบ “มันเป็นเวทย์ที่ผมสร้างขึ้นในตอนที่เรียนเวทมนตร์” มันเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถอธิบายได้, ดังนั้นเขาจึงโกหกออกไป

 

“ฉันมั่นใจเลยว่ามันใช่แน่” เฟลิน่ายืนกราน “ฉันเคยเห็นเวทย์ระดับตำนานมาก่อน, ดังนั้นฉันรู้ดี ฉันไม่เคยเห็นมนุษย์ที่มีพลังขนาดนี้มาก่อนเลย!”

 

หน่วยสอดแนมพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น พวกเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเวทมนตร์ระดับตำนานเลย, แต่จากสิ่งที่พวกเขาเห็น—ความมืดของอาณาจักรวิญญาณได้ถูกลบล้างไป, ท้องฟ้าในตอนนี้สดใสและหมอกสีขาวที่ปกคลุมทุกสิ่งก็หายไปหมดแล้วในตอนนี้—ถ้านี่ไม่ใช่เวทย์ตำนาน, แล้วมันจะเป็นอะไรหล่ะ?

 

ลิงค์ไม่สามารถตอบกลับไปได้ เขาแค่ยื่นมือของเขาออกมาแล้วยักไหล่

 

“โอ้…” เสียงของคาร์โนสทำให้ทุกคนแตกตื่น ดูเหมือนว่าเขากำลังจะตื่น

 

เวทย์ชำระล้างสำเร็จ ร่องรอยของเวทย์มนตร์แห่งความมืดและพลังแห่งความมืดได้หลุดออกจากร่างของเขาแล้ว, และกงเล็บที่มือของเขาก็หายไปด้วย แม้กระทั่งเลือดในดวงตาของเขาก็หายไปแล้วในตอนนี้

 

แต่ว่าแหล่งพลังงานความมืดศักดิ์สิทธิ์อันแข็งแกร่งนี้เห็นได้ชัดว่า, ถึงแม้มันจะถูกขับออกจากร่างของคาร์โนส, แต่มันก็ไม่ได้ถูกทำลาย มันแค่กลายเป็นบ่อแห่งความมืดบนพื้นที่อยู่ใกล้ๆนักรบ

 

ของเหลวสีดำนี้ยังขยับได้ด้วย มันถึงกับก่อตัวเป็นงูและจะเคลื่อนไหวอย่างคุกคามราวกับว่ามันพร้อมที่จะโจมตีทุกคนได้ทุกเวลา

 

แน่นอนว่า, ทุกคนอยู่ห่างจากบ่อสีดำนี้ เฟลิน่ายืนมือออกไปหาคาร์โนสเพื่อจะช่วยพยุงเข้าขึ้น, แต่ดูเหมือนว่าคาร์โนสจะไม่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือแบบนั้น เขาดันตั้วขึ้นด้วยความคล่องแคล่วอันน่าประหลาดใจ, แทบจะเหมือนกับว่าเขาไม่เคยบาดเจ็บเลย

 

จากนั้น, เขาก็หันไปหาลิงค์ด้วยกำปั้นที่อยู่บนหน้าออกของเขา, เขาทำความเคารพแบบนักรบให้กับลิงค์อย่างเป็นทางการ

 

“ท่านจอมเวทย์” เขาพูด “ขอบคุณที่ช่วยข้าไว้ นับจากนี้ไป, ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่, ท่านสามารถเรียกข้าได้ทุกเวลาที่ท่านต้องการ, และข้าจะต่อสู้เพื่อท่านเอง!”

 

เมื่อครู่ก่อน, เขาสิ้นหวังอย่างหมดท่า แต่ช่วงจังหวะสุดท้าย, เขาก็เห็นแสงสว่างที่เจิดจรัสอย่างไร้ที่สิ้นสุด มันเหมือนกับว่าสวรรค์ได้ยื่นมือลงมาหาเขาและดึงเขาออกมาจากนรกอันมืดมิด

 

เขาสามารถชดใช้ความเมตตานี้ได้ด้วยชีวิตของเขาเท่านั้น

 

แต่ลิงค์แค่ตอบสนองเขาด้วยการสบัดมือของเขาและยิ้มอย่างขมขื่นเท่านั้น

 

“ผมเกรงว่าคุณจะพูดเร็วไปหน่อยนะ” เขาพูด “พวกเรายังติดอยู่ในป่าแบล็คฟอเรสอยู่เลย, และอสรพิษทมิฬก็ยังไล่ตามพวกเรามาติดๆ”

 

ใบหน้าของคาร์โนสเปลี่ยนเป็นจริงจัง เขามองรอบๆและเห็นแค่มีดของนักฆ่ากับกงเล็บมังกรของนักรบมังกรแดง เขาไม่เจอดาบเลย

 

“ถ้าข้ามีดาบไว้ใช้ต่อสู้หล่ะก็นะ” เขาพูดเปรย

 

“ว่าไงนะ” เฟลิน่าอุทาน, และมองนักรบหัวจรดเท้า “นี่ท่านแข็งแรงพอที่จะต่อสู้แล้วหรอ?”

 

คาร์โนสพัยกหน้า

 

“พลังแห่งความมืดอาจจะควบคุมร่างของข้า” เขาพูด “แต่มันก็ยังรักษาอาการบาดเจ็บของข้าด้วย ตอนนี้ข้าหลุดพ้นจากพลังแห่งความมืดแล้วและบาดแผลทั้งหมดก็ได้รับการรักษาแล้วด้วย, ทำไมข้าจะต่อสู้ไม่ได้หล่ะ? ต่อให้ออร่าต่อสู้ของข้าจะยังไม่ได้อยู่ในสภาพที่แข็งแกร่งที่สุด, แต่ข้าก็มั่นใจว่าตอนนี้ข้าสามารถฆ่ากลูได้จำนวนนึงแหล่ะ”

 

ดวงตาของลิงค์เปล่งประกายขึ้นมาอย่างกระทันหัน คาร์โนสเป็นนักรบเลเวล 8 ด้วยความแข็งแกร่งของเขา, พวกเขาออกจะออกจากป่าแบล็คฟอเรสได้ในตอนนี้

 

ยิ่งไปกว่านั้น, เขายังมีดาบอยู่กับตัวด้วย—ดาบของเจ้าแห่งพายุ เขากำลังจะคว้าด้ามจับของมันและส่งให้คาร์โนสในตอนที่มีเสียงมาขัดเขา

 

“หยุดนะ!” ดาบพูด “เขายังไม่คู่ควรที่จะถือครองข้า!”

 

ท่านให้เขาถือสักพักนึงไม่ได้หรอ? ลิงค์ถาม แค่จนกว่าพวกเราจะหนีจากป่าแบล็คฟอเรสได้ก็พอ หรือว่าท่านกลัวอสรพิษทมิฬ?

 

“ข้าหน่ะหรอ?” ดาบเถียง “กลัวไองูนั่นเนี่ยนะ?”

 

ถ้างั้นการปล่อยให้เขาถือดาบสักพักนึงมันผิดตรงไหนหล่ะ? ลิงค์ถาม

 

“เจ้าไม่เข้าใจหรอก” ดาบตอบกลับ “มั่นไม่ใช่ว่าข้ากลัวการต่อสู้กับอสรพิษทมิฬ, แต่ว่าข้าไม่เหมาะสมกับมัน ตอนนี้ข้าอ่อนแอเกินไป, แต่อสรพิษทมิฬนั้นแข็งแกร่งอย่างไร้ขีดจำกัน ในตอนที่ข้าสัมผัสกับมัน, ข้าจะบิ่นเล็กน้อย

 

ลิงค์คิดเกี่ยวกับข้ออ้างที่มีเหตุผลนี้ เขายกเลิกความคิดที่จะส่งดาบของลอร์ดแห่งพายุให้คาร์โนส, แต่ก็มีอีกความคิดนึงในหัวของเขา

 

ลิงค์ยังมีมานาเหลืออยู่ 500 แต้ม ซึ่งมันไม่มากพอที่จะให้เขาใช้ในการต่อสู้ด้วยตัวเอง, แต่มันก็เพียงพอสำหรับเขาที่จะใช้สนามพลังฮิกซ์เพื่อเสกดาบโดยใช้คอเรียมในจี้เก็บของของเขา

 

ด้วยความคิดนี้ในหัว ลิงค์ก็เอาวัตถุดิบออกมาจากจี้เก็บของแล้วหันไปหาคาร์โนส

 

“ผมจะทำดาบให้คุณ” เขาพูด “บอกมาคุณคุ้นเคยกับดาบแบบไหน พวกเราสามารถพูดคุยระหว่างที่เดินได้”

 

คาร์โนสเห็นคอเรียมในมือของลิงค์, และดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย คอเรียมนั้นต้านทานพลังอันแข็งแกร่งได้เป็นอย่างดี ต่อให้ไม่มีเวทมนตร์มาปรับปรุงดาบ, ดาบที่ทำด้วยวัตถุดิบนี้ก็ถือว่าเป็นดาบที่ดีในตัวมันเองอยู่แล้ว

 

“ข้าคุ้นเคยกับดาบมือเดียว…” เขาเริ่ม “เอาจริงๆ, ดาบที่ดูเหมือนกับดาบที่อยู่ตรงเอวของท่านก็น่าจะดีพอแล้วหล่ะ, แต่มันจะยอดเยี่ยมกว่านี้ถ้ามันยาวขึ้นอีกเล็กน้อย…ใช่เลย, ขนาดประมาณนี้หล่ะ!”

 

ในขณะที่นักรบอธิบายดาบในอุดมคติของเขา, ลิงค์ก็กำลังใช้สนามพลังฮิกซ์เพื่อสร้างดาบด้วยคอเรียมต่อหน้าต่อตาเขา

 

“ข้าอยากให้เปลี่ยนด้ามจับอีกหน่อย, ใช่…แบบนั้นแหล่ะ” คาร์โนสพูดต่อ “ข้าอยากได้ขวานคมๆที่ด้านหลังด้วย…และคมดาบก็ควรจะหนากว่านี้อีก, และมันก็ควรจะเป็นหยักตรงนี้…นั่นแหล่ะ, ใช่ แบบนั้น! ยอดเยี่ยมมาก!”

 

สิบนาทีต่อมา, คาร์โนสก็จับดาบนี้ในมือของเขาและพยายามเหวี่ยงมันในอากาศ เขายิ้มด้วยความพอใจ

 

“แค่ตัดสินจากความรู้สึกตอนที่มันอยู่ในมือของข้า” เขาบอกลิงค์ “ดาบเล่มนี้ที่ท่านสร้างขึ้นมาอย่างรีบร้อนในเวลาไม่กี่นาทีนั้นก็ถือว่าเป็นดาบที่ดีที่สุดที่ข้าเคยใช้มาเลย!”

 

เฟลิน่าชำเลืองตามองเขา

 

“ลิงค์เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเสริมพลังที่มีชื่อเสียงที่สุดในทวีป” เธอบอกเขา “ผลงานง่ายๆแบบนี้, แน่นอนว่า, เป็นงานง่ายๆสำหรับเขา

 

ในขณะที่เธอพูด, เธอก็โชว์กำไลป้องกันที่ลิงค์ทำเอาไว้สำหรับนักรบ

 

“ดูสิ” เธอพูด “ฉันก็มีผลงานของเขาเหมือนกันนะ เพื่อนของฉันได้นำมันกลับมาให้ฉันเป็นของขวัญจากโลกมนุษย์”

 

ลิงค์คิดไม่ถึงว่าชื่อเสียงของเขาในด้านศิลปะการเสริมพลังจะแพร่กระจายไปไกลจนถึงขนาดที่มันไปถึงหมู่บ้านมังกรและยังกลายเป็นสมบัติในการครอบครองของเฟลิน่าอีก มันถือว่าเป็นเกียรติจริงๆ

 

“พวกเรามีเวลาไม่มากแล้ว” ลิงค์พูดพร้อมกับยิ้มออกมา “ถ้าพวกเราโชคดีพอที่จะหนีจากสถานที่แห่งนี้ได้และกลับไปยังอาณาจักรนอร์ตัน, ผมจะสร้างดาบเวทมนตร์ให้คุณ, ดาบที่ดียิ่งกว่าดาบเล่มนี้”

 

“ท่านจะทำให้หรอ?” คาร์โนสถาม, ดวงตาของเขากำลังเปล่งประกาย, แม้ว่าเขาจะยิ้มอย่างขมขื่นหลังจากนั้นก็ตาม “แต่ข้าเกรงว่าข้าจะมีเหรียญทองไม่พอจ่ายท่านหน่ะสิ…”

 

“ผมจะไปโน้มน้าวกษัตริย์ลีออนให้ประทานรางวัลให้คุณเอง” ลิงค์พูดในขณะที่ยังยิ้มอยู่ “เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงไปหรอก”

 

ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นตลอดการเดินทางในขณะที่พวกเขาเดินอยู่

 

ด้วยการที่มีนักรบอันแข็งแกร่งอย่างคาร์โนสอยู่ในหมู่พวกเขา, หน่วยสอดแนมก็รู้สึกโล่งใจ แม้กระทั่งเฟลิน่าก็ยังดูผ่อนคลายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาเดินทางต่อไปเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมงจนกระทั่งลิงค์รู้สึกถึงได้อะไรบางอย่างที่ผิดปกติอย่างกระทันหัน เขามองขึ้นฟ้าและยักคิ้วขึ้น

 

“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง” เขาพูด “พวกมันกำลังไล่ตามพวกเรามา…และพวกมันก็เร็วมากๆด้วย!”

 

ไม่มีร่องรอยของอสรพิษทมิฬในท้องฟ้า, แต่ออร่าแห่งความมืดอันหนักหน่วงกำลังแผ่ขยายมาทางพวกเขาอย่างต่อเนื่อง

 

หลังจากสังเกตุอย่างระมัดระวังอยู่พักนึง, ลิงค์ก็เข้าใจสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในที่สุด

 

“อาเซเลียเข้ามายังอาณาจักรวิญญาณ” ลิงค์พูด “พวกเราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว พวกเราต้องออกไปเดี๋ยวนี้เลย!”

 

ทุกคนพยักหน้าอย่างเงียบๆ

 

ลิงค์เอาคำภีร์ออกมาแล้วเปิดใช้มันด้วยมานาเล็กน้อย หลังจากนั้นสักพัก, โลกก็เปลี่ยนจากสีเทาดำเป็นโทนสีที่มากกว่าเดิม ลมหนาวและหิมะขาวปรากฎขึ้นมาอีกครั้ง

 

ลิงค์ร่ายเวทย์เลเวล 2 รวดเร็วดั่งชีต้าห์ใส่ตัวเอง

 

“เร็วเข้า! วิ่งสุดแรงเลย!” เขาตะโกน “พวกเรามาได้ครึ่งทางแล้ว, อีก 150 ไมล์, พวกเราจะปลอดภัยแล้ว!”

 

หากพวกเขาเข้าไปในป้อมของอาณาจักรนอร์ตันได้, อาเซเลียก็จะถูกบังคับให้หยุด อุปกรณ์ระดับพระเจ้าของเธออาจจะสามารถฆ่าได้หลายพันคน, แต่มีข้อเสียที่ยิ่งใหญ่อยู่ข้อนึง—โดยธรรมชาติแล้วโลกปฎิเสธอุปกรณ์นี้, ดังนั้นยิ่งมันใช้พลังงานมากเท่าไหร่, มันก็ยิ่งไม่เสถียรขึ้นเท่านั้น พอมันถึงขีดจำกัดของมันและมีพลังงานไม่เพียงพอ, ตัวตนของมันก็จะหายไปในทันที

 

แล้วในตอนที่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น, ก็คงไม่มีอะไรที่ดาร์คเอลฟ์สามารถทำได้นอกจากร้องไห้กับมัน

 

ทุกคนรู้ว่านี่เป็นช่วงสำคัญ, ดังนั้นพวกเขาจึงวิ่งอย่างบ้าคลั่งและวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่ฝีเท้าของพวกเขาจะทำได้ แม้ว่าลิงค์จะร่ายรวดเร็วดั่งชีต้าห์ใส่ตัวเอง, แต่ความเร็วของเขาก็ยังด้อยกว่าหน่วยสอดแนมและยังช้ากว่าเมื่อเทียบกับความเร็วของเฟลิน่ากับคาร์โนสด้วย นักรบสองคนนี้ยกแขนของเขาคนละข้างและแบกเขาผ่านป่า, ผลักดันเขาไปข้างหน้าด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ

 

พวกเขากำลังวิ่งด้วยความเร็วครึ่งไมล์ต่อนาที

 

พวกเขาวิ่งด้วยวิธีนี้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเต็มก่อนที่คาร์โนสกับเฟลิน่าจะหยุดแทบจะพร้อมกัน

 

“เธอไล่ตามพวกเราทันแล้ว” เฟลิน่าพูดในขณะที่มองกลับไปยังป่าหนาทึบที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา เธอถอนหายใจ, พอคิดว่ามันถึงเวลาที่พวกเขาต้องสู้จนตัวตายแล้ว

 

“หึหึ! ข้าเดาว่ามันถึงเวลาที่ดาบของข้าจะได้ดื่มเลือดแล้วสินะ!” คาร์โนสพูด, ไม่มีความรู้สึกถึงร่องรอยของความกลัวเลย จนถึงตอนนี้เขาได้เห็นและได้มีประสบการณ์มามากจนเข้าเข้าใจว่าในฐานะนักรบ, เป้าหมายของเขาไม่ใช่การมีชีวิตยืนยาว, แต่เป็นการตายอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรีต่างหาก!

 

พูดตามตรง, คาร์โนสค่อนข้างจะเป็นคนที่สุภาพ ยังไงซะ, ใบหน้าของเขาก็ได้รูปและดูไม่แย่และร่างทั้งร่างของเขาก็ปกคลุมไปด้วยออร่าของชายชาตรีอันแกร่งกล้า ด้วยหน้าตานี้และจิตวิญญาณนั้น, ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนในอาณาจักรก็คงยินดีที่จะโยนตัวเองเข้ามาในอ้อมแขนของเขา

 

อัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์ที่มาพร้อมกับน่าตาอันหล่อเหลาอีกคนนึงเรอะ ลิงค์คิดอย่างค่อนข้างขมขื่น โลกมันช่างโหดร้ายจริงๆ

 

ลิงค์นึกขึ้นได้ว่าเขาเหลือมานาอยู่ไม่มากนักดังนั้นเขาค่อนข้างจะไร้ประโยชน์ในการต่อสู้

 

“พวกมันมีกลูหลายตัวอยู่ฝ่ายพวกมัน” ลิงค์พูด “ผมจะคอยเฝ้าดูและพยายามหาตำแหน่งพวกมันให้เอง”

 

จากนั้นเขาก็ใช้มานา 60 แต้มเพื่อร่ายเวทย์ไร้ร่องรอยเป้าหมายเดี่ยวและหาที่ซ่อน แม้ว่าพวกเขาจะดูเหมือนกับตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง, แต่เขาก็จะไม่มีวันยอมแพ้ง่ายๆ

 

ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต, แต่ถ้าพวกเขายึดมั่น, แม้ว่าจะยื้อไว้ได้นานกว่าเดิมแค่หนึ่งวินาที, แต่ก็มักจะมีโอกาสที่เรื่องจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เรื่องมหัศจรรย์มากมายได้เกิดขึ้นในโลกนี้, และพวกมันก็มักจะเกิดขึ้นในวินาทีสุดท้ายเสมอ

 

แอนนี่ทำความสะอาดมีดของเธออย่างจริงจังและทาจารบีกันน้ำแข็งที่หน้าไม้ของเธอ เธอปัดฝุ่นจากหน้าไม้ของเธออย่างอ่อนโยนแล้วยิ้ม นี่อาจจะเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของเธอ แต่การตายกับลิงค์, คาร์โนสและเฟลิน่านั้นก็ถือเป็นเกียรติสูงสุดในฐานะนักสู้!

 

ทหารสอดแนมคนอื่นๆตกอยู่ในความเงียบ พวกเขาเริ่มตรวจสอบอาวุธของพวกเขาเช่นกัน, และพวกเขาก็เริ่มหาจุดซ่อนดีๆ, เพื่อเตรียมพร้อมที่จะลอบโจมตีศัตรู

 

พวกเขาภูมิใจที่ได้ยืนหยัดในเวทีนี้เพราะพวกเขาได้ต่อสู้กับอุปกรณ์ระดับพระเจ้า ไม่มีอะไรให้เสียใจแล้วในตอนนี้

 

หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งนาที, เงาร่างในเพลิงสีดำก็ปรากฎขึ้น มันคือผู้คุ้มครองอสรพิษทมิทฬ, อาเซเลีย

 

เธอมีกลูตามหลังมา 50 ตัว, พร้อมกับปีศาจเลเวล 7, บรูธตัน

 

กองกำลังของพวกเขานั้นเหนือกว่ากลุ่มของลิงค์อย่างมาก ทั้งเฟลิน่าและคาร์โนสหน้าซีดเล็กน้อย, แต่พวกเขาก็มองหน้ากันและคาร์โนสก็ทิ้งความกังวลทั้งหมดของเขาแล้วหัวเราะ

 

“มาแข่งกันไหมว่าใครจะฆ่ากลูได้เยอะที่สุด!” เขาตะโกน

 

“5555! ท่านสู้ข้าไม่ได้หรอก!” เฟลิน่าพูด, เธอรับคำท้าเพื่อทำให้ตัวเองมีความกล้ามากขึ้น

 

แล้วอาเซเลียก็สังเกตุเห็นคาร์โนส

 

“โถ่, ดูทสิ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงหวานเยิ้มของเธอ “คาร์โนส, ลิงค์…พวกเจ้าทุกคนนี่ซุกซนกันจังนะ เจ้าทำลายสัญญากับข้าได้ยังไง?”

 

 

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset