Advent of the Archmage – ตอนที่ 246: นักเวทย์มิติเป็นสัตว์ประหลาดกันทุกคน

หลังจากการประชุม, ลิงค์ก็ปฏิเสธคำเชิญของแอนโทนี่อย่างสุภาพ เขาเตรียมตัวตรงกลับไปยังดินแดนของเขาและตามหาแวนซ์ เขาต้องการความช่วยเหลือของแวนซ์ถ้าเขาอยากจะซ่อมนานะ

 

พอออกมาจากหนามแห่งสวรรค์, ลิงค์ก็เริ่มคิดถึงวิธีซ่อมนานะ

 

เขาเคยจัดการกับนานะมาก่อนและมั่นใจถึงความแข็งแกร่งของหุดเชิดเวทมนตร์ตัวนี้ เธอมีความเร็วสูงมากๆและมีประสบการณ์การต่อสู้เกือบ 700 ปี เธอตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและสัมผัสจุดอ่อนของศัตรูได้อย่างแม่นยำ ร่างกายของเธอแข็งแกร่ง; เวทย์ธาตุพื้นฐานส่วนใหญ่ใช้ไม่ได้ผลกับเธอ สรุปก็คือ, เธอเป็นทหารที่สมบูรณ์แบบจริงๆ

 

ลิงค์คิดหาวิธีทั้งหมดแต่ก็ไม่สามารถคิดหาพื้นที่ในการปรับปรุงได้เลย แวนซ์ได้ใช้เวลายี่สิบปีเพื่อสร้างหุดเชิดเวทมนตร์ตัวนี้, และมันก็ไม่สามารถดูถูกได้เลยจริงๆ

 

ดังนั้นหากคิดง่ายๆ ในเมื่อเขาไม่สามารถซ่อมมันได้, เขาก็แค่เสริมความแข็งแกร่งให้มัน, ขยายขีดจำกัดของนานาให้สูงขึ้นเท่าที่เขาจะทำได้

 

เธอเร็วใช่ไหม? งั้นเขาก็จะทำให้เธอเร็วขึ้นอีก!

 

เธอไม่สามารถเลี้ยวที่ความเร็วสูงสุดของเธอได้, ใช่ไหม? งั้นเขาก็จะคิดวิธีที่จะทำให้เธอเลี้ยวได้!

 

เธออึดไม่พอและถูกอุปกรณ์ระดับพระเจ้าทำลายใช่ไหม? งั้นเขาก็จะทำให้เธอแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้อีก!

 

ด้วยแนวความคิดนี้, ไอเดียมากมายก็ปรากฎขึ้นในหัวของลิงค์ในทันที ความรู้ด้านเวทมนตร์ที่เขาเคยศึกษาผุดขึ้นมาเหมือนกับฟอง พวกมันรวมเข้าด้วยกัน, ระเบิด, และรวมกันอีกครั้ง, สร้างไอเดียบ้าๆและเป็นเอกลักษณ์ขึ้นมามากมาย

 

“ใช่, ฉันจะรีบกลับไปและสร้างนานะขึ้นมาใหม่!” ลิงค์รู้สึกตื่นเต้นในตอนนี้ เขารีบเพิ่มความเร็วและตรงไปยังคอกม้าของสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟ

 

พอเดินมาได้ครึ่งทาง, ก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านหลังของเขา “ท่านลิงค์, เดี๋ยวก่อน”

 

เสียงนี้สดใสเหมือนกับหินที่กำลังกลิ้งอยู่บนจาน ซึ่งน้ำเสียงที่งดงามและมีเอกลักษณ์นี้เป็นขององค์หญิงไฮเอลฟ์มิลด้า

 

ลิงค์ลดความเร็วลง เขาหันไปมองมิลด้าที่วิ่งเหยาะๆมาคนเดียว บางทีอาจจะเป็นเพราะการวิ่ง แก้มอันขาวนวลของเธอในตอนนี้จึงเป็นสีชมพูด เธองดงามราวกับภาพวาด

 

“มีอะไรให้ผมช่วยหรอครับ?” ลิงค์สับสน เขายังไม่เคยได้พูดคุยโต้ตอบกับองค์หญิงคนนี้จริงๆจังๆเลย

 

มิลด้าวิ่งมาถึงลิงค์ เธอหายใจเข้าลึกๆเพื่อปรับการหายใจของเธอ แล้วเธอก็กลับเข้าสู่มาดคุณหญิงผู้เรียบร้อยอย่างรวดเร็วและยิ้ม “ข้ามาที่นี่ก็เพราะเวทย์มิติที่ท่านพึ่งแสดงให้ดูเมื่อสักครู่นี้ เวทย์นั้นมีความเป็นเอกลักษณ์มากๆ จากที่ข้ารู้มา, ไม่มีหนังสือเล่มไหนที่เกี่ยวข้องกับเวทย์มิติในสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟเลย ท่านไปได้ความรู้นี้มาจากที่ไหนหรอ?”

 

ลิงค์เดินไปยังคอกม้าต่อ แทนที่จะเก็บมันเอาไว้เป็นความลับ, เขากลับยอมรับมัน “สถาบันไม่มีเลยจริงๆ, แต่ผมได้ศึกษาและเขียนวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับมิติมาเป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว ผมเพิ่งได้ผลลัพธ์บางส่วนเมื่อไม่นานมานี้เอง ซึ่งเวทย์มิติเวทย์นั้นก็เป็นหนึ่งในผลลัพธ์ที่ผมได้มา

 

มิลด้าเดินตามลิงค์ พอได้ฟังเรื่องนี้, เธอก็ตกใจ “นี่แสดงว่าท่านสร้างเวทนั้นขึ้นมาด้วยตัวเองหรอ?”

 

ในสาขาของเวทมนตร์, การพัฒนาเวทมนตร์และได้เทคนิคเวทย์ขั้นสุดยอดมานั้นก็ถือว่ายากมากๆแล้ว แต่ว่าการสร้างเวทมนตร์ยากยิ่งกว่านั้นอีก ถ้าเขาสามารถสร้างเวทย์มิติอันน่าอัศจรรย์ได้, มันก็ค่อนข้างจะน่ากลัวเลยทีเดียว

 

ซึ่งนี่ก็หมายความว่าเขามีความเข้าใจในเวทย์มนตร์ที่ลึกซึ้งจนน่าตกใจ ชายคนนี้ได้ก้าวข้ามนักเวทย์จำนวนนับไม่ถ้วนไปได้แล้ว!

 

มิลด้าถูกบังคับให้ยอมรับว่าชายหนุ่มคนนี้มีคุณลักษณะที่พิเศษจริงๆ “ขอข้าดูวิทยานิพนธ์ของท่านได้ไหม?” เธอสงสัยเกี่ยวกับวิทยานิพนธ์ที่ลิงค์กำลังเขียนอยู่

 

“ตอนนี้เลยหรอ?” ลิงค์ชำเลืองตามองไปที่คอกม้าที่อยู่ใกล้ๆ “ผมกำลังเตรียมตัวกลับดินแดนของผม ตอนนี้คงจะไม่สะดวกครับ”

 

“งั้นหรอ…” มิลด้าก็ชำเลืองตามองไปที่คอกม้าเช่นกัน เธออยากใช้สถานะของเธอในฐานะองค์หญิงเพื่อทำให้ลิงค์อยู่ที่นี่ให้นานกว่านี้ อย่างไรก็ตาม, เธอก็นึกขึ้นได้ว่าที่นี่ไม่ใช่เกาะรุ่งอรุณและลิงค์ก็ไม่ใช่ประชาชนของเธอ ถ้าเธอใช้สถานะของเธอแต่ลิงค์ไม่สนใจเธอ เธอก็คงจะอับอาย

 

พอคิดให้มากกว่านี้, มิลด้าก็พูดออกมา “รอสักครึ่งชั่วโมงได้ไหม?”

 

“ก็ได้ครับ” ลิงค์พยักหน้า ครึ่งชั่วโมงนั้นไม่ได้นานอะไร

 

มิลด้ายกกระโปรงของเธอขึ้นแล้ววิ่งกลับไป หลังจากนั้นประมาณยี่สิบนาที, เธอก็กลับมา มีไฮเอลฟ์นักเวทย์สองคนตามมาด้วย; หนึ่งในนั้นคือโรมิลสัน

 

การวิ่งไปกลับนั้นทำให้ใบหน้าของมิลด้าแดงยิ่งขึ้นในตอนนี้และเหงื่อก็ไหลท่วมบนหน้าผากของเธอ ขณะที่กำลังหอบ, เธอก็พูดออกมา “ไปกันเถอะ ข้ากำลังจะกลับเกาะรุ่งอรุณ ข้าได้ยินมาว่ามีท่าเรือที่ดินแดนของท่านด้วย, ดังนั้นข้าจะขึ้นเรือจากที่นั่น”

 

ในตอนนี้, เธอดูงดงามมากจนลิงค์ต้องหลบตา เขาพยักหน้า “เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ”

 

ไฮเอลฟ์สองคน, มิลด้า, แล้วก็ลิงค์ได้มาถึงคอกม้าและพบรถม้าคันใหญ่ มีโต๊ะเล็กๆอยู่ข้างในด้วย มันติดอยู่กับผนังและสามารถยกขึ้นลงได้เมื่อต้องการ

 

หลังจากที่ทั้งสี่คนนั่งประจำที่, มิลด้าก็พลิกโต๊ะลงและยื่นมืออันเรียวงามของเธอไปที่ลิงค์ “วิทยานิพนธ์ของท่านอยู่ที่ไหน? เอามาให้ข้าดูหน่อยสิ” ด้วยความกังวลว่าลิงค์จะไม่ยอมให้, เธอจึงพูดเสริม “ข้าไม่อ่านฟรีๆหรอกนะ ข้าได้ยินมาจากผู้อาวุโสของท่านว่าท่านอยากซ่อมหุ่นเชิดเวทมนตร์ของท่าน ข้ามีหนังสือหัวใจแห่งหุ่นเชิดที่ถูกเขียนขึ้นโดยจอมเวทย์เลเวล 9 สนใจแลกเปลี่ยนกันหน่อยไหม?”

 

ขณะที่เธอพูด, เธอก็ควักหนังสือออกมา ลิงค์เปิดดูมันแล้วก็หลงเสน่ห์ของมัน

 

ก่อนหน้านี้, เขาได้อ่านหนังสือวัตถุดิบหุ่นเชิดเวทมนตร์ที่แวนซ์มอบให้เขามาแล้วในตอนที่เขามีเวลาว่างและส่วนใหญ่เขาก็เข้าใจหมดแล้ว มีแค่รายละเอียดบางอย่างเท่านั้นที่เขาจำเป็นต้องค้นเพิ่มเติม ซึ่งหนังสือที่อยู่เบื้องหน้าเขาเล่มนี้ได้เปิดเผยแนวความคิดใหม่ๆให้เขาอย่างเต็มที่ เขาอ่านไปได้แค่ไม่กี่หน้า, แต่ลิงค์ก็สัมผัสได้แล้วว่าผู้เขียนมีสติปัญญาที่เป็นเอกลักษณ์

 

“หนังสือเล่มนี้ดีมากๆเลย” ลิงค์สรรเสริญ เขาเอาวิทยานิพนธ์มิติออกมาจากอุปกรณ์เก็บของของเขา

 

วิทยานิพนธ์นี้ไม่ได้มีแค่สองสามหน้าเหมือนแต่ก่อนแล้ว ตอนนี้, มันมีอย่างน้อยหนึ่งร้อยหน้า, ซึ่งส่วนใหญ่มันได้เก็บสัญลักษณ์, เครื่องหมาย, และการเปลี่ยนแปลงมากมายของลิงค์เอาไว้ มันซับซ้อนมากๆ, แต่มันก็เป็นเวอร์ชันง่ายของลิงค์แล้ว ถ้าเขาต้องการเขียนแต่ละขั้นตอนให้ละเอียดขึ้น, มันก็คงจะมีประมาณ 300 หน้า

 

แน่นอนว่า, ลิงค์ไม่เคยคิดที่จะทำแบบนั้น เขาได้เขียนขั้นตอนสำคัญๆเอาไว้แล้ว พวกที่สามารถเข้าใจได้ก็จะเข้าใจอย่างแน่นอน ส่วนพวกที่เข้าใจไม่ได้…ก็อาจจะไม่มีพรสวรรค์ในเวทย์มิติมาตั้งแต่แรกแล้ว

 

หลังจากที่ส่งวิทยานิพนธ์ให้, ลิงค์ก็เริ่มจดจ่ออยู่กับหัวใจแห่งหุ่นเชิด มิลด้าเปิดวิทยานิพนธ์และเริ่มอ่านพร้อมกับนักเวทย์อีกสองคน

 

รถม้าตกอยู่ในความเงียบ มีแค่เสียงของกีบม้าและเสียงล้อเท่านั้น

 

หลังจากผ่านไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมง, ลิงค์ก็จมอยู่ในความรู้ของหัวใจแห่งหุ่นเชิดอย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม, ไฮเอลฟ์ทั้งสามคนนั้น, ขมวดคิ้วแน่นและมีสีหน้าเจ็บปวด ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังอดทนกับความทรมานที่โหดร้ายที่สุดในโลก

 

มีนักเวทย์คนนึงได้ยอมแพ้ไปแล้ว เขาเริ่มมองออกไปชมทัศนียภาพนอกหน้าต่าง เมื่อเปรียบเทียบกับวิทยานิพนธ์อันมืดมนและเข้าใจยากนี้, ทัศนียภาพข้างนอกนั้นดูน่าเพลิดเพลินกว่าเยอะ อย่างน้อยหัวของเขาก็คงจะไม่ระเบิด

 

มิลด้ากับโรมิลสันยังดิ้นรนกับมันอยู่ ด้วยการใช้สารบัญสัญลักษณ์ที่ลิงค์ทำขึ้น, พวกเขาก็ศึกษาวิทยานิพนธ์ไปทีละนิด

 

มันค่อนข้างง่ายในตอนแรก พวกเขายังรู้สึกสบายอยู่, แต่ไอง่ายที่ว่านี้ก็ใช้เวลาไปประมาณสิบนาทีได้ ซึ่งสิบนาทีหลังจากนั้น, เนื้อหาก็ได้เข้าสู่ดินแดนของเหตุและผลอย่างแท้จริง แล้วมันหมายความว่ายังไงหล่ะ? มันก็หมายความว่ามันคือเหตุผล, แต่ข้อสรุปมากมายนั้นอยู่ตรงข้ามกับความรู้ทั่วไปที่เราได้รับจากการรับรู้ทางโลกอย่างสมบูรณ์ (ดูได้จากทฤษฎีสัมพัทธภาพ)

 

ในฐานะนักเวทย์เลเวล 7, มิลด้ากับโรมิลสันสามารถเข้าใจทฤษฎีเหตุผลได้อย่างชัดเจน แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงมากมายและสมการมานาเยอะมาก—มีคนเขียนสิ่งนี้ขึ้นมาได้ยังไงกัน?

 

เหตุผลในนี้นั้นเข้าใจยากมาก!

 

หลังจากที่ดิ้นรนมาได้ครึ่งชั่วโมง, มิลด้าก็ยอมแพ้ ในฐานะนักเวทย์เลเวล 7, เธอสามารถสัมผัสความรู้อันลึกซึ้งในวิทยานิพนธ์นี้ได้, แต่มันก็ทำให้เธอปวดหัว เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเธอจะตายถ้าเธออ่านต่อ

 

เธอตรวจสอบความคืบหน้าของเธอ; ซึ่งเธออ่านไปได้แค่ส่วนเดียว, ประมาณยี่สิบหน้าเท่านั้น ยังมีเหลืออยู่อีกเพียบที่ยังไม่ได้อ่าน, แต่มิลด้าก็ไม่มีความกล้าที่จะดูต่อแล้ว

 

เหลือแค่โรมิลสันเท่านั้นที่ยังอดทนอยู่ เขาเคยถูกลิงค์ดูถูกมาแล้วครั้งนึงและยังหัวร้อนกับมันอยู่

 

เขาคิด, มันก็แค่เวทย์มิติไม่ใช่หรอ? วิทยานิพนธ์ก็อยู่ตรงนี้แล้วนี่ไง, และพวกเราทุกคนก็เป็นนักเวทย์ นายสามารถเขียนวิทยานิพนธ์ได้; นายมีพรสววรค์ ฉันทำไม่ได้แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าฉันอ่านมันไม่ได้ถูกไหม?

 

ด้วยความคิดนี้คอยสนับสนุน, เขาก็อ่านไปได้มากกว่าองค์หญิงมิลด้า…หนึ่งหน้า

 

หน้าเดียวที่ว่านี้เขาใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมงก่อนที่เขาจะพอจับใจความได้ พอผ่านมาได้ครึ่งทาง, วิทยานิพนธ์นี้ก็เหมือนโดนยาบางอย่างและจู่ๆก็คลุมเครือมากๆ

 

“ท่านลิงค์, ท่านสร้างสมการมานานี้ขึ้นมาได้ยังไงครับ? ผมคิดว่ามันไม่ถูกนะ” โรมิลสันพูดในขณะที่ชี้ไปที่สมการนึง

 

ลิงค์ไม่ได้ตอบกลับ เขากำลังจดจ่ออยู่กับหนังสือในมือของเขา

 

“ท่านลิงค์? ท่านลิงค์ครับ?” โรมิลสันเรียก

 

“เอ้อ, มีอะไรหรอ?”

 

“ผมคิดว่าตรงนี้น่าจะผิดนะ” โรมิลสันพูดในขณะที่ชี้ไปที่สมการ ข้างๆเขา, องค์หญิงมิลด้าชำเลืองตามองด้วยความสงสัย เธอหวังว่าโรมิลสันจะพบข้อผิดพลาดเพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่พ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์

 

ลิงค์ชำเลืองตามองไปที่สมการและถามด้วยความสงสัย “ผิดตรงไหนหรอ?”

 

มันผิดยังไงหล่ะ? แล้วถ้ามันผิด, เขาจะใช้ผลลัพธ์ที่ไม่แม่นยำนี้สร้างเวทย์มิติขึ้นมาได้ยังไง?

 

“ดูนี่…ตรงนี้ครับ…การเปลี่ยนแปลงมันไม่มีเหตุผลเลยนะ การทำแบบนี้จะทำให้มานาเกิดความวุ่นวายนะครับ” โรมิลสันพูดอย่างเด็ดขาด

 

ลิงค์ชำเลืองตามองอีกครั้งแล้วชี้ไปที่พารามิเตอร์ “คุณดูถูกพวกมันไปนะ”

 

“อ้ะ…อ๋ออ!” โรมิลสันตบหน้าผากของเขา จู่ๆมันก็ดูมีเหตุผลขึ้นมาและใบหน้าของเขาก็แดงก่ำ เขาเข้าใจสิ่งที่เขียนผิด; มันน่าอับอายจริงๆ

 

ลิงค์ไม่สนใจเขาและกลับมาอ่านหนังสือของเขาต่อ

 

ซึ่งนี่ทำให้โรมิลสันรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย ขณะที่กัดฟัน, เขาก็อ่านต่อ หลังจากผ่านไปได้อีกครึ่งชั่วโมง, มันก็รู้สึกเหมือนกับว่าหัวของเขากำลังแยกออก เขากำลังจะพ่ายแพ้ พอเงยหน้าขึ้นมา, เขาก็เห็นว่าลิงค์ยังหมกมุ่นอยู่กับหนังสือหุ่นเชิดเวทมนตร์

 

เขากระซิบกับองค์หญิง “องค์หญิง, วิทยานิพนธ์มันยากขึ้นเรื่อยๆเลยครับ ผมอ่านจนจบไม่ไหว”

 

มิลด้าเองก็ชำเลืองตามองลิงค์ พอเห็นว่าเขาไม่ได้สนใจ, เธอก็กระซิบ “ชู่วว, อย่าพูดดังสิ มันน่าอายนะ พวกเจ้าทั้งสองคน, ใช้เวทย์ภาพและคัดลอกมันซิ ข้าจะเอามันกลับไปที่เกาะรุ่งอรุณด้วย”

 

วิทยานิพนธ์นี้มีคุณค่ามาก; ซึ่งมันเห็นได้ชัดอยู่แล้ว พวกเขาแค่ไม่มีพรสวรรค์ที่จะทำความเข้าใจมัน

 

“เข้าใจแล้วครับ” ไฮเอลฟ์ทั้งสองคนเริ่มทำการคัดลอกวิทยานิพนธ์

 

ระยะทางจากสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟไปยังเทือกเขามอดไหม้นั้นมีประมาณ 150 ไมล์ รถม้าคันนี้ก็ค่อนข้างเร็วเช่นกัน และต่อให้มันเดินช้าๆ, มันก็สามารถเดินทางได้สามสิบไมล์ในหนึ่งชั่วโมง หลังจากผ่านไปสี่ชั่วโมง, เทือกเขามอดไหม้ก็เข้ามาในระยะ

 

เอานี่, ลิงค์ได้อ่านหัวใจแห่งหุ่นเชิดจบแล้ว เขาถอนหายใจด้วยความพึงพอใจ “ช่างเป็นหนังสือที่ดีจริงๆ มีข้อผิดพลาดเล็กน้อย, แต่มันก็ไม่ได้สงผลกับความรู้ที่เก็บเอาไว้เลย”

 

ดวงตาสีม่วงอ่อนของมิลด้าเบิกกว้าง “ท่านอ่านจบแล้วหรอ?”

 

“ส่วนใหญ่นะ, มีส่วนเฉพาะบางจุดที่ผมต้องลงลึกเข้าไปในรายละเอียดในตอนที่ผมกลับ”

 

พอได้ฟังแบบนี้, ไฮเอลฟ์ทั้งสองคนก็มองหน้ากันแล้วจากนั้นก็อ้าปากเหวอใส่ลิงค์ราวกับว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาด

 

หัวใจแห่งหุ่นเชิดนั้นถูกเขียนโดยจอมเวทย์ไฮเอลฟ์ที่มีชื่อเสียง เขามีเลเวล 9, และหนังสือเล่มนี้ก็มีชื่อในเรื่องความคลุมเครือในเกาะรุ่งอรุณ นักเวทย์ส่วนใหญ่ต้องอ่านมันด้วยความเชื่อที่จะต้องเดินทางอย่างยากลำบาก พวกเขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งปีในการทำความเข้าใจแนวคิดพื้นฐาน

 

แต่ว่าตอนนี้, นักเวทย์มนุษย์คนนี้ใช้เวลาแค่สี่ชั่วโมงในการอ่านมัน มันช่างน่ากลัวจริงๆ

 

มิลด้าก็อ่านหนังสือเล่มนี้เหมือนกัน, แต่เธอต้องดิ้นรนกับมัน พอเห็นว่าลิงค์ผ่อนคลายขนาดไหน, เธอก็รู้สึกไม่เชื่อ พอรับหนังสือกลับมา, เธอก็ชี้ไปที่สมการมานาจุดนึงแล้วถาม “ท่านคิดว่าสมการมานามิติเท่ากันนี้มีไว้ใช้เพื่ออะไร?”

 

“เพื่อจัดการสติปัญญาของหุ่นเชิดเวทมนตร์” ลิงค์ตอบตามความจริง จากนั้นเขาก็พูดต่อ “อันที่จริง, มันมีข้อผิดพลาดเล็กๆอยู่นะ สติปัญญาของหุ่นเชิดเวทมนตร์ที่ถูกสร้างด้วยสมการนี้จะมีการปิดกั้นเหตุผลในบางครั้ง ผมคิดว่าถ้าคุณเปลี่ยนมันเป็นแบบนี้, มันอาจจะได้ผลนะ, แต่ตอนนี้มันก็เป็นแค่ความคิดเท่านั้นแหล่ะ…”

 

ลิงค์เริ่มพูดอย่างมีความสุขในขณะที่ไฮเอลฟ์ทั้งสามคนฟังด้วยความสับสน มิลด้าสามารถเข้าใจมันได้บ้าง จากสิ่งที่เธอเข้าใจ, ลิงค์พูดถูก

 

“โอเค, นักเวทย์มิตินี่เป็นสัตว์ประหลาดกันทุกคนเลยสินะ!” มิลด้าปิดหนังสือ ตอนนี้เธอรู้ถึงพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์ของลิงค์แล้ว

 

โรมิลสันก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน ขณะที่เกาหัว, เขาก็ถามอย่างเจ็บปวด “ท่านลิงค์, เวทย์มิติอันนั้นเอามาจากสมการไหนหรอครับ?”

 

ลิงค์ยักไหล่ “พูดตามตรง, เวทย์ของผมนั้นเกี่ยวข้องกับผลลัพธ์ทั้งหมดจากยี่สิบหน้าสุดท้าย ถ้าคุณสนใจ, ผมสามารถชี้ให้ดูได้นะ…”

 

โรมิลสันรีบหยุดเขาอย่างรวดเร็ว “ขอบคุณครับ, แต่ไม่ต้องดีกว่า ผมจะใช้เวลาดูเอง, จริงๆนะ”

 

เขายิ่งยอมแพ้หนักขึ้นไปอีก, ถ้าครึ่งแรกยากขนาดนี้, เขารู้สึกปวดไมเกรนขึ้นมาเลยจากการคิดถึงผลลัพธ์ของยี่สิบหน้าสุดท้าย

 

ฉันว่าฉันเรียนแค่เวทย์ธาตุของฉันต่อไปจะดีกว่า ฉันจะไม่มีวันแตะต้องเวทย์มิติอีกครั้ง! ฉันทำให้ตัวเองอับอายในสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟแล้วยังไงหล่ะ? มันก็ยังดีกว่าฆ่าตัวตายจากสิ่งนี้นั่นแหล่ะหน่า

 

ในตอนนี้, รถม้าได้มาถึงเทือกเขามอดไหม้แล้ว หลังจากหายไปหนึ่งสัปดาห์, ก็มีหลายๆสิ่งเปลี่ยนแปลงไปมากมาย

 

หินที่อยู่รอบๆได้ถูกไถลงไปในดิน, ผู้คนเริ่มปลูกพืช, และมีใบไม้เพิ่มขึ้นบนพื้นดินที่แห้งแล้ง ดินที่ถูกไถนั้นอุดมสมบูรณ์มากๆ, มีวัชพืชกับต้นกล้าเจริญเติบโตเต็มไปหมด

 

มีที่พักอาศัยเพิ่มขึ้นในบริเวณโดยรอบเช่นกัน บ้านจากธรรมชาติได้ถูกสร้างขึ้น, รวมทั้งกระท่อมและเต้นท์ที่ทำจากหนังสัตว์ ในแวบแรก, มันดูเหมือนกับเมืองเล็กๆ

 

จากระยะไกลๆ, โครงสร้างพื้นฐานของหอคอยเวทมนตร์ได้ถูกสร้างขึ้นแล้ว มีนักเวทย์และคนงานจำนวนนึงวิ่งวุ่นอยู่แถวๆนั้น ทุกอย่างกำลังเจริญขึ้น

 

มิลด้ากับไฮเอลฟ์ก็เห็นหอคอยเวทมนตร์ มิลด้าวิเคราะห์แล้วพูด “ดูเหมือนว่าท่านจะมีคนงานไม่พอนะ โรมิลสัน, อัลลาร์, ทั้งสองคนคอยอยู่ช่วยที่นี่ซะ”

 

ในเมื่อมันเป็นคำสั่งขององค์หญิง, ไฮเอลฟ์ทั้งสองจึงพยักหน้า

 

ลิงค์ก็ต้องการแบบนี้เหมือนกัน, แล้วเขาก็ขอบคุณเธออย่างซาบซึ้ง ขณะที่เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า, เขาก็ตระหนักได้ว่ากำลังจะมืดแล้ว “องค์หญิง, มันใกล้จะมืดแล้ว ในเมื่อพวกเรามาถึงหมู่บ้านของผม, ทำไมไม่พักที่นี่สักคืนแล้วค่อยออกเดินทางพรุ่งนี้หล่ะ?”

 

แน่นอนว่ามิลด้าเห็นด้วย

 

รถม้าเดินทางเข้าไปในทุ่งมอดไหม้และหยุดที่หน้าตึกจัดการ ในตอนที่พวกเขาลงมา, โจชัวร์, กับพวกเสมียน, ก็ได้ออกมาให้การต้อนรับพวกเขา เขาพูดกับลิงค์ “นายท่าน, ในที่สุดท่านก็กลับมาซักที มีจดหมายเวทย์มนตร์มาถึงท่านครับ”

 

โจชัวร์ส่งจดหมายที่หุ้มด้วยหนังวัวให้กับลิงค์ ขณะที่กำลังชำเลืองมองมัน, คิ้วของลิงค์ก็ขมวดแน่นเพราะมีรูนแห่งความมืดติดอยู่ด้วย ออร่าแห่งความมืดแผ่ออกมาจากมัน

 

ใครส่งจดหมายแบบนี้ให้เขากัน? แวนซ์หรอ? ไม่หรอก, ไอแก่นั่นไม่มีวันทำเรื่องที่ไม่น่าเชื่อถือแบบนี้เพราะมันจะทำให้ลิงค์มีปัญหา การเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์แห่งความมืดจะเป็นปัญหาสำหรับเขา

 

ขณะที่เขากำลังคิดอยู่, มิลด้าเองก็ลงมาจากรถม้า สายตาของเธอถูกดึงดูดด้วยจดหมาย

 

“มีปัญหากับจดหมายฉบับนี้สินะ” มิลด้าพูดตรงๆ, รอคำอธิบายจากลิงค์

 

มันไม่ใช่แค่มิลด้า, โรมิลสันกับอัลลาร์เองก็มองลิงค์ด้วยความสงสัยตามสัญชาติญาณ

 

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset