Advent of the Archmage – ตอนที่ 25: จอมพลไร้พ่าย

ความเงียบตกอยู่กับพวกเอลฟ์ที่อยู่ใต้กำแพง พวกมันเริ่มถอยกลับไปจนเกินขอบเขตของพลธนูชาวมนุษย์

 

หลังจากนั้นประมาณสิบนาที, ลอร์ดก็เดินออกมาจากท่ามกลางพวกมัน

 

สีแดงจางๆเป็นประกายส่องแสงสว่างออกมาจากชุดที่มันสวม; และอีกที่ที่คล้ายกันแต่แสงจ้ากว่าจากอาวุธของมัน แสงจากอาวุธของมันหนาแน่นมาก, มันดูเหมือนกับว่ามันอาจจะระเบิดได้ทุกเมื่อ

 

มันก้าวมาข้างหน้าและชี้ดาบของมันไปที่เมือง น้ำเสียงที่ลุ่มลึกของมันดังก้องไปทั้งสนามรบ

 

“มันถึงเวลาแล้วที่จะจบเรื่องทั้งหมดนี้!”

 

ก่อนทีมันจะพูดจบ, ดาร์กเอลฟ์แม่ทัพทั้ง 5 ตัวก็เดินออกมาจากข้างหลังของมัน, ทุกตัวต่างก็ห่อหุ้มเอาไว้ด้วยชุดเกราะคุณภาพดี พวกมันเรืองแสงออกมาด้วยออร่าต่อสู้ที่มีสีแตกต่างกัน จากความสว่างไสวของออร่าของพวกมัน, ก็สามารถบอกได้เลยว่าพวกมันทุกตัวแข็งแกร่งมากๆ

 

แนวหน้าของป้อมปราการแบล็คไอรอนได้มาถึงเรียบร้อยแล้ว และกำลังเสริมก็จะมาถึงในเร็วๆนี้, ทำให้กองทัพของพวกดาร์กเอลฟ์เหลือเวลาอยู่ไม่มาก ลอร์ด ไม่คิดจะทดสอบความแข็งแกร่งของพวกแกลดสโตนแล้ว มันจะรวบรวมกองกำลังของมันและยึดเมืองอย่างรวดเร็ว

 

“เหล่านักรบ, ตามข้ามา!”

 

ลอร์ด พุ่งไปตัวแรก, และเหล่าแม่ทัพของมันก็รีบตามไป ตัวนึงตามหลังมันไปติดๆ ขณะที่อีก 4 ตัวที่เหลือกระจายกันออกไปโจมตีจุดที่แตกต่างกันของกำแพงเมือง

 

คนของพวกมันส่วนใหญ่เป็นนักรบเลเวล 3, และยังมีเลเวล 4 อีก 1 ตัวอยู่ท่ามกลางพวกมัน ด้วยการโจมตีของแม่ทัพทั้งห้าจากห้าตำแหน่งที่แตกต่างกัน พวกมันก็จะไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้

 

แถมพวกมันยังมีเหล่าดาร์กเอลฟ์นักรบตามมาอีกจำนวนนับไม่ถ้วน

 

ถ้ามีแม่ทัพตัวไหนที่ยึดตำแหน่งบนกำแพงได้อย่างสมบูรณ์, ดาร์กเอลฟ์นักรบจำนวนนับไม่ถ้วนก็จะกรูกันไปที่นั่นเพื่อขยายอาณาเขตของพวกมัน แล้วพอต่อกรกับการป้องกันที่อ่อนแอของพวกมนุษย์ได้, พวกมันก็จะสามารถยึดเมืองได้ด้วยจุดทะลวงเพียงแค่จุดเดียว

 

บนกำแพงเมือง, อำนาจสั่งการได้ถูกส่งไปให้นักรบที่แข็งแกร่งที่สุดของฝั่งมนุษย์ – มิ้งซ์

 

ส่วนสูงของเขาและแสงของเวทย์มนตร์เกราะหินได้ดึงดูดสายตามากมาย เขาได้รับจุดยืนท่ามกลางเหล่าทหารชาวมนุษย์ ด้วยการจัดการกับแม่ทัพดาร์กเอลฟ์ที่แข็งแกร่งจนตกลงไปจากกำแพงเมื่อก่อนหน้านี้

 

ในฐานะนักฆ่า, แอนนี่ ได้ทำตัวกลมกลืนเข้าไปในความมืด ด้วยการอยู่ในความมืดเท่านั้นถึงจะทำให้เธอแสดงความสามารถออกมาได้เต็มที่

 

มิงซ์ เห็นความหายนะตอนที่ ลอร์ด ปรากฏตัวออกมา

 

ในฐานะพันตรีในป้อมปราการแบล็คไอรอน, เขาเคยเข้าไปดูรายชื่อของนายพลดาร์กเอลฟ์ในปัจจุบัน และตัวที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขา, ที่เปล่งประกายออกมาด้วยออร่าต่อสู้สีแดงเข้ม และมีส่วนสูงประมาณ 190 เซนติเมตร พร้อมทั้งถือดาบใหญ่สีแดงเลือด, เห็นได้ชัดว่านั่นคือ ลอร์ด, จอมพลที่อายุน้อยที่สุดของพาลิค, อาณาจักรของพวกดาร์กเอลฟ์

 

ลอร์ด, เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในฐานะปีศาจกระหายเลือด, เพราะมันมีชื่อเสืองในด้านความโหดเหี้ยมและไร้ซึ่งความปราณี ในช่วงที่มันยังหนุ่ม, มันมักจะโจมตีหมู่บ้านของพวกมนุษย์, และทิ้งไว้เพียงแค่ร่องรอยของความตายเพียงเท่านั้น

 

มันเป็นคนที่น่ารังเกียจ, มันไม่ได้ทำแค่สังหารหมู่เหยื่อของมันเท่านั้น, แต่มันยังมีความสุขกับการได้ทรมานพวกเขา การถูกมันจับไปนั้นนับว่าเป็นความหายนะอย่างแท้จริง

 

เหตุที่ ลอร์ด สามารถทำเรื่องที่ชั่วช้าที่สุดเท่าที่มันจะทำได้ ก็เพราะมันเป็นนักรบที่แข็งแกร่งเลเวล 6 แถมมันยังมีอาวุธระดับอีพิค บลัดไพรด์

 

ส่วน มิ้งซ์ เป็นแค่นักรบเลเวล 4 ไม่มีทางที่เขาจะต่อกรกับ ลอร์ด ได้!

 

แต่นี่เป็นสงคราม สงครามไม่ได้ให้โอกาสใครในการเลือกฝ่ายตรงข้ามของพวกเขา เขาได้เตรียมใจที่จะสู้จนตัวตายมาแล้ว ตั้งแต่ตอนที่เขาขี่กริฟฟินเข้ามาในแกลดสโตนในคืนนี้

 

ระหว่างที่เขาคิด, เขาได้สั่งนักรบเลเวล 3 สองคนที่อยู่ข้างๆเขา “พวกเราทั้งสามคนจะต้องหยุดมันไว้ให้ได้! ต้องยื้อให้นานที่สุดเท่าที่พวกเราจะสามารถทำได้!”

 

“ครับ, พันตรี!” นักรบทั้งสองคนสวมการแสดงออกที่หนักแน่นเอาไว้ พวกเขารู้อยู่แก่ใจดีอยู่แล้วว่าความตายของพวกเขาอยู่ใกล้ๆแล้ว

 

“ส่วนคนอื่นๆ, กระจายกำลังออกไปเป็นสามกลุ่ม แต่ละกลุ่มให้ไปยังแต่ละจุดที่พวกดาร์กเอลฟ์แม่ทัพอยู่ แล้วก็ แอนนี่ ช่วยสนับสนุนพวกเขาเท่าที่เธอจะสามารถทำได้ที” มิ้งซ์ รีบจัดแผนของเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่เขาจะสามารถทำได้

 

พวกทหารรับคำสั่งของเขาในทันที

 

พอเห็นว่า ลอร์ด ได้เข้ามาในระยะธนูของพวกเขาแล้ว, มิงซ์ ก็ตะโกนออกมา, “ยิง! ยิงตัวที่ถือดาบสีแดงซะ!”

 

ลอร์ด คิดไว้ไม่มีผิด นักธนูที่ถูกฝึกมาได้เล็งหน้าไม้ของพวกเขามาที่มัน ลูกดอกขนาดยักษ์ได้แล่นตรงมาที่ ลอร์ด ท่ามกลางเสียงดังกระหึ่ม

 

“เหอะ, ตลกสิ้นดี!” ลอร์ด เยาะเย้ย

 

น้ำเสียงของมันเปล่งออกมาดังกึกก้องไปทั่วสนามรบ, ทำให้นักรบชาวมนุษย์ได้รับแรงกดดันเป็นอย่างมาก และในขณะเดียวกันก็มันเพิ่มขวัญกำลังใจของกองทัพของมันด้วย

 

ลอร์ด ไม่แม้แต่จะพยายามหลบลูกดอกยักที่พุ่งมาที่มัน มันเหวี่ยงดาบของมันและเผชิญหน้ากับห่าลูกดอกตรงๆ

 

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! เสียงการปะทะดังขึ้นมาไม่รู้จบ ด้วยการปะทะกันแต่ละครั้ง, บลัดไพรด์ที่ ลอร์ด ถืออยู่ก็ลุกไหม้ขึ้นด้วยแสงสีแดง, ทำลายลูกดอกหน้าไม้ไปกว่าครึ่ง!

 

พอ มิ้งซ์ ได้เห็นมัน, หัวใจของเขาก็เต้นระรัว พละกำลังที่ได้เห็นนั้นมันอยู่เหนือกว่าพลังของเขาเป็นอย่างมาก

 

ฉันอาจจะถูกฆ่าจริงๆสินะ มิงซ์ หัวเราะอย่างเจ็บปวดอยู่ในใจ

 

จอมพลดาร์กเอลฟ์ตัวนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่า อัลลองส์ จากป้อมปราการแบล็คไอรอนซะอีก มันมีอาวุธเวทย์มนตร์อันน่าเกรงขามที่ อัลลองส์ ขาดไป แถมมันยังเด็กกว่าและแข็งแร็งกว่า อัลลองส์, มิ้งซ์ มั่นใจว่าในการต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่ง, คนที่จะตายนั้นต้องเป็นจอมพล อัลลองส์ แน่ๆ

 

ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามของเขากำลังเข้าไกล้มาเรื่อยๆ, เขาก็ตะโกนออกมา “ยิง, ชะลอมันเอาไว้!”

 

นักธนูบนกำแพงเมืองยิงลูกธนูของพวกเขาลงมาที่ ลอร์ด ลูกศรพุ่งเข้าใส่มันด้วยเสียงดังสนั่น, แทบจะไม่มีที่ว่างให้มันพอหลบได้

 

แต่การป้องกันของ ลอร์ด ก็ยังคงน่าเหลือเชื่อ บางทีมันอาจจะยังคงระวังลูกดอกของหน้าไม้อยู่, แต่มันก็ไม่สนใจลูกธนูธรรมดาๆโดยสิ้นเชิง

 

มันยกมือขึ้นอย่างไม่สนใจเพื่อป้องกันลูกธนูบางส่วนที่อาจจะเป็นภัยคุกคาม แต่มันก็ปล่อยให้ลูกธนูที่เหลือแล่นลงไปที่เสื้อเกราะของมัน

 

ติ้ง! เคร้ง! ลูกศรโถมเข้าใส่มันด้วยเสียงดังวุ่นวาย ห่าลูกศรได้ทิ้งจุดสีขาวไว้บนเสื้อเกราะของ ลอร์ด, ซึ่งเป็นสัญญาณเดียวว่ามันเพิ่งจะถูกโจมตี แต่ลูกดอกธรรมดาก็ไม่ใช่ภัยคุกคามสำหรับมัน

 

ลอร์ด รีบพุ่งเข้าไปจนถึงระยะ 130 ฟุตจากเมือง แล้วมันก็หยุด, พร้อมทั้งให้แม่ทัพที่อยู่ข้างหลังมันขึ้นมานำแทน

 

“นำหน้าไปซะ, แล้วเดี๋ยวข้าไล่ตามไปทีหลัง!” มันแนะนำ

 

มันเป็นทั้งจอมพล, หัวหน้า, และขวัญกำลังใจของกองทัพ – ซึ่งไม่ควรจะมีอะไรเกิดขึ้นกับมัน การโจมตีเมืองด้วยตัวเองเป็นเรื่องที่เสี่ยงมาก มันจำเป็นต้องให้ใครสักคนดึงห่าลูกธนูออกไปให้

 

“ครับ, ท่านจอมพล!” แม่ทัพดาร์กเอลฟ์พยักหน้าและพุ่งไปที่กำแพงเมืองโดยไม่มีความลังเลเลยสักครั้ง

 

ฟู่ว ฟู่ว ฟู่ว เหล่าแม่ทัพโยนตะขอจำนวนมากขึ้นไปเกี่ยวกับกำแพง ภายในเวลาไม่กี่วินาทีต่อมา, เชือกที่คงทนกว่า 20 เส้นก็ได้แขวนอยู่กับสิ่งก่อสร้างที่ทำด้วยหิน, ซึ่งทำให้เหล่าดาร์กเอลฟ์นักรบไหลผ่าน ลอร์ด ไปและปืนขึ้นไปบนกำแพงเมือง

 

นักรบชาวมนุษย์โดยเฉลี่ยนั้นมีฝีมือพอๆกับดาร์กเอลฟ์นักรบ บางทีนักรบชาวมนุษย์อาจจะมีความได้เปรียบในแง่ของพละกำลัง, แต่พวกดาร์กเอลฟ์ก็มีความว่องไวกว่าเล็กน้อย พวกเขามีโอกาสแพ้ชนะพอๆกันในตอนที่พวกเขาเผชิญหน้ากัน

 

แต่พวกดาร์กเอลฟ์นักรบที่อยู่บนกำแพงก็มีอยู่มากเกินไป – แถมยังมีแม้กระทั่งดาร์กเอลฟ์นักรบเลเวล 4 อยู่ท่ามกลางพวกมันและนักรบเลเวล 6 จ้องมาที่พวกเขาจากข้างล่างกำแพง

 

เหล่านักรบชาวมนุษย์ไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้ ขวัญกำลังใจของพวกเขาล่วงลงมาจนถึงก้น และการป้องกันของพวกเขาก็ดูราวกับว่าจะพังทลายลงได้ทุกเมื่อ

 

นักรบเลเวล 4 ของฝ่ายศัตรูกำลังจะมาถึงพวกเขาแล้ว มิ้งซ์, รู้ว่าเขากำลังสร้างเส้นทางให้ ลอร์ด, แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากออกมาปะทะเพื่อพยายามหยุดยั้งมัน

 

เขาหันไปหา แอนนี่ ที่อยู่ในเงามืดใต้กำแพงเมือง

 

เธอไม่ได้สวมหน้ากากอีกต่อไปแล้ว ในตอนที่ มิ้งซ์ เห็นเธอกัดริมฝีปาก, ความเศร้าโศกอย่างลึกซึ้งในดวงตาสีน้ำเงินเข้มของเธอ, การรับรู้นั้นได้โจมตีเขา เขารู้ถึงสิ่งที่เธอกำลังคิด

 

หากเขาพุ่งเข้าใส่นักรบดาร์กเอลฟ์เลเวล 4 สักครั้งนึง, จอมพลที่อยู่ข้างล่างก็จะพุ่งขึ้นมาเข้าใส่เขา ไม่มีใครสามารถหยุดเอลฟ์ที่ทรงพลังตัวนั้นได้

 

เขาจะทำให้เกิดการสังหารหมู่กับพวกทหารชาวมนุษย์

 

ในตอนที่ ลอร์ด ก้าวขึ้นมาบนกำแพง, มิ้งซ์ จะต้องตายอย่างแน่นอน และทีมฆ่าตัวตายทั้งหมดก็จะตาย แอนนี่ ก็จะตาย และแกลดสโตนก็จะตกอยู่ในมือของศัตรูในชั่วพริบตา

 

จากนั้นชาวเมืองของแกลดสโตน – กว่าร้อยพันชีวิติก็จะถูกสังหารหมู่ด้วยฝีมือของปีศาจตัวนั้น

 

มันจะเป็นค่ำคืนที่น่าเศร้าที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์

 

สถานการณ์มันชัดเจนสำหรับเขา, แต่เขาก็ไร้ซึ่งกำลัง ขณะที่เขาวิ่งผ่าน แอนนี่, เขาพูด “แอนนี่, หนีไปซะ! ออกไปจากเมืองนี้!”

 

เขาเฝ้าดูเธอเติบโตขึ้นมาจนเป็นหญิงสาวที่แข็งแกร่งและภาคภูมิใจในฐานะน้องสาวอยู่เสมอ ถ้าแกลดสโตนถึงคราต้องล่มสลาย, เขาก็จะตายไปกับมันด้วย

 

แต่เขาก็ยังหวังให้ แอนนี่ มีชีวิตอยู่ต่อไป ซึ่งเขาคิดไม่ถึงเลยว่า แอนนี่ จะส่ายหัวของเธอเบาๆ, ถึงสีหน้าของเธอจะยังคงเต็มไปด้วยความเศร้าโศก แต่มันก็แฝงไปด้วยความมุ่งมั่น เธอยอมรับโชคชะตาของเธอมาตั้งนานแล้ว

 

ขณะที่โล่ของ มิ้งซ์ เข้ารับดาบของแม่ทัพดาร์กเอลฟ์ เสียงหัวเราะป่าเถื่อนของดาร์กเอลฟ์จอมพลก็ดังขึ้นมาจากข้างล่างกำแพงเมือง “5555555 มาทำให้ดอกไม้ของเลือดสดๆเบ่งบานกันดีกว่า!”

 

ร่างของมันเบลอจนกลายเป็นหมอกสีแดง, มันพุ่งไปที่กำแพงและเตรียมที่จะไต่ขึ้นมา

 

ความสิ้นหวังได้กัดกินหัวใจของนักรบชาวมนุษย์

 

ไม่มีใครสังเกตุเห็นเงาหนึ่งที่ย่องเข้ามาที่หนึ่งในหอนักธนูที่ตั้งอยู่ระหว่างกำแพงเมือง เหล่านักธนูพูดไม่ออกตอนที่สังเกตุเห็นร่างลอยขึ้นมาหาพวกเขา

 

โชคดีที่, เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นมนุษย์, ไม่อย่างนั้นพวกเขาอาจจะถูกโจมตีแล้ว

 

“ชู่ววว,” เด็กหนุ่มยิ้มให้ขณะที่เขาทำท่าทางบอกให้นักธนูไม่ส่งเสียงออกมา แล้วหญิงสาวที่หน้าตาสวยงามมากที่ดูเหมือนจะไม่ใช่มนุษย์คนนึง, ก็ลอยขึ้นมาจากด้านหลังของเขา

 

เด็กหนุ่มคนนั้นก็คือ ลิงค์, และสาวน้อยคนนั้นก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก เซลีน ในร่างมนุษย์ของเธอ เนื่องจากเอกลักษณ์ของเธอมีความพิเศษอยู่ เธอจึงไม่คิดที่จะมีส่วนร่วมในการต่อสู้โดยตรง แต่จะทำให้ ลิงค์ ปลอดภัยแทน

 

บนหอนักธนู, ลิงค์ เห็นจอมพลดาร์กเอลฟ์ขณะที่มันเตรียมตัวที่จะปีนกำแพง

 

ใบหน้าของ ลิงค์ ยังคงใจเย็นแม้ว่ามานาจะพลุ่งพล่านอยู่ในตัวเขา ริมฝีปากของเขาเผยรอยยิ้มเล็กๆออกมาขณะที่เขาค่อยๆยกคทาคริสตัลเพลิงของเขาขึ้นมาช้าๆ

 

นักรบเลเวล 6 หรอ? ทำไมแกไม่ลองลิ้มรสระเบิดเพลิงที่ปรับปรุงมาของฉันหน่อยหล่ะ?

 

การต่อสู้ระหว่างเวทย์มนตร์กับออร่าต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้ว!

 

 

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset