Advent of the Archmage – ตอนที่ 257: น่าเสียดายจริงๆที่เจ้าไม่ใช่ไฮเอลฟ์

ที่รกร้างเฟิร์ด

 

ช่วงเวลาหลายวันมานี้ ข่าวเกี่ยวกับที่รกร้างเฟิร์ดได้แพร่กระจายออกไปเหมือนกับไฟป่า แต่เรื่องที่ดังที่สุดกลับไม่ใช่เรื่องการลอบโจมตี แต่เป็นเรื่องค่าตอบแทนอันเว่อวังที่ลอร์ดแห่งที่รกร้างเฟิร์ดเป็นคนเสนอ!

 

หัวของนักฆ่านั้นมีค่าถึง 10,000 เหรียญทอง ในขณะที่อาวุธของเขานั้นราคาชิ้นละ 20,000 เหรียญทอง ข่าวนี้มันเหมือนกับเอาเหล็กร้อนโยนลงไปในน้ำเย็น มันระเบิดและแพร่กระจายไปทั่วอาณาจักรนอร์ตันอย่างรวดเร็ว มันไปถึงแม้กระทั่งหูของคนที่เข้าถึงยากที่สุด

 

ผู้คนจำนวนมากได้มารวมตัวกันหน้าป้ายประกาศที่อยู่ด้านนอกเทือกเขามอดไหม้ทุกวัน และพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องค่าตอบแทน

 

“ถ้านักฆ่าคนนี้ยังเอาตัวรอดได้คงจะเรียกว่าปาฏิหารจริงๆ ข้าคงจะรู้สึกปลอดภัยมากที่ได้อาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนี้”

 

“ข้าพนันเลยว่าเดี๋ยวจะต้องมีคนส่งหัวของมันมาให้ภายในเวลา 1 เดือนแน่ๆ”

 

“หนึ่งเดือนมันนานเกินไป ครึ่งเดือนก็เพียงพอแล้ว!”

 

“ถ้าข้ามีทักษะการต่อสู้หล่ะก็ ข้าคงจะไปไล่ล่าพวกมันด้วยแล้ว”

 

บทสนทนาเหล่านี้เกิดขึ้นตลอดเวลาในระหว่างวัน ใครก็ตามที่ย่างเท้าเข้ามาใดดินแดนนี้, พวกเขาจะถูกป้ายประกาศนี้ดึงดูดเป็นอย่างแรก  ผู้อยู่อาศัยในเทือกเขามอดไหม้นั้นต่างก็ภูมิใจในด้านนี้ของดินแดนของพวกเขามาก

 

และสิ่งนี้ยังช่วยลดผลกระทบในแง่ลบจากการลอบโจมตีที่มีผลต่อชื่อเสียงของดินแดนได้อีกด้วย ยังไงก็ตาม มันก็ยังคงเป็นความจริงที่ดินแดนแห่งนี้ถูกศัตรูลอบโจมตี เรื่องแบบนี้จะต้องไม่มีวันเกิดขึ้นอีก

 

หนึ่งวันหลังจากการลอบโจมตี กิลเดิร์นได้ตามหาสปายของสมาคมจากกลุ่มทหารรับจ้างอย่างจริงจัง พวกนักเวทย์เองก็เร่งการก่อสร้างหอคอยเวทมนตร์ให้เร็วขึ้นเป็นสองเท่า ไฮเอลฟ์โรมิลสันเองก็เข้าร่วมทีมเพื่อทำให้ขั้นตอนนั้นสะดวกสบายขึ้น

 

เพื่อเป็นการตอบแทน ลิงค์เองก็ได้เพิ่มค่าคอมมิชชั่นให้กับพวกนักเวทย์

 

ภายใต้ความพยายามของเหล่านักเวทย์ หอคอยเวทมนตร์นั้นดูเปลี่ยนไปในทุกๆวัน ด้วยความเร็วขนาดนี้ หอคอยเวทมนตร์น่าจะสร้างเสร็จภายในเวลาครึ่งเดือน

 

สำหรับลิงค์ เขาอุทิศเวลา 2 ชั่วโมงต่อวันให้กับการจัดการงานการบริหารดินแดนของเขา จากนั้นเขาก็จะใช้เวลาที่เหลือทั้งหมดไปกับการทดลองเวทมนตร์ โดยเฉพาะทฤษฏีที่เกี่ยวกับการสร้างหุ่นเชิดเวทมนตร์

 

สามวันหลังจากการลอบโจมตี ลิงค์นั้นยังคงร่ำเรียนเกี่ยวกับการสร้างหุ่นเชิดเวทมนตร์อยู่ที่ชั้นบนสุดของอาคารบริหารตามปกติ

 

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เขาได้เจาะลึกเข้าไปในทฤษฏีที่เขียนอยู่ในหัวใจแห่งหุ่นเชิดและทฤษฏีเกี่ยวกับหุ่นเชิดของแวนซ์ หลังจากที่รวมความรู้จากหนังสือ 2 เล่มนี้เข้าด้วยกัน ทฤษฏีหุ่นเชิดที่เป็นแบบเฉพาะของเขาเองก็เริ่มที่จะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาในหัวของเขาอย่างช้าๆ

 

แต่ว่ามันก็ยังไม่พอ

 

“ฉันมีหนังสือเกี่ยวกับสาขาวิชานี้ไม่พอ ถ้าเกิดว่าฉันสามารถอ่านทฤษฏีที่เกี่ยวข้องกับหุ่นเชิดเวทมนตร์ได้มากกว่านี้และคัดเอาส่วนที่สำคัญของมันมาได้หล่ะก็ มันคงจะดีมากเลย”

 

ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษนั้นเป็นสิ่งจำเป็นในการไต่ขึ้นไปยังจุดที่สูงขึ้น ตอนนี้ลิงค์กระตือรือร้นที่จะหาความรู้พวกนี้ แต่ก็โชคร้ายที่ พื้นฐานด้านเวทมนตร์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นอ่อนแอมากๆ ลิงค์ได้มาถึงจุดสูงสุดของความรู้และความแข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์มนุษย์แล้ว ตอนนี้, เขาเป็นรองแค่นักเวทย์ไบรอันเท่านั้น

 

จากนั้นลิงค์ก็ได้ยินเสียงใครบางคนเคาะประตู

 

ลิงค์ขมวดคิ้วและเช็กดูเวลา มันเพิ่งจะบ่าย 2 เอง เขาได้สั่งคนรับใช้ของเขาว่าไม่อนุญาตให้คนอื่นมารบกวนเขาในช่วงเวลานี้ เกิดอะไรขึ้นกันนะ?

 

“มีอะไรผิดปกติหรอ?”

 

“ท่านคะ องค์หญิงมิลด้าทรงฟื้นแล้วและทรงอยากจะพบท่านค่ะ” เสียงของหญิงสาวที่อยู่ด้านหลังประตูดังขึ้น ลิงค์จำเสียงนี้ได้ มันเป็นเสียงของคนรับใช้หญิงที่เขาได้มอบหมายให้ดูแลองค์หญิงมิลด้าเป็นพิเศษ

 

มันเป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องไปเข้าเยี่ยมองค์หญิงมิลด้าในตอนที่องค์หญิงตื่นขึ้นมาแล้ว ดังนั้น, ลิงค์จึงเก็บตำราเวทมนตร์ของเขาและเปิดประตูออกมาก่อนที่จะพูดขึ้น “งั้นไปกันเถอะ”

 

องค์หญิงนั้นได้รับการปรนนิบัติเป็นพิเศษในทุกที่ที่องค์หญิงไป ซึ่งครั้งนี้องค์หญิงได้อาศัยอยู่ในบ้านเพียงหลังเดียวที่สร้างขึ้นจากหินทั่วทั้งดินแดนแห่งนี้ มันคือบ้านที่ลิงค์ได้สั่งให้พวกนักเวทย์สร้างขึ้นมาสำหรับต้อนรับการมาเยือนขององค์หญิงมิลด้า มันเป็นคฤหาสน์ 2 ชั้นที่มีระเบียงขนาดใหญ่และมีสวนเล็กๆอยู่ด้วย

 

ลิงค์เดินผ่านสวนเล็กๆที่สร้างขึ้นอย่างเร่งรีบและเข้าไปในคฤหาสน์ก่อนที่ในที่สุดเขาก็มาถึงห้องนอนชั้น 2 ในห้องนอน องค์หญิงมิลด้านั้นพิงหลังกับหัวเตียงในขณะที่คนรับใช้คอยป้อนซุบเนื้อให้เธออย่างระมัดระวัง

 

เมื่อองค์หญิงเห็นลิงค์เดินเข้ามาในห้อง องค์หญิงก็เผยรอยยิ้มออกมาและชี้ไปที่เก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกลจากเตียงเท่าไหร่ ก่อนที่จะกระซิบเบาๆ “นั่งสิ”

 

ลิงค์นั่งลงและสังเกตใบหน้าขององหญิง  เมื่อเทียบกันวันแรกที่เขาเห็นองค์หญิง ใบหน้าขององค์หญิงนั้นยังคงซีดอยู่ และดวงตาขององค์หญิงก็ไม่มีชีวิตชีวาและไร้ซึ่งความเปล่งประกาย องค์หญิงนั้นสวมชุดชุดนอนธรรมดาสีขาวและปล่อยผมสีบลอนด์ขององค์หญิงลง เมื่อไม่มีออร่าอันยิ่งใหญ่ขององค์หญิงไฮเอลฟ์ องค์หญิงก็ดูเหมือนกับหญิงสาวข้างบ้านธรรมดา แต่ก็แน่นอนว่า, รูปร่างของสาวข้างบ้านคนนี้ดูสละสลวยและงดงามมากจนเกินกว่าที่จะเชื่อว่าเป็นความจริง

 

“เรามีบางสิ่งที่อยากจะพูดกับลอร์ดลิงค์เป็นการส่วนตัว” องค์หญิงมิลด้าโบกมือให้คนรับใช้ทั้งสอง จากนั้นพวกเธอก็ก้มทำความเคารพเล็กน้อยก่อนที่จะออกไปจากห้องและปิดประตู

 

ความเงียบเข้าปกคลุมห้องอยู่หลายวินาทีก่อนที่ลิงค์จะพูดขึ้นมาด้วยความสุภาพ “ผมดีใจที่ได้เห็นองค์หญิงมีสุขภาพดีขึ้นนะครับ”

 

แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจ ในขณะที่เขาพูดคำพวกนี้ออกมา องค์หญิงก็หัวเราะและพูดขึ้น “เจ้าดีใจจริงๆหรอลิงค์? อันที่จริง, เราเพิ่งจะตื่นขึ้นเมื่อเช้านี้เอง โรมิลสันได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้เราฟังแล้ว เรานึกว่าในสายตาของเจ้า เราก็เป็นแค่องค์หญิงที่เจ้านึกอยากจะทิ้งตอนไหนก็ได้ซะอีก”

 

ลิงค์เงยหน้าขึ้นมาและมองไปที่เจ้าหญิงด้วยความตกใจ เขารู้สึกตัวว่าองค์หญิงเองก็มองมาทางเขา ดวงตาสีม่วงขององค์หญิงส่งส่องประกายด้วยความเยาะเย้ย

 

ลิงค์ไม่ได้ตกใจกับคำพูดพวกนี้เท่าไหร่นัก ในตอนที่เขาได้ตัดสินใจอย่างนั้น เขาเองก็ได้คาดการณ์เอาไว้แล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น เขาไม่ได้แก้ตัวให้ตัวเอง แต่เขาเพียงแค่เปลี่ยนหัวข้อการสนทนา “องค์หญิง เหตุผลที่ท่านเรียกผมมาที่นี่คืออะไรหรอครับ?”

 

องค์หญิงมิลด้าถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้เมื่อเห็นท่าทีของเขา

 

องค์หญิงมีความรู้สึกที่ซับซ้อนกับนักเวทย์คนนี้ องค์หญิงนั้นมีความเคารพในพรสวรรค์ทางด้านเวทมนตร์ของเขาเป็นอย่างมากและรู้สึกขอบคุณเขามากที่ช่วยชีวิตของเธอเอาไว้ ยังไงก็ตามองค์หญิงเองก็เสียใจกับตัวเลือกก่อนหน้านี้ของเขา แม้ว่าองค์หญิงจะเข้าใจถึงมุมมองของเขาในฐานะองค์หญิงของเผ่าไฮเอลฟ์ก็ตาม การศึกษาด้านการเมืองขององค์หญิงตั้งแต่ยังเล็กนั้นได้บอกเธอว่าการตัดสินใจของลิงค์ถูกต้องแล้ว  ถ้าเกิดว่าเธออยู่ในสถานการณ์นั้น เธอก็คงจะทำแบบเดียวกัน แม้ว่า, เธออาจจะไม่สามารถทำให้มันสมบูรณ์แบบได้เท่าลิงค์ก็ตาม

 

“เราขออภัยให้กับการกระทำของเราในคืนนั้นด้วย เราไม่ควรสงสัยในตัวเจ้าเลย” ในท้ายที่สุด องค์หญิงมิลด้าก็พูดประโยคที่ไม่คาดคิดออกมา

 

จากนั้นลิงค์ก็มองไปที่องค์หญิงอย่างตกใจ จากการตอบสนองขององค์หญิงในวันนั้น เขาคิดว่าเธอจะเป็นเหมือนกับโรมิลสัน เป็นเพียงแค่นักเวทย์รุ่นใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ในการจัดการกับเรื่องต่างๆ การะเยาะเย้ยขององค์หญิงก่อนหน้านี้ได้ช่วยยืนยันข้อสงสัยของเขา ยังไงก็ตาม การขอโทษอย่างกะทันหันของเธอก็ได้ทำให้ทัศนคติด้านลบที่มีต่อองค์หญิงหายไป

 

องค์หญิงนั้นดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเด็กเหลือขออย่างโรมิลสัน ตอนนี้ลิงค์มีทัศนคติที่ดีขึ้นต่อองค์หญิงแล้ว

 

“ท่านไม่ต้องขอโทษหรอก ถ้าเกิดว่าผมตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น ผมเองก็คงไม่เชื่อใจตัวอีกฝ่ายเหมือนกัน” ลิงค์พูด

 

“แน่นอน แต่เจ้าคงไม่ออกไปในทันที่เหมือนอย่างที่เราทำหรอก” องค์หญิงมีสีหน้าเกลียดชังตนเอง “ถ้าเจ้าเจอสถานการณ์แบบเดียวกัน เจ้าคงไม่แสดงท่าทีไม่พอใจหรือไม่เชื่อใจ เจ้าอาจจะแสดงการสนับสนุนอีกฝ่ายด้วยซ้ำ ถ้ามันเป็นการเข้าใจผิด อีกฝ่ายก็จะรู้สึกขอบคุณที่เจ้าเชื่อใจ และต่อให้อีกฝ่ายเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์แห่งความมืดจริง การสนับสนุนและเชื่อใจของท่านก็จะได้ชื่อเสียงในทางที่ดี และคนอื่นๆก็จะจำลักษณะนิสัยของท่านได้ เราพูดถูกใช่ไหมหล่ะ?”

 

ลิงค์คิดอยู่พักนึงก่อนที่จะพยักหน้า

 

ถ้าเกิดว่าเขาติดอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นเข้าจริงๆ เขาก็คงจะจัดการในแบบที่องค์หญิงพูด

 

มันอาจจะดูโง่ที่เชื่อใจใครบางคนแบบไม่มีเงื่อนไข ยังไงก็ตาม มันก็เป็นการลงทุนที่ชาญฉลาด ตราบใดที่คนนึงลงทุนมากพอในการป้องกันตัวเองและวางแผนอย่างระมัดระวัง พวกเขาจะกลายเป็นผู้ชนะอย่างท่วมท้นในการแลกเปลี่ยนนี้

 

การใช้กลยุทธ์แบบนี้จะทำให้คุณได้พรรคพวกที่ซื่อสัตย์ถ้าเกิดว่าคุณเดินตามเส้นทางแห่งพลัง

 

ในอีกด้านหนึ่ง การกระทำขององค์หญิงมิลด้านั้นดูเฉลียวฉลาดและน่าชื่นชมในการมองครั้งแรก ยังไงก็ตาม ถ้าเกิดว่าองค์หญิงเดินตามเส้นทางนี้ต่อ พรรคพวกของขององค์หญิงก็จะทรงลดลงอย่างช้าๆ และในที่สุดองค์หญิงก็จะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว

 

ความแต่งต่างระหว่างตัวเลือกทั้งสองนี้อยู่ที่ความใจกว้างของคนๆนั้น

 

หลังจากถอนหายใจออกมายาวๆ องค์หญิงมิลด้าก็พูดด้วยสีหน้าเศร้าโศก “เจ้าไม่เหมือนกับเรา เราไม่เพียงแค่ทำให้เจ้าขุ่นเคืองเท่านั้น เรายังทำให้อัลลาร์ต้องเสียชีวิตอีกด้วย หนำซ้ำเรายังเกือบตายในเหตุการณ์นั้นอีก เรารู้สึกกลัวมากเมื่อย้อนกลับไปดูการกระทำของเรา”

 

มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ลิงค์จะตอบกลับประโยคนี้!

 

หลังจากคิดอยู่ซักพัก เขาก็ทำได้แค่ปลอบ “ทุกคนก็เคยทำผิดพลาดกันทั้งนั้นแหล่ะครับ มันไม่เป็นไรหรอกถ้าเราสามารถเปลี่ยนมันให้ดีขึ้นได้”

 

องค์หญิงมิลด้าหัวในเราะระหว่างที่เธอพูด “ดูสิ เจ้ามักจะเลือกตัวเลือกที่ดีที่สุดตลอดเลย ในตอนที่เจ้าเข้าห้องนี้มาครั้งแรก เราโกรธที่เจ้าตัดสินใจทำแบบนั้นและอดใช้น้ำเสียงเยาะเย้ยในการคุยกับเจ้าไม่ได้ แม้ว่าความจริงเราจะรู้อยู่แล้วก็ตามว่ามันผิด แต่ว่านะ, เจ้าไม่ได้ทำแบบนั้นเลย เจ้ายังคงมาช่วยเราในตอนจบแม้ว่าเราจะสงสัยในตัวเจ้าก็ตาม เจ้าปลอบเราแม้กระทั่งในตอนที่เราหยาบคายกับเจ้าเมื่อสักครู่นี้ เราหล่ะสงสัยจริงๆ นี่เจ้าไม่มีอารมณ์อะไรเลยอย่างนั้นรึ? ”

 

ลิงค์ขมวดคิ้ว เขาไม่ต้องการที่จะพูดกับองค์หญิงมากเกินจำเป็น จากนั้นเขาก็พูดขึ้น “องค์หญิง นี่ท่านเรียกผมมาเพราะเรื่องแค่นี้งั้นหรอ…”

 

เขาเกือบที่จะพูดคำว่า “ไร้สาระ” ไปแล้วแต่เขาห้ามตัวเองทัน

 

องค์หญิงมิลด้ายิ้มกว้างเมื่อเห็นสีหน้าของเขา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังมีอารมณ์อยู่บ้างนะ เจ้าไม่อ่อนข้อให้กับหญิงสาวไร้ประสบการณ์อย่างเราเลย โอเค ถ้างั้น เราจะหยุดพูดเรื่องไร้สาระไว้เท่านี้ นี่คือสิ่งที่เราต้องการจะพูด เรารู้สึกว่าเจ้าเป็นพรรคพวกที่คุ้มค่าต่อการเชื่อถือสำหรับการช่วยเหลืออันแข็งแกร่งของไฮเอลฟ์”

 

ลิงค์ยักคิ้วขึ้น นี่เป็นผลลัพธ์ที่เขาไม่ได้คาดเอาไว้

 

“เจ้าประหลาดใจสินะ?”

 

“มันเป็นสิ่งที่ผมคิดไม่ถึงจริงๆ” ลิงค์ได้ตกใจกับหญิงสาวคนนี้ที่อยู่ๆก็มีวุฒิภาวะขึ้นมา

 

จากนั้นองค์หญิงมิลด้าก็พูดอย่างอ่อนโยน “แม่ของเราเคยพูดเอาไว้ว่าถ้าไฮเอลฟ์ต้องการที่จะอยู่อย่างแข็งแกร่งตลอดไปหล่ะก็ พวกเราต้องมีพรรคพวกที่ไว้ใจได้ พรรคพวกที่ไว้ใจได้ไม่ใช่คนที่จะจงรักภักดีกับเราตลอดไป เพราะว่าคนแบบนั้นไม่มีอยู่จริง พรรคพวกที่ไว้ใจได้ก็คือ คนที่ได้ประโยชน์จากการร่วมมือกันและมีความสนใจร่วมกัน นี่เป็นหนทางเดียวที่จะทำให้การร่วมมือกันเป็นไปได้นาน และเจ้าก็เป็นบุคคลที่เราตามหาอยู่”

 

การร่วมมือกันระหว่าง 2 เผ่าพันธุ์นั้นไม่เคยมีการติดต่อทางเดียวหรือการแลกเปลี่ยนที่ไม่เท่าเทียม และต่อให้มันมี, มันก็จะทำให้เกิดความสงสัยและความโกรธในเวลาต่อมา

 

จากนั้นลิงค์ก็พยักหน้าพร้อมออกความเห็น “องค์ราชินีทรงมีสติปัญญาล้ำเลิศจริงๆ”

 

ในตอนที่ลิงค์พูดถึง แม่ขององค์หญิง ใบหน้าขององค์หญิงก็เต็มไปด้วยความภูมิใจ องค์หญิงพูดต่อ “เจ้าเป็นนักเวทย์ที่สมบูรณ์แบบจริงๆ เราได้ยินมาว่าเจ้าร่ำเรียนเวทมนตร์แทบจะตลอดทั้งวันเลยรึ?”

 

“แน่นอนครับ”

 

จากนั้นองค์หญิงก็หัวเราะและพูดขึ้น “เราจะพูดตรงๆนะ แม้ว่า,เผ่าพันธุ์มนุษย์จะวิจัยเวทมนตร์ไปได้บางส่วนแล้ว แต่เวทมนตร์โดยทั่วไปที่พวกเจ้ามีนั้นยังหยาบและเปราะบางมาก พวกเจ้ายังไม่สามารถสร้างตำราเวทมนตร์เลเวล 8 ได้ด้วยซ้ำ ต่อให้พวกเจ้ามีทักษะทางเวทมนตร์ที่แข็งแกร่ง พวกเจ้าส่วนมากก็ไปได้ถึงแค่เลเวล 7 เท่านั้น”

 

ลิงค์รู้สึกว่าบางอย่างที่ยิ่งใหญ่กำลังเกิดขึ้นและเขาก็นั่งตัวตรงมองไปที่องค์หญิง

 

องค์หญิงมองไปที่เขาในขณะที่ยืดตัวตรงและเม้มริมฝีปากเล็กน้อยก่อนที่จะพูดขึ้น “ด้วยเหตุนี้ เราจึงอยากจะขอเชิญเจ้าไปเที่ยวที่เกาะแห่งรุ่งอรุณ พวกเรามีห้องสมุดเวทมนตร์อยู่บนเกาะซึ่งประกอบไปด้วยความรู้ทางเวทมนตร์ของชนเผ่าที่ได้สะสมมาตลอดหลายปี หากเจ้ามีเวลา เจ้าสามารถพักอยู่ที่นั่นได้ประมาณ…3 เดือน”

 

ลิงค์นั้นถูกใจกับข้อเสนอนี้จริงๆ ดวงตาของเขาเลิกขึ้นในขณะที่โค้งคำนับให้กับองค์หยิงด้วยความเคารพก่อนที่จะพูด “นับว่าเป็นเกียรติอย่างสูงครับ”

 

จากนั้นองค์หญิงก็หยิบหนังสือเวทมนตร์เล่มใหม่ที่ชื่อว่าอิสระและหุ่นเชิดออกมา “นี่เป็นหนังสือที่เขียนขึ้นโดยนักเวทย์ระดับตำนานของเผ่าพันธุ์ของเรา ราฟาเอล หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับหุ่นเชิดเวทมนตร์ เจ้าน่าจะต้องการมันนะ”

 

ลิงค์นั้นตื่นเต้นและเปิดหนังสือดูในทันทีที่เขาได้รับมันมา หลังจากที่อ่านไปหลายหน้า เขาก็รู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยความรู้ที่ยังไม่ถูกค้นพบ ที่เขาไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นไปได้เลย ยังไงก็ตาม เขาเองก็มีคำถาม

 

 

“องค์หญิง ทำไมพระองค์ถึงทรงมีหนังสือเวทมนตร์อยู่กับตัวมากมายขนาดนี้หล่ะ?”

 

องค์หญิงมิลด้ายิ้มและพูด “จริงๆแล้วเราเอาห้องสมุดเล็กๆมากับเราด้วย เรามีแบบคัดลอกของหนังสือเวทมนตร์ชื่อดังมากมายที่มีอยู่ในเกาะรุ่งอรุณ”

 

ลิงค์นั้นอิจฉาความสามารถในการเข้าถึงความรู้ขององค์หญิงมากๆ ไฮเอลฟ์นั้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่สร้างขึ้นมาจากพื้นฐานของเวทมนตร์จริงๆ และพวกเขาก็มีหนังสือเวทมนตร์มากกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์อีกด้วย

 

องค์หญิงมิลด้าได้แต่ทรงหัวเราะให้กับสีหน้าของลิงค์ และเธอก็พูดต่อ “ลิงค์ มันช่างน่าเสียดายจริงๆที่เจ้าไม่ใช่ไฮเอลฟ์ ถ้าไม่เช่นนั้น เจ้าคงจะกลายเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้กลายเป็นนักเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าพันธุ์เราไปแล้ว”

 

ลิงค์ทำได้แค่ไม่สนใจกับประโยคสุดท้ายขององค์หญิงเพราะว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะกลายเป็นไฮเอลฟ์  เขานั้นกระตือรือร้นพร้อมที่จะดำลึกเข้าไปในปริศนาของหนังสือเวทมนตร์ที่เขาเพิ่งได้มา หลังจากที่บอกให้องค์หญิงดูแลร่างกายของตัวเองให้ดี เขาก็เตรียมตัวที่จะออกไปและกลับไปที่ห้องค้นขว้าของเขา

 

จากนั้นองค์หญิงก็พูดเสริม “เรามีหนังสือเกี่ยวกับหุ่นเชิดเวทมนตร์ที่พกมาด้วย 10 เล่ม เจ้าสามารถนำมันมาแลกได้เมื่อเจ้าอ่านเล่มเก่าเสร็จแล้ว ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ระดับเทพเจ้านั้นได้ถูกส่งผ่านไปให้เกาะรุ่งอรุณโดยผู้ส่งสารเรียบร้อยแล้ว เราจะอาศัยอยู่ที่นี่ต่ออีกซักพักเพื่อพักฟื้นร่างกายให้ดีขึ้น”

 

ลิงค์ขอบคุณองค์หญิงอีกครั้งสำหรับความใจกว้างขององค์หญิงก่อนที่จะรีบออกไป

 

จากนั้นองค์หญิงมิลด้าก็ลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปที่หน้าต่างที่อยู่ใกล้ๆกับเตียงขององค์หญิง แล้วมองไปที่ลิงค์จนลับสายตาไป

 

องค์หญิงถอนหายใจอีกครั้ง “น่าเสียดายจริงๆที่เจ้าไม่ใช่ไฮเอลฟ์”

 

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset