Advent of the Archmage – ตอนที่ 265: นานะมีชีวิต!

พระจันทร์เต็มดวงแขวนอยู่กลางท้องฟ้ายามค่ำคืน

 

แสงจันทร์สาดส่องลงมาทั่วที่รกร้างเฟิร์ดเหมือนเช่นเคย, ลิงค์กำลังวิ่งข้ามที่รกร้างเฟิร์ดภายใต้การเฝ้ามองของดวงจันทร์

 

เพื่อที่จะเก็บการกระทำของเขาเอาไว้ให้เป็นความลับ, เขาจึงไม่เรียกเฟนเรียสายลมออกมาแล้วร่ายแค่เวทย์รวดเร็วดั่งแมวเลเวล 1 ใส่ตัวเอง

 

ลิงค์ใช้เวลาเกือบ 15 นาทีในการมาถึงชายหาด ซึ่งมันเป็นระยะทางประมาณสิบไมล์จากเทือกเขามอดไหม้ ในตอนที่เขามาถึงชายหาด, เขาก็เหนื่อยแล้ว เขานั่งยองๆเอามือแตะเข่าพร้อมกับหอบแฮกๆ

 

ยังไงซะ, เขาก็ไม่ใช่นักรบและไม่ได้มีพลังกายที่แข็งแกร่ง

 

จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากข้างหลังเขา ลิงค์ไม่ได้หันไปมองแต่ก็รู้ว่านั่นคือแวนซ์ แล้วเสียงของแวนซ์ดังขึ้นในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา “ไอหนู, อะไรพาเจ้ามาที่นี่ในเวลาแบบนี้หล่ะ?”

 

ในที่สุดลิงค์ก็หายใจทัน แล้วเขาก็ปาดเหงื่อออกจากหน้าผากก่อนที่จะพูดออกมา “ผมแอบออกมาจากค่ายหน่ะ เซลีนคอยระวังหลังให้ผม ตอนนี้, ไม่มีใครรู้ว่าผมอยู่ที่นี่”

 

แวนซ์ตกตะลึงแล้วถาม “เรื่องฉุกเฉินหรอ?”

 

ลิงค์รู้เจตนาของคำพูดพวกนี้และอธิบายสถานการณ์ของสงครามทางตอนเหนืออย่างกระชับ

 

“เพื่อที่จะทำให้ตัวเองถือไพ่เหนือกว่าทางด้านข่าวสาร, พวกดาร์คเอลฟ์ได้อัญเชิญปีศาจเลเวลหกมาช่วยพวกมันในการต่อสู้อีกครั้ง ซึ่งดูเหมือนว่านั่นจะเป็นไปได้ด้วยดีและอาณาจักรก็กำลังจะสูญเสียจุดยืนของพวกเขา เพื่อที่จะป้องกันการลอบโจมตีจากอุปกรณ์ระดับพระเจ้าที่อาจจะเกิดขึ้น, พระสันตะปาปาได้นำจอกศักดิ์สิทธิ์มาที่ป้อมโอริด้า”

 

ลิงค์ไม่ได้บอกข้อมูลนี้กับคนอื่น, รวมทั้งเซลีนด้วย อย่างไรก็ตาม, เขาสะดวกใจที่จะแบ่งปันข้อมูลนี้กับแวนซ์ ยังไงซะ, ชายแก่คนนี้ก็มีความรู้หนึ่งพันปีเก็บอยู่ในหัวของเขา

 

พอได้ฟังคำพูดของลิงค์, แวนซ์ก็มองเขาแล้วถอนหายใจออกมา “เป็นคนหนุ่มนี่มันดีจริงๆนะ เจ้ามีความกล้าและแรงผลักดันที่จะเผชิญหน้ากับอุปกรณ์ระดับพระเจ้า ถ้าข้าเป็นเจ้า, ข้าคงจะหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้แทนที่จะวิ่งมาที่นี่เพื่อสร้างหุ่นเชิดเวทมนตร์อย่างแน่นอน”

 

ลิงค์ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูด “ผมก็ไม่เหลือทางเลือกแล้วเหมือนกัน ถ้าดาร์คเอลฟ์มุ่งหน้าลงใต้หล่ะก็, ทุกสิ่งที่ผมห่วงใยจะถูกทำลาย ผมทำได้แค่เผชิญหน้ากับพวกมันตรงๆเท่านั้น”

 

พอฟังจบแวนซ์ก็มุ่งหน้าตรงไปที่ถ้ำในขณะที่พูดออกมา “ถ้างั้นก็มาเริ่มกันเถอะ ข้ามีความรู้สึกว่าการชุบชีวิตนานะจะมีพลังที่จะเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ได้!”

 

ลิงค์เองก็เรียกสติกลับมาจากการเดินทางอันเหนื่อยล้าแล้วเข้าไปในถ้ำ พอมาถึงเขาก็ร่ายเวทย์แสงในถ้ำก่อนที่จะพูดออกมา “ครั้งก่อนพวกเราหยุดอยู่ที่ตรงไหนนะ?”

 

“วิธีการเพิ่มพลังโจมตีของนานะ เจ้าบอกว่าเจ้าจะลองเพิ่มพลังบิดเบือนมิติเข้าไป” แวนซ์ยิ้มในขณะที่พูด

 

ลิงค์เคาะหัวของเขาเบาๆพอได้ยินคำพูดเตือนนี้และเรียกกระบวนการความคิดก่อนหน้านี้ของเขากลับมา จากนั้นเขาก็เอากระดาษกับปากกาออกมาชุดนึงแล้วเขียนสมการเวทมนตร์ลงไป เขาพูดในขณะที่เขียน “พลังมิตินั้นมีเอกลักษณ์มากๆ มันมีคุณสมบัติพื้นฐานที่ ‘ดัดแปลงได้ง่าย’ และเมื่อมิติถูกดัดจนเกินขีดจำกัด, ปรากฎการณ์อันน่าหวาดกลัวที่เรียกว่ารอยแยกมิติจะเกิดขึ้น”

 

แวนซ์มองดูสมการที่ลิงค์กำลังเขียนและทำความเข้าใจทฤษฎีได้คร่าวๆ พอได้ยินประโยคสุดท้าย, เขาก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ, “รอยแยกมิติหรอ? มันคล้ายกับแนวคิดในการเปิดประตูไปอีกมิตินึง, ใช่ไหม?”

 

ลิงค์ส่ายหัวหัวแล้วพูด “มันไม่เหมือนกันหรอก ถ้าผมเปรียบมิติเป็นบ่อน้ำ, การเปิดประตูไปอีกมิตินึงก็คงจะเป็นการเชื่อมบ่อน้ำสองบ่อด้วยท่อน้ำ ซึ่งมันคงจะไม่มีรอยแตกหรือฉีกขาดในมิติ ดังนั้นมันก็แค่การเอามิติที่แยกกันอยู่ก่อนแล้วมาเชื่อมต่อกันเท่านั้น แต่ว่า, รอยแยกมิตินั้นคือการสร้างแอ่งในบ่อน้ำ, ทำให้น้ำทะลักออกมาจากรู”

 

ความแตกต่างโดยละเอียดระหว่างปรากฎการทั้งสองนี้เป็นที่ถกเถียงกันของกิลด์มากมายภายในเกมส์ ซึ่งชนวนสำหรับการถกเถียงนี้เป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากการเพิ่มขึ้นของความเข้มข้นมานาในโลกฟิรุแมน

 

มีฝ่ายนึงเชื่อว่าเหตุผลที่ความเข้มขึ้นของมานาเพิ่มขึ้นนั้นเป็นเพราะดาร์คเอลฟ์ใช้เวทอัญเชิญข้ามมิติเพื่ออัญเชิญปีศาจอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม, มีอีกฝ่ายเชื่อว่ามันเป็นเพราะการอัญเชิญอุปกรณ์ระดับพระเจ้ามามากมายด้วยฝีมือของเผ่าต่างๆของฟิรุแมนตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา, และเหตุผลที่ความเข้มข้นของมานาเพิ่มขึ้นนั้นก็เป็นแค่ผลข้างเคียงของอุปกรณ์ระดับพระเจ้า

 

ก่อนหน้านี้, ลิงค์คิดแค่ว่ากิลด์พวกนี้มีเวลาว่างมากเกินไป อย่างไรก็ตาม, หลังจากที่ถลำลึกเข้ามาในทฤษฎีของโลกฟิรุแมนด้วยตัวเอง, เขาก็ตระหนักได้ว่าฝ่ายหลังนั้นเป็นฝ่ายถูก

 

อุปกรณ์ระดับพระเจ้าสามารถฉีกมิติได้อย่างง่ายดาย และเมื่อรอยฉีกขาดในมิติเกิดขึ้น, พลังงานที่อยู่ในทะเลแห่งความว่างเปล่าก็จะเข้ามาในฟิรุแมนผ่านรอยฉีกขาดนี้, ทำให้ความเข้มข้นของมานาเพิ่มขึ้น

 

แน่นอนว่า, ผลกระทบของอุปกรณ์ระดับพระเจ้าที่เข้ามาในโลกเพียงชิ้นเดียวนั้นเป็นเรื่องเล็ก โลกฟิรุแมนยังไม่เคยประสบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลย อย่างไรก็ตาม, เมื่อหลายๆเผ่าคิดแผนการต่อต้านอสรพิษทมิฬและคิดหาวิธีอัญเชิญอุปกรณ์ระดับพระเจ้าของตัวเองมาต่อกรกับมันนั้น, การปะทะกันระหว่างพลังเหล่านี้ก็จะทำให้ความเข้มข้นของมานาเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง

 

อย่างไรก็ตาม, แวนซ์ไม่ได้เข้าใจเรื่องมิติดีนัก เขาจึงถามด้วยน้ำเสียงกังวล “ถ้าเป็นแบบนั้น, น้ำในสระก็จะหมดไปในที่สุดไม่ใช่หรอ?”

 

ลิงค์ส่ายหัวแล้วพูด “ไม่, จริงๆแล้วมันตรงกันข้ามเลยต่างหาก ไม่ใช่แค่น้ำจะไม่หมดเท่านั้น, แต่มันจะบางสิ่งเพิ่มเข้ามาด้วย…เอาหล่ะ, เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหุ่นเชิดเวทมนตร์ของพวกเรา กลับมาที่หัวข้อหลักกันเถอะ”

 

จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่สมการแล้วพูด “พลังของสิ่งมีชีวิตในโลกนั้นไม่สามารถฉีกอวกาศได้อย่างแน่นอน แต่ว่า, พวกเราสามารถบิดเบือนพวกมันได้ และถ้าการบิดเบือนนี้มีความถี่สูงพอ, มิติปั่นป่วนที่มีพลังทำลายล้างอันเหลือเชื่อก็จะถูกสร้างขึ้น”

 

แวนซ์ตอบกลับไปด้วยความตกใจ “เจ้ากำลังพูดถึงการบิดเบือนมิติสินะ? ถ้าพวกเราสามารถทำได้จริงๆ, นานะก็จะมีพลังที่ทำลายได้ทุกสิ่งในโลกฟิรุแมนเลยหน่ะสิ”

 

จากนั้นลิงค์ก็นั่งเอามือเท้าโต๊ะและพยายามคิดสมการ เขาพูดด้วยความหลงใหลอย่างรุนแรง “ในทางทฤษฎีนั้น, ทุกสิ่งจะได้รับผลกระทบจากการบิดเบือนมิติ, รวมทั้งอุปกรณ์ระดับพระเจ้าด้วย! ซึ่งนี่เป็นเพราะว่าการที่อุปกรณ์ระดับพระเจ้าจะมีตัวตนอยู่ในฟิรุแมนได้นั้น, มันจะต้องปรับตัวตามกฎของโลกนี้ และถ้าพวกเราสามารถสะเทือนมันได้ด้วยความถี่ที่สูงพอหล่ะก็, มันก็มีความเป็นไปได้ที่จะขับไล่อุปกรณ์ระดับพระเจ้าออกจากฟิรุแมนก่อนที่มันจะหมดอายุ…ดูนี่สิ, ถ้าพวกเราทำแบบนี้, พวกเราน่าจะสามารถเพิ่มความถี่ได้อีกนิดนึงนะ

 

ลิงค์พูดด้วยความเร็วที่สูงมากและมีเหตุผลที่หลุดโลกออกมาบ้าง แวนซ์พยายามไล่ตามลิงค์และฟังอย่างตั้งใจ ในตอนที่เขาตามไม่ทันจริงๆ, เขาจะหยุดลิงค์แล้วขอคำอธิบายจากเขาอีกครั้งจนกระทั่งเขาเข้าใจกฎของมัน และหลังจากที่แวนซ์เข้าใจความคิดของลิงค์, เขาก็จะให้คำแนะนำและแสดงความคิดเห็นที่เป็นไปได้โดยอิงพื้นฐานมาจากประสบการณ์ในการสร้างหุ่นเชิดเวทมนตร์ของเขา

 

กระบวนการนี้วนไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า บนโต๊ะหินในถ้ำริมชายฝั่งทะเล, นักเวทย์หนุ่มอัจฉริยะเผ่ามนุษย์ที่หาตัวจับได้ยากและนักเวทย์อายุหนึ่งพันปีด้วยร่วมมือกันประกอบหุ่นเชิดเวทมนตร์ที่จะทิ้งชื่อเอาไว้ในบันทึกประวัติศาสตร์

 

ในตอนนี้, ผู้สร้างหุ่นเชิดเวทมนตร์ทั้งสองคนยังไม่รู้ถึงสิ่งที่เธอจะประสบความสำเร็จในอนาคต พวกเขาแค่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้นานะสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นในสายตาของพวกเขา

 

ในวันแรก, ลิงค์นอนแค่สามชั่วโมงบนก้อนหินเย็นๆ แต่ก็โชคดีที่, มันเป็นช่วงฤดูร้อน, และลิงค์ก็เอาผ้าหุ่มมาด้วยในการเดินทางครั้งนี้ และผนวกกับร่างกายอันหนุ่มแน่นของเขา, เขาจึงสามารถทนได้

 

ในตอนที่เขาตื่นขึ้น, เขาก็ร่ายเวทย์ธาตุแห่งการรักษาใส่ตัวเองและกลับมามีเรี่ยวแรงในทันที จากนั้นเขาก็หมกมุ่นอยู่กับการสนทนาอันร้อนแรงอีกครั้ง

 

ลิงค์จดจ่ออยู่กับแบบของนานะอย่างเต็มที่และได้เก็บเรื่องอื่นๆเอาไว้ในส่วนลึกของสมองของเขา เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังกลายเป็นเพลิงลุกโชน, และนานะก็เป็นแร่ธาตุที่อยู่เหนือความหลงใหลที่กำลังลุกโชนอยู่นี้

 

มันคือกระบวนการที่เพลิงแห่งความรู้กำลังหลอมทองคำที่แท้จริง!

 

แวนซ์เองก็ทิ้งสภาพเอื่อยเฉื่อยของเขาและไม่ได้นอนหลับเลยตลอดช่วงเวลามานี้

 

ในขณะที่ลิงค์นอนหลับ, แวนซ์จะพยายามศึกษาสมการมิติที่ลิงค์เขียนเอาไว้ให้จนเขาสามารถเข้าใจพลังที่พวกเขากำลังจัดการอยู่ได้ดีขึ้นแล้วก็ไล่ตามกระบวนการคิดของลิงค์ด้วย และในขณะที่ลิงค์ตื่น, เขาก็จะให้คำปรึกษาโดยอิงจากสิ่งที่เขาเข้าใจ

 

เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาได้กลับไปในตอนที่เขาเริ่มเรียนเวทมนตร์, ในตอนที่หัวใจของเขายังเต็มไปด้วยความสงสัยและความคาดหวัง

 

“ชีวิตมันต้องอย่างนี้สิ!” แวนซ์อุทานขึ้นในขณะที่เขาถลำลึกเข้าไปในการสร้างนานะอย่างคลั่งไคล้

 

โดยรวมแล้ว, อัจฉริยะสองคนนี้เป็นบ้าไปแล้ว!

 

โลกแห่งฟิรุแมนได้หมุนรอบดวงอาทิตย์หนึ่งครั้ง, ในชั่วพริบตา

 

ในวันที่สาม, พวกเขาทั้งสองสร้างแขนขวาของนานะได้สำเร็จ

 

นี่เป็นแขนหลักของนานะ, แขนที่เธอจะใช้ถือดาบ ดังนั้นมันจะต้องมีโครงสร้างที่ซับซ้อนที่สุดในร่างกายทั้งหมดของเธอ เพื่อที่จะสร้างมือยมทูตนี้, ลิงค์ได้ใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุดที่เขานำมาและทำการปรับแต่งมากมายร่วมกันกับแวนซ์ หลังจากปรับแต่งเกือบหนึ่งร้อยครั้ง, พวกเขาก็สร้างแขนอันงดงามที่มีหน้าตาคล้ายแขนของเด็กผู้หญิงได้สำเร็จ, และถึงแม้หน้าตาของมันจะเป็นอย่างนั้นแต่พลังของมันนั้นก็เทียบเท่ากับมังกรในตำนานอันน่าหวาดกลัว

 

จากนั้นพวกเขาก็ทำลำตัวเสร็จในวันที่สี่ ซึ่งนี่คงจะเป็นแหล่งพลังอันยิ่งใหญ่ของนานะ

 

หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มสร้างร่างกายหลัก…นานะจะยังคงอกแฟบอยู่ เพราะมันไม่มีทางเลือกอื่น ในตอนที่ร่างกายเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง, หน้าอกใหญ่ๆนั้นมีแต่จะเป็นภาระให้กับร่างกาย, มันส่งผลกับสมดุลของร่างกายอย่างมากและมีแนวโน้มที่จะเกิดความเสียหายด้วย ยกตัวอย่างเช่น, ถ้านานะหยุดอย่างกระทันหัน, หน้าอกใหญ่ๆจะขยับไปข้างหน้าต่อเนื่องจากแรงเฉื่อยและเสี่ยงที่จะหลุดออกมาจากร่างกาย

 

ซึ่งนั่นคงจะเขินน่าดู

 

ในวันที่หก, พวกเขาทั้งคู่ก็ได้ติดขาอันงดงามของนานะเข้ากับลำตัวของเธอ

 

ขาคู่นี้จะเป็นพลังขับเคลื่อนของนานะ มันมีแม้กระทั่งสนามพลังสมดุลติดอยู่ที่ขาของเธอด้วยซึ่งมันจะช่วยให้นานะเลี้ยวได้ในขณะที่เธอกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง และเมื่อมันจำเป็น, นานะก็สามารถใช้ได้แม้กระทั่งระเบิดโซนิคเพื่อเดินในอากาศหรือคงการต่อสู้ในอากาศได้ในระยะเวลาสั้นๆ

 

ในวันที่เจ็ด, พวกเขาทั้งคู่สร้างแขนซ้ายได้สำเร็จ

 

จากประสบการณ์การต่อสู้ในอดีตของนานะ, แขนซ้ายนั้นมักจะใช้เพื่อรักษาสมดุลของร่างกาย อย่างไรก็ตาม, ในแง่ของความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นแขนซ้ายที่ลิงค์กับแวนซ์ช่วยกันสร้างนั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่าแขนขวาเท่าไหร่นัก

 

พวกเขาทั้งคู่เชื่อว่าหลังจากที่ต่อสู้เพิ่มอีกสักสองสามครั้ง, นานะก็จะทำความคุ้นเคยกับการใช้แขนซ้ายได้และจะใช้ศักยภาพของมันได้อย่างเต็มที่

 

ในวันที่เก้า, พวกเขาทั้งคู่ได้สร้างอาวุธของนานะ, มันคือดาบสั้นคู่

 

ในครั้งนี้, ลิงค์ได้ใช้ความสามารถในการเสริมพลังของเขาจนถึงขีดสุดและคัดเลือกวัตถุดิบที่ดีที่สุดสำหรับอาวุธนี้

 

ในตอนที่ดาบสั้นสร้างเสร็จ, ดาบลอร์ดพายุได้เปล่งเสียงออกมาเบาๆก่อนที่จะเงียบอีกครั้ง, เขาเลือกที่จะไม่แสดงความคิดเห็น

 

อย่างไรก็ตาม, แค่เสียงนั้นก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงความประหลาดใจของเขา

 

ผู้เล่นสร้างอาวุธระดับอีพิคได้สำเร็จ, ค่าโอมนิ+200แต้ม(ใช้ได้ในอีก 100 วัน), กรุณาตั้งชื่ออาวุธ!

 

ระบบเกมส์ได้มอบรางวัลให้ลิงค์อย่างรวดเร็วด้วยค่าโอมนิที่มากถึง 200 แต้ม, ซึ่งนี่เป็นข้อพิสูจน์พลังของดาบสั้นทั้งสองเล่มนี้

 

จากนั้นลิงค์ก็ถามแวนซ์ “พวกเราควรตั้งชื่อให้ดาบสั้นสองเล่มนี้ว่ายังไงดี?”

 

แวนซ์ส่ายหัวแล้วพูด “ข้าไม่ควรตั้งชื่อให้ดาบสั้นสองเล่มนี้หรอก เจ้าทำงานมากที่สุด เจ้าควรจะเป็นคนตั้งนะ”

 

“พวกเรามีดาบสั้นสองเล่ม, ตั้งชื่อให้มันคนละเล่มแล้วกัน” ลิงค์พูด

 

“เอางั้นก็ได้” แวนซ์พยักหน้าและพูดต่อ “เจ้าเป็นคนตั้งชื่อดาบสั้นหลักที่ถือด้วยมือขวานะ”

 

จากนั้นลิงค์ก็คิดอยู่พักนึงก่อนที่เขาจะเริ่มวาดรูนอันงดงามบนดาบสั้นที่ถูกปกคลุมด้วยคลื่นอากาศหลายชั้น, มันอ่านว่า “ฝันร้ายสิ้นสุด”

 

แวนซ์เองก็คิดอยู่พักนึงเหมือนกันก่อนที่จะสลักอักษรลงไปบนดาบสั้นมือซ้ายที่เกือบจะโปร่งแสง “เสียงเพรียกแห่งป่า”

 

ในตอนที่แวนซ์เขียนคำสุดท้ายลงไป, ระบบเกมส์ก็แสดงข้อความขึ้นมาในทัศน์วิสัยของลิงค์

 

การตั้งชื่ออาวุธสำเร็จ

อาวุธหลัก: ฝันร้ายสิ้นสุด

อาวุธรอง: เสียงเพรียกแห่งป่า

คุณภาพ: อีพิค

ผลของอาวุธหลัก: สามารถเปิดใช้ผลบิดเบือนมิติได้ในขณะที่โจมตี มีความสามารถในการทำลายสิ่งมีชีวิตในโลกทุกรูปแบบ

ผลของอาวุธรอง; ดาบสั้นเล่มนี้แทบจะไม่มีน้ำหนัก ผู้ใช้สามารถใช้ดาบนี้เพื่อบรรลุการป้องกันด้วยการเคลื่อนไหวความเร็วสูงได้จากทุกทิศทาง

ผลผสาน: ปราการมิติ  คุณสมบัตินี้จะทำให้มั่นใจว่าดาบสั้นสองเล่มนี้ถูกปกป้องด้วยบาเรียร์ที่แทบจะไม่สามารถเจาะได้

(หมายเหตุ: ของเล่นชิ้นเล็กๆของนานะ)

 

จนถึงตอนนี้, ร่างกายและอาวุธสร้างเสร็จแล้ว ลิงค์กับแวนซ์แลกเปลี่ยนสายตากันและเริ่มขั้นตอนสุดท้าย, ซึ่งก็คือการซ่อมหัวใจหุ่นเชิดที่หัวของนานะ

 

พวกเขาไม่ได้ปรับเปลี่ยนหน้าตาเลย, รูปร่างของหัว, ถูกพัฒนาแค่รายละเอียดปลีกย่อยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม, ข้างในหัว, หรือที่รู้จักกันว่าเป็นหัวใจนั้น, ได้รับการอัพเกรดอย่างมาก นอกจากการเก็บประสบการณ์ในการต่อสู้ที่ยังเหมือนเดิม, อย่างอื่นก็ถูกอัพเกรดหมดเลย

 

ซึ่งส่วนนี้พวกเขาใช้เวลาไปถึงสิบวัน, มากกว่าเวลาที่พวกเขาใช้สร้างภายนอกและอาวุธของนานะรวมกันเสียอีก

 

 

เวลาตีสาม

 

ในตอนที่ดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นมาที่เส้นขอบฟ้า, แวนซ์ก็วางหัวของนานะลงบนร่างกายของเธออย่างอ่อนโยน แล้วลิงค์ก็ใช้สนามพลังเวทมนตร์เพื่อซ่อมแซมรูนที่เชื่อมต่อส่วนหัวกับร่างกายของเธอ

 

สองชั่วโมงต่อมา, ทุกอย่างก็สำเร็จ, และดวงอาทิตย์ก็อยู่บนท้องฟ้าเรียบร้อยแล้ว แสงสีทองส่องเข้ามาในถ้ำและตรงมายังจุดที่นานะนอนอยู่

 

“เธอน่าจะตื่นในเร็วๆนี้ใช่ไหม?” แวนซ์รู้สึกกลัวเล็กน้อย

 

“ผมยังไม่ได้เปิดใช้งานเลย, เดี๋ยวนะ…เอาหล่ะ, มันเปิดแล้ว”

 

บนโต๊ะเสริมพลัง, นานะยังนอนนิ่งอยู่บนโต๊ะ, ดูเหมือนกับไร้ชีวิต หลังจากที่ผ่านไป 15 วินาที, เธอก็กระพริบตาอย่างกระทันหันแล้วลุกขึ้นนั่งบนโต๊ะหิน

 

“นานะ, มีชีวิต”

 

เสียงยังคงแจ่มใสเหมือนเช่นเคย อย่างไรก็ตาม, รูปแบบการพูดของเธอไม่ได้ซ้ำซากและเหมือนหุ่นยนต์อีกต่อไปแล้ว เธอพูดเหมือนคนทั่วๆไปเลย

 

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset