Advent of the Archmage – ตอนที่ 281: พูดตามตรง, ข้าไม่ชอบคนต่ำช้ำพวกนี้เลย

สามวันต่อมา, ณ หุบเขาแห่งนึงในที่รกร้างเฟิร์ด

 

หุบเขาแห่งนี้กว้างขวางมากๆ มีภูเขาสองลูกที่มีความสูงกว่า 300 ฟุตล้อมรอบมัน, ทำให้มันเป็นไปไม่ได้ที่คนนอกจะสังเกตุเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นในหุบเขา

 

มีคน 14 คนยืนอยู่กลางหุบเขา: ลิงค์, มิลด้า, โรมิลสัน, นานะ, อัศวินศักดิ์สิทธิ์แปดคน, และหัวหน้าบาทหลวงสองคน พวกเขาทุกคนเป็นสมาชิกของภารกิจลอบสังหารนี้

 

มันเป็นฤดูร้อนที่ร้อนมากจริงๆ แสงอาทิตย์ส่องมาที่หน้าของพวกเขาอย่างไร้ความปราณี แม้ว่าจะมีเวทย์ที่สามารถลดอุณหภูมิรอบๆตัวพวกเขาได้, แต่มันก็ยังรู้สึกไม่สบายตัวเมื่อยืนอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์นี้ ทุกคนต่างก็มีสีหน้ากระสับกระส่าย

 

“ทำไมพวกเขายังไม่มาสักทีเนี่ย?” โรมิลสันพูดอย่างหมดความอดทน

 

ลิงค์ดูนาฬิกาของเขาแล้วพูดออกมา “พวกเรายังมีเวลาอีกห้านาทีก่อนจะถึงเวลาที่ตกลงกันไว้ เผ่ายับบ้านั้นค่อนข้างจะตรงเวลา พวกเขาน่าจะมาถึงที่นี่ในเร็วๆนี้แหล่ะ”

 

“ข้าได้ยินมาว่าเรือรบของเผ่ายับบ้านั้นเชื่อถือไม่ได้ มันสามารถร่วงจากท้องฟ้าได้เพียงเพราะระบบนำทางขัดข้องเล็กน้อย มันเป็นเรื่องจริงรึเปล่า?” อัศวินศักดิ์สิทธิ์คนนึงปาดเหงื่อบนหน้าผากของเขาในขณะที่พูด เขาสวมชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ทั้งตัว ซึ่งมันทั้งร้อนและอบอ้าวมาก

 

โรมิลสันหัวเราะในขณะที่พูด “มันไม่ค่อยน่าเชื่อถือจริงๆนั่นแหล่ะ แต่ว่านะ, มันก็เร็วมากจริงๆ นอกจากนี้, ต่อให้มันตก, พวกเราก็ยังมีเวทย์ลอยอยู่ พวกเราจะไม่เป็นอะไร”

 

“เอาเถอะ หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว” มิลด้าจ้องโรมิลสันอย่างเข้มงวด จากนั้นโรมิลสันก็ยักไหล่แล้วหยุดพูด

 

ห้านาทีต่อมา, เสียงหมุนของเครื่องจักรก็สามารถได้ยินได้จากท้องฟ้า ไม่นานหลังจากนั้น, เงาดำขนาดใหญ่ก็ปรากฎขึ้นบนท้องฟ้าเหนือที่รกร้างเฟิร์ด

 

ทุกคนจ้องไปยังทิศทางเดียวกัน

 

นี่เป็นเรือเหาะที่ใหญ่โตมากๆ มันมีความยาว 50 ฟุตและกว้าง 20 ฟุต ภายนอกของเรือเหาะนั้นทำมาจากโลหะสีดำบริสุทธิ์ มีวงเวทย์ขนาดใหญ่เขียนเอาไว้บนโลหะนั้น อากาศที่อยู่ใต้ท้องเรือก็แสดงให้เห็นถึงความบิดเบือน, เนื่องจากความผันผวนอันมหาศาลของธาตุลมที่อยู่รอบๆเรือ ทั้งสองฝั่งของเรือนั้นจะมีปืนใหญ่สีดำฝั่งละกระบอก พวกมันคือปืนใหญ่เวทมนตร์อันแสนภาคภูมิใจของเผ่ายับบ้า มันมีข่าวลือว่าความถี่ในการยิ่งนั้นสูงมาก, มันยิงได้สูงสุดถึง 30 นัดต่อนาที ส่วนอำนาจการยิงในแต่ละนัดนั้นก็ไม่ได้เบาไปกว่าเวทย์เลเวล 6 เลย มันครอบครองพลังอันน่าเกรงขามเอาไว้บนสนามรบ

 

วัตถุขนาดใหญ่โตนี้ค่อยๆลงมาอย่างช้าๆ ในตอนที่มันถึงพื้น, วงเวทย์ที่อยู่ใต้ท้องเรือก็ได้สัมผัสกับหุบเขา

 

ฟู่ววว! เศษฝุ่นและเศษหินจำนวนมหาศาลถูกพัดขึ้นมาจากพื้น, พร้อมกับเกิดลมพัดแรง

 

ลิงค์ปล่อยเวทย์ป้องกันเลเวล 2 ออกมาในทันที, แล้วห่อหุ้มทุกคนเอาไว้ด้วยแสงอ่อนๆเพื่อป้องกันจากการถูกลมกระแทก

 

จากนั้นมิลด้าก็มองลิงค์ก่อนที่จะถามออกมา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะพัฒนาเทคนิคการร่ายเวทย์ได้อีกแล้วสินะ?”

 

ลิงค์พยักหน้าก่อนที่จะพูดออกมา “ผมต้องขอบคุณอัลโลวาสำหรับเรื่องนี้ เธอช่วยทำให้เทคนิคการร่ายเวทย์หลายๆอย่างของผมสมบูรณ์แบบในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ แล้วเวทย์มิติของผมเองก็พัฒนาขึ้นไปอย่างมหาศาลด้วย”

 

“ดาร์คเอลฟ์เลือดผสมคนนั้นอะนะ? ข้าหล่ะสงสัยจริงๆ ทำไมเจ้าถึงเชื่อใจเธอแถมยังแบ่งปันข้อมูลของนานะให้กับเธอด้วย? ถ้าเกิดว่า…”

 

มิลด้าไม่ได้พูดจนจบประโยค แต่ก็แน่นอนว่าลิงค์เข้าใจสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อ เขาไม่สามารถบอกว่าเขามีข้อมูลจากในเกมส์ได้ นอกจากนี้, ประวัติศาสตร์ก็กำลังเปลี่ยนแปลงในโลกนี้ ถ้าเกิดเขาใช้ความรู้จากในเกมส์เพื่อตัดสินนิสัยของผู้คนต่อ, มันก็คงจะมีปัญหา ยกตัวอย่างเช่นเวเวอร์ เขานั้นไม่ได้เป็นบุคคลที่น่าสนใจภายในเกมส์ อย่างไรก็ตาม, เขาก็ได้เปลี่ยนเป็นบอสใหญ่ในไทม์ไลน์นี้แล้ว

 

โดยปกติ, สภาพสุดท้ายของคนๆนึงนั้นไม่ได้ถูกตัดสินด้วยนิสัยหรือบุคลิกของพวกเขา, แต่เป็นชะตากรรมของพวกเขา

 

ดังนั้น, แม้ว่าลิงค์จะทำเป็นเชื่อใจอัลโลวาอย่างมากในภายนอก, แต่เขาก็วางแผนเอาไว้มากมายในเงามืด จากนั้นเขาก็พูดขึ้นมา “ผมไม่ได้เชื่อใจเธอเต็มที่หรอก ผมได้วางสปายเอาไว้หลายคนทั่วหอคอยเวทมนตร์ แล้วนี่ก็เป็นเหตุผลที่ผมไม่ได้พาเซลีนออกมาด้วยในครั้งนี้เช่นกัน”

 

ด้วยสติปัญญาของอัลโลวา, สปายพวกนี้คงไม่สามารถหลอกเธอได้ อย่างไรก็ตาม, ลิงค์เชื่อว่าถ้าเธอไม่ได้ปกปิดอันตรายเอาไว้, เธอก็คงจะไม่อะไรกับมันเช่นกัน

 

ณ ตอนนี้, เรือเหาะได้ลงมาถึงพื้นแล้ว, และประตูฝั่งซ้ายของมันก็เปิดออก จากนั้นก็มีบันไดทอดลงมา, แล้วก็มีเผ่ายับบ้าตัวเล็กๆผมสีเขียวคนนึงยืนอยู่ที่ประตู เขาโบกมือให้พวกเขาในขณะที่เสียงแหลมเหมือนกับเด็กของเขาดังก้องไปทั่วพื้นที่ “เห้, พวกตัวโต! ขึ้นมาสิ!”

 

จากนั้นลิงค์กับคนที่เหลือก็เดินขึ้นไป

 

โชคดีที่, เรือเหาะที่เผ่ายับบ้าสร้างนั้นไม่ได้เล็กเหมือนรูปร่างของพวกเขา อันที่จริง, เรือเหาะของพวกเขานั้นกว้างมากจริงๆ นอกจากนี้, มันยังหรูหรามากๆด้วย มันเต็มไปด้วยวงเวทย์มากมายที่มีไว้เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทาง

 

“มานั่งนี่สิ” ยับบ้าคนเมื่อสักครู่นี้ได้นำทางพวกเขามาถึงส่วนหน้าของเรือเหาะ

 

ส่วนหน้าของเรือเหาะนั้นมีรูปร่างเป็นครึ่งวงกลม มีกระจกโปร่งแสงขนาดใหญ่อยู่รอบๆและแสดงทัศนียภาพอันงดงามของพื้นที่โดยรอบ ทุกคนได้รู้จักชื่อของยับบ้าคนนี้แล้วในระหว่างที่เดินทางมาที่นี่ เขามีชื่อว่าเมอร์ลิน, เขาเป็นหัวหน้าของเรือที่มีชื่อว่า USS Owl ลำนี้

 

“เห้พวกตัวโต, นั่งลงสิ ข้าได้ยินเกี่ยวกับภารกิจมาแล้ว ฆ่าเนโครแมนเซอร์ใช่ไหม…นี่ช่างเป็นการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นจริงๆ มันคงจะสนุกน่าดู!” เมอร์ลินนั่งเก้าอี้ของตัวเองแล้วเงยหน้ามองทุกคนอย่างกระตือรือร้น

 

ทุกคนแลกเปลี่ยนสายตากันด้วยความสับสน จากมุมมองของพวกเขานั้น, ภารกิจนี้อันตรายมาก, และพวกเขาก็มีโอกาสตายสูง อย่างไรก็ตาม, ชายตัวเล็กคนนี้กลับบอกว่ามันน่าสนุก นี่มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ

 

ชื่อของผู้บัญชาการอัศวินศักดิ์สิทธิ์ก็คือโจเซฟ ฮันนิบาล เขาเป็นอัศวินเลเวล 7 ที่มาจากโบสถ์และแข็งแกร่งมากๆ เขามีอายุ 38 ปีแล้วและเคยจัดการกับปีศาจด้วยการต่อสู้ตัวต่อตัว, ซึ่งปีศาจตนนั้นก็คือปีศาจพันเนตรจากมิติอื่น เขามีชื่อเสียงโด่งดังภายในโบสถ์และเป็นหนึ่งในหกอัศวินพิพากษา ซึ่งความสำเร็จของภารกิจนี้ขึ้นอยู่กับเขาเป็นส่วนใหญ่

 

จากนั้นเขาก็กระซิบกับลิงค์ที่อยู่ข้างๆเขา, “มาสเตอร์, ข้ารู้สึกว่าไอจิ๋วคนนี้ดูไม่น่าเชื่อถือเอาซะเลย”

 

ลิงค์ยิ้มแล้วพูดออกมา “ไม่ต้องห่วงหรอก; พวกเขาก็มักจะเป็นแบบนี้หล่ะ—ชอบผจญภัยแต่ก็รอบคอบ ในตอนที่การต่อสู้เริ่มขึ้น, นายจะได้รู้ว่าจริงๆแล้วพวกเขาเป็นพรรคพวกที่น่าเชื่อถือมากๆ”

 

ลิงค์ไม่ได้พูดเบาเลยในตอนที่เขาพูดออกมาแบบนี้ เมอร์ลินได้ยินพวกมันอย่างชัดเจนและยิ้มให้คำพูดพวกนี้อย่างร่าเริง จากนั้นเขาก็พูดออกมา “มาสเตอร์ลิงค์พูดถูก! ทุกคนไว้ใจพวกเราได้เลยในตอนที่การต่อสู้เริ่มขึ้น!”

 

มิลด้าเองก็เริ่มสนทนากับยับบ้า เธอพูด “เมื่อสามปีก่อน, ข้าได้พบกับเลดี้ฟอร์ทูน่าเอลิน เธอยังสบายดีอยู่ใช่ไหม?”

 

พอพูดถึงเรื่องเอลิน, รอยยิ้มของเมอร์ลินก็หายไป ใบหน้าของเขาหม่นหมองในขณะที่ขมวดคิ้วแล้วถอนหายใจออกมา “ไม่ดี ไม่ดีเลย ดูเหมือนว่าเอลินจะมองเห็นอนาคตอันน่าหวาดกลัว เธอเอาแต่พูดว่าดาร์คเอลฟ์จะบุกรุกเมืองแห่งวิทยาศาสตร์, เมืองลาลิเอลของพวกเรา เธอได้ไปโน้มน้าวให้ราชาย้ายไปทางเหนือ แต่ว่า, พวกเราทุกคนก็คิดว่าดาร์คเอลฟ์ไม่ได้มีพลังขนาดนั้น”

 

ลิงค์ตกตะลึงในตอนที่เขาได้ยินคำพูดพวกนี้ จากนั้นเขาก็ถาม “พวกนายไม่เชื่อเธอหรอ?”

 

เมอร์ลินยักไหล่แล้วพูดออกมา “เอลินมีพรสวรรค์ในสาขาเวทมนตร์ นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีใครสงสัย แต่ว่า, ไอเรื่องอย่างการมองเห็นอนาคตนั้นมันจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อเธอเป็นพระเจ้าเท่านั้น เรื่องนี้มันดูไม่เป็นรูปธรรมมากเกินไป นอกจากนี้, ยับบ้าก็ใช้ชีวิตอยู่ในลาริเอลมา 3,000 ปีแล้ว เธอไม่สามารถขอให้ทั้งเผ่าพันธุ์ของพวกเราย้ายออกเพียงเพราะคำทำนายที่คลุมเครือได้หรอก ข้าพูดถูกไหม?”

 

เขาก็พูดถูกเช่นกัน เวทย์ทำนายนั้นมักจะคลุมเครือและน่าสงสัย ยังไงซะ, ก็ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะออกมาเป็นเช่นไร

 

จากนั้นเมอร์ลินก็ผายมือออกมาอย่างจนปัญญาแล้วถอนหายใจก่อนที่จะพูดออกมา “อันที่จริง, เรื่องนี้ข้าเชื่อเอลินนะ พวกดาร์คเอลฟ์มันบ้าเกินไปแล้ว ใครจะไปรู้หล่ะว่าพวกมันจะทำอะไรได้บ้าง? แต่ว่านะ, ความเชื่อของคนๆเดียวมันไม่พอหรอก”

 

นี่เป็นการเมืองภายในของเผ่ายับบ้า ไม่มีใครกล้าคุยเรื่องนี้ต่อ จากนั้นมิลด้าก็ทำลายความเงียบด้วยการพูดอย่างสุภาพ “ขอให้เทพแห่งแสงสถิตอยู่กับพวกเรา”

 

แล้วทุกคนก็พูดตามเธอ “ขอให้เทพแห่งแสงสถิตอยู่กับพวกเรา”

 

บรรยากาศตึงเครียดเล็กน้อย, และหลังจากที่ผ่านไปไม่กี่นาที, เมอร์ลินก็ทำลายความเงียบด้วยการส่งจดหมายให้ลิงค์ เขาพูด, “ดยุคอาเบลได้ฝากมาให้ท่านในตอนที่พวกเราผ่านป้อมโอริด้า จากสีหน้าของเขา, ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่ข่าวดีนะ”

 

ลิงค์ตกตะลึงและเปิดจดหมายดู หลังจากที่ได้อ่านจดหมาย, ใบหน้าของลิงค์ก็หม่นหมอง

 

“เกิดอะไรขึ้น?” มิลด้าถาม

 

จากนั้นลิงค์ก็ส่งจดหมายให้เธอ

 

หลังจากที่มิลด้าได้เห็นจดหมาย, เธอก็เม้มปากเงียบ พอเห็นแบบนี้โจเซฟก็รู้สึกสนใจเช่นกัน, แล้วเธอก็ส่งจดหมายให้เขา

 

หลังจากที่โจเซฟได้อ่านจดหมาย, เขาก็ตบต้นขาด้วยความขุ่นเคืองแล้วพูดออกมา “ไอพวกดาร์คเอลฟ์นี่มันไม่ต่างอะไรจากตัวปัญหาจริงๆ!”

 

จดหมายนี้ไม่ใช่จดหมายลับสุดยอด ไม่นานนัก, ทุกคนในเรือเหาะก็ได้เห็นมัน, แล้วใบหน้าของพวกเขาในตอนนี้ก็เต็มไปด้วยความกังวล

 

มีข้อมูลทั้งหมดสามเรื่องในจดหมายนี้ เรื่องแรก, มันระบุว่าไอมอนส์ได้ถูกดาร์คเอลฟ์ช่วยเหลือในขณะที่เจ้าชายทมิฬวอลเตอร์ถูกฆ่า ณ จุดเกิดเหตุ เรื่องที่สอง, มันบอกว่าไอมอนส์ได้หลอมรวมเข้ากับอสรพิษทมิฬ, ทำให้เขากลายเป็นผู้ถือครองอุปกรณ์ระดับพระเจ้า ส่วนเรื่องที่ 3, หน่วย MI3 พบว่ามีปีศาจระดับสูงกำลังมุ่งหน้าลงใต้ ตอนนี้, พวกเขายังจับตาดูพวกมันอยู่, แม้ว่าจุดหมายของพวกมันจะยังไม่ชัดเจนก็ตาม

 

ข้อมูลสองส่วนแรกนั้นไม่ได้สร้างผลกระทบกับคนที่อยู่ที่นี่มากนัก อย่างไรก็ตาม, เรื่องสุดท้ายนั้นแปลกมากไม่ว่าจะดูยังไงก็ตาม ปีศาจระดับสูงนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกดาร์คเอลฟ์อัญเชิญมา, และพวกมันก็ฟังคำสั่งของดาร์คเอลฟ์เพียงเท่านั้น แล้วนี่พวกมันมุ่งหน้าลงใต้ทำไมกัน?

 

โรมิลสันถาม “คิดว่าพวกมันมาที่นี่เพื่อสนับสนุนเวเวอร์รึเปล่า?”

 

ลิงค์ถอนหายใจในขณะที่พูด “หากไม่มีข้อมูลสองส่วนแรก, ฉันคงไม่มั่นใจนัก, แต่ว่า, ตอนนี้ไอมอนส์ได้หลอมรวมเข้ากับอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว, ฉันสามารถยืนยันได้เลยว่าพวกเราจะได้พบกับปีศาจจำนวนมากที่เมืองผีของเวเวอร์

 

ไอมอนส์มีส่วนร่วมในการต่อสู้ในวันนั้นเช่นกัน ด้วยสติปัญญาของเขา, เขาน่าจะคาดเดาแผนการของพวกเขาออกอย่างแน่นอน ซึ่งการส่งปีศาจระดับสูงมาหยุดพวกเขาในตอนนี้นั้นสามารถป้องกันปัญหาที่ไม่จำเป็นได้ และต่อให้พวกเขาไม่ได้พยายามฆ่าเวเวอร์, ไอมอนส์ก็ไม่ได้สูญเสียอะไรเช่นกัน

 

ปีศาจระดับสูงนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งมากๆและมาจากหลากหลายสายพันธุ์ พวกมันแต่ละตัวนั้นมีรูปแบบการต่อสู้ที่เฉพาะเจาะจึงที่มีทั้งเอกลักษณ์และความแข็งแกร่ง

 

สรุปแล้ว, มันก็คือข่าวร้าย

 

ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ, แม้กระทั่งเมอร์ลิน, ที่รักการผจญภัยก็ยังหยุดพูดล้อเล่น การผจญภัยมันก็อีกเรื่องนึง, แต่ถ้าฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งจนพวกเขาแทบหมดโอกาสนั้น, มันก็คงจะไม่สนุก

 

นานะถามขึ้นมาในทันที “นายท่าน, นานะต้องจัดลำดับความสำคัญของพวกปีศาจในการต่อสู้ไหม?”

 

เธอไม่ได้กลัวเลย น้ำเสียงของเธอสดใสและชัดเจนเหมือนเช่นเคย ภายใต้สถานการณ์แบบนี้, มันฟังดูเหมือนกับว่าเธอค่อนข้างตื่นเต้นด้วยซ้ำ

 

เมอร์ลินมองนานะในขณะที่เขาลูบหัวของตัวเองและพูดด้วยรอยยิ้มอันขมขื่นบนใบหน้าของเขา “มาสเตอร์, หุ่นเชิดเวทมนตร์ของท่านน่าสนใจจริงๆ ข้าคิดว่าข้าตกหลุมรักเธอแล้วหล่ะ”

 

 

ทางใต้, เมืองผี

 

กลุ่มปีศาจระดับสูง 13 ตัวได้มาถึงทางเข้าเมืองผีแล้ว หัวหน้าของกลุ่มนี้มีเขาโค้งงอ, ใบหน้ายั่วยวนเหมือนมนุษย์, ปีกสีม่วง, หน้าอกใหญ่, ขายาว, และบั้นท้ายโค้งงอน เธอมีเกล็ดสีม่วงปกคลุมส่วนสำคัญของเธอและมีกีบเหมือนแกะ เธอมีแซ่หนามอันคมกริบเป็นอาวุธของเธอด้วย เธอเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจระดับสูงที่ได้รับการยกย่องในชื่อซักคิวบัส

 

เธอจ้องไปที่เมืองผีและฟาดแส้ของเธอเต็มกำลัง, ทำให้เกิดเสียงดังสนั่น จากนั้นเธอยิ้มอย่างชั่วร้ายแล้วพูดออกมา “พูดตามตรง, ข้าไม่ชอบโครงกระดูกพวกนี้เลย พวกมันไม่รู้จักวิธีหาความสนุกด้วยซ้ำ”

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset