Advent of the Archmage – ตอนที่ 286: เมืองผี(5)

ที่ถนนด้านหน้าประตูทางเข้าเมืองผี

 

ในการเผชิญหน้ากับปีศาจระดับสูงและอัศวินอันเดธที่พุ่งเข้ามา โจเซฟได้ตะโกนออกมา  “หยุดพวกมัน! หยุดพวกมัน!”

 

โดยมีโจเซฟเป็นหัวหน้า เหล่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์ได้พุ่งไปข้างหน้าและเริ่มทำการต่อสู้กับศัตรูโดยตรง! อัศวินศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 10 คนได้เปิดใช้ออร่าต่อสู้จอกศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา มีลมกรรโชกเกิดขึ้นในทันที และพายุศักดิ์สิทธิ์ก็ได้พัดออกมาจากตัวอัศวินทุกคน มีวงแหวนที่แตกต่างกันปรากฏขึ้นมา

 

วงแหวนป้องกัน

สิ่งมีชีวิตธาตุแสงทั้งหมดในระยะ 150 ฟุตจะได้รับความสามารถในการป้องกันพลังแห่งความมืดเพิ่มขึ้น 50% การป้องกันต่อการโจมตีทางชีวภาพเพิ่มขึ้น 100% และความเร็วเพิ่มขึ้นอีก 50%

 

วงแหวนนาม

ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสิ่งมีชีวิตธาตุแสงภายในระยะ 150 ฟุตจะถูกสะท้อนกลับไปหาผู้โจมตีด้วยความแรง 30% ของความแรงปกติ ซึ่งการโจมตีนั้นจะต้องมีเลเวลไม่เกิน 8

 

วงแหวนแสง

สิ่งมีชีวิตธาตุแสงในระยะ 150 ฟุต จะได้รับธาตุของพวกเขาเพิ่มขึ้น 20%

 

ในชั่วพริบตา ทุกคนก็ถูกห้อมล้อมด้วยแสงสีขาวอันหนาแน่น มีรูนแสงจำนวนมากไหลผ่าน  ซึ่งภาพนี้ดูสวยงามมากๆ กลุ่มอัศวินศักดิ์สิทธิ์ได้ใช้พลังของพวกเขาสร้างอาณาเขตแห่งแสงขึ้นมาภายในป่าพิษที่เต็มไปด้วยความมืดมิดแห่งนี้

 

ในเวลาต่อมา พวกปีศาจก็ได้มาถึง ซึ่งตัวแรกก็คือปีศาจเพลิงโฟดอร์

 

พลังชีวิตของปีศาจระดับสูงนั้นแข็งแกร่งมากๆ ปีศาจเพลิงโฟดอร์ตัวนี้เพิ่งถูกนานะแทงไปสองครั้งเมื่อก่อนหน้านี้และแขนหักไปแล้ว แต่ตอนนี้ มันกลับดูปกติมากๆ

 

สิ่งที่แตกต่างอย่างเดียวก็คืออาวุธของมัน แต่เดิมมันมีดาบเพลิงปีศาจ 2 เล่ม แต่ว่าเล่มนึงได้ถูกทำลายไปแล้วดังนั้นตอนนี้มันจึงมีแค่ดาบธรรมดา

 

เมื่อเห็นมันพุ่งเข้ามา โจเซฟก็พุ่งไปหามันโดยไม่ลังเล

 

แกร๊ง แกร๊ง ทั้งสองแลกดาบกันนับครั้งไม่ถ้วนโดยที่ไม่มีฝ่ายไหนได้เปรียบไปมากกว่ากัน

 

แน่นอนว่า ปีศาจเพลิงโฟดอร์นั้นมีฝีมือดาบที่เรียกได้ว่าเกือบจะสมบูรณ์แบบ แต่ว่ามันเพิ่งจะเปลี่ยนอาวุธใหม่และยังไม่ชินกับมัน แถมก่อนหน้านี้แขนของมันก็ได้รับบาดเจ็บจากนานะด้วย ซึ่งภายนอกมันอาจจะดูเหมือนไม่เป็นอะไร แต่จริงๆแล้วมันยังมีปัญหากับการต่อสู้ที่รุนแรง และที่แย่ไปกว่านั้น อัศวินศักดิ์สิทธิ์มีวงแหวนจำนวนมาก และที่โดดเด่นที่สุดก็คือวงแหวนหนาม ปีศาจนั้นสามารถรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจากฝ่ายตรงข้ามได้อย่างชัดเจน

 

และสิ่งนี้ก็ทำให้พวกปีศาจต้องถอย

 

ซึ่งมันตรงกันข้ามกับโจเซฟ เขาไม่มีความกังวลและทุ่มสุดตัว มันไม่มีอะไรที่ต้องกังวล; เขาเพียงแค่ต้องฆ่าปีศาจที่อยู่ตรงหน้าของเขาให้ได้ เขาแสดงพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาออกมา

 

ด้วยความเปลี่ยนแปลงนี้ ปีศาจเพลิงโฟดอร์ที่สามารถสู้กับนานะได้อย่างสูสีก็ยังเทียบไม่ได้กับโจเซฟในตอนนี้

 

มิลด้าเองก็ต่อสู้เช่นกัน เธอหยิบเมล็ดขนาดเท่ากำปั้นออกมา 3 เมล็ดและใส่มานาของเธอเข้าไป เมล็ดนั้นส่องแสงสีเขียวขึ้นมาในทันที จากนั้นเธอก็โยนมันไปข้างหน้า “จงเติบโตขึ้น ทหารตัวน้อยของข้า!”

 

มันคือเวทย์เพาะปลูกที่เป็นเอกลักษณ์ของไฮเอลฟ์ ตอนนี้ มิลด้าได้ใช้มันในการสร้างนักรบพืซที่แข็งแกร่งของไฮเอลฟ์ขึ้นมา-วิญญาณต้นไม้สีทอง!

 

วิญญาณต้นไม้สีทอง

เวทย์เพาะปลูก เลเวล 7

ผล: เมื่อเมล็ดถูกเติมด้วยมานาที่เพียงพอและได้รับออกซิเจน ดินและน้ำ มันจะงอกออกมากลายเป็นวิญญาณต้นไม้ที่มีพลังในการต่อสู้อันน่าหวาดกลัว วิญญาณต้นไม้พวกนี้จะใช้เถาวัลย์และหนามพิษเป็นแส้ วิญญาณต้นไม้สามารถพ่นเมล็ดที่มีพลังระเบิดรุนแรงออกมาได้ ซึ่งมันรุนแรงพอที่จะทำให้อวัยวะภายนอกของฝ่ายตรงข้ามกระจุยได้

(หมายเหตุ: นี่เป็นเวทย์สำหรับราชวงศ์ไฮเอลฟ์โดยเฉพาะ การร่ายแต่ละครั้งนั้นใช้พลังชีวิตจำนวนมาก ดังนั้นจึงไม่ควรใช้บ่อย)

 

ด้วยเสียงระเบิด เมล็ดก็ตกลงพื้น พวกมันฝังลงไปในดินและเริ่มโตในทันที หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที วิญญาณต้นไม้สูง 16 ฟุตก็ได้ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางดงศัตรู

 

วิญญาณต้นไม้พวกนี้ทำมาจากเถาวัลย์ทองคำดำที่นำมามัดรวมกันทั้งตัว วัตถุดิบที่เป็นไม้นั้นยืดหยุ่นมาก และการโจมตีของพวกเขาก็รุนแรง ไม่นานนักเถาวัลย์สีทองที่หนาและเต็มไปด้วยหนามก็ปรากฏขึ้น แล้วมันก็เริ่มฟาดใส่พวกปีศาจและอันเดธ

 

เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เสียงเถาวัลย์นั้นรุนแรงมาก มันตัดอากาศออก อันเดธบางตัวลอยขึ้นไปบนอากาศจากการกระแทก บางตัวที่โชคร้ายก็โดนฟาดเข้าที่หัว ซึ่งนั่นทำให้หัวของมันระเบิดในทันที

 

ปีศาจระดับสูงนั้นก็ไม่ได้ต่างกัน พวกมันแข็งแกร่งแต่พวกมันก็ต้องล่าถอยเมื่อถูกฟาดไป 1-2 ครั้ง ยังไงก็ตาม วิญญาณต้นไม้พวกนี้มีประสิทธิภาพมาก การฟาดแส้ราวกับพายุของพวกมันนั้นไม่สามารถหลบหนีได้

 

ปีศาจพันเนตรเสียสมาธิไปแวบนึงและโดนแส้ฟาดไปหลาย 10 ที ผิวหนังของมันเปิดออก และดวงตาของมันก็บอดไปหลายดวงจากการโดนฟาดเช่นกัน จากนั้นมันก็ลงไปนอนดิ้นกับพื้นด้วยความเจ็บปวด

 

แต่นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด เถาวัลย์ของวิญญาณต้นไม้พวกนี้ยังมีดอกไม้ตูมสีทองด้วย มันลอยขึ้นเหมือนกับบอลลูนและระเบิดออก, พร้อมกับพ่นเมล็ดจำนวนมากออกมารอบๆ

 

ป๊อก ป๊อก ป๊อก! เมล็ดระเบิดในร่างกายของทหารอันเดธ พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ หนามพิษจำนวนมากพุ่งเข้าไปท่ามกลางฝูงชน (อันเดธ+ปีศาจ)

 

พิษนั้นไม่ค่อยมีผลกับอันเดธ แต่มันมีผลกับปีศาจเป็นอย่างมาก พวกปีศาจนั้นยังคงอยู่รอดได้ด้วยพลังชีวิตอันแข็งแกร่ง แต่ว่าพวกมันก็ยังได้รับความเจ็บปวดมหาศาล ซึ่งส่งผลกับพลังของมัน

 

“บ้าเอ้ย! ฆ่าไอบ้าพวกนี้ซะ!” ดวงตาครึ่งนึงของปีศาจพันตาได้บอดไปแล้ว มันคำรามด้วยความเจ็บปวดและพุ่งไปทางวิญญาณต้นไม้

 

วิญญาณต้นไม้สีทองทั้ง 3 นั้นมีพลังการต่อสู้อันน่ากลัว พวกมันต่อสู้กับอัศวินอันเดธจำนวนมากตั้งแต่ตอนที่พวกมันปรากฏตัวขึ้นมา ในขณะเดียวกันนั้นก็สู้กับปีศาจระดับสูงอีก 5 ตัวพร้อมกันไปด้วย

 

ดังนั้น อัศวินศักดิ์สิทธิ์จึงได้ปะทะกับปีศาจระดับสูงเพียงแค่ 2 ตัวเท่านั้น โจเซฟสู้อยู่ตัวนึง ในขณะที่อัศวินอีก 9 คนที่เหลือสู้อยู่กับอีกตัวหนึ่ง พวกเขานั้นเสมอกัน

 

ในระหว่างนี้ ลิงค์กำลังรวบรวมพลังศักดิ์สิทธิ์อยู่ เลนส์มิติปรากฏขึ้นข้างๆเขา  พลังงานศักดิ์สิทธิ์ได้ถูกควบคุมให้เข้าไปรวมตัวกันในเลนส์มิติเพื่อให้ได้รับพลังต่อสู้ที่สูงยิ่งขึ้น

 

ลิงค์เคยใช้แผนนี้กับอาเซเลีย ในป่าทมิฬ

 

ยังไงก็ตาม ครั้งที่แล้วเขาใช้มันเพื่อรวมพลังของรูนแสง ส่วนตอนนี้ เขาใช้มันในการเก็บพลังศักดิ์สิทธิ์ของรูปสลัก แน่นอนว่ารูปสลักนั้นบรรจุพลังงานศักดิ์สิทธิ์มากพอที่จะร่ายเวทย์เลเวล 9 ได้ แต่ถ้าเกิดว่าเขาแค่ควบคุมพลังและปล่อยให้มันระเบิด มันก็คงจะน่าเสียดาย

 

โดยไม่มีข้อจำกัดของโครงสร้างมานา พลังงานศักดิ์สิทธิ์สามารถไปถึงระดับของเวทย์เลเวล 9 ได้ ยังไงก็ตาม ถ้ายิงต่อเนื่องมันจะอยู่แค่ราวๆเลเวล 7 เท่านั้น พลังงานเท่านี้สามารถบังคับให้พวกอัศวินอันเดธล่าถอยไปได้แต่มันก็ดูไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่นักสำหรับพวกปีศาจระดับสูง พวกมันเพียงแค่ต้องซ่อนตัวสักพักนึงแล้วค่อยกลับมาหลังจากการระเบิดของพลังศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมันคงจะเป็นโศกนาฎกรรมถ้าเป็นแบบนั้น

 

ดังนั้นลิงค์จึงเตรียมตัวที่จะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์เพียงแค่ครึ่งเดียว จากนั้นเขาก็จะใช้เลนส์มิติในการรับรวมพลังงานให้เป็นลำแสงศักดิ์สิทธิ์ที่มีความเข้มข้นสูง ด้วยวิธีนี้ เขาจะสามารถเก็บพลังไว้ได้นิดหน่อยและยังขู่พวกปีศาจได้แบบจริงจังอีกด้วย

 

แต่ก็แน่นอนว่ามันต้องใช้เวลา แม้ว่ามันจะเป็นพลังเพียงแค่ครึ่งเดียว แต่มันก็ยังเยอะและควบคุมได้ยาก เขาต้องการเวลาอย่างน้อย 5 วินาที

 

“หึ พวกมันก็พอจะมีน้ำยาอยู่บ้างสินะ” เสียงของเมียสเมอร์ดังขึ้น เธอไม่ได้เข้าร่วมด้วยตั้งแต่แรกแต่เมื่อเห็นว่าออร่าพลังงานศักดิ์สิทธิ์ของนักเวทย์ชาวมนุษย์เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เธอจึงต้องลงมือ

 

“เจ้าหนู อย่ามาใช้ลูกเล่นยิบย่อยลับหลังข้านะ” เธอพูดด้วยรอยยิ้ม ในตอนแรกที่เธอพูด เธอยังอยู่ห่างออกไป 250 ฟุต แต่เมื่อเธอพูดจบ เธอก็ผ่านสนามรบและมาอยู่ข้างๆโจเซฟแล้ว  เธอนั้นรวดเร็วมากๆ

 

ในตอนที่เธออยู่ใกล้ๆกับโจเซฟที่กำลังต่อสู้กับปีศาจเพลิงโฟดอร์ เธอก็ฟาดแส้ใส่เขาในทันที แส้ถูกฟาดลงมาแต่ไม่ได้โดนโจเซฟ ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกหายใจไม่ออกราวกับว่าถูกรัดคออยู่

 

นี่คือพลังของเธออย่างงั้นหรอ? ช่างน่ากลัวยิ่งนัก ข้าไม่สามารถทนได้เลย! โจเซฟนั้นตกใจมาก เขารู้สึกตัวขึ้นมาในทันทีว่าเขาไม่มีโอกาสที่จะป้องกันตัวด้วยซ้ำ เขานั้นทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากรอความตาย

 

แต่ว่าเขาก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว!

 

ในตอนที่แส้กำลังจะฟาดใส่เขา ดาบสั้นของนานะ ฝันร้ายสิ้นสุดก็ได้ปรากฏขึ้นข้างๆเขา ด้วยการปะทะกัน มันได้ป้องกันแส้อันรุนแรงและปัดแส้ออก

 

โอ้? ช่างน่าสนใจจริงๆ เมียสเมอร์เก็บแส้ของเธอกลับมาและหลบดาบของนานะ จากนั้นเธอก็สะบัดแขนเบาๆ และมันก็เหมือนกับว่าแส้นั้นมีชีวิต มันหมุนและพุ่งไปหานานะด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าฟาด

 

เปรี๋ยะ! นานะโดนโจมตี!

 

มันไม่ใช่เพราะว่าเธอตอบสนองช้าเกินไป แต่เป็นเพราะว่าเธอไม่เคยมีประสบการณ์การต่อสู้กับผู้ใช้แส้มาก่อน หลังจากที่เธอป้องกันมัน แส้ก็บิดและทะลุผ่านดาบของเธอ มันทะลุผ่านการป้องกันของเธอและโดนเข้ากับหน้าอกของเธอ

 

การโจมตีนั้นอาจดูธรรมดาๆ แต่ว่าความเสียหายของมันนั้นรุนแรงมาก!

 

เกราะหนังที่แข็งแรงของนานะระเบิดและปลิวออกราวกับผีเสื้อ ด้วยประสบการณ์การต่อสู้ของเธอ นานะได้ถอยในตอนที่แส้เข้ามาโดนตัวเธอ เธอนั้นหลบการโจมตีได้ถึง 90%  ส่วน 10% ที่เหลือนั้นโดนร่างกายของเธอและทิ้งรอยฟาดเอาไว้บนผิวหนังชั้นนอกของเธอ

 

แต่ก็โชคดีที่ เธอสามารถฟื้นฟูอันโนมัติได้ บาดแผลนั้นอยู่แค่ 2 วินาทีก่อนที่มันจะหายไป

 

ช่างเป็นหุ่นเชิดเวทมนตร์ที่รวดเร็วจริงๆ เจ้าตัวน้อย เจ้าคือคนที่จัดการอาเซเลียสินะ? เมียสเมอร์รู้สึกทึ่ง แต่เธอก็ไม่ได้ตกใจ เจ้าตัวน้อยนี้เร็วก็จริง แต่มันก็ไม่ได้เป็นภัยคุกคาม

 

เมียสเมอร์นั้นมีความแข็งแกร่งแค่เลเวล 8 แต่ว่าเธอนั้นมีวิญญาณอันแข็งแกร่ง ซึ่งมันแข็งแกร่งมากพอที่จะควบคุมพลังระดับตำนานได้ ดวงตาของเธอนั้นสามารถตามความเร็วของนานะได้และตอบสนองได้ตามที่ต้องการ

 

เมื่อแส้ถูกหลบไปได้แล้วครั้งนึง เธอก็ฟาดมันออกมาอีกครั้ง แส้ของเธอนั้นยาวเกือบ 10 ฟุต ในตอนที่เธอปล่อยแส้ออกมายาว ตัวเธอก็ลอยไปข้างหน้าด้วย แส้นั้นพุ่งไปที่หน้าของนานะราวกับงูพิษ

 

ถ้านานะถูกโจมตี เธอก็คงจะจบลงตรงนั้น ดังนั้นเธอจึงเหวี่ยงดาบของเธอมาป้องกันในทันที

 

เฮอะ ไม่หัดเรียนรู้บ้างรึไง? เมียสเมอร์สะบัดแส้ของเธอให้มันผ่านดาบเหมือนกับครั้งที่แล้ว

 

แต่ในเวลาต่อมา ดาบของนานะก็ขยับเช่นกัน ดาบสนับสนุนของเธอ เสียงเพรียกแห่งป่า ตามมาอย่างรวดเร็ว หลังจากการขยับอันรวดเร็ว มันก็พันเข้ากับแส้และดาบหลักของเธอ ฝันร้ายสิ้นสุด ก็ฟันลงมา

 

แส้ถูกตัดในทันทีและมันก็สั้นลงประมาณ 3 ฟุต

 

แน่นอนว่านานะไม่เคยเจอคู่ต่อสู้ที่ใช้แส้มาก่อน แต่ตอนนี้เธอได้เจอแล้ว ซึ่งคนๆนั้นจะต้องจ่ายค่าเสียหายสำหรับการพยายามที่จะลองใช้วิธีเดิมกับเธอ หลังจากตัดแส้ของเมียสเมอร์ นานะก็เริ่มจู่โจมอีกครั้ง ด้วยความเร็วสูง มีเสียงระเบิดอากาศดังขึ้น และดาบของเธอก็พุ่งเข้าไปที่หน้าผากของเมียสเมอร์

 

หึ เธอแข็งแกร่งมากจริงๆ แต่ว่าข้ายังใช้แส้ได้อยู่นะ

 

มีเสียงดังขึ้น และแส้ก็พุ่งไปหานานะเหมือนกับงูอีกครั้ง ในครั้งนี้ เมียสเมอร์ได้ใช้พลังทั้งหมดของเธอ แส้นั้นดูไร้ทิศทางและเป็นไปไม่ได้เลยที่จะคาดเดาทิศทางของมัน

 

ตู้ม นานะไม่กล้าที่จะเสี่ยง เธอถอยในระหว่างที่อยู่กลางอากาศอย่างรวดเร็ว

 

สนามพลังที่อยู่ที่เท้าของเธอทำงาน เธอพุ่งไปอีกด้านนึงและหลบมันได้ เทคนิคของคู่ต่อสู้นั้นแปลกเกินไป เธอไม่เคยเห็นมันมาก่อน ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าที่จะลองเสี่ยง ถ้าเธอโดนฟาดอีกครั้ง เธออาจจะได้รับความเสียหายจริงๆก็ได้

 

เธอหลบได้รวดเร็วมากแต่ว่าคนที่เธอต้องปกป้องหน่ะ…

 

แส้เลี้ยวระหว่างทางและพุ่งไปทางลิงค์ เขานั้นกำลังจะถูกโจมตี! โรมิลสัน ผู้ที่ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากคอยเตรียมใช้เวทย์ป้องกัน ในที่สุดก็ได้ทำงาน-โล่คริสตัลหยก

 

โล่คริสตัลหยก

เวทย์เลเวล7

ผล: สร้างโล่คริสตัลแสงที่เหมือนกับหยกขึ้นมา ในตอนที่มันป้องกันการโจมตีของศัตรู มันสามารถสะท้อนความเสียหายได้30%

(หมายเหตุ: เวทย์ของไฮเอลฟ์)

 

โรมิลสันได้เตรียมเวทย์ป้องกันนี้เอาไว้ตั้งแต่ตอนที่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น ซึ่งการร่ายมันในตอนนี้ส่งผลอย่างมาก

 

ด้วยเสียงปะทะ แส้ก็โดนเข้ากับโล่คริสตัลหยก เมียสเมอร์เป็นนักรบเลเวล 8 ดังนั้นโล่เลเวล 7 จึงไม่สามารถทนพลังของเธอได้ มันพังลงและหายไป ยังไงก็ตาม ผลการสะท้อนของมันนั้นยังคงมีอยู่

 

เมียสเมอร์รู้สึกว่าแขนเธอสั่นและรู้สึกชาเล็กน้อย แส้ที่แต่เดิมสมบูรณ์แบบนั้นมีช่องว่าง นานะใช้โอกาสนี้ในการพุ่งกลับไป  ฝันร้ายสิ้นสุดได้แทงเข้าไปที่ชายโครงของเธอ และเสียงเพรียกแห่งป่าก็พร้อมที่จะรับการโจมตีด้วยแส้ของเธอแล้ว!

 

นี่เป็นเทคนิคที่นานะได้ข้อสรุปมาจากก่อนหน้านี้ มันเป็นการโจมตีและป้องกันในเวลาเดียวกัน

 

หืม? ในที่สุดเมียสเมอร์ก็รู้สึกถึงแรงกดดัน เธอนั้นถูกดันกลับไป

 

ในตอนนั้นเอง ลิงค์ก็ร่ายเวทย์สำเร็จ!

 

เขาขยับคทาของเขาเบาๆ เลนส์มิติของเขาลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าสูง30ฟุต จากนั้นมันก็มีลำแสงศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากพุ่งออกมา!

 

ปีศาจระดับสูงทุกตัวที่อยู่ในสนามรบต่างก็ตกใจ  บาดแผลที่ชัดเจนปรากฏขึ้นบนหัวของปีศาจอย่างน้อย 6 ตัว ซึ่งตัวเดียวที่สามารถหลบได้ก็คือเมียสเมอร์ ในช่วงเวลาสุดท้าย เธอได้หลบออกไปด้านข้างเพราะเธอคาดการณ์เอาไว้แล้วและหลบหนีจากพลังศักดิ์สิทธิ์อันน่าหวาดกลัวนี้ได้

 

บาดแผลที่อยู่ส่วนหัวนั้นสะอาดมาก มันเป็นเพราะว่าพลังศักดิ์สิทธิ์นั้นได้ถูกออกแบบมาเพื่อจัดการกับปีศาจโดยเฉพาะ ด้วยบาดแผลแบบนี้ แม้แต่ปีศาจก็จะตายในทันที

 

หลังจากการโจมตีเพียงครั้งเดียว ปีศาจระดับสูง 6 ใน 9 ตัวก็ล้มลงกับพื้นในทันที ส่วนปีศาจอีก 2 ตัวที่หลบได้ในช่วงเวลาสุดท้ายยังคงจับบาดแผลที่อยู่ในร่างกายของมัน พลังศักดิ์สิทธิ์นั้นแผดเผาพลังต่อสู้ของพวกมันไปเกือบหมด

 

จากนั้นอัศวินศักดิ์สิทธิ์ก็ได้เปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นพายเนื้อในทันที!

 

เมียสเมอร์รู้สึกว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี เธอจ้องไปที่ลิงค์และตะโกนออกมา “นักเวทย์ ข้าจะจดจำเจ้าเอาไว้!”

 

หลังจากนั้น เธอก็ถอยกลับไปด้วยความเร็วสูง นานะไล่ตามเธอไป เมียสเมอร์ฟาดแส้ออกมา และนานะก็ป้องกันมันด้วยดาบของเธอในทันที

 

ด้วยเสียงปะทะกัน นานะก็ตัดแส้ของเธออีกครั้ง ยังไงก็ตามเธอเองก็กระเด็นกลับมาเนื่องจากพลังอันมหาศาลของแส้ และในช่วงเวลานั้นเอง เมียสเมอร์ก็ถอยไปถึงหมอกสีขาวและหายตัวไปแล้ว

 

“นานะ พวกอัศวินอันเดธ” ลิงค์เรียกเธอกลับมา

 

ด้วยการตายของปีศาจระดับสูง พวกอัศวินอันเดธก็ยิ่งเสียเปรียบ วิญญาณต้นไม้สีทองฟาดแส้อย่างรุนแรง โดยมีอัศวินศักดิ์สิทธิ์คอยสนับสนุน จากการสนับสนุนของนักเวทย์ทั้ง 3 นานะยิ่งทรงพลังมากขึ้น ภายในเวลา 3 นาที อัศวินอันเดธ 100 ตัวก็ถูกจัดการ

 

ข้อความเด้งขึ้นมาในทัศนวิสัยของลิงค์

 

ภารกิจกำจัดปีศาจสำเร็จ

ผู้เล่นได้รับหนังสือเวทมนตร์ ไฟและการชำระล้าง

เริ่มภารกิจ: การต่อสู้สุดท้าย

เนื้อหาภารกิจ: จัดการเวเวอร์,จับกุมวิญญาณอมตะของเวเวอร์

รางวัลภารกิจ:หนังสือเวทมนตร์ธาตุไฟ ผู้ปราบปีศาจ

ลิงค์นั้นได้รับหนังสือที่เกี่ยวกับเวทมนตร์ธาตุไฟมา 3 เล่มพร้อมกัน เขาไม่มีเวลาที่จะอ่านพวกมัน ดังนั้นเขาจึงแค่ยอมรับมัน

 

ยังคงมีกลุ่มหมอกอยู่เบื้องหน้าของพวกเขา เขามองไปที่ทุกคน “ตอนนี้เหลือแค่เวเวอร์แล้ว!”

 

 

เมืองผี

 

เวเวอร์มองซัคคิวบัสที่หมดสภาพ “นี่ยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลย” เขาพูดด้วยความสับสน “เธอกลับมาทำไม?”

 

“ขอโทษ ข้าไม่อาจเทียบกับพวกมันได้ ข้าไม่สามารถหยุดพวกมันได้” เมียสเมอร์ดูน่าสงสารมากๆ

 

เวเวอร์มองไปที่คนอีก 4,000 คนที่ยังไม่ได้ถูกบูชายัญและขมวดคิ้ว “เธอนี่มันน่าผิดหวังจริงๆ!”

 

เขาสัมผัสได้ถึงออร่าแห่งแสงที่กำลังใกล้เข้ามา ซึ่งนี่ทำให้เขาอารมณ์เสียยิ่งกว่าเดิม หลังจากที่คิดอยู่พักนึง เขาก็หัวเราะอย่างเลือดเย็น “พวกนั้นจะต้องอยากช่วยคนที่ยังมีชีวิตอยู่ที่นี่แน่ๆ แต่ฝันไปเถอะ ฉันไม่ให้พวกนายได้ทำตามที่หวังหรอก!”

 

เขาหันไปหาอัศวินอันเดธและออกคำสั่ง “ไปฆ่าพวกมันให้หมด! อย่าให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว!”

 

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset