Advent of the Archmage – ตอนที่ 290: ที่หุบเขามังกรก็มีปัญหาเช่นกัน

ภายในเกม ลิงค์รู้ว่าหุบเขามังกรอยู่ที่ไหน ระหว่างที่อยู่ในเกม เขาเป็นแขกประจำของที่นั่นด้วยซ้ำแต่ว่าในชีวิตจริงนี้ เขารู้เพียงแค่ตำแหน่งคร่าวๆของมันเท่านั้น

 

ในครั้งนี้ เฟลิน่าได้แปลงร่างเป็นมังกรอีกครั้งเพื่อให้ลิงค์ขี่ นานะเองก็ไปกับเขาด้วยเพราะว่าตอนนี้เธอเป็นองครักษ์ประจำตัวของเขา

 

เฟลิน่าบินไปทางตะวันตกด้วยความเร็วอันน่าหวาดกลัวที่ประมาณ 400 ไมล์ต่อชั่วโมง

 

“พวกเราต้องบินอีกนานแค่ไหน?” ลิงค์รู้ว่าหุบเขามังกรแดงนั้นตั้งอยู่ในเทือกเขาที่อยู่ไปทางตะวันตกไกลจากอาณาจักรนอร์ตัน เขาคาดคะเนว่ามันน่าจะอยู่ห่างไปราวๆ 2,500 ไมล์

 

“ถ้าพวกเราไม่พักเลย น่าจะใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมงนะ แต่ว่าด้วยความที่แบกคนมาด้วยสองคน ข้าคงจะบินนานขนาดนั้นไม่ไหว ข้าจะต้องหยุดพักบ้าง” ระยะทางที่เฟลิน่าพูดนั้นไกลกว่าที่ลิงค์คาดเอาไว้มาก

 

การบินนั้นใช้กล้ามเนื้อ ซึ่งการที่ต้องรับน้ำหนักเพิ่มกลางอากาศนั้นจะต้องใช้งานกล้ามเนื้อหนักมาก ลิงค์มีน้ำหนักประมาณ 150 ปอนด์ในขณะที่ร่างกายที่เป็นโลหะทั้งตัวของนานะหนักกว่า 200 ปอนด์ นี่คือน้ำหนักเพิ่มเติมที่เฟลิน่าต้องแบก และที่สำคัญไปกว่านั้น ร่างกายของเธอเพิ่งจะฟื้นฟูจากการบาดเจ็บสาหัส เรี่ยวแรงทั้งหมดของเธอนั้นยังไม่ได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่

 

มันใช้เวลานานและดูเหมือนว่าเฟลิน่าจะไม่อยากเดิน ลิงค์รู้สึกเบื่อ ดังนั้นเขาจึงมองไปรอบๆ และในตอนนั้นเอง เขาก็เห็นบางอย่างแปลกๆบนร่างกายของเฟลิน่า

 

 

เกล็ดตรงใต้คอของเธอนั้นเคยเป็นระเบียบ แต่ตอนนี้มันกลับมีร่องรอยความไม่เป็นระเบียบอยู่ และเมื่อสังเกตดูใกล้ๆ ลิงค์ก็ยืนยันได้ว่ามันถูกแรงมหาศาลทำให้เสียหาย เมื่อดูจากสภาพของมันแล้ว มันดูเหมือนกับรอยกรงเล็บสัตว์เลย

 

 

หลังจากที่พบสิ่งนี้ ลิงค์ก็สังเกตดูทั้งซ้ายและขวา จากนั้นเขาก็พบบาดแผลสมานแล้วที่ไม่เคยมีอยู่เพิ่มขึ้นอีก

 

มังกรนั้นสามารถมองได้ 360 องศา ดังนั้นเฟลิน่าจึงเห็นการจ้องมองของลิงค์ “พลังแห่งความมืดส่งผลกับทุกเผ่าพันธุ์ในโลกใบนี้” เธออธิบาย “เหมือนกับเวเวอร์ มีใครบางคนในเผ่าของข้าทรยศพวกเรา มังกรแดงอันแข็งแกร่งถูกเทพปีศาจหลอกลวง และมีคนหนุ่มสาวมากมายที่ตามมันไป พวกมันโจมตีราชินีของพวกเราโดยไม่ทันตั้งตัว การโจมตีนั้นกระทันหันมาก แต่ก็โชคดีที่ พวกเราสามารถไล่พวกมันกลับไปได้”

 

ในที่สุดลิงค์ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเฟลิน่าถึงดูเป็นกังวลและเหนื่อยล้าในตอนแรก มีภัยพิบัติเกิดขึ้นที่หุบเขามังกรนี่เอง

 

เขาสงสัยในสิ่งที่เฟลิน่าพูด ‘ไล่พวกมันกลับไปได้’ แทนคำว่า ‘จัดการได้’ อย่างงั้นหรอ

 

“พวกเธอยังจัดการไม่เสร็จสินะ?” ลิงค์ถาม

 

“ใช่ อิเซนดิลันเคยเป็นพระสวามีขององค์ราชินีมาก่อน มันแข็งแกร่งมากๆ และแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมหลังจากที่ได้รับพลังจากเทพปีศาจ แม้แต่องค์ราชินีเองก็ยังสู้กับมันได้แค่ช่วงสั้นๆเท่านั้น…ตอนนี้สถานการณ์คับขันมาก”

 

ลิงค์ตกอยู่ในความเงียบ เขารู้จักอิเซนดิลัน!

 

ภายในเกม อิเซนดิลันนั้นมีหลากหลายชื่อ อย่างเช่น ‘ปีกแห่งการทำลายล้าง’ ‘มังกรผู้ร่วงหล่น’ และ ‘ผู้ทำลายล้างโลก’ และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดเกี่ยวกับเขาก็คือ การที่ถึงแม้ว่าเขาจะตกสู่ด้านมืด เขาก็ไม่ได้เชื่อฟังเทพปีศาจอย่างเต็มที่  เขายังคงหัวสูงอยู่ เขาได้ตกสู่ความบ้าคลั่งทั้งที่ยังมีสติอยู่!

 

และนั่นก็คือเรื่องที่น่ากลัวที่สุด

 

ความสามารถของเขาเองก็น่ากลัวเช่นกัน ภายในเกม เขาได้เข้าสู่ความมืดตอนใกล้ๆช่วงกลางเกม ในตอนนั้น ความหนาแน่นของมานาได้เพิ่มขึ้นแล้ว และพลังของอิเซนดิลันก็เพิ่มขึ้นไปถึงระดับตำนาน!

 

ใช่แล้ว เขาขึ้นไปถึงระดับตำนาน และเขาก็เป็นมังกร ซึ่งนั่นหมายความว่าเขามีพลังแทบจะไร้ขีดจำกัด แม้กระทั่งเอเลียร์ด ที่ตอนที่อยู่ในเกมก็ได้ขึ้นไปถึงระดับตำนานเหมือนกัน ก็ยังไม่สามารถสู้เขาได้

 

ถ้าเกิดไม่ได้ราชินีมังกรแดง, เกรเทล ที่นำทัพมังกรแดงต่อสู้กับเขา ความเสียหายที่เขาทำกับฟิรุแมนก็คงจะเทียบได้กับจ้าวแห่งความลึกโนโซม่า

 

“ตอนนี้มันแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?” ลิงค์ถาม

 

“เท่ากับองค์ราชินี มันได้ก้าวข้ามระดับตำนานแล้ว และมีลูกน้องเหลืออยู่ 7 คน คนที่อ่อนแอที่สุดอยู่ที่จุดสูงสุดของเลเวล 6 ส่วนคนที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นอยู่ที่จุดสูงสุดของเลเวล 8 แถมมันยังเป็นมังกรนักเวทย์อีกด้วย…มีแต่พวกที่จัดการยากๆทั้งนั้น!”

 

ลิงค์เริ่มเข้าใจเหตุการณ์มากขึ้น “อิเซนดิลันคือขุมพลังหลักที่เธอบอกว่าทำลายสมดุลใช่มั้ย? แต่ว่าฉันเพิ่งใช้น้ำยาพรของราชินีมังกรแดงไป และพลังของฉันก็ถูกจำกัดอยู่ ฉันอาจจะ…”

 

เอาจริงๆ, ต่อให้เขาอยู่ในช่วงที่แข็งแกร่งที่สุด เขาก็อาจจะตายด้วยลมหายใจมังกรอยู่ดีถ้าเกิดว่าเขาต้องไปเผชิญหน้ากับมังกรระดับตำนาน

 

เฟลิน่าส่ายหัว “ไม่ ไม่ พวกเราไม่จำเป็นต้องต่อสู้ตรงๆหรอก พวกเราแค่ต้องการใช้ความรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์มิติและความรอบรู้ด้านเวทมนตร์ของเจ้าเท่านั้นเอง”

 

หลังจากที่หยุดไปพักนึง เฟลิน่าก็พูดด้วยความเขินอายเล็กน้อย “จริงๆแล้ว เจ้าไม่ใช่มนุษย์แค่คนเดียวหรอกที่พวกเราเชิญมา ผู้คนจากเผ่าพันธุ์อื่นเองก็ได้ตอบรับคำเชื้อเชิญนี้…ถ้าเกิดว่าเจ้าสามารถช่วยได้ องค์ราชินีจะมอบรางวัลให้กับเจ้าอย่างงามเลยหล่ะ”

 

คำพูดพวกนี้ได้ทำให้ลิงค์มั่นใจ

 

การเดินทางครั้งนี้อันตราย แต่ว่า อิเซนดิลันนั้นเป็นราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถทำลายโลกได้อย่างง่ายดายถ้าเกิดว่าเขาต้องการ ลิงค์จะช่วยเท่าที่ช่วยได้ แถม ราชินีมังกรแดงก็ใจกว้างมากๆ, เธอจะไม่ให้เขาทำงานฟรีอย่างแน่นอน

 

“โอเค ฉันจะทำให้ดีที่สุดแล้วกันนะ” ลิงค์พยักหน้าเป็นการตกลง

 

“ขอบคุณนะ ข้าเชื่อมั่นในความรู้ของเจ้า” เฟลิน่ารู้สึกดีใจที่ลิงค์ไม่ได้ปฏิเสธคำขอร้อง

 

จากที่เธอรู้ อัจฉริยะหลายคนของเผ่าพันธุ์อื่นๆนั้นโกรธมากกับคำเชิญนี้ ซึ่งเหตุผลนั้นง่ายมาก-นี่เป็นปัญหาของมังกร ดังนั้นเผ่ามังกรก็ควรจะแก้ไขมัน พวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย และพวกเขาก็มีเรื่องอื่นๆให้ทำอีกมากมายในเผ่าพันธุ์ของตัวเอง พวกเขาไม่มีเวลามาช่วยหรอก!

 

มีคำเชิญเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่ตอบตกลง

 

การเดินทางนั้นยาวนาน เพื่อที่จะเก็บเรี่ยวแรงของเธอเอาไว้สำหรับการเดินทางที่เหลือ เฟลิน่าจึงหยุดพูด จากนั้นลิงค์ก็มีเวลาว่างเล็กน้อย “คอยสอดส่องรอบข้างให้ดีนะ” เขาบอกนานะที่อยู่ข้างๆเขา “ฉันอยากพักผ่อนซักหน่อย”

 

“นานะ เข้าใจแล้ว” นานะมองซ้ายมองขวาอย่างรอบคอบในทันที

 

ลิงค์หาจุดที่สบายๆแล้วหลับตาลง เขาเรียกหนังสือเวทมนตร์เพลิงออกมาในทัศวิสัยของเขาและเริ่มอ่านมัน หลังจากศึกษามันมาได้ 5 หรือ 6 วัน เขาก็มีความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับหนังสือทั้ง 3 เล่มนี้แล้ว

 

เล่มแรก แก่นแท้แห่งเพลิงนั้นเต็มไปด้วยทฤษฏี และเล่มที่สอง ไฟและการชำระล้างก็เกี่ยวกับการใช้เทคนิคเฉพาะ ส่วนเล่มที่3 ผู้ปราบปีศาจ นั้นเกี่ยวกับเวทย์ธาตุไฟระดับสูงที่มีความแปลกประหลาด

 

เวทย์นี้แปลกเล็กน้อย เมื่อดูคร่าวๆ มันคือเวทย์เลเวล 8 แต่มันก็ประกอบไปด้วยพลังของกฎแห่งเพลิง ดังนั้นอันที่จริงแล้ว มันคือเวทย์ระดับกึ่งตำนาน!

 

อีกชื่อเรียกนึงของเวทย์ระดับตำนานก็คือเวทย์แห่งกฏ

 

ยิ่งเวทย์ตำนานมีระดับสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องใช้ความเข้าใจในกฎของโลกมากขึ้นเท่านั้น ระดับตำนานนั้นเป็นตัวบ่งบอกว่านักเวทย์คนนั้นได้เข้าใจกฏประเภทหนึ่งและได้ไปถึงภพแห่งสวรรค์แล้ว

 

และเมื่อถึงตอนนั้น ฉายาอย่างผู้ควบคุมหรือลอร์ดก็จะถูกใส่เข้าไป ยกตัวอย่างเช่น ลอร์ดแห่งพายุจากยุคก่อนประวัติศาสตร์เองก็มีพลังของกฏแห่งลมที่ไม่สามารถเข้าใจได้

 

ในบรรดาหนังสือเวทมนตร์เกี่ยวกับไฟทั้งสามเล่มนี้ ลิงค์คิดว่า เล่มที่ 3 นั้นคือเวทมนตร์ เล่มที่สองคือทักษะเวทย์ขั้นสูง และเล่มแรกก็คือทฤษฏีพื้นฐาน…ทฤษฏีมันยาวเกินไป ส่วนทักษะก็ต้องมีเวทย์เฉพาะทางก่อนถึงจะใช้ได้ งั้นฉันขอเริ่มจากผู้ปราบปีศาจละกัน!

 

ลิงค์เปลี่ยนหัวข้อการวิจัยของเขาและเริ่มตรวจสอบผู้ปราบปีศาจก่อน ซึ่งหน้าแรกนั้นคือคำอธิบายคร่าวๆเกี่ยวกับเวทย์นี้

 

 

ผู้ปราบปีศาจ

เวทย์กฎแห่งเพลิง เลเวล 8

ค่ามานาพื้นฐาน: 50 แต้มต่อวินาที

มานาที่ใช้ในการต่อสู้: จำนวนครั้งที่โจมตี * 400

ผล: อัญเชิญแส้เพลิงยาว 300 ฟุตที่มีทั้งไฟและความแข็งแกร่งออกมา ภายในระยะ 300 ฟุต แส้เพลิงสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ตามความคิดของผู้ใช้ เมื่อมันสะบัด ตัวแส้ทั้งหมดนั้นคือจุดโจมตี ยิ่งผู้ใช้แข็งแกร่งเท่าไหร่ ก็จะยิ่งโจมตีได้เยอะเท่านั้น

(หมายเหตุ: เวทย์นี้มีพลังมากจนทำให้ศัตรูตกอยู่ในความสิ้นหวังได้ แต่มันก็กลายเป็นเรื่องตลกได้เช่นกัน)

 

คำอธิบายของเวทย์นี้ซับซ้อนมาก ลิงค์คิดอยู่ซักพักและรูปร่างที่เฉพาะเจาะจงของผู้ปราบปีศาจก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขา

 

มันคือแส้ยาวที่ทำขึ้นมาจากไฟ แส้ทั้งเส้นนั้นแข็งแกร่ง และมันก็ส่ายเป็นรูปตัว S ตรงปลายและส่วนที่ขดนั้นคือส่วนที่แข็งแกร่งที่สุด มันมีพลังโจมตีเท่ากับเวทย์เลเวล 8

 

โดยทฤษฏีแล้ว แส้ยาวสามารถโจมตีได้อย่างไม่จำกัดด้วยการสะบัด แต่ก็แน่นอนว่า, มันเป็นไปไม่ได้เพราะว่าค่ามานาที่ใช้คงจะสูงจนน่ากลัว ซึ่งมานาของลิงค์คือ 8,500 แต้ม ถ้าเกิดว่าการโจมตีแต่ละครั้งใช้มานา 400 แต้ม เขาก็จะโจมตีได้แค่ 20 ครั้งเท่านั้น

 

ยังไงก็ตาม การโจมตีเลเวล8, 20 ครั้งก็น่าประทับใจมากพอแล้ว ถ้าเกิดว่าเพิ่มเวทย์สูงสุดเข้าไปอีก เวทย์นี้ก็จะกลายเป็นเวทย์ที่ไม่สามารถถูกเวทย์อื่นที่มีเลเวลเท่ากันทำลายได้เลย!

 

และที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นก็คือเวทย์นี้ไม่จำเป็นต้องอัญเชิญธาตุไฟในการใช้งาน พลังมันมาจากกฎแห่งไฟ ซึ่งมันข้ามผ่านข้อจำกัดของสภาวะปฏิเสธธาตุไปแล้ว

 

งั้นมาเริ่มเรียนกันเถอะ ลิงค์ตั้งสมาธิและเริ่มอ่านอย่างจริงจัง

 

เวทย์เลเวล 8 นั้นยากมากๆ แต่มันก็ไม่ได้ยากเกินกว่าที่จะเข้าใจได้ด้วยความรู้ด้านเวทมนตร์ของลิงค์ในตอนนี้ ในตอนที่เขาเจอกับอะไรที่เขาไม่สามารถทำความเข้าใจได้ เขาก็จะไปหาคำตอบในแก่นแท้แห่งเปลวเพลิง เขาใช้มันเป็นตัวอ้างอิงและตัวยืนยันในเรื่องอื่นๆ

 

เวลาผ่านไปในขณะที่ลิงค์มีสมาธิอย่างเต็มที่

 

หลังผ่านไปซักพัก ลิงค์ก็รู้สึกตัวว่าเฟลิน่ากำลังร่อนลงและเขาก็มีสติกลับมาสู่ความเป็นจริง “อะไร พวกเราอยู่ที่…โอ้ นี่เธอจะพักที่นี่หรอ?”

 

“พวกเรายังเดินทางไปได้ไม่ถึงหนึ่งส่วนสามด้วยซ้ำ เจ้าได้พัก แต่ข้าสิเหนื่อย” มีความไม่พอใจแฝงอยู่ในน้ำเสียงของเฟลิน่า เธอเพิ่งจะฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ และตอนนี้ ก็มีใครบางคนมานอนอยู่บนหลังเธอในขณะที่เธอต้องบินข้ามแผ่นดินใหญ่ การปฏิบัตินี้มันแตกต่างกันมากเกินไป

 

มีทุ่งหญ้าขนาดใหญ่อยู่เบื้องล่างพวกเขา มันคือทุ่งสีทองที่อยู่ทางทิศตะวันตกของแผ่นดินใหญ่ ที่นี่มีมนุษย์สัตว์มากมาย แต่ว่าลิงค์ก็ไม่เห็นร่องรอยของพวกเขาใกล้ๆเลย

 

จากระยะไกลๆ ทุ่งหญ้านั้นมีทัศนียภาพที่ชัดเจนและปลอดภัยมากๆ หลังจากร่อนลงมา เฟลิน่าก็พักผ่อนไปครึ่งวันก่อนที่เธอจะออกบินอีกครั้ง

 

ในระหว่างเวลานั้น ลิงค์ได้เอาหนังสืออกมาอ่าน ในตอนที่เขากลับมาขึ้นหลังของเฟลิน่า เขาก็หลับตาพักผ่อนต่อแต่จริงๆแล้วเขากำลังอ่านหนังสืออยู่ในหัวของเขา

 

 

พวกเขาบินๆหยุดๆ ในตอนที่พักเป็นครั้งที่ 3 มันก็เป็นเวลาเย็นของวันที่ 2 แล้ว “พวกเรามาถึงเทือกเขาโคโรราโด้แล้ว”เฟลิน่าพูด “หุบเขามังกรแดงอยู่ในภูเขาเหล่านี้แหล่ะ และพวกเราเหลือระยะทางประมาณ 300 ไมล์ ในครั้งนี้ ข้าจะพักผ่อนยาวหน่อยเพราะว่ามันอาจจะมีอันตรายเกิดขึ้นได้ในการเดินทางครั้งสุดท้าย”

 

“โอเค” ลิงค์พยักหน้าและเอาหนังสือออกมาอีกครั้ง เขาอ่านมันไปได้ครึ่งนึงแล้ว และยังเหลืออีกเยอะถึงจะจับทางเวทย์ผู้ปราบปีศาจได้ เขาได้อ่านมันไปเยอะและพบว่ามันน่าอ่านมากๆ

 

พวกเขาทั้งสองพักผ่อนในถ้ำเตี้ยๆที่ไม่ค่อยมีลม ลิงค์เอาถุงนอนที่เซลีนเตรียมเอาไว้ให้ออกมา เขาเอาผืนนึงให้เฟลิน่าและใช้เองอีกผืนนึง

 

เห็นได้ชัดว่าเฟลิน่าเหนื่อยมาก เธอเอาผ้าห่มคลุมตัวและหลับไปอย่างรวดเร็ว ลิงค์อ่านหนังสือต่อในขณะที่นานะนั่งคุกเข่าอยู่ที่ทางเข้า เธอจับดาบสั้นของเธอและคอยระวังภัยอยู่ตลอดเวลา

 

ตอนเที่ยงคืน ลิงค์ก็เหนื่อยเช่นกัน เขากินอาหารแห้งไปเล็กน้อยและเตรียมตัวพักผ่อน แต่ในตอนนั้นเอง นานะก็ขยับแล้วเข้ามากระซิบ “นายท่าน นานะได้ยินเสียงฝีเท้า”

 

ลิงค์ก็ได้ยินมันเหมือนกัน เสียงฝีเท้านั้นเบาและมั่นคง คนๆนั้นอาจจะผ่านทางมาและยังไม่สังเกตเห็นพวกเขา “รอดูก่อน” เขากระซิบ

 

นี่คือพื้นที่แห้งแล้งบนเทือกเขาโคโรราโด้ตอนเที่ยงคืน การปรากฏตัวขึ้นมาในเวลานี้มันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย พวกเขาจะต้องระวังตัวเอาไว้

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset