Advent of the Archmage – ตอนที่ 295: ทั้งหมดเพื่อเรื่องดีๆ

สุสานไฮเอลฟ์

 

หึ่ง! มีเสียงดังก้องเกิดขึ้นอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเดอร์แรคจะไล่ตามพวกเขามา เขานั้นอยู่ห่างไปแค่หัวมุมเดียวเท่านั้น

 

มีเสายื่นออกมาสองสามต้นที่ทางเดินหลังจากที่เลี้ยว ลิงค์กับพรรคพวกจึงหลบหลังเสาพวกนี้

 

“ลิงค์ เขามาแล้ว!” เฟลิน่าพูดออกมาเบาๆ ถึงแม้ว่าทุกคนจะดูออกได้ในทันทีว่าเธอกังวลมากขนาดไหนก็ตาม

 

มอริแกนซ่อนอยู่หลังเสาอีกต้นนึง เขามองไปที่กับดักที่อยู่ที่พื้นและพูด “มาสเตอร์ กับดักนี้สามารถจัดการเขาได้จริงๆหรอ? นี่มันคือกับดักที่เขาเป็นคนวางเองนะ!”

 

ลิงค์ชำเลืองมองในขณะที่เขาพยายามจับความผันผวนของเวทย์ลูกบอลโซ่มิติอย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาก็พูดขึ้น “ดูเหมือนว่า เดอร์แรคจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่พวกเราควรกลัวอีกแล้วหล่ะ”

 

“ทำไมเจ้าถึงพูดอย่างนั้นหล่ะ?” เฟลิน่าถามด้วยสีหน้าสับสน

 

ลิงค์อธิบาย “ฉันวางลูกบอลมิติเอาไว้ทั้งหมด 35 จุดในระหว่างทาง เดอร์แรคสามารถผ่านอันแรกไปได้ด้วยเวลาเสี้ยววินาที; มันไม่ได้ทำให้เขาช้าลงเลยซักนิดเดียว แต่ว่านะ เขาใช้เวลาถึง 1 วินาทีในการผ่านอันล่าสุด”

 

ในตอนที่เดอร์แรคปะทะกับลูกบอลโซ่มิติอันแรก เขานั้นทรงพลังมาก เขาสามารถผ่านมันมาได้อย่างง่ายดาย ถ้าพวกเขาทั้ง 3 คนต้องสู้กับเขาในตอนนั้น พวกเขาจะพ่ายแพ้อย่างแน่นอน และถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีนานะอยู่ด้วย แต่เธอเองก็คงจะกลายเป็นโลหะหลอมเหลวเนื่องจากการโจมตีด้วยสายฟ้าที่รุนแรง

 

ยังไงก็ตาม ตอนนี้เดอร์แรคต้องใช้เวลาถึง 1 วินาทีในการทะลวงผ่านบอลโซ่มิติ ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาอ่อนแอลง จากความผันผวนของมานาที่ลิงค์ได้รับจากเวทย์ของเขา, เขาสามารถประเมินพลังของคู่ต่อสู้ได้อย่างแม่นยำ

 

พลังของเดอร์แรคลดลงจากเลเวล 9 มาเป็นเลเวล7 แม้ว่าเขาจะยังคงแข็งแกร่งอยู่, แต่เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่พวกเขาควรกลัวอีกต่อไปแล้ว

 

จากนั้นเฟลิน่าก็เข้าใจสถานการณ์และพูดขึ้น “นี่เจ้าจะบอกว่า…”

 

“ใช่ เธอคิดถูกแล้ว พวกเราสามารถตอบโต้ได้” ลิงค์พยักหน้าเพื่อยืนยันความสงสัยของเธอ เขาหันไปสั่งนานะ “นานะ เตรียมพร้อมโจมตีเอาไว้ และพอศัตรูของพวกเราเหยียบกับดักเวทมนตร์ก็จัดการได้เลย!”

 

“รับทราบค่ะ!” นานะไม่เคยปฏิเสธคำสั่งของลิงค์

 

ในตอนนั้นเอง เดอร์แรคก็ปรากฏตัวขึ้นมาที่หัวมุม เขาไม่ได้รู้สึกว่าพลังของเขาลดลงเลย เสียงของเขายังคงเต็มไปด้วยความผยองและความดูถูก “หึ เจ้าตัวกระจ้อย ข้ารู้สึกได้ถึงพวกเจ้า หยุดซ่อนตัวแล้วออกมาซะ”

 

แน่นอนว่า พวกเขาทั้งสี่จะไม่ออกมาจากที่ซ่อน กลับกัน พวกเขานั้นซ่อนเข้าไปลึกยิ่งกว่าเดิม

 

จากนั้นเดอร์แรคก็เดินหน้าต่อ เขาค่อยๆเข้ามาใกล้กับดักเวทมนตร์—30ฟุต….15ฟุต…3ฟุต เขากำลังจะเหยียบกับดักเวทมนตร์และในตอนนั้นเองเขาก็หยุดเดินในทันที

 

“หืมม มีบางอย่างผิดปกตินี่” เดอร์แรคมองไปรอบๆ ดูเหมือนว่าความทรงจำของเขาจะบอกเขาว่าที่นี่มีอันตรายซ่อนอยู่

 

มันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ลิงค์คิดอยู่พักนึง และเขาก็กำลังจะสั่งให้นานะให้ล่อเขามาข้างหน้าในตอนที่มอริแกนเอาตัวครึ่งนึงออกจากที่ซ่อนและปล่อยเวทย์แสงสว่างออกมา จากนั้นเขาก็โบกคทาของเขาอย่างรุนแรงและตะโกน “เฮ้ย ไอแก่ ทางนี้ ปู่ของแกอยู่ที่นี่”

 

“หืมม? ไอแมลงอวดดี! ครอบครัวของข้าตายไปนานแล้ว!” เดอร์แรคตะโกนกลับด้วยความโกรธละเหยียบกับดักเวทมนตร์โดยไม่ลังเล

 

พอเห็นว่ารูนเวทมนตร์ที่อยู่รอบๆกำแพงสว่างขึ้น มอริแกนก็ถอยกลับเข้าไปในที่ซ่อนของตัวเอง

 

เสี้ยววินาทีต่อมา เสียงระเบิดอันรุนแรงก็ดังไปทั่วทั้งโถงทางเดิน  และยังมีเสียงไฟไหม้ด้วย  และหากรวมเสียงพวกนี้เข้าด้วยกันนี่มันคือการแสดงโชว์ชัดๆ—แถมยังมีกลิ่นของเนื้อย่างบาบีคิวและเครื่องเทศโชยมาด้วย

 

กลิ่นของเครื่องเทศนั้นสามารถเข้าใจได้ว่ามันคือกลิ่นของสายฟ้าหลังจากที่มันแล่นผ่านทั่วทั้งพื้นที่ ยังไงก็ตาม เนื้อบาบีคิวก็คือ….นี่น่าจะเป็นกลิ่นของศพที่มีอายุมากกว่า 1,000 ปีถูกย่าง ซึ่งใครก็ตามที่ได้กลิ่นควรจะตัดจมูกตัวเองทิ้งไปดีกว่ามาดมกลิ่นพวกนี้

 

“นี่คือกลิ่นศพบาบีคิวงั้นเหรอ…” มอริแกนบ่นพึมพำและสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาจะต้องจำกลิ่นนี้เอาไว้ มันน่าจะมีประโยชน์ต่อการผจญภัยของเขาในอนาคต

 

เฟลิน่าต้องมองบนในขณะที่เธอมองไปที่มอริแกน ดูเหมือนว่ามนุษย์คนนี้จะมีนิสัยแปลกๆ เขากินฉี่และดูเหมือนว่าเขาจะมีความสนใจในศพที่ถูกเผาด้วย ในตอนนี้เธอรู้สึกขยะแขยงยิ่งกว่าเดิมซะอีก!

 

การโจมตีด้วยหสายฟ้ายังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 5 วินาที เดอร์แรคยังคงมีชีวิตอยู่อย่างน่าประหลาดใจหลังจากการโจมตีนั้น เสียงแหบๆของเขาดังขึ้นไปทั่วโถงทางเดินอีกครั้ง “หืมม ก็ไม่เลวนะ! แต่มันยังไม่พอหรอก!”

 

ลิงค์ใช้เวทย์กระจกมองไปที่เดอร์แรค เขาเห็นร่างถูกเผาที่มีเศษผ้าไหม้ติดอยู่ที่ตัวของเขา มงกุฎอัญมณีที่อยู่บนหัวของเขาเองก็ถูกสายฟ้าทำลายไปแล้ว ดูเหมือนว่าผิวหนังของเขาจะถูกทำลายจนหมดจากการโจมตีในครั้งนี้ มีควันสีเขียวอ่อนๆถูกปล่อยออกมาจากร่างกายของเขา

 

เห็นได้ชัดว่า เวทย์เลเวล 7 ขนาดใหญ่นั้น จัดการไม่ได้ง่ายๆเลย

 

การโจมตีนี้สร้างความเสียหายให้กับเดอร์แรคเป็นอย่างมาก แสงสีฟ้าในดวงตาของเขาเองก็จางลงไปมาก ไม่มีใครมองเห็นแสงที่ตาของเขาได้อย่างชัดเจนอีกแล้ว ออร่าเวทมนตร์อันน่าเกรงขามของเขาเองก็อ่อนแอลงอย่างมาก ทำให้เขาไม่แตกต่างจากศพธรรมดาเลย

 

ในตอนนี้ เดอร์แรคไม่ได้เป็นภัยคุกคามอีกต่อไปแล้ว คนธรรมดาสามารถจัดการเขาได้อย่างง่ายดายด้วยการโจมตีทางกายภาพ ยังไงก็ตามดูเหมือนว่าเดอร์แรคจะไม่รู้สึกถึงพลังที่ลดลงของเขาและยังคงมั่นใจในความสามารถของตัวเองอยู่ เขาเดินกระเผลกไปข้างหน้าและตะโกน “ออกมาซะไอพวกแมลงตัวกระจ้อย ข้ารู้นะว่าพวกเจ้าซ่อนตัวอยู่ที่ไหน!”

 

จากนั้นลิงค์ก็ออกมาจากที่ซ่อนของเขา

 

ในตอนที่เดอร์แรคเห็นเขา เขาก็ชี้คทาไปที่ลิงค์และพูด “ตายซะ ไอคนน่ารังเกียจ!”

 

คทาของเขาเรืองแสงขึ้นมา และสายฟ้าเส้นเล็กๆก็ปรากฏขึ้นในอากาศ สายฟ้านี้พุ่งไป 1.5 ฟุตก่อนที่มันจะหายไป

 

เดอร์แรคได้ใช้พลังของเขาไปหมดแล้ว

 

“หืม เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”

 

ลิงค์ส่งสัญญาณมือให้นานะ เมื่อได้รับสัญญาณ นานะก็พุ่งออกมาและตัดหัวของเดอร์แรคก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร

 

“นักเวทย์เลเวล 9 ก็ถูกจัดการได้ง่ายๆแบบนี้เนี่ยนะ?” มอริแกนก็เดินออกมาเช่นกัน สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ทำให้เขาสับสนเป็นอย่างมาก

 

ลิงค์ส่ายหัวและพูด “เขาไม่ควรถูกพิจารณาเป็นนักเวทย์เลเวล 9 หรอก นี่เป็นแค่จิตสำนึกส่วนนึงของเดอร์แรคในอดีต เขานั้นมีพลังของนักเวทย์เลเวล 9 ก็จริง แต่ว่า เขาก็เป็นเพียงแค่ภาชนะที่ว่างเปล่า”

 

มันคงจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับอันเดธในการจัดการกับพวกโจรปล้นสุสาน ยังไงก็ตาม ถ้าพวกเขาสามารถผ่านออร่าอันน่ากลัวของเขาไปได้โดยที่ไม่ขวัญกระเจิงไปซะก่อน พวกเขาก็จะสามารถลดพลังของเขาได้อย่างง่ายดายและยื้อการต่อสู้จนสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย

 

ถ้าเกิดว่านักเวทย์เลเวล 9 ตัวจริงปรากฏตัวขึ้นมาหล่ะก็ พวกเขาคงจะตายไปตั้งแต่ 10 วินาทีแรกแล้ว

 

จากนั้นลิงค์ก็เดินไปข้างหน้าและหยิบคทาของเดอร์แรคขึ้นมา เขาตรวจสอบมันอย่างระมัดระวังและได้รู้ว่าคทานี้เองก็เป็นคทาที่ทำขึ้นมาโดยใช้เวทย์เครื่องราง

 

มันมีความยาว 5 ฟุต 9 นิ้ว และส่วนลำตัวของมันก็ทำขึ้นมาจากไม้จันทร์สีม่วงคุณภาพดี มันถูกแกะสลักให้มีลักษณะเหมือนกับงูยักษ์มีชีวิต ยังไงก็ตาม ที่ตัวคทานั้นมีรูนเวทมนตร์อยู่ไม่มาก รูนเวทมนตร์เกือบทั้งหมดนั้นถูกรวมอยู่ในเครื่องรางที่แปะอยู่ด้านหลังและที่ดวงตาของงู

 

มีส่วนเว้าทั้งหมด 9 จุดบนคทาอันนี้ ซึ่งแต่ละจุดนั้นมีไว้เพื่อเครื่องรางอัญมณี เมื่อสังเกตดูใกล้ๆ จะสังเกตเห็นในเครื่องรางอัญมณีว่าในนั้นเต็มไปด้วยรูนเวทมนตร์จำนวนนับไม่ถ้วน พวกมันเป็นเสาหลักของคทาอันนี้ เป็นแหล่งที่มาของพลัง

 

หลังจากนั้น ข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องรางอัญมณีก็ได้ปรากฏขึ้นบนหน้าจอของลิงค์

 

เครื่องรางควบแน่น

คุณภาพ: อีพิค

ผล: เพิ่มพลังของเวทมนตร์ 40%

 

เครื่องรางความรู้

คุณภาพ: อีพิค

ผล: ความเร็วในการฟื้นฟูมานา+40%

 

เครื่องรางสายฟ้า

คุณภาพ:อีพิค

ผล: เพิ่มความรุนแรงของเวทย์ธาตุสายฟ้า 50%

 

มีเครื่องรางอัญมณีทั้งหมด 9 ชิ้น ถ้าเกิดว่าผสมความสามารถของพวกมันทั้งหมดเข้าด้วยกัน มันก็จะแข็งแกร่งมากๆ

 

คทาสายฟ้าคำราม

คุณภาพ: อีพิค

ผลที่1: เพิ่มความแข็งแกร่งของเวทมนตร์+160% (เครื่องรางควบแน่น 3 ชิ้น)

ผลที่ 2: ความเร็วการฟื้นฟูมานา +170% (เครื่องรางความรู้ 3 ชิ้น)

ผลที่ 3: พลังของเวทย์สายฟ้า +180% (เครื่องรางสายฟ้า 3 ชิ้น)

(หมายเหตุ: ผลงานชิ้นโบว์แดงที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยเทคนิคการเสริมพลังด้วยเครื่องราง)

 

มันเป็นชิ้นงานที่สมบูรณ์แบบจริงๆ รูนบนตัวคทานั้นทำหน้าที่รวมพลังของเครื่องรางแต่ละชิ้นเข้าด้วยกันในขณะที่ผู้ใช้จะได้บัพจำนวนมาก

 

ถ้าเกิดว่าใครต้องการอาวุธที่แตกต่างออกไป พวกเขาก็แค่ต้องเอาเครื่องรางพวกนี้ออกแล้วฝังเครื่องรางอันใหม่ที่เหมาะสมกับสไตล์การต่อสู้ของพวกเขา จากนั้นพวกเขาก็จะได้อาวุธเวทมันตร์อันใหม่ที่มีผลแตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง

 

และถ้าเครื่องรางได้รับความเสียหาย สิ่งที่ผู้ใช้ต้องทำก็คือการหาอันใหม่มาทดแทน มันง่ายและประหยัดงบมากกว่าการเสริมพลังธรรมดาที่ใช้อยู่ทั่วโลกฟิรุแมนในตอนนี้เสียอีก

 

แม้กระทั่งนักเวทย์ฝึกหัดก็ยังสามารถสร้างคทาระดับอีพิคได้ถ้าเกิดว่าพวกเขาถูกสอนทักษะการสลักขั้นพื้นฐานและได้รับเครื่องรางอัญมณีระดับอีพิคมาใช้ในการสร้าง!

 

มันยืดหยุ่นมาก ไว้ใจได้ ประหยัดงบและเป็นทักษะที่มีประสิทธิภาพ ระดับของการเสริมพลังจะถูกลดลง และผู้คนมากมายก็จะสามารถปรับแต่งอุปกรณ์ของตัวเองได้อย่างไร้ปัญหา มีข้อดีมากมายสำหรับเทคนิคนี้!

 

ลิงค์นั้นตื่นเต้นมาก เขาอยากจะพุ่งเข้าไปในห้องใต้ดินและเอาหนังสือทั้งหมดมาเป็นของตัวเอง, และเอาเทคนิคการเสริมพลังด้วยเครื่องรางนี้กลับไปสู่โลก

 

ในตอนที่เขากำลังตื่นเต้นนั้นเอง เสียงของเฟลิน่าก็ดังขึ้น “ลิงค์ มาหาวิธีออกจากที่นี่กันเถอะ”

 

“อ้อ ได้สิ” จากนั้นลิงค์ก็แอบเอาคทาใส่จี้ต่างมิติของเขาอย่างเงียบๆ

 

เฟลิน่ารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยหลังจากที่เห็นมัน เธอนั้นกำลังจะห้ามลิงค์ แต่ในตอนนั้นเองเธอก็รู้สึกตัวว่าเธอไม่มีเหตุผลที่จะทำอย่างนั้น ในที่สุดพวกเขาก็จัดการกับเดอร์แรคได้หลังจากที่พยายามอย่างหนัก มันดูเป็นเหตุผลที่ยอมรับได้ที่หากจะเอาอะไรบางอย่างไปกับพวกเขาด้วย

 

ยังไงก็ตาม นั่นก็หมายความว่าพวกเขาเองก็เป็นโจรปล้นสุสานเช่นกัน…เฟลิน่ารู้สึกไม่ดีเลย

 

ในตอนที่ลิงค์เห็นสีหน้าของเฟลิน่า เขาก็รู้ว่าเธอรู้สึกกังวล ดังนั้นเขาจึงเอาคทาสายฟ้าคำรามออกมาและอธิบายให้ฟังอย่างจริงจัง “เฟลิน่า คทานี้มันพิเศษมากๆเลยนะ มันมีทักษะการเสริมพลังที่สูญหายไปอยู่ในนี้ ถ้าพวกเราทิ้งมันเอาไว้ที่นี่ มันก็จะไปตกอยู่ในมือของอิเซนดิลัน และนี่ก็จะเพิ่มพลังให้กับกองทัพของมันเป็นอย่างมาก แต่ถ้าพวกเราเป็นฝ่ายใช้ความรู้นี้เอง พวกเราก็จะสามารถวิจัยมันและคืนความรุ่งโรจน์ของบรรพบุรุษให้กลับมามีชีวิตได้ และในเวลาเดียวกันนั้นเอง พลังของพวกเราก็จะเพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้นเธอคิดว่าพวกเราควรทำยังไงดีหล่ะ?”

 

เฟลิน่าอึ้งกับคำพูดของลิงค์ ลิงค์พูดถูก ถ้าพวกเขาไม่เอาสมบัตินี้ไป อิเซนดิลันก็จะมาเอามันไป และหากเป็นเช่นนั้น อิเซนดิลันก็จะจัดการได้ยากขึ้น เธอพยักหน้าและพูดออกมา “เจ้าพูดถูก พวกเราต้องเอามันไปด้วย”

 

จากนั้นลิงค์ก็กวักมือของเขาเพราะว่าเขาได้รับอนุญาติแล้ว “ถ้างั้นไปกันเถอะ พวกเราจะไปดูที่ห้องใต้ดินกัน ที่นั่นมีหนังสือเวทมนตร์ที่เก็บความรู้เอาไว้เป็นจำนวนมาก พวกเราจะปล่อยให้มันตกไปอยู่ในมือของอิเซนดิลันไม่ได้”

 

“นั่นสินะ!” อยู่ๆเฟลิน่าก็เห็นด้วยกับการเอาหนังสือเวทมนตร์ไป

 

มอริแกนอ้าปากค้างในขณะที่มองเหตุการณ์นี้ เขาพูดไม่ออก นี่มันก็เหมือนกับการปล้นสุสานไม่ใช่หรอ?

 

แต่ทำไม มันถึงดูมีความถูกต้องและดูสูงส่งในตอนที่ลิงค์พูดหล่ะ? แม้กระทั่งเขาก็ยังรู้สึกว่าการปล้นหลุมศพมันเป็นหน้าที่เมื่อได้ฟังคำพูดเหล่านี้ เพราะหากไม่ทำมันก็จะเป็นการช่วยเหลือศัตรู

 

เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ เขาโน้มน้าวเก่งมาก บ้าเอ้ย เขาทำเหมือนกับว่าการปล้นสุสานเป็นเรื่องที่ถูกต้องเลย! มอริแกนถอนหายใจในขณะที่ตามพวกเขาทั้งสองไป

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset