Advent of the Archmage – ตอนที่ 356: ช่วงเวลาก่อนศึกสุดท้าย

Chapter 356: ช่วงเวลาก่อนศึกสุดท้าย

ส่วนที่ด้านนอกแนวป้องกันของป้อมโอริด้า

 

สกินอร์สลากสังขารที่เต็มไปด้วยบาดแผลกลับมาได้ 

 

ในตอนนั้น ลิงค์ได้ใช้เวทย์ระดับตํานาน เทพเจ้าสายฟ้าจุติ เขากําลังปะทะกับจุดสูงสุดของเลเวล 9 และยังเป็นผู้ใช้อสรพิษทมิฬอีกด้วย เขานั้นไม่สามารถให้ความสนใจกับสิ่งรอบข้างได้ในเวลานั้น

 

ในตอนที่คลื่นกระแทกจากการต่อสู้กระจายมาโดนตัวเขา สกินอร์สสามารถหาที่หลบได้ แต่ก็เปล่าประโยชน์ ก้อนหินขนาดเล็กเท่าหัวเด็กนั้นยังคงกระเด็นมากระแทกหลังของเขา

 

เขานั้นไม่ได้มีร่างกายที่แข็งแกร่งเหมือนกับปีศาจ ดังนั้นหลังจากที่โดนกระแทก เขาจําเป็นต้องใช้ศิลปะการต่อสู้ในการที่จะให้ตัวเองวิ่งต่อไปได้

 

เขาเดินทางได้ 200 ไมล์ภายในเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง!

 

โดยปกติแล้ว แม้ว่าจะเป็นตอนที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ เขาก็จะไม่สามารถทําแบบนี้ได้ ยังไงก็ตามในครั้งนี้เขาได้ทุ่มสุดตัวแล้วจริงๆ

 

ลิงค์ได้เอาชีวิตของตัวเองเข้าไปเสี่ยงเพื่อไม่ให้ปีศาจไล่ตามเขา ถ้าเกิดว่าเขาทําภารกิจไม่สําเร็จ สกินอร์สคงจะต้องผิดหวังในตัวเองอย่างแน่นอน

 

เขาไม่ต้องการให้นักประวัติศาสตร์จดบันทึกเหตุการณ์ตรงส่วนนี้เอาไว้ด้วยความเศร้าอย่างเช่น “ลิงค์ได้เสี่ยงชีวิตของเขาไว้เพื่อหยุดปีศาจ แต่ว่าใครก็ไม่รู้ได้ทําให้การเสียสละของเขาสูญเปล่า”

 

เขาต้องการให้นักประวัติศาสตร์บันทึกว่า “สกินอร์สได้ ทําภารกิจของลิงค์สําเร็จ ด้วยการส่งสมุดโน็ตเวทมนตร์ให้กับป้อมโอริด้า และทําให้สงครามเกิดการพลิกผัน!”

 

นี้จะต้องเป็นเกียรติยศของเขาอย่างแน่นอน!

 

ดังนั้นในตอนที่ป้อมโอริด้าที่สูง 150 ฟุต ปรากฏขึ้นในทัศนวิสัยของเขาสกินอร์สก็รู้สึกว่าอวัยยะภายในของเขาร้อนขึ้น การหายใจทุกครั้งทําให้เขารู้สึกทรมาน ราวกับว่าในคอของเขาเต็มไปด้วยเลือด แม้กระทั่งเสลดที่เขาพ่นออกมาก็ยังเป็นสีแดง ขาของเขาเองก็รู้สึกเหมือนกับว่าทํามาจากตะกั่วและศิลปะการต่อสู้ของเขาก็หมดลงแล้ว เขานั้นกําลังใช้แรงเฮือกสุดท้ายอยู่

 

ทัศนวิสัยของเขาเริ่มเบลอ และทุกๆอย่างที่เข้ามาในสายตาของเขาก็ดูมืดกว่าสิ่งที่มันควรจะเป็นจริงๆ

 

หน่วยลาดตระเวนที่อยู่กําแพงด้านนอกของป้อมสังเกตเห็นเขาและตะโกน “เจ้าเป็นใคร? บอกยศของเจ้ามา!”

 

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ สกินอร์สก็รู้ว่าเขาทําภารกิจของเขาสําเร็จแล้ว เขาหายใจเข้าลึกๆและพ่นก้อนเลือดที่อยู่ในคอของเขาออกมา จากนั้นขาของเขาก็หมดแรง และ เขาก็ล้มลงกับพื้น

 

“พันตรี! เขาคือพันตรีสกินอร์ส!” มีใครบางคนจําเขาได้

 

“แฮ่ก แฮ่ก พาข้าเข้าไปในป้อม…แฮ่ก…ไปพบกับดยุคอา เบล ข้าได้นําสมุดโน็ตเวทมนตร์ที่สําคัญมาส่ง!” สกินอร์สพูด เขานอนอยู่กับพื้นและหายใจอย่างรุนแรง ลมหายใจทุกครั้งของเขามีกลิ่นเลือดออกมาด้วย

 

หลังจากที่เขาพูดจบ สกินอร์สก็รู้สึกหน้ามืดมากๆและเกือบจะหมดสติไป

 

ในระหว่างที่เขากําลังจะหมดสติ เขาก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนได้แบกเขาขึ้นมาและให้เขากินอะไรบางอย่างที่รสชาติ เหมือนกับยาหลังจากที่เขาดื่มมันเข้าไป เขาก็รู้สึกเย็นขึ้นที่หน้าอกและเขาก็ได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ข้างๆเขา จากนั้นเขาก็ถูกวางลงบนหลังม้า ซึ่งมันค่อยๆเดินอย่างช้าๆ

 

ก่อนที่สมุดโน็ตเวทมนตร์จะถูกส่งถึงสกินอร์สจะไม่ยอมให้ตัวเองสลบไปอย่างเด็ดขาดตลอดทาง เขาได้กัดปากของ ตัวเองเพื่อทําให้ตัวเองตื่นโชคดีที่เขานั้นอยู่ในจุดสูงสุดของ เลเวล 7 ดังนั้นหลังจากที่ได้พักผ่อนอยู่บนหลังม้าซักพักนึง สติของเขาก็ฟื้นกลับมาและหัวของเขาก็รู้สึกโล่งขึ้นมาก

 

เขาพบว่าเขากําลังเดินทางผ่านอุโมงค์มีดๆยาวประมาณ 120 ฟุตอยู่มันคือส่วนหนึ่งของเวทมนตร์ป้องกันของป้อม โอริด้า

 

หลังจากที่ผ่านอุโมงค์ไป สคนอร์สก็ถูกยกลงมาจากหลังม้าและถูกยกลงใส่เปลหาม

 

ความสะดวกสบายในการนอนได้เพิ่มขึ้น และหลังจากผ่านไปอีก 300 ฟุต ก็ได้มาถึงกําแพงที่สอง เพราะว่าภูมิประเทศที่สูงกําแพงจึงมีความสูงมากกว่าเดิม และสิ่งนี้เองยังทําให้ยามมีระยะการมองเห็นเพิ่มขึ้นอีกด้วย

 

ในอุโมงค์ที่สองนั้นมีนักบวชมาร่ายเวทมนตร์ แสงศักดิ์สิทธิ์ได้ส่องสว่างขึ้นที่ร่างของสกินอร์ส

 

สกินอร์สรู้สึกถึงคลื่นความอบอุ่นเข้ามาในร่างกายของเขาและความเจ็บปวดของเขาก็ค่อยๆลดลงจากนั้นเขาก็รู้สึกคันที่คอและหน้าอกของเขา เขานั้นรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกตอนที่บาดแผลของเขาถูกรักษามากๆ

 

น่าแปลกที่ในครั้งนี้อวัยวะสําคัญของเขาได้รับความเสียหาย ซึ่งในตอนที่รักษาอวัยวะพวกนี้มันให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกับปกติ ดังนั้นมันจึงทําให้สกินอร์สรู้สึกแปลกๆ

 

บาดแผลของสกินอร์สไม่หนักมาก และร่างกายของเขาก็แข็งแรงมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ดังนั้นด้วยการรักษาจากนักบวช เขาจึงรู้สึกเหมือนกับว่าถูกชุบชีวิต และถึงแม้เขาจะยังรู้สึกอ่อนแรงอยู่ แต่เขาก็ไม่เป็นอะไรแล้ว

 

เขาลุกขึ้นมานั่งบนเบาะและเขาก็แจ้งภารกิจของเขาซ้ำอีกครั้ง “ข้าต้องการพบกับดยุคอาเบล เดี๋ยวนี้เลย”

 

นักบวชตอบอย่างอ่อนโยน “ท่านนักรบตอนนี้พวกเรากําลังไปพบดยุคอาเบลอยู่”

 

“ข้าไม่เป็นไรแล้ว ข้าเดินเองได้”

 

หลังจากที่ลุกขึ้นจากเปล สกินอร์สก็ตรวจดูสมุดโน็ตเวทมนตร์ที่สร้อยข้อมือของเขา แม้ว่าเขาจะรู้ว่ามันไม่ได้เป็นอะไร แต่เขาก็ไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้ตรวจสอบมัน ได้เขาหยิบมันออกมาและเอาใส่กระเป๋าอย่างปลอดภัย

 

ป้อมนั้นอยู่บนจุดสูงสุด หลังจากผ่านกําแพงที่ 2 มันก็จะเป็นทางลาดหินทางลาดหินนี้ถูกล้อมรอบด้วยกําแพง สูงสองฝั่งพร้อมทั้งมีบาเรียเวทมนตร์คอยปกป้องอยู่และบนกําแพงก็มีทหารประจําการอยู่ด้วย

 

ต่อให้ศัตรูสามารถผ่านกําแพงที่ 2 มาจากด้านหน้าได้พวกเขาก็ยังต้องต่อสู้กับแนวป้องกันอันแน่นหนานี้อีก

 

และในตอนที่พวกเขาทําอย่างนั้น พวกเขาก็จะพบว่าตัวเองถูกขนาดด้วยกําแพงการป้องกันทั้งสองและอยู่ในเขตสังหาร

 

ทางลาดนั้นยาวมากและนําไปสู่เมืองเล็กๆ เมืองนี้มีด้วยกันหลายชั้นและชั้นที่ 4 ของเมืองก็คือใจกลางของป้อมโอริด้า

 

และเกือบทั้งหมดของป้อมปราการนี้ถูกสร้างขึ้นจากเหล็กต่อต้านเวทมนตร์

 

ต่อให้ศัตรูสามารถบุกมาถึงตรงนี้ได้ ประตูของป้อมก็หนาอย่างน้อย3ฟุตและมีการป้องกันที่แน่นหนา การทะลวงผ่านประตูนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย

 

ในตอนนี้ ห้องโถงของป้อมนั้นเป็นศูนย์กลางของการบัญชาการในนั้นมีดยุคอาเบลเจ้าหญิงเอลฟ์ มิลด้า ราชาคนแคระ รวมไปถึงผู้บัญชาการกองทัพเรือบินที่ 3 ของเผ่ายับบ้า

 

พวกเขาทุกคนต่างก็รู้ว่าสคนอร์สเป็นคนไปส่งจดหมายให้กับลิงค์ เมื่อเห็นว่าเขากลับมาโดยที่ไม่มีลิงค์อยู่ด้วย พวกเขาจึงรู้สึกไม่ดีขึ้นมาในทันที

 

“พันตรี รายงานด้วย” ดยุคอาเบลสั่ง

 

สกินอร์สทําความเคารพทุกคนที่อยู่ในห้องแม้ว่ามันจะไม่ได้เหมาะสมมาก แต่ก็ไม่มีใครที่จะมีอารมณ์มาสนใจมันในตอนนี้ จากนั้นเขาก็เริ่มเล่าประสบการณ์ตั้งแต่ที่ เขาพบกับลิงค์ที่ทุ่งหญ้าสีทองจนไปถึงเทือกเขาเฮงดวน เขาบอกว่าพวกเขาพบกับเรือบินของยับบ้าได้ยังไง จนไปถึงการปะทะกันครั้งสุดท้ายที่กระท่อมสังเกตการณ์และสมุดโน้ตเวทมนตร์ของลิงค์ ที่เขาถูกสั่งให้นากลับมา

 

เขาพูดอย่างรวบรัดและสรุปมันได้ภายใน 10 ประโยค หลังจากนั้นเขาก็ดึงเอาสมุดโน้ตเวทมนตร์ของลิงค์ออกมา 

 

ในห้องนั้นเต็มไปด้วยความเงียบ, ไม่มีใครพูดอะไรเลยเจ้าหน้าที่ได้รับจดมายเวทมนตร์มาและส่งต่อไปให้กับเจ้าหญิงเอลฟ์ มิลด้า เพราะเธอเป็นคนที่เชี่ยวชาญในการใช้เวทมนตร์มากที่สุดแล้ว

 

พรึ่บ ห้องโถงนั้นเงียบมากจนสามารถได้ยินเสียงกระดาษคลื่ออกได้

 

ทุกคนคุ้นเคยกับลายมือที่เข้ารหัสด้วยเวทย์มนตร์นี้มาก มันคือลายมือของลิงค์ มานาที่แผ่ออกมาจากสมุดนั้นมีออร่าของความสงบอยู่ เมื่ออ่านมันมิลด้าก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงชายหนุ่มผมดํา

 

สมุดโน้ตเวทมนตร์นี้ได้บอกว่าเขาเป็นคนอยู่รั้งท้ายเพื่อเผชิญหน้ากับการลอบโจมตีของปีศาจ 50 ตัวและไอมอนส์ผู้ครอบครองอุปกรณ์ระดับพระเจ้า การเจอกับกองกําลังขนาดนี้แม้กระทั่งแม่ของเธอราชินีเอลฟ์ ก็ยังทําได้แค่หนีเพื่อเอาชีวิตรอดเลย

 

ดังนั้น จึงมีโอกาสสูงมากที่ว่าลิงค์ได้ตายไปแล้ว

 

แม้ว่าสมุดนี้จะไม่ได้เขียนถึงผลสุดท้ายของการต่อสู้ แต่เจ้าหญิงมิลด้ารวมถึงทุกคนในห้องโถงต่างก็สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

 

แปะ น้ำตาได้ไหลลงมาใส่สมุดที่อยู่ตรงหน้าเธอ มันเปื้อนประโยคไปแถวนึ่ง เจ้าหญิงมิลด้ารีบเช็ดมันก่อนที่ จะอ่านมันต่อ

 

ไม่มีใครส่งเสียงออกมา พวกเขาต่างก็กลัวว่ามันจะไปทําลายสมาธิของเจ้าหญิงมิลด้า ทุกคนรู้ว่าสมุดในมือของเธอนั้นสําคัญมากแค่ไหน มันไม่ได้เป็นเพียงแค่ข้อความแต่มัน ยังมีหมายเหตุเกี่ยวกับการสร้างรูปแบบเวทมนตร์แบบเฉพาะอีกด้วย มันเกี่ยวข้องกับชีวิตของทหารนับแสนนาย พูดให้ชัดๆก็คือเธอนั้นกําลังถือชะตากรรมของคนทั้งทวีปอยู่ใน

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมา เจ้าหญิงมิลด้าก็ปิดสมุดลงเธอพยักหน้าและพูด “นักเวทย์ลิงค์ได้เขียนอย่างชัดเจนมาก ฉันเชื่อว่าตราบใดที่พวกเรายังมีนักเวทย์มากพอ พวกเราก็จะสามารถใช้รูปแบบเวทมนตร์ที่เขียนอยู่ในสมุดนี้ได้ ด้วยการใช้มันพวกเราก็จะสามารถต่อกรกับเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ของอสรพิษทมิฬได้แต่ไม่ว่ายังไง…”

 

“ไม่ว่ายังไงอะไร?” ดยุคอาเบลถามขึ้นมาในทันที

 

“ในการที่จะใช้รูปแบบเวทมนตร์นี้ มันจําเป็นต้องได้รับ การชี้นาจากจอมเวทย์ แต่เดิม ลิงค์เป็นคนที่เหมาะสมที่สุดสําหรับงานนี้ แต่เขาไม่เป็นไรฉันจะเดินทางกลับไปที่เกาะ รุ่งอรุณเพื่อไปเกณฑ์นักเวทย์เลเวล 6 มาซัก 100 คน หลังจากนั้น พวกเราจะเริ่มทําการฝึกพวกเขาเพื่อใช้รูปแบบเวทมนตร์นี้ ฉันไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพวกเราจะมีเวลาพอมั้ย”

 

ไม่ว่าจะมีเวลาเพียงพอหรือไม่ มันก็เป็นสิ่งที่จําเป็นต้อง ทํา

 

“โธ่เว้ย!” ดยุคอาเบลทุบโต๊ะด้วยความเจ็บใจ ตอนนี้เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าจะรู้สึกยังไงดี 

 

ลิงค์ได้ทําทั้งหมดเท่าที่เขาทําได้แล้ว และเขายอมเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อสิ่งนี้ในท้ายที่สุด เขาก็พบวิธีที่จะต่อกรกับอุปกรณ์ระดับเทพเจ้า ยังไงก็ตามเมื่อดูรูปแบบเวทมนตร์นี้ แล้วดยุคอาเบลก็รู้สึกว่าการที่ลิงค์กลับมานั้นย่อมดีกว่า 

 

รูปแบบเวทมนตร์นั้นไม่มีชีวิต นักเวทย์ต่างหากคือสมบัติที่แท้จริง

 

สําหรับนักเวทย์ที่มีความสามารถพอที่จะขึ้นระดับตํานานได้อย่างลิงค์นั้นดยุคอาเบลให้ความสําคัญกับเขามากกว่าทหารหนึ่งแสนคนซะอีก

 

“โอเค ลอร์ดลิงค์ได้ทําหน้าที่ของเขาสําเร็จแล้วเดินหน้ากันต่อเถอะ เรื่องที่เหลือมันขึ้นอยู่กับพวกเราที่ยังมีชีวิตอยู่” ผู้บัญชาการกองทัพเรือบินของยับบ้าพูดในขณะที่ยืนอยู่บน เก้าอี้เขามองไปที่เจ้าหญิงมิลด้าและพูด “เจ้าหญิง เรือบินของเราสามารถบินไปที่เกาะรุ่งอรุณได้อย่างรวดเร็ว ข้าอยากจะถามว่าท่านราชินีเอลฟ์จะเป็นคนนําร่ายรูปแบบเวทมนตร์นี้ไหม?”

 

เจ้าหญิงมิลด้าส่ายหัว “ไม่ได้แม่ของฉันไม่สามารถเข้าร่วมการต่อสู้ได้ ท่านจําเป็นต้องปกป้องต้นไม้ โลกของพวกเรา”

 

“โอเค งั้นออกเดินทางกันเถอะ!” ผู้บัญชาการยับบ้าพูดอย่างรีบร้อนเห็นได้ชัดว่าเขากําลังกระวนกระวาย เมืองหลวงของยับบ้า ลาริเอล นั้นกําลังถูกปิดล้อมโดยพวกปีศาจ มีเพียงกองกําลังของมนุษย์ที่เป็นพันธมิตรของพวกเขา เท่านั้นที่สามารถช่วยพวกเขาทําลายการปิดล้อมได้ ยังไงก็ ตาม พวกเขาต้องการวิธีการป้องกันอุปกรณ์ระดับเทพเจ้า ก่อน พวกเขาถึงจะสามารถเคลื่อนพลออกไปได้

 

ดังนั้น รูปแบบเวทมนตร์นี้จึงเกี่ยวข้องกับชะตากรรมของ ชนเผ่ายับบ้าด้วย

 

“ได้ พวกเราจะออกเดินทางกันเลย” เจ้าหญิงมิลด้าพูด

 

ยังไงก็ตามในตอนนั้นเองก็มีทหารอีกคนวิ่งเข้ามาในตอนที่เขาเข้ามาเขาไม่ได้สนใจเรื่องมารยาทเลยและตะโกนออกมา “ผู้ปราบปีศาจกลับมาแล้ว!”

 

ผู้ปราบปีศาจนั้นคือชื่อเรียกของลิงค์ให้หมู่ทหาร

 

ทุกคนในห้องนั้นต่างก็พากันตกตะลึงพวกเขามองหน้า กันอย่างเงียบๆจากนั้นดยุคอาเบลก็ยืนขึ้น การกระทําของเขานั้นเฉียบแหลมและรวดเร็วถึงขนาดที่กระแทก เก้าอี้ที่เขานั่งอยู่ล้มลงไปเลย

 

“เขาเป็นยังไงบ้าง?เขาบาดเจ็บรึเปล่า?”

 

“เขาดูสบายดีนะครับ” ทหารรายงานด้วยความปิติยินดี

 

“ฟูว” ทุกคนในห้องโถงต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก บรรยากาศจริงจังเมื่อก่อนหน้านี้ได้หายไปโดยสิ้นเชิง

 

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset