Advent of the Archmage – ตอนที่ 359: พลังเยอะเกินไป ต้องหาทางปล่อยมันออกมา

 

Chapter 359: พลังเยอะเกินไป ต้องหาทางปล่อยมันออกมา

 

ป้อมโอริด้า

 

เพื่อสมทบกับชนเผ่ายับบ้าที่ถูกโจมตีอยู่ทางเหนือ แนวป้องกันทั้งหมดจึงเกิดการเคลื่อนไหวขึ้น ทหารได้ถูกส่งเข้ามา เสบียงได้ถูกเคลื่อนย้าย เนื่องจากเป็นศูนย์กลางของแนวป้องกัน ป้อมโอริด้าจึงเกิดความวุ่นวายมากที่สุด ทุกคนนั้นต่างก็ยุ่งอยู่กับการทํางาน

 

แน่นอน เรื่องพวกนี้ไม่ได้เกี่ยวกับลิงค์ เขานั้นมีหน้าที่แค่อย่างเดียวคือการฝึกนักเวทย์เพื่อให้ใช้ผนึกเวทย์วิญญาณสลาลมได้เพื่อใช้ในการต่อกรกับอสรพิษทมิฬ

 

ป้อมโอริด้านั้นมีหอคอยเวทมนตร์อยู่ทั้งหมด3แห่ง หอคอยเล็ก 2 แห่งซึ่งเป็นหอคอยลูกเหมือนกับหอคอยเวทมนตร์ในสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟ และหอคอยหลักนั้นมีขนาดเท่าเทียมกับหอคอยหนามแห่งสวรรค์เลยทีเดียว

 

มีสวนกว้าง 300 ตารางฟุตอยู่ระหว่างหอคอยทั้ง 3 นี้ และถูกล้อมรอบด้วยกําแพงเตี้ยๆ มันคือส่วนที่เอาไว้ใช้สําหรับงานอิสระของนักเวทย์

 

ลิงค์ได้ฝึกใช้งานผนึกเวทมนตร์อยู่กับพวกนักเวทย์ที่นี่

 

ซึ่งคนที่จะเข้าร่วมการร่ายผนึกเวทมนตร์ได้นั้นต้องมีเลเวล 6 ขึ้นไป ดังนั้นพวกนักเวทย์ส่วนใหญ่จึงเป็นไฮเอลฟ์ โดยมีมนุษย์อยู่แค่ 5 คนเท่านั้นโดยที่รวมลิงค์เข้าไปด้วย พวกไฮเอลฟ์นั้นมีพัฒนาการทางด้านเวทมนตร์มากกว่ามนุษย์เยอะจริงๆ

 

ผนึกเวทมนตร์นั้นน่าเบื่อมากๆ นักเวทย์ทุกคนต้องทําหลายอย่างพร้อมกันในตอนที่ใช้มัน ในขณะที่ร่ายเวทย์ พวกเขาจะต้องคอยมองมานาของนักเวทย์คนอื่นไปพร้อมกันด้วยและค่อยๆปรับการส่งมานาของพวกเขาให้เท่าๆกัน

 

จุดที่ยากของการฝึกนี้ก็คือการที่นักเวทย์ต้องร่ายเวทย์ที่จุดสูงสุดของเลเวล 6 อย่างต่อเนื่อง

 

งานพวกนี้แทบจะเกินขอบเขตของนักเวทย์และน่าเบื่อ ยังไงก็ตาม สิ่งนี้มีผลกระทบโดยตรงต่อผลการต่อสู้ และมันก็สายเกินไปแล้วที่จะเปลี่ยนแผน นักเวทย์ทุกคนจึงต้องกัดฟันและพยายามอย่างถึงที่สุด

 

แต่ว่าต่อให้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแค่ไหนก็ยังมีขีดจํากัด โดนเฉลี่ยแล้ว นักเวทย์นั้นมีร่างกายที่อ่อนแอ ระหว่างที่ฝึกอยู่ ลิงค์ก็คอยให้ความสนใจสภาพร่างกายของนักเวทย์แต่ละคน ในตอนที่มีคนถึงขีดจํากัด เขาก็จะหยุดการฝึกของวันนั้นลงและให้พักผ่อนในทันที

 

นักเวทย์ทุกคนในวิญญาณสลาลมนั้นสําคัญและไม่สามารถขาดใครไปได้

 

ผลก็คือลิงค์สามารถฝึกพวกเขาได้เพียงแค่ 3 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น

 

หลังจากการฝึกแต่ละครั้ง พวกนักเวทย์จะพากันหมดแรง พวกเขาจะรีบร่ายเวทย์รักษาใส่ตัวเองและนอนหลับเป็นตายในทันทีที่พวกเขากลับถึงห้องของตัวเอง

 

เจ้าหญิงไฮเอลฟ์มิลด้าและนักเวทย์เลเวล 7 โรมิลสันนั้นดีกว่าคนอื่นเล็กน้อยแต่ก็ไม่มากนัก พวกเขาเข้านอนเร็วเพื่อเก็บแรง อันที่จริงแล้ว พวกเขาใช้เวลานอนไป 16 ชั่วโมงต่อวันเลยทีเดียว

 

เหลือเพียงแค่ลิงค์คนเดียวเท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้

 

ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาคงจะเหมือนกับมิลด้าและคนอื่นๆ แต่ว่าตอนนี้มันแตกต่างกันออกไป หลังจากที่ได้รับพลังมังกร พลังชีวิตของลิงค์ก็เพิ่มขึ้นมาก การฝึกนี้เป็นเหมือนแค่การอุ่นเครื่องสําหรับเขา

 

หลังจากฝึกไป 3 ชั่วโมง ก็ยังเหลือเวลาอยู่อีกเพียบสําหรับวันนี้ ฉันจะทําอะไรดีนะ?

 

ปกติแล้ว เขาจะเริ่มจากการอ่านหนังสือเวทมนตร์ 

 

ลิงค์มีหนังสือและคัมภีร์มากมายอยู่ในครอบครอง และสิ่งที่มีค่าที่สุดก็คือความน่าพิศวงของมิติที่ได้รับมาจากกษัตริย์ราตรีและคัมภีร์แห่งการตรัสรู้ส่วนที่ 4 ที่ได้รับมาจากระบบเกม

 

ด้วยพละกําลังของลิงค์ในตอนนี้ การเพิ่มความสามารถด้านเวทมนตร์มิติคงเป็นเรื่องยาก แต่ว่ากลับกัน คัมภีร์แห่งการตรัสรู้ของไบรอันนั้นให้ประโยชน์กับเขาได้มากกว่า

 

หลังจากที่ชั่งใจเลือกอยู่ ลิงค์ก็ได้พุ่งความสนใจของเขาไปที่คัมภีร์ของไบรอัน เขาจดจ่ออยู่กับมันในทันทีที่เขาเริ่ม หลังจากการฝึกฝนในแต่ละวัน เขาจะกลับไปที่หอคอยเวทมนตร์และเริ่มอ่านคัมภีร์ เขาจะอ่านมัน 15 ชั่วโมงต่อวัน นอน6ชั่วโมง และจะเติมพลังให้เต็มเปี่ยมสําหรับวันถัดไป

 

ในคัมภีร์นั้นไม่ค่อยมีเนื้อหามากนัก เพราะพลังงานอันไม่จํากัดของเขา ลิงค์จึงสามารถรักษากระบวนการความคิดของเขาให้อยู่ในระดับสูงสุดได้

 

เขาอ่านคัมภีร์เสร็จภายในเวลา 2 วัน

 

เทคนิคที่เขียนอยู่ในคัมภีร์นี้น่าสนใจมากๆ ถ้าเกิดว่าฉันร่ายเวทย์โดยใช้สิ่งนี้ พลังของเวทย์ก็จะเพิ่มขึ้นถึง 50% และความเร็วของมันยังเพิ่มขึ้นอีก 5% ด้วย มันเหมือนกับว่าได้พกคทาระดับสูงติดตัวอยู่ตลอดเวลาเลย

 

ลิงค์รู้สึกพึงพอใจมากๆ แต่ว่ามันก็ยังมีบางส่วนที่เขายังไม่ได้เข้าใจมันอย่างสมบูรณ์ เขาไม่มีอย่างอื่นให้ทําและมีพลังงานมากมายมหาศาล ดังนั้นเขาจึงอ่านมันต่อแบบสบายๆ ดูดซับความรู้ของนักเวทย์ในตํานานต่อไป

 

นี่คงจะต้องทรมานมากแน่ๆสําหรับคนธรรมดา แต่ว่าไม่ใช่สําหรับลิงค์ มันสบายมากๆ

 

ในระหว่างที่เขาอ่าน ก็มีคนมาเคาะประตู ลิงค์สามารถรู้ได้ว่าเป็นใครจากออร่า เขาใช้มือแห่งนักเวทย์เปิดประตูออก

 

เจ้าหญิงแอนนี่ยืนอย่างสง่างามอยู่ที่หน้าประตู โดยสวมชุดเกราะหนังของนายกอง เธอทําความเคารพลิงค์และถามด้วยรอยยิ้ม “ท่านจอมเวทย์ ท่านยุ่งอยู่รึเปล่า?”

 

ลิงค์วางคัมภีร์ของเขาลงและตอบกลับ “ไม่ ไม่เลย เข้ามานั่งสิ”

 

จากนั้น เขาก็ใช้มือแห่งนักเวทย์หยิบไวน์เพลิงและเทมันใส่แก้วให้กับแอนนี่ “ข้างนอกมันหนาว ดื่มสักแก้วสิร่างกายจะได้อุ่นขึ้น”

 

1 ปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เป็นช่วงต้นฤดูหนาว และหิมะเพิ่งเริ่มตกวันแรกเมื่อวานซืนนี้เอง ในขณะที่เดินอยู่ข้างนอกนั้นลมหนาวจะพัดเข้ามาจนหนาวถึงกระดูกได้เลย แก้มของแอนนี่แดงเพราะลม

 

เธอเดินเข้ามานั่งแล้วจิบไวน์ไปนิดนึงพร้อมกับถอนหายใจออกมายาวๆ เธอพูด “ข้าได้ยินมาว่าพวกท่านกําลังฝึกใช้ผนึกเวทมนตร์กันอยู่ มันยากมากๆ และนักเวทย์หลาย คนก็ล้มป่วยเพราะความเหนื่อยล้า ข้าคิดว่าท่านเองกําลังโทรมซะอีก แต่ที่ไหนได้, ดูเหมือนว่าข้าจะกังวลโดยใช่เหตุสินะ”

 

ลิงค์หัวเราะ เขาชี้ไปที่หัวของเขาและพูด “ปริศนาของเวทมนตร์นั้นไร้ที่สิ้นสุด ฉันได้รับเวทย์ลึกลับบางอย่างมาจากมังกร และร่างกายของฉันก็ดีกว่าแต่ก่อนมาก ตอนนี้เธออาจจะสู้ฉันเรื่องพละกําลังไม่ได้แล้วก็ได้นะ”

 

จากการเสริมด้วยพลังมังกร ลักษณะภายนอกของลิงค์ไม่ได้เปลี่ยนไปมาก แต่พละกําลังของเขานั้นเพิ่มขึ้นมาก พละกําลังของเขาในตอนนี้น่าจะเทียบเท่ากับนักรบธรรมดาเลเวล 5 ได้เลย โดยที่เขาแทบไม่ต้องฝึกฝนเลยด้วยซ้ำ

 

ถ้าเกิดว่าเขาได้เข้ารับการฝึกเป็นนักรบอย่างถูกวิธี เขาน่าจะสามารถเป็นนักรบเลเวล 7 ได้เลย

 

“งั้นหรอ?” แอนนี่ไม่เชื่อเขา หลังจากที่กลับมาจากป่าทมิฬ เธอเองก็ก้าวเข้าสู้เลเวล 5 และพละกําลังของเธอก็เริ่มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เธออยู่ที่จุดสูงสุดและกําลังจะขึ้นเลเวล 6 ในอีกไม่ช้า

 

เธอเชี่ยวชาญในการเป็นนักฆ่า และพละกําลังก็ไม่ได้เป็นส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดของเธอ แต่ว่าถ้าเธอไม่สามารถชนะนักเวทย์ได้ มันก็คงจะน่าอายมากๆ

 

“อยากลองมั้ยหล่ะ?” ลิงค์รู้สึกสนใจ เขาดึงเก้าอี้ออกมาหน้าแอนนี่และถูกแขนเสื้อของเขาขึ้น เขายื่นมือออกมาเพื่อที่จะลองงัดข้อกันแบบง่ายๆ

 

แอนนี่เองก็สนใจเช่นกัน “เอาสิแต่ข้าอาจจะหักเผลอกระดูกท่านก็ได้นะ” เธอพูดติดตลก “ข้าจะไม่ใช้ออร่าต่อสู้ ดังนั้นท่านก็ห้ามใช้เวทย์ด้วยหล่ะ!”

 

ถ้าลิงค์ร่ายเวทย์บางอย่างเช่นกําลังยักษาใส่ตัวเอง แอนนี่คงจะต้องแพ้อย่างแน่นอน

 

“ไม่มีปัญหา”

 

ลิงค์จับมือของแอนนี่ มือของเธอนั้นเล็กมาก แต่ว่าฝ่ามือของเธอกลับหยาบกร้าน มันหยาบเพราะการใช้มีดมาอย่างยาวนาน มือของลิงค์นั้นเป็นมือของนักเวทย์ตามปกติ นิ่มเรียบและไม่มีรอยแผลหรือความหยาบเลย

 

หลังจากจับมือกัน ลิงค์ก็พูด “ฉันจะออกแรงแล้วนะ ระวังให้ดีหล่ะ”

 

แอนนี้รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากฝ่ามือของลิงค์และไม่สามารถทําใจให้สงบได้ เธอหน้าแดงขึ้นมาในทันทีและพยายามสงบสติตัวเองลงอย่างยากลําบาก “เข้ามาเลย” เธอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

พวกเขาออกแรงพร้อมกัน และบางอย่างก็แตกออก ไม่มีใครชนะ แต่ว่าโต๊ะไม้ที่อยู่ใต้ศอกของพวกเขาแตกออกมัน แตกเพราะพลังอันมหาศาลและเกือบจะล้มลง

 

ด้วยความที่โต๊ะได้รับความเสียหาย พวกเขาจึงไม่ได้แข่งกันต่อ แอนนี่จับไปที่มือของลิงค์ เธอไม่ได้คาดคิดถึงสิ่งนี้ “ท่านลิงค์ เวทย์มังกรช่างทรงพลังจริงๆ ด้วยพลังของท่าน ท่านสามารถฝึกศิลปะการต่อสู้ได้เลยนะเนี่ย”

 

ลิงค์ยักไหล่ “ฉันเป็นนักเวทย์ ฉันจะฝึกศิลปะการต่อสู้ไปทําไมหล่ะ? ฉันไม่มีเวลาและเรี่ยวแรงของฉันก็…อ้ะ เดี๋ยวนะ มันอาจจะเป็นความคิดที่ดีก็ได้”

 

ในฟิรุแมน ไม่มีนักเวทย์คนไหนที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ นอกจากพวกเขาจะไม่เก่งเรื่องการต่อสู้แล้ว พวกเขายังมีเรี่ยวแรงไม่พออีกด้วย

 

สําหรับนักเวทย์ แค่เวทมนตร์อันไร้ขีดจํากัดก็มากพอที่จะเอาเวลาและเรี่ยวแรงของพวกเขาไปทั้งหมดแล้ว แถมลักษณะทางกายภาพของพวกเขาก็ยังอ่อนแอ ดังนั้นต่อให้พวกเขาทําการฝึก มันก็ไม่ค่อยมีประโยชน์อะไร และพวกเขาก็จะถูกนักเวทย์คนอื่นๆหัวเราะอีกด้วย ดังนั้นใครจะไปทํามันหล่ะ?

 

แต่จริงๆแล้ว มันไม่ได้มีกฎที่ว่านักเวทย์ห้ามฝึกศิลปะการต่อสู้ซักหน่อย

 

ในตอนก่อนหน้านี้ ลิงค์เองก็พบเจอปัญหาเดียวกันกับนักเวทย์คนอื่น แต่ตอนนี้ เขามีพละกําลังของมังกร การฝึกศิลปะการต่อสู้ในตอนที่เขาไม่มีอารมณ์เรียนเวทมนตร์นั้นจะช่วยให้เขาได้ผ่อนคลายจิตใจลง เขาอาจจะเรียนรู้มันสําเร็จหลังจากฝึกฝนทุกวันเลยก็ได้

 

สําหรับลิงค์ ศิลปะการต่อสู้นั้นมีไว้แค่เพื่อผ่อนคลายจิตใจของเขา ก่อนหน้านี้ เขาจะแค่ทําการเดินไปเรื่อยๆ แต่ตอนนี้ร่างกายของเขาแข็งแรงเกินไป การเดินเฉยๆอาจจะเสียเวลาเปล่า ดังนั้นทําไมถึงไม่ลองฝึกศิลปะการต่อสู้ล่ะ?

 

พอคิดได้อย่างนี้ ลิงค์ก็ยิ้มออกมา “แอนนี่ เธอทําให้ฉันนึกออก หลังจากได้รับเวทย์มังกรมา ฉันก็มีเรี่ยวแรงเพิ่มขึ้นมาก และฉันจะปล่อยให้มันเสียเปล่าไม่ได้ ขอฉันคิดก่อนนะ…ถ้าฉันเรียนดาบหล่ะจะเป็นไง? เธอช่วยหาอาจารย์ให้ฉันหน่อยได้มั้ย?”

 

แอนนี้หัวเราะ “งานง่ายๆ อัศวินรุ่งอรุณคาร์โนสไง เขาก็อยู่ในป้อมนี้เหมือนกัน ข้าจะไปเรียกเขามานะ”

 

ในเรื่องการใช้ดาบ, จะมีมนุษย์คนไหนที่เหนือกว่านักดาบรุ่งอรุณได้ล่ะ?

 

ความสนใจของลิงค์เพิ่มมากขึ้น เขาหัวเราะและพูด “เดี๋ยว ไม่ต้องหรอก ในเมื่อฉันจะขอให้เขาเป็นอาจารย์ ฉันก็ควรจะเป็นคนที่ต้องไปหาเขาเอง ฉันติดหนี้เรื่องดาบเวทมนตร์เอาไว้กับเขาด้วย เอาเป็นพรุ่งนี้เป็นไง? หลังจากการฝึกพรุ่งนี้ เธอช่วยพาฉันไปหาเขาหน่อยได้มั้ย?” 

 

ถ้าไม่ใช่เพราะหน้าที่ของเธอ แอนนี่คงจะอยากมาอยู่กับลิงค์ตลอดเวลา คราวนี้เธอได้ข้อแก้ตัวแล้ว ดังนั้นเธอจึงเห็นด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย เธอยิ้มและตอบ “ได้สิ ข้าจะมาหาเจ้าอีกทีพรุ่งนี้นะ”

 

ทั้งสองคนวางแผนนัดกันและคุยกันอยู่พักหนึ่ง ตอนนี้แอนนี้ได้เป็นผู้บัญชาการระดับสูงของ MI3 แล้วและค่อนข้างยุ่งมากๆ ไม่นานนักเธอก็ออกไป ลิงค์มองไปที่ท้องฟ้าและสังเกตว่ามันพึ่งเป็นเวลาบ่าย 2 เท่านั้นเอง มันยังคงเร็วเกินไปที่จะไปนอน ดังนั้นเขาจึงเริ่มที่จะสร้างดาบเวทมนตร์

 

นี่จะเป็นของขวัญให้แก่อาจารย์ดาบของเขา

 

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset