Advent of the Archmage – ตอนที่ 379: ภพนาฬิกาทราย

 

Chapter 379: ภพนาฬิกาทราย

 

“ภพนาฬิกาทรายอย่างงั้นหรอ?”

 

ลิงค์ตกตะลึง เขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้ มันไม่เคยปรากฏขึ้นในเกมส์หรือในหนังสือ

 

ทัศนวิสัยของเขามีแสงวาบขึ้นมาแล้วนาฬิกาทรายก็ปรากฏขึ้น ที่ด้านบนนั้นเขียนเอาไว้ว่าโลกฟิรุแมนในขณะที่ด้านล่างคือภพอารากู่ ตรงพื้นที่คอแคบๆมีสัญลักษณ์วังวนวายุที่พวกเขาเดินทางผ่านมา

 

ทั้งสองโลกนี้อยู่ตรงข้ามกันแต่ก็ยังเชื่อมต่อกันอยู่ ซึ่งตอนนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อวังวนวายุ จากผลของการคํานวนสมอเวลาได้บอกว่า ในภพอาราคู่นั้นเวลาเดินไวกว่า ซึ่งมันเร็วกว่าฟิรุแมนถึง 100 เท่า

 

นี่ทําให้เขามีความสุขเล็กน้อย ถ้าเกิดว่าการไหลของเวลาเป็นแบบนี้ เขาก็จะสามารถอยู่ที่นี่ได้เป็นปีโดยที่เวลาจะผ่านไปแค่ 3 วันกว่าๆในโลกของฟิรุแมนเท่านั้น เขาไม่ต้องกังวลเรื่องที่มีเวลาไม่พอเลย ด้วยเหตุนี้ เขาก็จะสามารถมีสมาธิกับการหาวิธีออกจากโลกนี้ได้

 

“แต่ว่ามันเร็วมากขนาดนี้ได้ยังไงกัน?” ลิงค์ถาม

 

ความหนาแน่นของมานาในอาราคู่นั้นมากกว่าพิรุแมนถึง 20.5 เท่า สิ่งมีชีวิตสามารถควบคุมพลังงานมหาศาลและใช้งานมันได้ ทําให้เวลาของที่นี่ไหลเร็วมากๆ

 

ลิงค์คิดเกี่ยวกับมันแต่ว่าเขาก็ยังไม่เข้าใจมันอยู่ดี เวลาคือเรื่องที่ทําความเข้าใจได้ยากมากๆ ความสามารถของเขายังไม่ถึงระดับนั้น ยังไงก็ตาม การไหลของเวลามีความหมายต่อผู้สังเกตุการณ์ระดับสูงเท่านั้น สิ่งมีชีวิตทั่วไปจะไม่รู้สึกอะไรเลย ยกตัวอย่างเช่น ลิงค์ที่ไม่ได้รู้สึกถึงความแตกต่างของโลกนี้กับฟิรุแมน ทุกคนนั้นต่างก็ใช้ชีวิตด้วยความเร็วปกติ

 

“แล้วอารากู่มาปรากฏขึ้นในตํานานเก่าแก่ของฟิรุแมนได้ยังไง? ทําไมเอลฟ์ คนแคระและมนุษย์คนอื่นๆถึงพูดด้วยภาษาเอลฟ์โบราณได้หล่ะ?”

 

มีข้อมูลไม่มากพอที่จะตอบ

 

“โอเค…” ลิงค์จนปัญญาแต่อย่างน้อยเขาก็ได้รู้เรื่องความเร็วของเวลาแล้ว เขาไม่จําเป็นต้องรีบอีก เขายังมีเวลาอีกทําความเข้าใจโลกนี้อีกมากมาย

 

เขาเปิดสารานุกรมอารากู่ออกและเริ่มอ่านมันอย่างตั้งใจ

 

ตัวหนังสือเองก็ถูกเขียนด้วยภาษาเอลฟ์โบราณและส่วนใหญ่นั้นจะเขียนถึงวัฒนธรรมและสภาพของดินแดนนี้ มิลด้าและริเอลไม่มีอะไรทําดังนั้นพวกเขาจึงอ่านมันด้วยเช่นกัน ส่วนนานะนั้น เธอกําลังเล่นกับเครื่องประดับเล็กๆที่อยู่บนโต๊ะ

 

หลังจากอ่านไปซักพัก พวกเขาทั้งสามมองกันอย่างตกใจ

 

ในหนังสือนั้นมีหลายเรื่องเขียนเอาไว้แต่ว่ามันก็ถูกเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับชาวอารากู่ที่สูงส่งว่า พวกเขานั้นเรียกตัวเองว่า “ทายาทของเทพเจ้า” ส่วนคนอื่นๆก็คือ “เศษสวะของโลก”

 

ในโลกของอารากู่ เอลฟ์ คนแคระและมนุษย์สัตว์ทางตอนเหนือนั้นมีระดับต่ำยิ่งกว่าม้าซะอีก พวกเขาสามารถถูกขาย ถูกฆ่า และทําให้อับอายได้ตามที่ต้องการ พวกเขาเหมือนกับสิ่งของ ในตอนที่ทาสมีอาการป่วย พวกเขาก็จะถูกฆ่าในทันที และแทนที่ร่างนั้นจะถูกฝัง พวกเขากลับถูกขายให้กับคนขายเนื้อ และพวกเขาก็จะถูกนําไปทําเป็นอาหารให้กับ สุนัขนักล่า กริฟฟิน หมาป่าและสัตว์อื่นๆที่กินเนื้อเป็นอาหาร

 

สารานุกรมนั้นยังบอกถึงราคาของเนื้อทาสหลายๆแบบอีกด้วย เอลฟ์นั้นราคาแพงที่สุดเพราะว่าเนื้อของพวกเขานุ่มที่สุด ภายในหมู่พวกเขา เนื้อของหญิงสาวชาวเอลฟ์จะมีค่ามากที่สุด พวกเขามักจะถูกนําไปป้อนให้กับสัตว์เลี้ยงของขุนนาง เนื้อคนแคระนั้นราคาถูกที่สุด คําอธิบายบอกว่าเนื้อของพวกเขาหยาบกระด้างเหมือนกับกระดาษทราย แม้แต่หมาก็ยังไม่อยากจะกินมัน

 

“นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว พวกอารานี่มันป่าเถื่อนเกินไปแล้ว!” ริเอลตะโกนออกมาด้วยความโกรธ

 

“ชู่ว!” มิลด้าเตือนเขาอย่างรวดเร็ว “ทีหลังอย่าพูดอย่างนี้อีกนะ อาจจะมีใครบางคนมาได้ยินมันก็ได้”

 

ริเอลอยากจะเถียงแต่ว่าลิงค์ได้พูดออกมาก่อน “องค์หญิงพูดถูกแล้ว ริเอล จําเอาไว้นะว่าที่นี่ไม่ใช่ฟิรุแมน พวกเรามีภารกิจสําคัญที่ต้องทําและจะให้มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเราไม่ได้”

 

“โอเค ไอสถานที่เส็งเคร็งเอ้ย!” ริเอลพึมพํา มันไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่คนอื่นพูด แต่แค่สถานที่นี้มันโหดร้ายเกินไปสําหรับเขา

 

ในตอนนั้นเอง ลิงค์ก็เปิดไปเจอหน้าที่เกี่ยวกับปลอกคอทาส ทั้งสามต่างก็อ่านมันอย่างตั้งใจ

 

หนังสือได้อธิบายถึงชื่อเฉพาะของปลอกคอว่า “โซ่วิญญาณ” มันเป็นที่รู้จักกันในชื่อของอุปกรณ์ที่ทรงพลัง และประสบความสําเร็จมากที่สุดในอาณาจักรอารากู่ มันถูกสร้างขึ้นจากห้องทํางานเวทมนตร์แห่งหนึ่งของจักรพรรดิ มันคือความรู้ที่พระเจ้าประทานมาให้ มันถูกสร้างขึ้นมากกว่า 1 ล้านอันต่อปี และราคาของมันก็ไม่แพง แต่ว่าผลของมันนั้นน่าสะพรึงอย่างมาก

 

สารานุกรมได้อธิบายเอาไว้อย่างภาคภูมิใจว่า โซนี้เป็นของขวัญจากเทพเจ้า สมบูรณ์แบบและไร้ที่ติ มันคือไม้คทาของทายาทแห่งเทพเจ้าที่เอาไว้ใช้ปกครองพวกเศษสวะ!

 

นั่นคือทั้งหมด นอกจากคํายกย่องอันมากมายแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่ดูมีประโยชน์เลย

 

“ไอพวกชาวอารากู่เวรเอ้ย!” ริเอลสบถขึ้นมาอีกครั้ง

 

แต่ก็ต้องขอบคุณที่หนังสือเล่มนี้ที่ไม่ได้มีแค่คํายกยอ มันยังมีสิ่งที่เป็นประโยชน์ด้วย อย่างเช่นคําอธิบายถึงพลังของโลกนี้

 

ในโลกนี้ พลังทั้งหมดที่ต่ำกว่าระดับตํานานจะถูกเรียกว่าขั้นที่ 1 ระดับตํานานเลเวล 10 จะถูกเรียกว่าขั้นที่ 2 ระดับตํานานเลเวล 17 ของโลกฟิรุแมนนั้นจะถูกเรียกว่าขั้นที่ 9 ที่นี่นักเวทย์ที่มีเลเวลระดับนั้นจะถูกเรียกว่ามาสเตอร์ เลเวล 18 คือนักบุญ สําหรับเลเวล 19 นั้น พวกเขาแทบจะเป็นระดับพระเจ้า มันคือจุดสูงสุดของมนุษย์และรู้จักกันในชื่ออาร์คเมจ!

 

ในภพอาราคู่นั้น ตอนนี้มีอาร์คเมจอยู่ 3 คน นักบุญ 3 คน และมาสเตอร์ 18 คน พวกเขาสามารถทําลายทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกได้อย่างง่ายดาย สําหรับนักเวทย์ทั่วไปนั้น พวกเขามีกันมากมายนับไม่ถ้วน แค่เมืองเล็กๆธรรมดาก็สามารถผลิตคนอย่างร็อคแฮมออกมาได้แล้ว ลองคิดดูว่าจะมีพวกคนแบบนี้อีกมากแค่ไหนในโลกใบนี้

 

หลังจากอ่านเรื่องนี้จบ ลิงค์ก็ถอนหายใจออกมา “ไม่แปลกใจเลยที่พวกโจรจะหัวเราะเยาะพวกเรา ระดับมาสเตอร์ของอาราคู่นั้นคือระดับตํานานเลเวล 17 นี้เอง”

 

“พออ่านเรื่องพวกนี้แล้วข้ารู้สึกว่าตัวเองกากขึ้นมาเลย” ริเอลทรุดลงกับพื้น เขานั้นต้องการที่จะปลดแอกตัวเองและรอซักสองสามวันก่อนที่เขาจะปลดปล่อยตัวเองออกจากการเป็นทาส แต่ว่าอาณาจักรอาราคู่นั้นเหมือนกับยอดเขาสูงที่มองไม่เห็นยอด

 

ส่วนมิลด้านั้นมองโลกในแง่ดีกว่ามาก “มันก็ไม่ได้แย่ไปทั้งหมดนะ ลิงค์ นายรู้สึกรึเปล่าว่าพลังของนายเพิ่มขึ้นเร็วกว่าเดิมเยอะเลย? เราเพิ่งมาอยู่ที่นี่ยังไม่ถึงวันเลย แต่ว่าฉันได้เลื่อนขึ้นเป็นเลเวล 8 แล้วนะ”

 

มานาของเธอนั้นอยู่ที่จุดสูงสุดของเลเวล 7 แล้วในโลกของฟิรุแมน การที่จะเลื่อนขั้นนั้นจําเป็นต้องมีโอกาสที่ดีแต่ว่าที่นี่ก็ได้ทําให้เธอผ่านมันไปอย่างง่ายดาย ลิงค์เองก็รู้สึกได้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงตรวจสอบข้อมูลของตัวเอง

 

ลิงค์ โมรานี่ (ขุนนางของฟิรุแมน)

 

นักเวทย์มังกรเลเวล8 (ถึงจุดสูงสุดแล้ว)

 

พลังมังกรสูงสุด: 7100 แต้ม

 

ความเร็วในการฟื้นฟูพลังมังกร: 18-110 แต้มต่อวินาที

 

ความเร็วในการฟื้นฟูตอนนี้: 40 แต้มต่อวินาที

 

มันยังผ่านไปไม่ถึง 1 วันเลย แต่ว่าพลังมังกรของเขากลับเพิ่มขึ้นมามากกว่า 100 แต้มแล้ว มันช่างเป็นความเร็วที่น่าหวาดกลัวจริงๆ

 

“ดูเหมือนจะใช่นะ ฉันรู้สึกได้ว่าฉันกําลังจะเลื่อนขึ้นเป็นเลเวล 9 ในเร็วๆนี้ และฉันก็กลัวว่าผู้บัญชากการปีศาจเองก็จะก้าวเข้าสู่ระดับตํานานในเร็วๆนี้เหมือนกัน”

 

“แล้วยังไงหล่ะ? ตอนนี้เจ้าก็เป็นแค่ทาสเท่านั้นแหละ” ริเอลพูด บางทีนี่อาจจะเป็นข่าวดีเพียงเรื่องเดียวในตอนนี้ก็ได้

 

สารานุกรมนั้นค่อนข้างหนาแต่ว่าคําอธิบายของมันไม่ได้ลึกมากดังนั้นพวกเขาจึงอ่านมันจบภายในครึ่งวัน พวกเขาทุกคนต่างก็เข้าใจเกี่ยวกับอารากู่อย่างคร่าวๆ อย่างน้อย พวกเขาก็จะไม่ทําอะไรที่เป็นเรื่องต้องห้ามในตอนที่ออกไปข้างนอกอีกแล้ว

 

“ฉันจะไปทําการเสริมพลังแล้วนะ” ลิงค์หยิบกระดาษไปทางห้องเสริมพลัง “ฉันจะสร้างกําไลจากกระดาษแผ่นนี้ มิลด้า ริเอล ระหว่างนี้ก็อย่าออกไปข้างนอกหล่ะจะได้ไม่เกิดปัญหา”

 

“ไม่ต้องห่วง ข้ากลัวจนไม่กล้าออกไปข้างนอกอยู่แล้ว” เอลถอนหายใจ

 

“ฉันจะทําความสะอาดห้องนะ” มิลด้าพูด

 

“โอเค ถ้าเกิดว่าเธอเบื่อ เธอสามารถมาช่วยฉันได้นะ”

 

“เข้าใจแล้ว” มิลด้าอยากจะทํามัน เธอเองก็อยากจะเรียนเวทมนตร์ของอารากู่เช่นกัน

 

ในห้องเสริมพลังนั้น ลิงค์พบว่ามันมีวัตถุดิบระดับกลางมากมาย และมีอุปกรณ์มากมายที่เหมือนกับของฟิรุแมนเพียงแต่ว่ามันดูซับซ้อนกว่าเฉยๆ ลิงค์สามารถใช้พวกมันได้หลังจากที่ศึกษามันอยู่พักนึง

 

เขาวางกระดาษลงบนโต๊ะและเริ่มทํางาน

 

ลิงค์ไม่ได้ออกจากห้องเลยในช่วงเวลาหลายวันมานี้ เขาเพียงแค่ให้คนอื่นนําอาหารมาให้เขา กําไลเวทมนตร์ของเขาค่อยๆเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาทีละน้อย

 

เพราะคําสั่งบอกว่าให้ทําให้เสร็จภายในสองอาทิตย์ ลิงค์จึงจงใจลดความเร็วของเขาลง ด้วยเหตุนี้ เขาจึงมีเวลาในการทําให้รายละเอียดของมันสมบูรณ์แบบและสร้างกําไลได้ปราณีตยิ่งขึ้น

 

ใน 2 วันแรก ร็อกแฮมได้เข้ามาตรวจดู หลังจากนั้น เขาก็มั่นใจและออกไปอย่างพึงพอใจหลังจากที่พูดให้กําลังใจเล็ก

 

สองอาทิตย์ต่อมา ลิงค์ก็สร้างกําไลเสร็จตามที่หวังเอาไว้เขาเอามันใส่กล่องไม้ และไปพบกับร็อกแฮม

 

เขาไปที่ประตูเพื่อหาการ์ดที่ชื่อว่า อะฟุ

 

“มาสเตอร์อยู่ที่หอคอยทรงกลม เขาบอกว่าเจ้าสามารถไปหาเขาได้โดยตรงเลย”

 

” อ้อ โอเคครับ”

 

ลิงค์เดินตรงไปทางหอคอยทรงกลม มันเป็นทางด้านหลังของลานกว้าง ระหว่างทาง เขาเดินผ่านหอพักของนักเวทย์ฝึกหัด ห้องทํางานเวทมนตร์ ห้องสมุดและสิ่งก่อสร้างอื่นๆ และเมื่อเขาเดินผ่านลานเล็กๆ เขาก็เห็นเจ้าหญิงปีศาจซาโรวินี่โดยบังเอิญ

 

ลานนั้นถูกปิดด้วยประตูที่ล็อคไว้ ที่นั่นมีผู้หญิงสวยๆมากมายที่ร็อกแฮมซื้อมาเพื่อส่งเป็น “ของขวัญ” ให้กับบุคคลสําคัญ ซาโรวินี่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้น เธอมีแค่ชุดชั้นใน และชุดเดรสผ้ามัสลินกึ่งโปร่งใส ใครๆก็สามารถมองผ่านผ้ามัสลินเข้าไปเห็นร่างกายอันเปลือยเปล่าของเธอได้ ร่างกายทุกส่วนของเธอนั้นสามารถมองเห็นได้ และเธอก็ยังมีเครื่องประดับมิธริลห้อยอยู่ที่หน้าท้องของเธออีกด้วย

 

ในตอนที่ลิงค์เห็นเธอ เธอกําลังเรียนการเต้นยั่วยวนอยู่กับทาสสาวคนอื่นๆที่ลานกว้าง ซึ่งเห็นได้ชัดว่า เธอนั้นทําได้ไม่ดีเอาซะเลย เธอทําผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง

 

เพี๊ยะ! แส้พาดใส่เธอ ทําให้เธอสะดุดล้ม ฮอบบิทที่มีปลอกคอทาสอยู่ข้างๆเธอตะโกน “ไอโง่! ร่างกายของแกทํามาจากไม้หรอ? ขยับเอวสิ! ส่ายก้นสิเข้าไม่เคยเห็นทาสที่โง่แบบแกมาก่อนเลย แกน่าจะถูกเอาไปหันเป็นอาหารหมาซะจริงๆ!”

 

โดยที่ไม่ส่งเสียง ซาโรวินี่ยืนขึ้นและเต้นต่อ ลิงค์มั่นใจว่าเธอเห็นเขาแน่นอนแต่ว่าดวงตาของเธอนั้นมองตรงไปข้าง

 

ลิงค์รู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยปีศาจก็ถูกกดขี่อย่างสมบูรณ์ในโลกนี้ เขาน่าจะปลอดภัย ไม่ นี่มันยังไม่มากพอ ตอนนี้เขาถูกเข้าใจผิดว่าเป็นชาวอารากู่และมีโอกาสอันดีงาม เขาต้องกําจัดผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ

 

ด้วยความคิดนั้นที่อยู่ในใจ เขาก็เดินไปทางหอคอย ร็อกแฮมนั้นกําลังเดินออกไปและเห็นลิงค์อยู่ที่ทางเข้า เขายิ้มออกมาในทันที “อะไรกัน เจ้าทํากําไลเสร็จแล้วหรอ?”

 

“ใช่ครับ รับมันไปได้เลย” ลิงค์ยื่นกล่องไม้ให้

 

ร็อกแฮมเปิดมันออก เขามองดูมันพร้อมกับดวงตาที่เป็นประกายอย่างมาก “ดี! สุดยอดเลย! สมบูรณ์แบบมาก! งานศิลปะนี้ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ! หึๆ งานศิลปะนี้เหมาะสมกับรางวัลที่เป็นหนังสือเวทมนตร์ยิ่งนัก มา มา ไปที่ห้องสมุดของข้าแล้วเลือกหนังสือระดับ 1 เล่มไหนก็ได้เลย และก็คําถามเกี่ยวกับเวทย์ระดับ1, สามคําถามด้วย”

 

เขานั้นตื่นเต้นมากๆ เขามองมาที่ลิงค์เหมือนมองมาที่ภูเขาทองคํา

 

“อาจารย์ครับ” ลิงค์พูดอย่างสุภาพ “ข้าขอเปลี่ยนรางวัลได้มั้ยครับ?”

 

“โอ้ เจ้าต้องการอะไรล่ะ?” ร็อกแฮมถาม

 

“ข้าเห็นทาสสาวในลาน คนที่มีผมดําหน่ะครับ ข้าขอรับเธอเป็นของรางวัลจะได้มั้ย?”

 

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset