Advent of the Archmage – ตอนที่ 460: ยอมรับไม่ได้!

Advent of the Archmage Chapter 460: ยอมรับไม่ได้!

 

       ซ่า!

 

  เสียงคลื่นปะทะกันดังจนสามารถได้ยินได้,เรือรบทั้งสามลำแล่นผ่านพื้นผิวมหาสมุทรที่เหมือนกับไร้ขอบเขต

 

  เรือรบทั้งสามลำนี้มีความยาวห้าสิบฟุต,รูปร่างที่เพรียวลมของพวกมันถูกปกคลุมด้วยชั้นหมอกสีม่วงที่เป็นจุดคล้ายกับดวงดาว บนดาดฟ้าเรือมีเสากระโดงตั้งอยู่, ซึ่งแขวนใบเรือรูปดอกไม้และนกกระจอกสีเงิน รอบๆดอกไม้นั้นจะมีพุ่มไม้หนามล้อมรอบอยู่, ซึ่งมีวงรูนจำนวนนับไม่ถ้วนล้อมกรอบอีกที

 

  กองเรือนี้มีชื่อว่านกกระจอกวายุเงิน,ซึ่งเป็นที่เกรงกลัวสำหรับชาวเรือทุกคนทั่วมหาสมุทรฟิรุแมน

 

  ในตอนนี้,กองเรือของพวกเขากำลังเดินหน้าด้วยแรงลมเต็มที่, และขับเคลื่อนเรือทั้งสามลำด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ

 

  บนดาดฟ้าตรงส่วนบัญชาการของเรือรบมีไฮเอลฟ์หุ่นดีที่มีผมขาวแซมเล็กน้อยกำลังยุ่งอยู่กับการสำรวจสภาพทะเลที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขาผ่านกล้องส่องทางไกลกำลังขยายสูง

 

  พวกเขาได้รับคำสั่งจากราชินีตอนสิบโมงเช้า

 

  ราชินีสั่งให้พวกเขามุ่งหน้าไปยังเกาะแม่เหล็ก,ขับไล่เรือรบของเฟิร์ดออกจากเกาะแห่งนั้น, และยึดเหมืองกลับคืนมาจากพวกนั้น

 

  เธอยังแนะนำให้กองเรือของเธอเข้าปะทะกับเรือของศัตรูอีกด้วย,และถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมถอย, พวกเขาก็ได้รับอนุญาติให้จมเรือพวกนั้น, แต่ก็ด้วยเงื่อนไขที่ว่าการโจมตีต้องมาจากศัตรูก่อนเท่านั้น, และเหตุการณ์ทั้งหมดก็จะต้องถูกบันทึกเอาไว้ในคริสตัลความทรงจำ

 

  ในที่สุดเกาะแม่เหล็กก็ปรากฎขึ้นที่เส้นขอบฟ้า,แต่สิ่งที่น่าตกตะลึงก็คือความจริงที่ว่าดูเหมือนจะไม่มีร่องรอยของกองเรือเฟิร์ดอยู่เลย

 

  บนดาดฟ้าเรือ,ไฮเอลฟ์วางกล้องส่องทางไกลของเขาลงแล้วหันไปหาไฮเอลฟ์อีกคนนึงที่สวมชุดเหมือนกับนักเวทย์ “มาสเตอร์วอนเฮลอน, ท่านสัมผัสถึงร่องรอยของเวทมนตร์ได้บ้างไหม?”

 

  นักเวทย์ไฮเอลฟ์วอนเฮลอนนั้นเป็นนักเวทย์มิติที่อยู่จุดสูงสุดของเลเวล9, และเป็นผู้บัญชาการของกองรบนักเวทย์ที่เก้า, พร้อมทั้งเป็นที่ปรึกษาด้านเวทมนตร์ของราชินีด้วย

 

  เขาและนักเวทย์ต่อสู้ระดับสูงอีก300 คนได้ขึ้นเรือมาเผื่อเอาไว้ในกรณีที่ต้องเผชิญหน้ากับเวทมนตร์

 

  แน่นอนว่า,พวกเขาอยู่ที่นี่เพื่อเฝ้าระวังลิงค์, ลอร์ดของเฟิร์ดซึ่งเป็นนักเวทย์ระดับตำนาน

 

  เวทมนตร์ของไฮเอลฟ์นั้นมีความลับสุดหยั่งถึงนักเวทย์จุดสูงสุดเลเวล 9 หนึ่งคนและนักเวทย์ต่อสู้ระดับสูงเลเวล 7 อีก 300 คน, ที่สวมอุปกรณ์เวทมนตร์และมีวงเวทย์อันแข็งแกร่งครบชุดนั้นอาจจะไม่ได้พลิกแพลงเก่งเท่ากับนักเวทย์ระดับตำนานหนึ่งคน, แต่มันก็น่าจะเพียงพอแล้วที่จะต่อกรกับเขา

 

  ซึ่งทั้งหมดนี้ได้รับการพิสูจน์และทดลองต่อสู้มาแล้วกับนักทำนายของไฮเอลฟ์ยุคนี้,ไบรอันท์

 

  อันที่จริง,ในโลกเกมส์, ไฮเอลฟ์เคยส่งนักเวทย์สองสามร้อยคนไปโจมตีป้อมโอริด้า, ซึ่งนั่นเป็นแค่ส่วนเล็กๆของกองกำลังเวทมนตร์ไฮเอลฟ์เท่านั้น

 

  มีแค่การเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่เลวร้ายจริงๆในช่วงครึ่งหลังของเกมส์เท่านั้นไฮเอลฟ์ถึงเริ่มส่งนักเวทย์ต่อสู้หลายพันคนของพวกเขามาเข้าร่วมการต่อสู้

 

  สรุปแล้ว,ถึงแม้ว่าไฮเอลฟ์จะใช้ชีวิตอย่างสันโดษบนเกาะรุ่งอรุณ, แต่พวกเขาก็ถือเป็นที่สุดของทั้งฟิรุแมนในแง่ความแข็งแกร่งทางการทหาร พวกเขาแค่มีกำลังคนไม่พอในการปกครองทุกเผ่าพันธุ์บนทวีปให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็คงจะตัดสินใจพิชิตฟิรุแมนแล้ว

 

  ตั้งแต่ภัยพิบัติมานาเมื่อ3,000 ปีก่อน, ไฮเอลฟ์ก็รับเอานโยบาย ‘ความภาคภูมิใจในความสันโดษ’ มาใช้

 

  ผ่านนโยบายเช่นนี้,พวกเขาได้สร้างฐานที่มั่นอันแข็งแกร่งของพวกเขาบนเกาะขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างไกลจากแผ่นดินใหญ่เพื่อสร้างข้อได้เปรียบทางด้านที่ตั้งเหนือเผ่าอื่นๆในทวีป ในด้านกระบวนการนั้น, พวกเขาสามารถควบคุมให้มนุษย์บนทวีปอยู่บนฝ่ามือของพวกเขาได้ด้วยการแทรกแซงทุกๆเหตุการณ์ที่มีการพยายามจะรวบรวมเผ่ามนุษย์ให้เป็นปึกแผ่น, ซึ่งการแทรกแซงนั้นรวมถึงการยุยงให้ก่อกบฏหรือการลอบสังหารด้วย

 

  พวกเขาไม่ได้ทำแบบนี้แค่เผ่ามนุษย์,แต่ทำกับเผ่าอื่นๆด้วย

 

  เป็นเวลา3,000 ปีแล้ว, ที่ไฮเอลฟ์รักษาจุดยืนของพวกเขาบนจุดสูงสุดของฟิรุแมนด้วยการพึ่งพาพลังเวทย์อันเป็นเลิศและเล่ห์เหลี่ยมที่ไม่มีใครเกินของพวกเขา

 

  เผ่าพันธุ์ทั้งหลายในทวีปได้เห็นสงครามมามากและฆ่าฟันกันเองเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว,ชีวิตของผู้คนในเผ่าพวกเขาได้ประสบกับความยากจนและความโกลาหลอย่างต่อเนื่อง มีแค่ไฮเอลฟ์เท่านั้นที่ยังไม่บอบช้ำจากการสู้รบต่างๆนาๆ, และใช้ชีวิตบนเกาะรุ่งอรุณด้วยความสงบสุขและมั่งคั่ง

 

  ไฮเอลฟ์มักจะทำตัวเป็นผู้สังเกตการณ์ที่สูงส่งในทุกๆการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์,และเยาะเย้ยให้กับพวกเผ่าพันธุ์น่าสมเพชที่ทำสงครามแย่งชิงกันเองอย่างไม่รู้จบบนแผ่นดินใหญ่ สำหรับคนทั่วๆไปนั้น, พวกเขาคือตัวตนที่สงบและสง่างาม, ที่ไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องราวภายในต่างๆของโลก

 

  ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าไฮเอลฟ์คือเผ่าพันธุ์ที่มีสติปัญญาปราดเปรื่องจนน่าหวาดกลัว

 

  บนดาดฟ้าเรือ,วอนเฮลอนส่ายหัว “กับตันแลงดอน, ข้าไม่รู้สึกถึงเวทมนตร์จากเกาะแห่งนั้นเลย วงล้อมิติเองก็แสดงให้เห็นว่าทุกอย่างปกติดี, และไม่มีใครใช้เวทย์มิติที่นั่นเลย”

 

  กับตันแลงดอนขมวดคิ้ว,จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นในขณะที่ออกคำสั่งให้ลูกเรือของเขา “ตั้งแนวป้องกันเป็นวงกลม, เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้!”

 

  เหตุการณ์มันค่อนข้างเงียบเกินไปมีความเป็นไปได้ที่ศัตรูจะใช้เวทย์ระดับสูงเพื่อปกปิดตัวตนของตัวเอง, และการลอบโจมตีจากศัตรูระดับสูงเช่นนี้ก็คงจะสร้างความเสียหายให้พวกเขาอย่างมากถ้าพวกเขาไม่เตรียมตัวให้ดี

 

  เรือรบนกกระจอกวายุเงินทั้งสามลำกระจายตัวออกเป็นรูปแบบสามเหลี่ยม,และลดความเร็วลงอย่างเห็นได้ชัด มีพลังงานเวทมนตร์หมุนวนอยู่กลางสามเหลี่ยม, ซึ่งพันธะเวทมนตร์อ่อนๆได้เริ่มก่อตัวขึ้นระหว่างเรือทั้งสามลำนี้

 

  ถ้าอีกฝ่ายเป็นกองเรืออื่น,พวกเขาคงจะไม่ระวังตัวขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม, ศัตรูที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่นั้นคือลอร์ดเฟิร์ด, ที่เป็นนักเวทย์มิติระดับตำนานและเป็นคนที่พวกเขาไม่ควรลดการป้องกันลงจริงๆ

 

  ซู่วว!ตอนนี้คลื่นกระทบกับเรือรบอย่างนุ่มนวล, และความรู้สึกของไฮเอลฟ์ที่อยู่บนเรือต่างก็เต็มไปด้วยความตึงเครียด, พร้อมที่จะโจมตีได้ทุกเมื่อ

 

  ตอนนี้เรือรบมุ่งหน้าไปที่เกาะอย่างช้าๆครึ่งชั่วโมงต่อมา, พวกเขาก็ไปถึงบริเวณรอบนอกของเกาะ

 

  ตลอดเวลามานี้,กับตันแลงดอนคอยเฝ้าระวังรอบๆตลอดเวลา, เขาไม่วางกล้องส่องทางไกลลงเลยสักครั้งนึง

 

  ยิ่งเวลาผ่านไป,เขาก็เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ มันเหมือนกับว่ามีบางสิ่งขาดหายไปจากภาพ, แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร

 

  “มาสเตอร์วอนเฮลอน,ท่านรู้สึกอะไรไหม?” เขากระซิบถาม, กล้องส่องทางไกลยังคงแนบติดที่ตาข้างนึงของเขา ความรู้สึกผิดปกติในตัวเขายังไม่ลดลงเลย

 

  “แปลกจัง,มีอะไรหายไปกันนะ?” ตลอดหลายปีในฐานะกับตัน, แลงดอนได้ผ่านเกาะแห่งนี้มาหลายครั้งแล้วและรู้สึกปลอดภัยทุกครั้งที่เขามองมัน

 

  เขาเป็นคนแรกที่ค้นพบเกาะแม่เหล็กนี้,ซึ่งบังเอิญผุดขึ้นมาจากใต้มหาสมุทรเมื่อสองปีก่อน เขาคิดว่ามันอาจจะเป็นแนวปะการังที่ขึ้นมาเลยผิวน้ำหรือไม่ก็ดาวตกขนาดยักษ์ที่ตกลงไปในมหาสมุทร

 

  เดี๋ยวก่อนนะ,เกาะเหมืองอยู่ไหนกัน?

 

  ในที่สุดแลงดอนก็รู้ถึงความผิดปกติแล้ว

 

  วอนเฮลอนเองก็สังเกตแบบเดียวกันในเวลาเดียวกับเขาแล้วพูดออกมา“เกาะเหมืองหายไปแล้ว!”

 

  นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?

 

  แม้ว่าเกาะเหมืองจะไม่ได้ใหญ่มาก,แต่มันก็ไม่ได้เล็กพอที่จะขนออกไปได้เหมือนกัน มันมีขนาดกว้างกว่า 100 ตารางฟุต, และหนักกว่า 1,000 ตัน, ของที่ใหญ่ขนาดนี้จะหายไปเฉยๆได้ยังไงกัน!

 

  ไฮเอลฟ์ทั้งสองที่อยู่บนดาดฟ้ามองหน้ากันด้วยความตกตะลึงหลังจากผ่านไปซักพัก, แลงดอนก็ถามขึ้น “เกาะแม่เหล็กเพิ่งจะขึ้นมาบนผิวน้ำเมื่อไม่นานมานี้ เป็นไปได้ไหมที่มันจะจมกลับลงไปในมหาสมุทรอีกครั้ง?”

 

  “ข้าไม่รู้ลองเข้าไปดูใกล้ๆกันเถอะ” วอนเฮลอนขมวดคิ้ว, เพราะเขารู้สึกว่าเรื่องมันไม่น่าจะง่ายแบบนั้น

 

  นกกระจอกวายุเงินทั้งสามลำเริ่มเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างช้าๆครึ่งชั่วโมงต่อมา, พวกเขาก็มาถึงจุดที่เกาะแม่เหล็กเคยอยู่ ไฮเอลฟ์กลุ่มนึงถูกส่งออกไปดูรอบๆพื้นที่, แต่ก็ไม่พบเงื่อนงำเลยว่ามันจะหายไปที่ไหนได้

 

  “มันหายไปแล้ว”แลงดอนถอดหมวกกับตันออกแล้วเอานิ้วมือขยี้ผมสีเขียวเข้มของเขา เขายังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

 

  วอนเฮลอนยืนอยู่ที่ฝั่งนึงของเรือ,ดวงตาของเขามีแสงสีเงินอยู่ในขณะที่เขาเริ่มตรวจสอบเวทมนตร์ลึกลงไปใต้มหาสมุทร 200 ฟุตเพื่อตามหาร่องรอยของเกาะ, แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่พบอะไรเลย

 

  สองร้อยฟุตคือขีดจำกัดในการตรวจสอบใต้น้ำของเขาพอเห็นว่าไม่มีอะไรนอกจากน้ำทะเล, เขาก็ยอมแพ้ไปในที่สุด

 

  การสูญเสียเกาะที่มีค่าเช่นนี้ได้สร้างผลกระทบอย่างมหาศาลกับทุกๆคน

 

  กับตันแลงดอนเดินไปหานักเวทย์แล้วถามพร้อมกับขมวดคิ้ว“มาสเตอร์, ท่านคิดว่าพวกเฟิร์ดเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้รึเปล่า?”

 

  วอนเฮลอนส่ายหัว“ข้าไม่รู้สิ, ข้าไม่รู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่”

 

  นี่มันเกินขีดจำกัดจินตนาการของเขาจริงๆถ้าคนของเฟิร์ดทำให้เกาะทั้งเกาะหายไปจริงๆ, แล้วพวกนั้นทำได้ยังไงหล่ะ? เขาไม่สามารถคิดหาวิธีที่พวกเฟิร์ดจะทำเรื่องแบบนี้สำเร็จได้เลย

 

  แลงดอนไม่พอใจกับคำตอบแบบส่งๆนี้เขาสั่งให้กองเรือวนสำรวจรอบพื้นที่, แต่ก็ยังไม่มีใครเจออะไรเลย การหายไปของเกาะแม่เหล็กและกองเรือเฟิร์ดนั้นเป็นเรื่องที่ชวนให้โมโหจริงๆ

 

  “ตอนนี้เอายังไงดีหล่ะครับ?”เขามองวอนเฮลอน, และพร้อมรับคำแนะนำทุกอย่าง

 

  ด้วยความที่จนปัญญาไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อ,วอนเฮลอนจึงครุ่นคิดเป็นเวลาพักใหญ่ๆก่อนที่จะพูดออกมา “ข้าคิดว่าที่นี่ไม่มีอะไรที่พวกเราทำได้แล้วหล่ะนอกจากบันทึกทุกอย่างแล้วรายงานกับไปหาองค์ราชินี”

 

  “ข้าเองก็คิดว่านั่นคือทั้งหมดที่พวกเราสามารถทำได้สำหรับตอนนี้”

 

  เหล่าไฮเอลฟ์ต่างก็วิ่งวุ่นกันบนเรือทั้งสามลำ,พยายามรวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่พวกเขาเห็นและได้ยิน ในตอนที่จัดการเสร็จเรียบร้อย, กัปตันแลงดอนก็ออกคำสั่งให้เตรียมตัวกลับบ้านในที่สุด

 

  สองวันต่อมา,นกกระจอกวายุเงินก็ไปถึงท่าเรือของเกาะรุ่งอรุณ วอนเฮลอนรีบเดินทางไปพระราชวังหยกในทันที, พร้อมกับนำข่าวการหายไปของเกาะไปแจ้งราชินี

 

  เขาเข้าพบราชินี,ที่อยู่กับนักเวทย์ระดับตำนานไบรอันท์, ที่สวนเวทมนตร์

 

  หลังจากเห็นเนื้อหาในคริสตัลความทรงจำของวอนเฮลอน,ราชินีไฮเอลฟ์ก็ถามไบรอันท์ “เจ้าคิดว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือใคร?”

 

  ไบรอันท์ผายมือออกแล้วตอบเธอด้วยความมั่นใจ“ไม่ต้องสงสัยเลย พายุประหลาด, หรือการหายไปของเกาะนั้น, ลิงค์ต้องเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องพวกนี้แน่ๆ”

 

  ในฐานะนักเวทย์ระดับตำนาน,ไบรอันท์คุ้นเคยกับพลังระดับนี้ดี ใครก็ตามที่ไปถึงระดับตำนานจะสามารถทำเรื่องน่าเหลือเชื่อที่คนธรรมดาคาดไม่ถึงได้

 

  แม้ว่าเขาจะยังไม่รู้ว่าลิงค์จัดการเรื่องพวกนี้ได้ยังไง,แต่เขาก็มั่นใจว่าด้วยวิธีการที่ถูกต้อง, เขาเองก็สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้

 

  ราชินีไฮเอลฟ์หลุดออกไปอยู่ในโลกส่วนตัวหลังจากผ่านไปซักพัก, เธอก็พูดออกมาในที่สุด “อีกฝ่ายไม่เหลือหลักฐานเอาไว้ให้เล่นงานได้เลย นี่มันน่ารำคาญจริงๆ”

 

  ศัตรูของพวกเขาใช้วิธีการที่ฉลาดกว่ามากจนพวกไฮเอลฟ์ไม่อยู่ในตำแหน่งที่จะตอบโต้ได้เลยการที่ทั้งเหมืองถูกขโมยไปจากพวกเขานั้นเป็นความสูญเสียที่ไฮเอลฟ์ไม่ได้ประสบมาเป็นเวลา 3,000 ปีแล้ว

 

  นี่มันเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้จริงๆ!

 

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Recommended Series

Comment

Options

not work with dark mode
Reset