Advent of the Archmage – ตอนที่ 464: ปีศาจอาเบล

Advent of the Archmage

Chapter 464: ปีศาจอาเบล

 

“เจ้าโง่! ไอ้คนเสียสติ! แกมันคนใจโหด!”

แอนโทนี่เดินไปทางหนามแห่งสวรรค์ด้วยการก้าวยาวๆเขาใช้ขาเทียมเวทมนตร์อยู่, และการเดินของเขาก็ไม่มั่นคงเอาซะเลยด้วยความที่เดินเร็วเกินไป,เขาจึงสะดุดล้ม ในตอนนั้นเขารีบใช้มือแห่งนักเวทย์พยุงร่างของตัวเองขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองล้มลงกับพื้น

พอแอนโทนี่รักษาสมดุลของตัวเองได้, เขาก็เดินไปข้างหน้าต่อ,และด้วยความรีบร้อน, ในที่สุดเขาก็มาถึงหนามแห่งสวรรค์พอเข้าไปในหอคอยเวทมนตร์,เขาก็เข้าไปนั่งที่ห้องโถงใหญ่ชั้นหนึ่ง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่เขาก็ถอนหายใจออกมา,แล้วจากนั้นก็นั่งอยู่คน เดียวเงียบๆเป็นเวลาพักใหญ่ๆ

 

เขาเกลียดความจริงที่ว่าถึงแม้ในที่สุดอาณาจักรจะกลับมาตั้งตัวได้แล้ว, แต่เขาก็ต้องจัดการกับจอมเผด็จการผู้ไม่รู้จักผิดและปัญหาอีกเป็นกระบุง นอกจากนี้, ตัวเขาเองก็ไม่มีพลังที่จัดการเรื่องพวกนี้ เลยซักนิด

 

ในขณะที่แอนโทนี่กําลังเดือดดาล, ก็มีเสียงอันอ่อนโยนเข้ามาพูดกับเขา “มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ,ผู้อาวุโส?”

 

“จะอะไรอีกหล่ะ? ก็ไอ้คนเสียสติอาเบลนั่นไง…เดี๋ยวนะ, เจ้าคือ..ลิงค์, ไหงเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้หล่ะเนี่ย?” แอนโทนหยุดพูดไปชั่ว ขณะนึง,ในตอนที่สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เขาเงยหน้าขี้นมาอีกครั้งเพื่อดูให้ดีว่าใครเป็นเจ้าของเสียง, และในที่สุดเขาก็มั่นใจว่าเสียงนั้นเป็นของศิษย์เก่าของเขา, ลิงค์,ที่ยืนอยู่ข้างๆเอร์เรร่า

ทั้งสองคนนี้คือความภาคภูมิใจของสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟเอร์เรร่าเป็นนักเวทย์เลเวล 8, ซึ่งตอนนี้มีทักษะการใช้เวทมนตร์สูสีกับเขา,ในขณะเดียวกันความสามารถทางด้านเวทมนตร์ของลิงค์เองก็ไปถึงระดับตํานานแล้ว พอเห็นพวกเขา, แอนโทนี่ก็สามารถผ่อนคลายได้เล็กน้อย

“มานั่งสิ, อย่ายืนให้เมื่อยเลย”เขาพูดกับทั้งคู่

 

ลิงค์กับเอร์เรร่าจับจองที่นั่งของตัวเอง, แล้วจากนั้นลิงค์ก็ถามขึ้น“ท่านกําลังพูดถึงดยุคอาเบลจากป้อมโอริด้าอยู่ใช่ไหม?”

 

สีหน้าของแอนโทนี่สลดในตอนที่ได้ยินชื่อนี้ เขาพยักหน้า“ข้าไม่รู้จักอาเบลคนอื่นหรอกนะ แล้วเจ้ารู้รึเปล่าว่าเขาทําอะไร?”

ลิงค์กับเอร์เรร่ามองหน้ากันจากนั้นก็รอฟังคําตอบจากผู้อาวุโส

 

ด้วยการสูดหายใจเข้าลึกๆ, รอยย่นบนใบหน้าของแอนโทนี่ก็ย่นหนักกว่าเดิมน้ําเสียงของเขากระแทกกระทั้นอย่างเห็นได้ชัด ในตอนที่พูด “อาเบลส่งนักรบ 5,000 คนไปควบคุมสถานการณ์ที่ เมืองการาซอนทางตอนเหนือ,จุดกําเนิดของการแพร่ระบาดที่พวก เจ้าทั้งคู่น่าจะรู้กันแล้วสถานการณ์รุนแรงขึ้น, ตอนนี้ผู้ติดเชื้อได้ก ระจายไปนอกเมืองชายแดนแล้วแผนของพวกเราคือกักตัวผู้ติดเชื้อ เอาไว้, จากนั้นก็จะพยายามหาทางรักษาโดยการเก็บตัวอย่างจากพวกเขา, แต่ว่าอาเบลมองว่าคนพวกนี้มีมลทินและฆ่าผู้ติดเชื้อ ทุกคนตายคาที่เลย มีคนอย่างน้อย 30,000 คนในเมืองการาซอน,มีเกือบครึ่งที่แสดงอาการของโรคออกมา, ส่วนคนที่เหลือยังมีสติดีอยู่, แต่ถึงอย่างนั้นอาเบลกลับกวาดล้างพวกเขาทุกคน เขาถึงกับสั่งเผาเมืองและรื้อถอนทุกอย่างให้ราบเป็นหน้ากลองด้วย และในท้ายที่สุด, ก็มีแค่ประมาณ 800 คนที่รอดชีวิตจากไอ้ชั่วใจโหดนั่น!”

 

ในตอนที่เขาพูดจบ, เอร์เรร่าก็ถามขึ้น “อาจารย์, แล้วควบคุมการแพร่ระบาดได้รึยังคะ?”

 

“ได้แล้ว สําหรับตอนนี้นะ, ดูเหมือนว่าจะไม่มีคดีผู้ติด เชื้อใหม่ๆเกิดขึ้นเลย,ซึ่งมันอาจจะเป็นเรื่องดีเพียงเรื่องเดียวที่มา จากฝันร้ายนี้แต่เลือดของข้ายังครุกรุ่นอยู่เลยพอคิดถึงสิ่งที่อาเบลทําเขาเสพติดการสังหารไปแล้ว, และข้าก็ไม่เคยลืมความกระหาย เลือดในดวงตาของเขาเลยเจ้ารู้ไหม? เขาไม่ได้สั่งให้คนของเขาทําการกําจัดผู้ติดเชื้ออย่างเดียวนะ, ตัวเขาเองก็มาร่วมกวาดล้างด้วยข้าเห็นกับตาเลยหล่ะว่าเขาใช้ดาบผ่าเด็กสาวที่กําลังร้องไห้เป็นสองส่วน แล้วก็มีนักเวทย์อีกหลายคนที่เข้าร่วมในเหตุการณ์ชั่ วร้ายนี้ด้วยในตอนนั้น, ข้าคิดว่าพวกเขาทุกคนกลายเป็นปีศาจ ไปหมดแล้ว!”

แอนโทนีอายุเกือบจะ 70 ปีแล้ว และทั้งลิงค์กับเอร์เรร่าก็ภาคภูมิใจที่ได้เป็นลูกศิษย์ของเขา ชายแก่คนนี้เก็บความเดือดดาลนี้เอาไว้กับตัวเองมาเป็นเวลาพักใหญ่ๆแล้ว, และพอได้ระบายออกมา,เขาก็ไม่สามารถหยุดพูดได้

จากการอธิบายของผู้อาวุโส, ลิงค์ก็พอเข้าใจสภาพในปัจจุบันของเมืองการาซอน

 

เมืองการาซอนนั้นตั้งอยู่ทางเหนือของป้อมโอริด้า 100 ไมล์,และแน่นอนว่าอยู่ในขอบเขตอํานาจของดยุคอาเบลในการจัดการการแพร่ระบาดด้วยวิธีใดก็ตามที่เขาเห็นว่าเหมาะสม

ผ่านเรื่องทั้งหมดนี้, ดยุค อาเบล แค่ทําตามหน้าที่ของเขาเท่านั้น แต่การกระทําของเขามันรุนแรงเกินไปหน่อย แม้ว่าแอนโทนี่จะไม่ได้เห็นด้วยกับการสังหารหมู่เป็นวงกว้างเช่นนี้, แต่ก็มีนักเวทย์บางส่วนที่เข้าร่วมการสังหารหมู่กับดยุคโดยมองว่ามันเป็นความชั่วร้ายที่จําเป็นเพื่อทําความสะอาดต้นตอของโรค

ความจริงที่ว่ามีนักเวทย์ที่ไม่รู้สึกผิดปกติกับคําสั่งของดยุคอาเบลนั้นถึงกับทําให้แอนโทนี่รู้สึกหนาวไปจนถึงสันหลัง

 

หลังจากที่ได้ฟังเรื่องทั้งหมดนี้, ลิงค์กับเอร์เรร่าก็ตัวสั่นโดยไม่รู้ตัวเมื่อคิดถึงความเหี้ยมโหดของดยุคอาเบลและความสุขที่แสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัดในตอนที่เขาสังหารผู้คนตามอําเภอใจ, ถึงแม้ในความเป็นจริงการกระทําของเขาอาจจะทําให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี แต่, พวกเขาทั้งคู่ก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์,พวกเขาไม่สามารถตัดสินดยุคจากเรื่องราวของแอนโทนี่เพียงคนเดียวได้

ณ จุดนี้ เอร์เรร่าทําได้แค่ปลอบโยนชายแก่ “ตอนนี้เรื่องทั้งหมดมันเป็นอดีตไปแล้ว, อาจารย์คะ เรื่องทุกอย่างจะต้องกลับมาดีแน่นอนค่ะ”

แอนโทนี่ถอนหายใจออกมายาวๆแล้วเอามือกุมขมับด้วยความเศร้า “แม้ว่าคนของข้า, จะไม่ได้ไปตกอยู่ในเงื้อมมือของกองกําลังแห่งความมืด, แต่พวกเขากลับต้องมาตกอยู่ภายใต้คมดาบสังหารของญาติข้าเองโถ, ช่างน่าอับอายจริงๆ!”

 

พอเห็นอาจารย์ของพวกเขารู้สึกสับสนอย่างเต็มที่, เอร์เรร่าก็ส่งสายตามาให้ลิงค์, เป็นการบอกใบ้ขอให้เขาช่วยทําอะไรสักอย่าง

 

ลิงค์กําลังจะพูดในตอนที่แอนโทนีเงยหน้าขึ้นมาอย่างกระทันหันแล้วมองตรงมาที่เขา “ลิงค์, ความบ้าคลั่งของอาเบลกําลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และที่แย่ยิ่งกว่าคือเขาทําเรื่องทั้งหมดนี้โดยอ้างถึงความยุติธรรมและภายใต้เปลือกนอกที่ว่าการกําจัดปีศาจ”

ลิงค์รู้ว่าแอนโทนี่ต้องการจะสื่ออะไร เขาอยากให้ลิงค์เข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ ด้วยการมองตาของผู้อาวุโสอันแสนห่อเหี่ยว, ลิงค์ก็พูดขึ้น “เอางี้เป็นไงครับ, ผมจะไปทางเหนือสักหน่อยแล้วดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับดยุคอาเบล”

แม้ว่าแอนโทนี่จะพูดในเชิงที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทําของดยุค,แต่เขาก็สามารถหยุดการแพร่ระบาดได้,และการกระทําของเขาก็ยังสอดคล้องกับข้อควรปฏิบัติของกองทัพ

 

กองทัพนั้นไม่ได้มีหมอมาตั้งแต่แรกแล้ว: พวกเขาแค่ทําในสิ่งที่คิดว่าดีที่สุด การฆ่าทุกคนที่เห็นอย่างโหดเหี้ยมเพื่อพยายามยุติการแพร่ระบาดตั้งแต่แรก สิ่งที่อาเบลทํานั้นอาจจะโหดร้ายเกินกว่าที่จะทําใจเชื่อได้, แต่จากจุดยืนของเขา, จะพิจารณาว่าการกระทําของเขาล้ําเส้นเกินไปก็คงจะไม่ถูก

 

แต่อย่างไรก็ตาม, ตอนนี้แอนโทนี่เป็นคนที่สองแล้วที่เข้ามาหาลิงค์แล้วแสดงความไม่พอใจต่อดยุคอาเบล, โดยที่คนแรกนั้นก็คือสคนอร์ส, และทั้งสองก็เป็นคนฉลาดกันทั้งคู่ ซึ่งนี่ก็น่าจะเพียงพอแล้วในการที่ลิงค์จะเข้าไปแทรกแซง; บางที่เขาน่าจะต้องไปทางเหนือเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้สักหน่อย

“เจ้าควรไปอย่างเงียบๆอย่าให้เขารู้นะ, ไม่อย่างนั้นเจ้าอาจจะไม่ได้เห็นอะไรเลย ดยุคอาเบลเป็นคนเหลี่ยมจัด, ส่วนข้าหน่ะแก่แล้วและไม่คู่ควรกับความสนใจของเขา, ดังนั้นเขาจึงไม่ปกปิดความชั่วร้ายของตัวเองจากข้า แต่ว่านะ, เขาจะซุกทุกอย่างเอาไว้ใต้พรมในทันทีถ้าเขารู้ว่าเจ้าจะไปเยี่ยม”

 

ลิงค์พยักหน้า “ผมจะลองไปดูเรื่องนี้ด้วยตัวเองนะครับ”

 

แอนโทนี่รู้สึกพอใจกับการตอบสนองของเขา จากนั้นเขาก็ถามขึ้น “ข้ารู้ว่าช่วงนี้เจ้าค่อนข้างยุ่ง, และเจ้าก็คงจะไม่ได้มาที่นี่โดยไม่ มีเหตุผลมีเรื่องอะไรที่สถาบันสามารถช่วยเจ้าได้รึเปล่า?”

 

ลิงค์มองเอร์เรร่า, เป็นการบอกให้เธอส่งหนังสือที่เขาพกมาด้วยให้กับแอนโทนี่ “หนังสือพวกนี้คือหนังสือเสริมพลังที่ลิงค์เป็นคน เขียนค่ะ ลองดูสิคะ”

 

แอนโทนี่ลองเปิดอ่านดู หลังจากผ่านไปสิบนาทีเขาก็เอามือทุบโต๊ะ “ช่างเป็นหนังสือที่ควรค่าแก่การอ่านจริงๆ!”

 

จากนั้นเขาก็ถอนหายใจ “ช่างน่าเศร้าที่เจ้าเขียนมาแค่สองเล่มมันยังมีอีกไหม?”

เอร์เรร่าตอบคําถามแทนลิงค์ “ลิงค์ยังไม่ได้เขียนส่วนที่เหลือค่ะแต่ลิงค์วางแผนจะสร้างโรงงานเสริมพลังของตัวเองขึ้นเพื่อแข่งขันกับไฮเอลฟ์ในด้านธุรกิจอุปกรณ์เวทมนตร์ เพื่อที่จะทําเรื่องนี้ให้สําเร็จ, เขาอยากจะเกณฑ์นักเสริมพลังที่มีพรสวรรค์ค่ะ”

 

ก่อนที่เอร์เรร่าจะพูดจบ, แอนโทนี่ก็ตบมือพร้อมกับตะโกนออกมา “ถ้างั้นก็จัดเลย! ไอ้พวกไฮเอลฟ์มันแทบจะผูกขาดธุรกิจอุปกรณ์เวทมนตร์เอาไว้ทั้งหมด พวกมันดึงเม็ดเงินออกจากกระเป๋าของพวกเรามาหลายปี, และขูดรีดพวกเราจนแทบจะแห้ง แล้ว… เจ้าเชิญเลือกพวกคนเก่งๆไปได้เลย แต่อย่าให้ข้ารู้นะว่าเจ้าทรมานพวกเขา, ไม่อย่างนั้นเจ้าคงต้องมาคุยกับข้าเป็นการส่วนตัวแล้วหละ”

 

ลิงค์ยิ้ม “มันจะไม่เกิดขึ้นแน่นอนครับ”

ลิงค์วางแผนจะทําให้นี่เป็นโครงการระยะยาว ด้วยการครอบครองความลับสุดหยั่งถึงทางการช่างเอาไว้, ไฮเอลฟ์จึงสามารถผลิตอุปกรณ์เวทมนตร์คุณภาพที่เอาชนะใจทุกคนจากทุกเผ่าพันธุ์ด้วยแต่แทนที่จะกลืนธุรกิจของไฮเอลฟ์คําใหญ่เลย, ลิงค์กลับวางแผนที่จะค่อยๆเล็มไปทีละนิดก่อน

หลังจากนั้น, พวกเขาก็เริ่มคุยกันถึงรายละเอียดปลีกย่อยในการร่วมมือกับลิงค์ การสนทนาดําเนินไปสองสามชั่วโมง, และในตอนนั้นเอง, แอนโทนี่ก็อารมณ์ดีขึ้น

ลิงค์กับเอร์เรร่าอยู่ที่หนามแห่งสวรรค์จนถึงเวลาทานข้าว, พวกเขาทั้งสามแลกเปลี่ยนเรื่องราวที่น่าสนใจให้แก่กัน

 

ด้วยความที่อายุใกล้จะ 70 แล้ว, ร่างกายของชายแก่คนนี้จึงห่อเที่ยวลงมาก เวลาส่วนใหญ่ของเขาใช้ไปกับการอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีภรรยาหรือลูกเลย, เขารู้สึกตื่นเต้นมากที่ศิษย์เก่าทั้งสองคนมาเยี่ยมในตอนที่ช่วงเวลาอาหารค่ําจบลง, แอนโทนีก็อิ่มเอมไปด้วย ความสุข

หลังจากพาชายแก่ที่ตอนนี้เริ่มพูดไร้สาระกลับไปที่เตียง,ลิงค์ก็เดินเป็นเพื่อนเอร์เรร่าออกจากหนามแห่งสวรรค์ไป

ท้องฟ้าข้างนอกมืดแล้ว ด้วยเสาไฟที่เรียงรายอยู่ตามถนน,นักเวทย์ทั้งสองก็เดินไปด้วยกันจนถึงหอคอยเวทมนตร์ของเอร์เรร่า

 

“อาจารย์, ผมขอฝากไรไลด้วยนะครับ”

 

เอร์เรร่ายิ้มให้เขา “โอเค, ไม่ต้องห่วงเธอหรอก, ข้ามั่นใจว่าเธอจะต้องกลายเป็นนักเวทย์ที่ยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน”

 

“ผมไม่เข้าไปนะ ส่งหนังสือเล่มนี้ให้เธอ, ทําให้มั่นใจว่าเธอจะอ่านมัน แล้วบอกผู้อาวุโสด้วยว่าผมจะมุ่งหน้าไปทางเหนือในเร็วๆ

 

“ได้, ไปที่นั่นก็ระวังตัวด้วยหล่ะ, ข้าไม่คิดว่าสภาพจิตใจของดยุคอาเบลจะปกติดีหรอกนะ”

“เข้าใจแล้ว”

แล้วลิงค์ก็จากไป, เอร์เรร่ายืนอยู่ที่ทางเข้าหอคอยเวทมนตร์ของเธอเพื่อเฝ้าดูเขาจนพ้นสายตาไปในที่สุด จากนั้นเธอก็ถอนหายใจ ออกมาเด็กหนุ่มที่เคยปรึกษาปัญหาเวทมนตร์กับเธอในสถาบัน แห่งนี้,ตอนนี้ได้กลายเป็นลอร์ดปกครองดินแดนไปแล้ว ช่วงเวลาที่เขาเคยอยู่ในหอคอยเวทมนตร์ของเธอนั้นมันช่างผ่านมานานเสียเห ลือเกิน

– – – –

ในขณะที่เหม่อมองทางเดินอันว่างเปล่าที่อยู่หน้าหอคอยเวทมนตร์, เอเรร์ร่าก็นึกถึงคืนที่ลิงค์กับเอเลียร์ดต่อสู้กันจนฟกช้ําไปทั้งตัวขึ้นมาได้อย่างกระทันหัน

เธอจํารายละเอียดทุกอย่างในเหตุการณ์นั้นได้ราวกับว่ามันเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวาน เธออดยิ้มให้กับความทรงจํานั้นไม่ได้

 

ในอีกด้านนึง, ลิงค์ได้ออกจากสถาบันมาไกลแล้วและไปถึงเรือเหาะที่อยู่ในป่า ด้วยความเร็วสูงสุด, เรือเหาะได้พาลิงค์บินกลับไปที่ เฟิร์ดมันใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก่อนที่ลิงค์จะไปถึงเฟิร์ดในที่สุด ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มแล้ว, และเมืองมอดไหม้ก็ยังคึกคักเหมือนเช่นเคย

ในตอนที่เขาเข้าไปในห้องโถงใหญ่ชั้นแรกของหอคอยเวทมนตร์,ลิงค์ก็เจอกับคนที่คุ้นเคย,ซึ่งนั่นก็คือไฮเอลฟ์ที่ชื่อว่าไบรอันท์

ลิงค์ตกตะลึงเล็กน้อยกับการปรากฏตัวของเขา แต่เขาก็รู้ดีว่าทําไมไบรอันท์ถึงโผล่หน้ามา

ไบรอันท์นั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องโถงใหญ่อย่างสบายใจเฉิบ,โดยมีนักเวทย์ฝึกหัดของลิงค์ที่กลัวการเข้าใกล้เข้าอยู่ล้อมรอบ เซลีน, ผู้อาวุโสมังกรแดงเพทตาลอง, เฟลิน่า, แวนซ์,แจ็คเกอร์,และกําลังสําคัญคนอื่นๆต่างก็จ้องไปที่ไฮเอลฟ์คนนี้อย่างกินเลือดกินเนื้อ

 

พอเห็นว่าลิงค์กลับมาแล้ว, ไบรอันท์ก็ลุกขึ้น, แล้วเผยรอยยิ้มออกมา “ลอร์ดเฟิร์ด, ท่านดูยุ่งตลอดเวลาเลยนะ”

 

แม้ว่ารอยยิ้มจะอยู่บนใบหน้าของเขา, แต่ดวงตาไม่ได้แสดงเจตนาที่ดีออกมาเลย, และลิงค์ก็รู้ในทันทีว่าไฮเอลฟ์คนนี้มาได้มาด้วยจุดประสงค์ที่ดี

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset