Advent of the Archmage – ตอนที่ 53: พี่ชายของฉัน (ส่วนที่ 3)

เทียนลุกไหม้สว่างสดใสตลอดคืนในห้องใต้หลังคาของโรงแรมรีเวอร์โควฟ นักเวทย์หนุ่มทั้งสองที่อยู่ข้างไหนต่างก็พยายามกันอย่างขมักเขม้น

 

คนนึงหมกมุ่นอยู่กับการศึกษาหนังสือเวทย์มนตร์, ส่วนอีกคนนึงจมไปกับวิทยานิพนธ์ เวลาได้ลอยผ่านไปจนไม่มีพวกเขาคนไหนที่สังเกตุว่ามันเที่ยงคืนแล้ว

 

ลิงค์ รู้สึกเหนื่อยล้า, ดังนั้นเขาจึงวางหนังสือเรียนลงแล้วเตรียมตัวนอน ร่างกายของเขาค่อนข้างอ่อนแอ, ดังนั้นเขาต้องคอยระวังและให้ความสนใจกับสุขภาพของเขา แม้ว่าเขาจะหมกมุ่นอยู่กับงานจนเขาลืมเวลา, แต่ในตอนที่เขานึกได้, เขาก็มักจะทำให้มั่นใจว่าเขาพักผ่อนอย่างเพียงพออยู่เสมอ

 

ขณะที่เอนตัวลงนอนใต้ผ้าห่ม, เขาก็สังเกตุเห็น เอเลียร์ด ยังคงจดจ่ออยู่กับวิทยานิพนธ์ของเขา “เฮ้, เอเลียร์ด, มันดึกแล้วนะ ทำไมนายไม่พักซักหน่อยหล่ะ?” เขาพูด

 

“ขออีกแปบนึง, มีบางอย่างที่ฉันพยายามจะทำความเข้าใจอยู่” เอเลียร์ด พูดขณะที่เขารีบจดลงในสมุดด้วยปากกาขนห่าน เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะทำความเข้าใจในประเด็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนสภาพมานาที่อยู่ในวิทยานิพนธ์ของ ลิงค์

 

เขาอาจจะไม่รู้มากนักเกี่ยวกับการประยุกต์หรือการใช้งานของทฤษฎีนี้, แต่เขาก็อดที่จะลุ่มหลงไปกับมันไม่ได้ ในฐานะนักเวทย์, เขาสามารถรับรู้ถึงความรู้สึกสวยงามในสูตรมานานี้ได้อย่างง่ายดาย, แม้ว่าเขาจะเป็นแค่นักเวทย์ฝึกหัด เช่นเดียวกับชายหมกมุ่นที่จะรู้สึกหลงใหลในตอนที่เขาเห็นหญิงงาม— เขาก็เป็นเช่นนั้น, ติดอยู่กับมันอย่างสมบูรณ์

 

ลิงค์ เห็นว่า เอเลียร์ด จดจ่ออยู่กับมันขนาดไหน—เขารู้ว่าไม่มีทางที่เขาจะสามารถโน้มน้าวเขาให้พักผ่อนได้, ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไรอีกแล้วเข้านอน

 

และแล้วค่ำคืนก็ผ่านไปอย่างเงียบสงบ

 

ตีสามวันต่อมา, ลิงค์ ตื่นขึ้นมาอย่างอัตโนมัติเหมือนกับกลไกของนาฬิกา สติของเขาในตอนนี้คมกริบราวกับมีดโกน, และเขาก็รู้สึกได้ว่ามีการเคลื่อนไหวเงียบๆอยู่ในห้อง ขณะที่เขาลืมตาขึ้นมา, เขาก็เห็น เอเลียร์ด ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะเหมือนกับตอนก่อนที่ ลิงค์ จะนอน ดวงตาของเขาแดงเหมือนกับดวงตาของกระต่าย, แต่เขาดูเหมือนจะไม่ค่อยง่วงนอนเลย

 

นี่เขาก็ถูกครอบงำเหมือบกับฉันสินะ มันไม่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลยที่ในเกมส์ เอเลียร์ด สามารถกลายเป็นนักเวทย์ที่เป็นตำนานสูงสุดได้

 

ลิงค์ ระวังไม่ให้รบกวนเขาในขณะที่เขาลูกขึ้นนั่งแล้วร่ายเวทย์แสงสว่าง จากนั้นเขาก็เริ่มอ่านหนังสือเรียนที่ เอเลียร์ด เอามาให้เขา

 

หนังสือเวทย์มนตร์เล่มนี้เป็นทรัพย์สินของสถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟ, ดังนั้นเขาจะต้องเอามันกลับคืนในเร็วๆนี้ เขาอ่านเนื้อหาทั้งหมดในหนังสือเล่มนี้หนึ่งครั้ง, แค่เพื่อจดจำเนื้อหาของมัน จากนั้นเขาก็จะสามารถเข้าใจในสิ่งที่เขาจดจำได้อย่างช้าๆในภายหลัง

 

เขามีความสามารถในการจดจำที่ผิดธรรมดา, แถมเขาก็เพิ่งจะตื่นขึ้นมาด้วยดังนั้นสติของเขาในตอนนี้จึงทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เขาแค่ต้องอ่านหนังสือเรียนเล่มนี้ครั้งนึงแล้วเขาก็จะจดจำได้ทุกๆอย่าง, รวมทั้งกราฟและภาพประกอบด้วย เขาอ่านมันเป็นครั้งที่สองเพื่ออ่านรายละเอียดบางอย่างที่เขาพลาดไป, จากนั้นก็อ่านอีกครั้งเพื่อให้ความทรงจำของเขาแน่นขึ้น ตอนนี้เขากำลังอ่านเป็นครั้งที่สี่, และเขาก็สามารถจดจำเนื้อหาทุกๆส่วนในตำราเวทย์มนตร์เลเวล 1 ที่มีชื่อว่าขั้นตอนในการร่ายเวทย์ได้อย่างชัดเจน การค้นหาเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วผ่านความทรงจำของเขาและเขาก็จะนึกรายละเอียดทุกๆอย่างจากหนังสือออกอย่างเต็มตาราวกับกำลังดูฟิล์มสไลด์อยู่

 

แน่นอนว่าการมีสมองที่น่าเหลือเชื่อนี่มันยอดเยี่ยมจริงๆ  ลิงค์ คิดอย่างภาคภูมิใจ เขารู้สึกขอบคุณสำหรับความทรงจำที่ผิดธรรมดาที่เขาครอบครอบอยู่ในตอนนี้

 

ในเวลานี้, มีแสงจะข้างนอกเล็ดลอดเข้ามา ลิงค์ ตรวจสอบ เอเลียร์ด อีกครั้งและเห็นว่าเขายังคงจมปรักอยู่กับวิทยานิพนธ์เหมือนอย่างเคย เขาสังเกตุเห็นใบหน้าของ เอเลียร์ด เริ่มซีด, และคิดว่าถ้าเขายังอ่านต่อไป, ร่างกายของเขาคงจะทรุดลงในเร็วๆนี้

 

ดังนั้น ลิงค์ จึงเดินไปหาเขาและดึงเขาออกมาให้ห่างจากวิทยานิพนธ์อย่างบังคับ “เฮ้, นายจำเป็นต้องพักผ่อนจริงๆแล้วนะ”

 

“เดี๋ยวก่อนสิ, ให้ฉันอ่านมันอีกแปบนึง” เอเลียร์ด ขอร้อง เขาจ้องไปที่กระดาษหนังแกะในมือของ ลิงค์ ตาเป็นมัน เขามองราวกับว่าเขากำลังจะคว้ามัน แต่ก็ลังเลที่จะทำอย่างนั้น

 

“มันยังไม่เขียนไม่เสร็จเลยนะ, จะรีบอ่านไปทำไม?” ลิงค์ ตกตะลึงกับความหลงใหลที่ เอเลียร์ด เป็น เขาคิดว่าสิ่งที่เขาเขียนยังยุ่งเหยิงมากเกินไป, ด้วยความไม่ชัดเจนของเส้นความคิด เขาคิดว่ามันไม่มีส่วนไหนใกล้เรียบร้อยและไม่มีส่วนไหนใกล้เสร็จเลย แล้วทำไม เอเลียร์ด ถึงสนใจมันขนาดนั้น?

 

“อะไรนะ? มันยังไม่เสร็จสมบูรณ์อีกหรอ?” เอเลียร์ด มองด้วยความย่อท้อ

 

เขาอ่านมันตลอดทั้งคืน, แต่ในตอนสุดท้ายเขาก็สามารถอ่านจบได้แค่สามหน้าเท่านั้น และจากสิ่งที่เขาอ่าน, เขาก็เข้าใจเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น, แต่ในความเป็นจริง, ลิงค์ ได้เขียนไว้ประมาณ 15 หรือ 16 หน้า เมื่อคืน, เขามองผ่านๆไปไม่กี่หน้า แต่ก็รับรู้ได้ว่าเขาไม่สามารถทำความเข้าใจหรือตามเนื้อหาของมันได้

 

แต่ทั้งอย่างนั้น, เขาก็ยังมั่นใจว่าวิทยานิพนธ์นี้ได้เก็บความคิดที่แปลกใหม่และเป็นการปฏิวัติ!

 

“ลิงค์ ฉันคิดว่าถ้านายสามารถปรับปรุงบางประเด็นในวิทยานิพนธ์, แล้วคิดให้เข้ากับหัวข้อได้, ฉันมั่นใจว่ามันจะได้รับการยอมรับจากสถาบันอย่างแน่นอน… หรือว่าจะให้ฉันคัดลอกวิทยานิพันธ์ของนายแล้วเอามันกลับไปที่สถาบันแล้วให้ที่ปรึกษาของฉันดูแทนหล่ะ?” เอเลียร์ด พูด มันเป็นความคิดอย่างฉับพลันที่เขาเพิ่งคิดออก

 

เขาเชื่อว่าต่อให้วิทยานิพนธ์นี้ไม่สามารถทำให้ ลิงค์ ได้เข้าเรียนที่สถาบัน, แต่มันก็จะเพิ่มทัศนคิตของที่ปรึกษาของเขาที่มี่ต่อ ลิงค์ อย่างแน่นอน แล้วเธอก็อาจจะให้ ลิงค์ ยืมหนังสือเรียนเพิ่มขึ้นด้วย

 

เอเลียร์ด จะทำทุกๆอย่างที่เขาสามารถทำได้เพื่อ ลิงค์, โดยไม่ลังเลใดๆทั้งสิ้น

 

มันเลวร้ายเกินไปที่พรสวรรค์ด้านเวทย์มนตร์ตั้งแต่กำเนิดของ ลิงค์ มีไม่เพียงพอ, ไม่อย่างนั้น, เขาก็คงจะได้รับการยอมรับจากสถาบันไปนานแล้ว

 

เอเลียร์ด ถอนหายใจ เขาสังเกตุเห็นว่าออร่าเวทย์มนตร์ในปัจจุบันของ ลิงค์ อย่างคงเลือนลางเหมือนอย่างเคย มันเห็นได้ชัดว่า ลิงค์ แค่ปลอบตัวเองในตอนที่เขาบอกกับ เอเลียร์ด เมื่อก่อนหน้านี่ว่าที่ออร่าเวทย์มนตร์ของเขาเลือนลางขนาดนี้เป็นเพราะว่าเขาบาดเจ็บ

 

ลิงค์ ไม่รู้สิ่งที่แล่นอยู่ในความคิดของ เอเลียร์ด ในขณะนี้ เขาพิจารณาความคิดของ เอเลียร์ด จากนั้นก็พยักหน้าแล้วพูด “ก็ได้, แต่นายยังไม่ได้พักเลยนะ, นายควรนอนพักหลังอาหารเช้าสักหน่อย เดี๋ยวฉันจะรวบรวมส่วนของวิทยานิพนธ์ของฉันที่เขียนเสร็จแล้วเอง, แล้วนายค่อยเอามันกลับไปกับนายละกันนะ”

 

เขาอ่านหนังสือขั้นตอนการร่ายเวทย์แค่หยาบๆ, แต่เขาก็ได้ซึมซับความรู้ทั้งหมดที่เขาสามารถรวบรวมได้ เขาเหมือนกับคนร่อนเร่ในทะเลทรายที่ดื่มน้ำทั้งหมดจากสระน้ำแรกที่เขาพบโดยบังเอิญ

 

ถ้า ลิงค์ รู้สึกแบบนี้กับหนังสือ, เขาแน่ใจว่าในตอนที่เขาได้กลายเป็นนักเรียนของสถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟ, มันคงจะรู้สึกราวกับว่าเขาเป็นขอทานที่เดินเข้าไปในถ้าที่ซ่อนสมบัติของอาลาดิน!

 

ความคิดพวกนี้ทำให้ความปราถนาของ ลิงค์ ที่จะเข้าเรียนที่สถาบันลึกซึ้งยิ่งขึ้น

 

ในด้านของ เอเลียร์ด, เขาเหนื่อยมากจริงๆ เขาไปที่เตียงหลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จแล้ว ลิงค์ ก็เริ่มเรียบเรียงวิทยานิพนธ์ของเขา

 

แม้ว่าเขาจะยังคงมีหนทางอีกยาวไกลก่อนที่เอกสารของเขาจะเสร็จ, แต่ ลิงค์ ก็สังเกตุเห็นว่าเค้าร่างที่ชัดเจนเริ่มปรากฏขึ้น ด้วยความที่เป็นนักเขียน, เขารู้สึกคุ้นเคยมากๆกับเนื้อหาพวกนี้, ดังนั้นด้วยเวลาที่เร็วมาก, เขาจึงสามารถเรียบเรียงมันทั้งหมดไว้ในส่วนที่ชัดเจนได้

 

ส่วนต่างๆมากมายได้ถูกแยกไว้เป็นแต่ละประเภท, ส่วนแรกสุดได้อุทิศให้กับกฏแรงน้วมถ่วงของ นิวตัน

 

มันเป็นความจริงที่ในที่สุด ลิงค์ ก็สามารถสร้างสูตรแรงนวมถ่วงสากลได้เป็นจำนวนมาก, แต่นี่ก็เป็นแค่ข้อสรุปเพียงผิวเผินที่ผูกความคิดที่ซับซ้อนมากมายไว้กับวิทยานิพนธ์ของเขา ยังคงมีส่วนที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ ในระยะเวลาสั้นๆ, วิทยานิพนธ์ในปัจจุบันนี้ไม่ได้แสดงความลึกซึ้งที่แท้จริงในการวิเคราะห์ของ ลิงค์

 

ส่วนนี้เก็บข้อพิสูจน์ที่น่าสนใจที่สุดเอาไว้, เพราะฉะนั้นฉันจะให้ เอเลียร์ด เอามันไปกับเขา ส่วนที่เหลือยังคลุมเครือเกินไป, ฉันควรที่จะพยายามกับมันให้มากกว่านี้ก่อนที่จะเอามันไปแสดงให้คนอื่น

 

ลิงค์ ตัดสินใจได้ในที่สุดว่าจะให้ เอเลียร์ด เอาส่วนของวิทยานิพนธ์ที่เขาได้รับมาจากสูตรแรงน้วมถ่วงสากล สำหรับส่วนที่เขาค้นคว้าลึกขึ้นและทำให้คาดเดาได้ซับซ้อนยิ่งขึ้น, เขารู้สึกว่าพวกมันยังขาดความละเอียดมากเกินไปและเขาก็ไม่เต็มใจที่จะแสดงพวกมันให้กับคนอื่นๆ

 

หลังจากที่ตัดสินใจว่าจะใส่เนื้อหาส่วนไหน, ลิงค์ ก็คัดลอกเวอร์ชันที่แก้ไขแล้วลงบนกระดาษหนังแพะแผน่ใหม่ จากนั้น, ขณะที่ เอเลียร์ด ยังหลับอยู่, เขาก็เอาคำภีร์ที่อาจารย์ที่ปรึกษาของ เอเลียร์ด เขียนคำตอบให้สำหรับคำถามของ ลิงค์ ออกมาแล้วเริ่มอ่านพวกมัน

 

ในตอนที่เขาอ่านคำอธิบายสำหรับคำถามแรก, ลิงค์ ต้องยอมรับเลยว่าอาจารย์ที่ปรึกษาของ เอเลียร์ด เป็นนักเวทย์ที่มีพรสวรรค์ที่มาพร้อมกับความรู้ด้านเวทย์มนตร์อย่างลึกซึ้งจริงๆ

 

คำอธิบายที่เธอเขียนมีความชัดเจนและและมีความน่าเชื่อถือมากๆ ที่ปรึกษา มอยร่า คนนี้เป็นช่างเป็นคนที่น่าประทับใจจริงๆ แล้วทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินชื่อนี้จากในเกมส์มาก่อนเลยหล่ะ? ลิงค์ สงสัย คำถามที่เขาให้ เอเลียร์ด นั้นซับซ้อนมาก, แต่ มอยร่า ก็สามารถตอบคำถามให้เขาที่ไม่เพียงแค่ล้างข้อสงสัยทั้งหมดของ ลิงค์, แต่ยังสร้างแรงบัลดาลใจให้กับเขาด้วยความคิดใหม่ในการพัฒนาวิทยานิพนธ์ของเขาด้วย

 

เขาค้นหาอย่างรอบคอบผ่านความทรงจำของเขา แต่ก็ยังไม่สามารถหาตัวละครใดๆในเกมส์ที่ชื่อ มอยร่า ได้ ไม่มีร่องรอยของเธอเลยแม้แต่ในช่วงอุบัติเหตุที่น่าอับอายในสถาบันเวทย์มนตร์ อีสโควฟ

 

แต่มันเป็นเรื่องที่น่าแปลกที่นักเวทย์อัจฉริยะเลเวล 5 เช่นนี้ แถมยังมีหอคอยเวทย์มนตร์ของตัวเองนั้นจะไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้เลยในประวัติศาสตร์

 

แต่ถึงยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ลิงค์ ไม่สามารถคิดเหตุผลอะไรสำหรับความไร้ตัวตนของ มอยร่า ในประวัติศาสตร์ของเกมส์ได้, แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะทิ้งเรื่องนี้ไปแล้วอ่านคำตอบในคำภีร์ต่อ ความเร็วในการอ่านของเขาสูงมาก, ดังนั้นด้วยระยะเวลาอันสั้น, เขาจึงสามารถอ่านคำตอบทั้ง 6 ได้อย่างสมบูรณ์ พอเขาเก็บคำภีร์เข้าที่, เขาก็พบข้อความบางอย่างที่ มอยร่า ทิ้งไว้ด้วยลายมือที่สวยงาม

 

“ฉันดีใจนะที่นักเรียนของฉันมีเพื่อนที่ไม่ธรรมดาอย่างเธอ ความเข้าใจทางด้านเวทย์มนตร์ของเธอลึกซึ้งมาก, และการเข้าถึงของเธอก็เป็นเอกลักษณ์ ถ้ามีคำถามอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องเวทย์มนตร์หรือการร่ายเวทย์, เขียนมาหาฉันโดยตรงได้เลย, แล้วฉันจะพยายามอย่างเต็มที่ในการเขียนคำตอบและคำอธิบายให้เธอ – มอยร่า ดรอสคิน”

 

คำพูดพวกนี้ได้พิสูจน์ว่า ลิงค์ ได้รับการยอมรับจาก มอยร่า แล้ว

 

เขาครุ่นคิดอยู่ครู่นึงและตระหนักได้ว่าเขามีคำถามบางอย่าง ในเมื่อ มอยร่า ยืนยันว่าเธอยินดีช่วย, ทำไมไม่เขียนคำถามให้เธอตอนนี้เลยหล่ะ?

 

ลิงค์ ยกปากกาขนนกขึ้นแล้วเขียนคำถามใหม่ลงไป เอเลียร์ด จะกลับไปที่สถาบันวันนี้, ดังนั้นเขาจะเอาจดหมายให้เขาเพื่อที่เขาจะได้ส่งมันให้กับ มอยร่า

 

เอเลียร์ด ตื่นขึ้นมาในตอนที่ ก่อนที่เขาจะไป, เขาได้ทิ้งเงินไว้ให้ ลิงค์ ประมาณ 10 เหรียญทอง, แต่ ลิงค์ ก็พูดแทรกขึ้นมาอย่างสนิทสนม “ไม่ต้องห่วง, เพื่อนรัก พ่อของฉันตอบจดหมายของฉันแล้วและส่งเงินมาให้ฉันด้วย”

 

“โอ้, ดีใจที่ได้ยินอย่างนั้นนะ!” เอเลียร์ด พูด, เขาดูโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด เขารู้ว่าพ่อของ ลิงค์ เป็นชนชั้นสูง, ดังนั้นมันจึงไม่แปลกที่เขาจะส่งเงินให้กับ ลิงค์

 

“ถ้างั้น, ลาก่อนนะ, ลิงค์” เอเลียร์ด พูด

 

“โชคดีนะ, เดินทางปลอดภัยหล่ะ”

 

แล้ว เอเลียร์ด ก็เอาวิทยานิพนธ์ที่ได้รับการแก้ไขจาก ลิงค์, หนังสือเรียนของ มอยร่า, และจดหมายของ ลิงค์ ไปกับเขาด้วย เขาปีนขึ้นรถม้าแล้วก็เดินทางกลับไปที่สถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟ

 

ในตอนที่รถม้าพ้นสายตาของเขา, ลิงค์ ก็หันกลับเข้าไปในโรงแรม ในเวลานี้, วิธีการที่ผู้คนในโรงแรมมองเขาได้เปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขาในตอนนี้ได้ปฏิบัติกับเขาด้วยความเคารพที่มากขึ้นและยำเกรง

 

ลิงค์ พบว่ามันดูน่าขัน นี่เป็นแบบอย่างของพวกสามัญชน –พวกเขาจะดื่มในห้องโถงตลอดทั้งวันพลางพูดคุยกัน จากนั้นเมื่อดวงดาวที่สดใสปรากฏขึ้น, พวกเขาก็จะชี้ไปที่มันแล้วอุธานด้วยความตกใจ แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็จะกลับไปซุบซิบนินทาของพวกเขา, ทิ้งชีวิตของพวกเขาไปให้สูญเปล่า การได้รับความเคารพจากคนพวกนี้ไม่ได้ทำให้ ลิงค์ รู้สึกดูดีหรือเป็นเกียรติเลย

 

เขาเดินไปที่เคาท์เตอร์แล้วบอกเจ้าของโรงแรม แมต “ช่วยส่งอาหารเช้าของวันพรุ่งนี้ให้ฉันที่ห้องหน่อยนะ, ขอบคุณ”

 

ใบหน้าของ แมต เบ่งบานด้วยความสดใสพอๆกับดอกเบญจมาศ “ไม่มีปัญหา”

 

ลิงค์ เดินขึ้นบันไดไปที่ห้องใต้หลังคา แล้วจากนั้นก็กลับไปอ่านหนังสือ

 

ฉันรู้จักเวทย์มนตร์เลเวล 1 มากมาย ถ้าฉันสามารถพัฒนามันได้สักนิด, จากนั้นก็สร้างเวทย์มนตร์ระดับสูงสุดขึ้นมาบางส่วน, พลังของฉันคงจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเลยหล่ะ แต่ว่าฉันควรจะเริ่มจากเวทย์ไหนดีหล่ะ?

 

เขาพิจารณามันอยู่ครู่หนึ่งและตัดสินใจที่จะพัฒนาเวทย์เขวี้ยง เวทย์มนตร์นี้ใช้มานาน้อย, การปรับใช้ของมันก็ไม่มีที่สิ้นสุด, และต่อให้ฝ่ายตรงข้ามสวมอุปกรณ์ต้านทานเวทย์มนตร์, เวทย์มนตร์นี้ก็ยังคงทำให้เกิดความเสียหายและความเจ็บปวดอย่างมาก

 

เช่นเดียวกับที่ ลิงค์ กำลังเข้าสู่สมาธิอย่างลึกซึ้ง, จดจ่ออยู่กับการปรับแต่งเวทย์มนตร์, บางอย่างที่น่ากลัวก็ปรากฏขึ้นในโลกใต้ดินของป่าเกอร์เวนท์

 

ในอ่างเสียงสะท้อน

 

เงามืดสองเงากำลังยืนอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังของอ่าว

 

“เจออักขระไหม?” เงาดำที่สวมผ้าคลุมหลวมๆพร้อมกับคทาที่อยู่ในมือถาม หาก วิกเตอร์ ยังมีชีวิตอยู่, เขาคงจำได้ว่าเป็นนักเวทย์ลึกลับที่มอบอักขระวิญญาณให้กับเขา

 

“ไม่ ฉันไม่พบมันในอ่าวเลย แต่ฉันพบนี่” เงาดำอีกเงาที่สวมเกราะหนังสีน้ำตาลเทาพูด, ใบหน้าของเขาถูกคลุมด้วยฮูด เขาเพิ่งจะออกมาจากถ้ำและกำลังถือเศษเนื้อเน่าเปื่อยสีแดงและเศษเกราะหนัง

 

นักเวทย์ที่สวมผ้าคลุมสีดำตื่นตระหนก “มีร่องรอยของเวทย์มนตร์ ฉันเคยเห็นเกราะหนังนี้มาก่อน…มันเป็นของ วิกเตอร์ มันต้องกลายร่างด้วยอักขระวิญญาณแน่ๆ, แถมมันยังถูกฆ่าไปแล้วด้วย ใครกันที่มากพลังขนาดนั้น? หรือว่าจะเป็นนักเวทย์จากสถาบันอีสโควฟ?”

 

“ไม่หรอก, วิกเตอร์ เป็นคนระวังตัว มันคงไม่ไปยั่วยุให้นักเวทย์โกรธหรอก ฉันได้ยินข่าวลือมาว่ากลุ่มทหารรับจ้างกลุ่มนึงเป็นคนทำ”

 

“ทหารรับจ้างหรอ?” เงาดำเงียบไปครู่นึง, จากนั้นก็เปิดปากของเขาแล้วพูด “ตามหาพวกมันซะ, ไม่ว่าจะยังก็ต้องหาอักขระให้พบ! ส่วนนี่รางวัล”

 

“เข้าใจแล้ว” เงาดำรับถุงเงินจากนักเวทย์ในผ้าคลุมสีดำ เขาเปิดมัน, แล้วพอเห็นของที่อยู่ข้างในเขาก็ยิ้มออกมา จากนั้น, ร่างกายของเขาก็พร่ามัวจนโปร่งแสงและกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมของอ่าวอย่างสมบูรณ์

 

เสียงฝีเท้าที่แผ่วเบาดังก้องรอบๆอ่าว มันคือเสียงของเงาดำคนนี้กำลังออกไป, พร้อมกับปกคลุมด้วยสภาพแวดล้อมรอบตัวของเขาด้วยเวทย์มนตร์จนทำให้เขาล่องหน

 

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset