Advent of the Archmage – ตอนที่ 70: คทาไม้ขีดไฟของ ลิงค์ ส่วนที่ 1

พวกสมาคมปกปิดร่องรอยของพวกเขาได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะผ่านไป 3 วันแล้ว หลังจากการค้นหาของนายพล แอนเดอร์สัน กับพวกทหาร แหล่งกบดานของพวกเขาก็ยังไม่ถูกค้นพบ ไม่มีอะไรที่ ลิงค์ สามารถทำได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่รออย่างอดทน

 

สำหรับ แอนนี่ เธอได้รับคำสั่งให้ไปรายงานกับราชาที่เมืองสปริง ดังนั้นในวันที่สอง เธอจึงต้องออกจากเมืองริเวอร์โควฟอย่างไม่เต็มใจ ด้วยความที่ไม่เหลือใครคอยรบกวนเขาแล้ว ลิงค์ จึงได้กลับสู่การเรียนของเขาอย่างสงบสุข

 

เขาไม่ได้อาศัยอยู่ในห้องใต้หลังคาของโรงแรมอีกต่อไปแล้ว แต่เขาไปอาศัยอยู่ที่กระท่อมที่กลุ่มทหารรับจ้างฟลามิงโก้ซื้อมาแทน ที่นั่นมีผู้คนคอยปรนนิบัติเขาและนำอาหารที่ทำโดยพ่อครัวที่พวกเขาจ้างมาด้วยเงินจำนวนมาก ซึ่งอาหารของเขามีรสชาติอร่อยเป็นอย่างมาก ที่สำคัญที่สุดคือ ไม่มีใครมาคอยรบกวนเขาในตอนที่เขากำลังเรียนอยู่ ดังนั้นเขาจึงอาศัยอยู่ในกระท่อมได้อย่างสบายใจ

 

ภายในสามวัน ลิงค์ ได้อ่านหนังสือการเสริมพลังทั้งสามเล่มจนจบทั้งหมด จากหนังสือพวกนี้เขาได้พัฒนาความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้นได้มากขึ้น หน้าเปิดของหนังสือได้แนะนำเกี่ยวกับการเสริมพลังไว้อย่างปราณีตและรวบรวมความหมายของคำว่าเสริมพลังไว้ในประโยคเดียว

 

การเสริมพลังคือขั้นตอนการประกอบเวทย์มนตร์ลงไปในวัตถุบางอย่าง

 

ถ้าพูดในทางทฤษฏีก็คือ ตราบใดที่ใช้วิธีการที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นเวทย์อะไรก็สามารถใช้ใส่ลงไปในของสิ่งต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็น บอลเพลิง โล่ป้องกัน มีดบิน ปลุกพลังและอื่นๆ วิธีการและสกิลที่เกี่ยวข้องกับการประกอบเวทมนตร์ล้วนอยู่ภายใต้ขอบเขตของการเสริมพลังทั้งนั้น

 

ยกตัวอย่างเช่นคทา ในความจริงแล้วคทาคือวัตถุที่มานาควรจะอยู่อย่างเสถียร โดยอ้างอิงจากเรื่องเล่าพื้นบ้านเมื่อ 500 ปีก่อน นักเวทย์เคยร่ายเวทย์โดยไม่ใช้คทามาก่อน ดังนั้น การร่ายเวทย์จึงประกอบไปด้วย 2 วิธีการ—คือหนึ่งการบีบอัดมานาของตัวเองให้เป็นออร่าเวทมนตร์จากนั้นก็ใช้ออร่าเวทมนตร์นั้นปลดปล่อยเวทมนตร์ที่ต้องการจะปล่อยออกมา ซึ่งนั่นทำให้เป็นการยากที่นักเวทย์ในตอนนั้นจะพัฒนาสกิลของตัวเองเมื่อเทียบกับสมัยนี้ที่นักเวทย์ใช้คทาในการร่ายเวทย์

 

หลังจากที่ได้อ่านหนังสือทั้งสาม ลิงค์ มีความสนใจที่จะเขียนจดหมาย เขามีสองคนที่จะเขียนถึง หนึ่งคือ มอยร่า ซึ่งเขาจะเขียนคำถามของเขาทั้งหมดที่เขาสงสัยในเนื้อหาของหนังสือ และคนที่สองก็คือ เอเลียร์ด

 

เอเลียร์ด มีความสนใจหลายๆอย่างคล้ายกับเขา และความรู้ของพวกเขาก็ยังพอๆกันอีกด้วยและ ลิงค์ ก็ชอบพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับหลายๆอย่าง ลิงค์ เขียนจดหมายถึง เอเลียร์ด อยู่บ่อยๆ ถึงแม้ว่าจะไม่มีเรื่องอะไรที่จำเป็นต้องรีบบอกกับเขา พวกเขาก็มักจะแลกเปลี่ยนความคิดและให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องเวทมนตร์ หรือไม่พวกเขาก็มักจะแบ่งปันข่าวหรือเรื่องซุบซิบที่พวกเขาได้ยินมา ไม่ว่ามันจะคืออะไรพวกเขาทั้งสองก็สนุกที่ได้ฟังเรื่องของกันและกันเป็นอย่างมาก

 

ลิงค์ จะมีเวลาว่างมากในตอนที่รอจดหมายตอบกลับมาและเขาก็มักจะใช้เวลาในการทำการทดลองเวทย์เสริมพลังโดยอิงจากความรู้ทางด้านทฤษฎีและปฏิบัติที่เขาได้มาจากหนังสือ

 

โลหะที่ถูกใช้ในการเสริมพลังมากที่สุดคือมิธริลเพราะว่ามันสามารถเก็บมานาไว้ได้เป็นอย่างดี และด้วยการเปลี่ยนรูปทรงของมิธริลผ่านรูปแบบต่างๆ อุปกรณ์ที่สามารถเก็บมานาได้เป็นเวลานานจึงถูกสร้างขึ้นมา และจากการเปลี่ยนโครงสร้างของมิธริล โครงสร้างของมานาก็จะเปลี่ยนไปด้วย ทำให้สามารถใช้เวทมนตร์อื่นได้

 

ซึ่งนั่นเป็นแค่ทฤษฏี ยังไงก็ตามในทางปฏิบัติมันต้องใช้ความสนใจในข้อมูลอื่นอันมหาศาลที่ส่งผลต่อผลลัพธ์ ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่ ลิงค์ ต้องการที่จะทำการทดลองพวกนี้

 

เขาไม่ได้มีมิธริลอยู่กับตัว แต่ว่าไม่เป็นไรเพราะว่าเขาสามารถหามันได้บางส่วนจากการหักคทานิวมูนทิ้ง ยังไงซะคทานี้ก็ไม่ได้มีคุณภาพสูงที่สุด มันมีส่วนผสมของมิธริลอยู่อย่างพอเหมาะ ความจริงก็คือ ลิงค์ ต้องการที่จะได้มิธริลจำนวนหนึ่งจากการแยกส่วนคทา

 

ช่างน่าเสียดายจริงๆ สิ่งของราคา 1000 เหรียญทอง กลับถูกใช้เพื่อเอามิธริลที่อยู่ในคทา ออก มันถูกสร้างด้วยฝีมือของผู้เชี่ยวชาญด้านการทำคทาไม่ใช่หรอ? ลิงค์ คิด เขาสงสัยว่าถ้าเกิดว่าชื่อเสียงของช่างคทาคนนี้มีมากเกินไปหล่ะ

 

หลังจากที่เขาได้มิธริล ลิงค์ ก็ใช้ 20 แต้มโอมนิในการซื้อเวทย์การเปลี่ยนรูปร่างที่จำเป็นต่อการเสริมพลัง-จำแลง

 

จำแลง

เวทย์เลเวล2

มานาที่ต้องใช้: 0.2 ต่อวินาที

ผล:หลังจากที่ใช้ใส่วัตถุชิ้นหนึง ลักษณะภายนอกของสิ่งนั้นจะเปลี่ยนไปตามที่ผู้ใช้ต้องการ

(หมายเหตุ:เวทย์นี้จำเป็นต่อการเสริมพลังขั้นต้น)

 

หลังจากที่เรียนรู้เวทย์มนตร์อย่างรวดเร็ว ลิงค์ ก็ได้ใช้มันใส่มิธริลที่อยู่บนโต๊ะในทันที

 

เวทย์นี้ไม่ได้ใช้ความสามารถในการรวบรวมมานาเป็นพิเศษ ดังนั้นต่อให้เป็นความสามารถในการร่ายเวทย์ของนักเวทย์ฝึกหัดก็เพียงพอแล้ว ในตอนที่มานาในร่างของ ลิงค์ กำลังปั่นป่วนมันก็ก่อขึ้นเป็นโครงสร้างของเวทมนตร์พิเศษ เกิดขึ้นเป็นพื้นที่พลังงานพิเศษ

 

พื้นที่พลังงานนี้แทบที่จะมองไม่เห็น ถ้าเกิดว่ามันไม่ได้ดัดแสงที่ผ่านเข้าสู่มือของ ลิงค์ ซึ่งเป็นที่ๆมันรวมตัวกันอย่างเข้มข้น เขาก็คงจะไม่ได้สังเกตเห็นถึงการมีอยู่ของมันเลย

 

ลิงค์ รู้ว่าพลังพวกนี้ถูกรู้จักกันว่าเป็นเวทย์การเปลี่ยนรูปร่างในชื่อ “สนามพลังของฮิกส์”

 

สนามพลังนี้ถูกค้นพบโดยนักเวทย์ที่ชื่อ ฮิกส์ เมื่อ 600 กว่าปีที่แล้วและเขายังเป็นคนนึงที่เป็นผู้บุกเบิกสาขาเวทมนตร์การเสริมพลัง การค้นพบของเขาได้เปลี่ยนให้เวทย์เสริมพลังที่เป็นของที่นักเวทย์ระดับสูงเท่านั้นที่สามารถทำได้ให้กลายเป็นของที่นักเวทย์ธรรมดาก็สามารถเรียนได้อย่างง่ายดาย

 

สนามพลังของ ฮิกส์ นั้นมีคุณสมบัติที่แปลกประหลาด ซึ่งมันสามารถเปลี่ยนลักษณะและคุณสมบัติของสิ่งไม่มีชีวิตได้ ตราบใดที่คุณสามารถพัฒนามันได้มากพอ คุณก็จะสามารถเปลี่ยนเหล็กให้เป็นน้ำ หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนหินให้เป็นทองได้

 

แต่แน่นอนว่าการพัฒนาความสามารถนี้มันยากมากๆ และมันยังมีข้อจำกัดอย่างอื่นอีก-การใช้ปริมาณมานาที่มหาศาล

 

ยิ่งคุณสมบัติของวัตถุที่ถูกเปลี่ยนแปลงนั้นมากเท่าไหร่ มานาที่ต้องใช้ก็จะยิ่งมากขึ้นด้วย ตัวอย่างเช่นความสามารถที่จะเปลี่ยนหินให้เป็นทอง ในทีแรกมันดูเหมือนจะเป็นวิธีการล่อล่วงที่สามารถทำเงินได้อย่างมหาศาล แต่ในความเป็นจริงคือมันต้องใช้มานาทั้งหมดที่นักเวทย์เลเวล 6 มีในการที่แค่เปลี่ยนหินขนาดเท่าฝ่ามือให้กลายเป็นทองในขนาดที่เท่ากัน

 

ไม่มีอะไรที่สำคัญสำหรับนักเวทย์ไปมากกว่ามานา และคงไม่มีนักเวทย์สติดีคนไหนที่จะยอมเสียมานาทั้งหมดเพื่อแลกกับทองขนาดเท่าฝ่ามือ ดังนั้นจึงไม่มีนักเวทย์คนไหนที่คิดจะเรียนการเปลี่ยนหินให้เป็นทอง

 

อย่างที่สุภาษิตว่า ไม่มีของฟรีในโลกนี้

 

กลับมาที่ ลิงค์

 

ลิงค์ ได้นำทางพลังที่โปร่งใสด้วยจิตใจของเขาให้มันไปพันรอบๆกองมิธริลขนาดเท่านิ้วโป้งที่อยู่บนโต๊ะ จากนั้นเขาก็นึกถึงโครงสร้างของเวทมนตร์ลูกแก้วในหัวของเขา

 

ลิงค์ มีความสามารถพิเศษในการจินตนาการ ดังนั้นเขาจึงสามารถนึกถึงสิ่งที่อยู่ในใจของเขาลงไปถึงรายละเอียดที่เล็กที่สุดได้อย่างง่ายดาย และความสามารถนี้ของเขายังใช้ได้ดีในการเสริมพลังอีกด้วย

 

กองของมิธริลเริ่มขยับมารวมกันเป็นเกลียว และเกลียวนั้นก็ได้เปลี่ยนเป็นรูนเวทมนตร์จนในที่สุดมันก็เปลี่ยนเป็นโครงสร้างของมานาที่มีลักษณะเป็นของแข็ง ตรงกับที่ ลิงค์ จินตนาการไว้ในหัวเป๊ะ

 

หลังจากผ่านไปสามนาที ลูกบอลแสงมิธริลก็เสร็จสมบูรณ์ เมื่อมองผ่านๆมันอาจจะเป็นลูกบอลเหล็กที่มีข้างในกลวง แต่เมื่อมองมันดีๆ มันคือแบบจำลองของโครงสร้างเวทมนตร์ของลูกแก้วนั่นเอง

 

แน่นอนว่ามันไม่มีมานาในเกลียวของมิธริล มันเป็นแค่โครงสร้างกลวงๆที่ไม่สามารถจับธาตุไฟในอากาศได้ ตอนนี้มันเป็นแค่สิ่งที่ดูสวยงามเท่านั้น

 

มาดูการทำงานของมันกันเถอะ  ลิงค์ หยิบบอลมิธริลอันเล็กขึ้นมาและใส่มานาของเขาเข้าไปในมัน

 

ขั้นตอนนี้ไม่ได้ใช้การตั้งสมาธิระดับสูง สิ่งที่ ลิงค์ ต้องทำทั้งหมดก็คือใส่มานาของเขาเข้าไปในบอล เขาไม่จำเป็นต้องนึกภาพของโครงสร้างเวทมนตร์ในหัวเพราะเกลียวของมิธริลเป็นตัวนำทางมานาของเขาให้เป็นโครงสร้างของลูกแก้วแล้ว

 

เวลาต่อมา มานาได้ถูกเติมเข้าไปในบอลมิธริลทั้งหมด เมื่อตรวจดูใกล้ๆ ลิงค์ ก็มองเห็นบอลมิธริลเริ่มส่องแสงสีฟ้า และในที่สุดมันก็กลายเป็นบอลแสงสีฟ้า

 

และนี่ก็คือสำเนาที่สมบูรณ์แบบของลูกแก้วของ ลิงค์

 

“ช่างเป็นวิธีการร่ายเวทย์ที่ประหยัดเวลาจริงๆ แต่มันก็มีต้นทุนที่สูงอยู่หล่ะนะ” ลิงค์ พูดพลางถอนหายใจ เวทย์นี้เขาต้องเสียเงิน 1000 เหรียญทอง แม้แต่นักเวทย์ที่ใจกว้างยังไม่เลือกวิธีการที่เสียเงินเยอะแบบนี้เลย

 

นี่คือลูกแก้วที่ทำจากมิธริล ด้วยเกลียวของมิธริลที่ก่อรูปเป็นโครงสร้างของเวทย์ลูกแก้วของลิงค์ ด้วยวิธีนี้ ไม่ว่านักเวทย์คนไหนในโลกนี้ก็สามารถจัดการใช้มานาในร่างของเขาปล่อยลูกแก้วออกมาได้ สิ่งที่พวกเขาทำก็แค่ปล่อยมานาออกมาเหมือนกับที่ใส่เข้าไปในบอลมิธริล

 

แต่แน่นอนว่าวิธีนี้มันแพงเกินไปที่จะประยุกต์ ไม่เพียงแค่พลังของมันจะน้อยเท่านั้น แต่มันยังใช้ได้แค่ครั้งเดียวอีกด้วย ดังนั้นมันจึงมีประโยชน์แค่ในการทดลองเท่านั้น

 

มีคำอธิบายเกี่ยวกับโครงสร้างของคทาเวทมนตร์อยู่ในการเสริมพลังขั้นต้น ฉันคิดว่าฉันน่าจะลองทำดูนะ

 

แล้ว ลิงค์ ก็หยิบกิ่งไม้ขึ้นมา และใช้เวทย์จำแลงลงบนเกลียวมิธริลเพื่อให้ขยับเข้าไปอยู่ที่กิ่งไม้ในจุดที่อธิบายโครงสร้างเวทย์ไว้ในหนังสือ หลังจากนั้นเขาก็ตกแต่งมันเล็กน้อยก่อนที่เขาจะสร้างคทาพื้นฐานอันแรกของเขาสำเร็จ

 

ลิงค์ ตรวจดูคทาของเขาที่เรียงรายไปด้วยมิธริลอย่างคร่าวๆ แล้วมันก็มีแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาที่หน้าอินเตอเฟสของเขา

 

คทาพื้นฐาน(ไม่มีชื่อ)

คุณภาพ แย่

ผล: เพิ่มความรุนแรงของเวทมนตร์5%

 

มันไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้นนะ ลิงค์ ไม่ได้คิดมากที่มันมีคุณภาพแย่เพราะเขาใช้เวลาในการสร้างแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น

 

ลิงค์ ลองร่ายเวทย์ด้วยคทาใหม่ของเขา ซึ่งเขาคิดว่ามันเข้ากับมือเขามากๆ

 

“5555! นี่มันน่าสนใจจริงๆ!” ลิงค์ ตะโกน ด้วยความดีใจในความยอดเยี่ยมของคทาอันใหม่ของเขา

 

เขาร่ายเวทย์อีก 2 บทด้วยคทาอันใหม่ ตอนนี้ความสนใจของ ลิงค์ ได้ทุ่มไปกับการเสริมพลังอย่างลึกซึ้ง เขาจำได้ว่าในบทการเสริมพลังขึ้นต้นมีเขียนเอาไว้เกี่ยวกับการสร้างม้วนกระดาษเวทมนตร์

 

ม้วนกระดาษเวทมนตร์ใช้หมึกพิเศษที่กักเก็บมานาได้ มันเกี่ยวกับกระบวนการส่งโครงสร้างเวทมนตร์ผ่านพื้นผิวสองมิติลงบนกระดาษต่อต้านเวทมนตร์ ข้อดีของมันคือสามารถพกพาสะดวกและประหยัดต้นทุน และมานากับรูนเวทมนตร์ก็ถูกฝังไว้ในม้วนกระดาษด้วย แม้แต่คนธรรมดาก็สามารถใช้มันร่ายเวทย์ได้

 

ลิงค์ ต้องการที่จะลองสร้างม้วนกระดาษเวทมนตร์ แต่เขาไม่มีวัตถุดิบที่จำเป็น แต่มันก็ไม่อาจหยุดเขาเอาไว้ได้

 

คุณจะทำอย่างไรเมื่อคุณไม่มีหมึกกักเก็บเวทมนตร์หล่ะ?

 

ไม่มีปัญหา ที่มาของหมึกกักเก็บเวทมนตร์ก็คือเลือดของสัตว์วิเศษและนักเวทย์ก็เป็นหนึ่งในนั้น ดังนั้นเลือดของนักเวทย์ก็สามารถใช้แทนหมึกกักเก็บเวทมนตร์ได้ ยิ่งนักเวทย์แข็งแกร่งเท่าไหร่หมึกกักเก็บเวทมนตร์ก็จะยิ่งมีคุณภาพเท่านั้น

 

ลิงค์ เอาหยดเลือดจากตัวเองโดยไม่รีรอ

 

แต่ว่ากระดาษต่อต้านเวทมนตร์หล่ะ? ในความเป็นจริงกระดาษหนังแพะเป็นรูปแบบปกติของกระดาษต่อต้านเวทมนตร์ ซึ่ง ลิงค์ ก็มีมันอยู่แล้ว

 

ตอนนี้เขามีทุกอย่างที่เขาต้องการ ลิงค์ จุ่มปากกาของเขาลงบนเลือดของตัวเองและเขียนโครงสร้างเวทมนตร์ของเวทย์บอลเพลิงลงบนกระดาษหนังแพะ

 

ความสามารถในการจินตนาการอย่างแม่นยำของ ลิงค์ ได้ถูกใช้ในการเขียนรูปแบบโครงสร้างของเวทย์บอลเพลิงลงบนกระดาษหนังแพะในครั้งเดียว จากนั้นเขาก็รวบรวมรูนเวทมนตร์และใส่มานาของเขาลงบนม้วนกระดาษ

 

ทันใดนั้นหมึกสีเลือดบนกระดาษหนังแพะก็ปล่อยออร่าเวทมนตร์ออกมา แต่ด้วยข้อจำกัดของรูน ม้วนกระดาษจึงไม่ได้ดูดซับธาตุไฟในอากาศและไม่มีบอลเพลิงออกมา

 

ลิงค์ ต้องการที่จะทดสอบผลของม้วนกระดาษในทันที

 

เขาใช้งานม้วนกระดาษเวทมนตร์ตามที่หนังสืออธิบาย ด้วยการลบรูนเวทย์ทั้งหมดออกและโยนม้วนกระดาษขึ้นไปบนอากาศ

 

ม้วนกระดาษดูดธาตุไฟในอากาศ จากนั้นมันก็เริ่มก่อตัวเป็นบอลเพลิง เพราะโครงสร้างของเวทมนตร์ถูกสร้างขึ้นมาแบบหยาบๆ บอลเพลิงจึงไม่ได้มีพลังทำลายมากนัก แต่ว่า ลิงค์ ก็คิดว่ามันสำเร็จแล้ว

 

“ช่างน่าสนใจจริงๆ!” ความสนใจในการเสริมพลังของ ลิงค์ ยิ่งมากขึ้นไปอีก

 

หลังจากนั้นก็มีจดหมายมาจากสถาบัน เขาเปิดอ่านจดหมายของ เอเลียร์ด ก่อนที่จะอ่านจดหมายของ มอยร่า อย่างระมัดระวัง ซึ่งเธอได้ให้คำตอบสำหรับคำถามของเขาอย่างชัดเจน และ มอยร่า ยังส่งหนังสือให้เขาอีกสามเล่มมาพร้อมกับจดหมาย การสร้างคทา การเสริมพลังขั้นสูง การใช้งานสนามพลังของ ฮิกส์ อย่างทันสมัย

 

เขารู้สึกดีใจกับชื่อหนังสือพวกนี้มาก เขาคงไม่รู้สึกดีใจไปมากกว่านี้แล้ว ต่อให้เขาได้รับอัญมณีล้ำค่าก็ตาม หลังจากที่เขาได้อ่านหนังสือการสร้างคทาแบบคร่าวๆ เขาก็สาบานกับตัวเองว่าเขาจะสร้างคทาใหม่เป็นของตัวเอง!

 

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset