Advent of the Archmage – ตอนที่ 84: นักเวทย์ฝึกหัดคนใหม่ในสถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟ

แจคเกอร์ ออกไปตั้งแต่เช้าเพื่อสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับผาลมหอน ซึ่งเขาออกไปไม่นานนัก, และกลับมาในหนึ่งชั่วโมงต่อมา

 

“ในท่านครับ, ไม่มีใครเคยได้ยินชื่อสถานที่แห่งนี้เลยครับ, แต่มีนักดนตรีคนนึงบอกผมมาว่ามีสถานที่แห่งนึงที่เหมาะสมกับรายละเอียดของชื่อ สถานที่แห่งนั้นอยู่ห่างใกลกว่าหนึ่งร้อยไมล์ในทางเหนือของป่าเกอร์เวนท์” แจ็คเกอร์ รายงาน ซึ่งคำใบ้ที่กำกวมนี้เป็นสิ่งเดียวที่เขาสามารถหามาได้

 

“ถ้าเป็นอย่างนั้น” ลิงค์ พูดหลังจากที่พิจารณาเล็กน้อย “พวกเราก็ควรจะจ้างใครสักคนไปตรวจสอบสถานที่แห่งนั้นนะ ถ้าได้ข่าวอะไรก็ให้ติดต่อฉันมาแล้วกัน”

 

“ครับนายท่าน” แจ็คเกอร์ ขานรับ

 

ลิงค์ กำลังเก็บของและ ลูซี่ ก็กำลังช่วยเขาอยู่ข้างๆ เธอมักจะเป็นผู้หญิงที่มี่ความสามารถมากมาย, แต่ครั้งนี้เธอใช้เวลาของเธอไปกับงานบ้าน เธอกังวลเรื่องของ ลิงค์ มากจนเธอจะตาม ลิงค์ ไปที่สถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟด้วยถ้าเธอทำได้

 

ลิงค์ เคลื่อนย้ายรวดเดียวด้วยความรำคาญเธอ ในที่สุดในสภาพที่วุ่นวายและเหนื่อยล้า, ลิงค์ ก็ยัดทุกๆอย่างเข้าไปในจี้เก็บของของเขา-ผ้าเช็ดตัว, ผ้าห่ม, เสื้อผ้า, รวมทั้งขนมที่เป็นของโปรดของเขาซึ่ง ลูซี่ เตรียมเอาไว้ได้ให้ แทบจะไม่มีพื้นที่เหลือในจี้เก็บของของเขาเลยในตอนที่เขาเก็บของเสร็จ

 

เช้าวันต่อมา, ลิงค์ ก็ขึ้นรถม้าที่จ้างมาแล้วมุ่งหน้าไปที่สถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟด้วยตัวคนเดียว เขาเงียบตลอดทางจนถึงที่นั่น

 

กว่าหนึ่งชั่วโมงถัดมา, เขาก็ไปถึงประตูหน้าของสถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟ วินเซนต์ ผู้เฝ้าประตูคนเดิมอยู่ที่นั่น, เขายังคงอาบแสงแดดในสวนเหมือนเช่นเคย เขาพูดกับ ลิงค์ ในตอนที่เขาเห็นเขาลงมาจากรถม้า

 

“เจ้าหนู, ฉันคิดว่าฉันจะไม่ได้เจอเจ้าหนูอีกแล้วในชีวิตนี้นะเนี่ย ใครจะไปคิดกันว่าเจ้าจะสามารถเข้าสถาบันได้จริงๆ?” เขาพูดพลางหัวเราะ

 

ลิงค์ อาจจะมีชื่อเสียงอยู่บ้างในเมืองริเวอร์โควฟ, แต่สถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟเป็นหอคอยโดดเดี่ยวที่เต็มไปด้วยนักเวทย์ที่แข็งแกร่งที่เป็นระดับหัวกระทิในบรรดานักเวทย์ที่อยู่ในอาณาจักร ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจที่พวกเขาจะไม่ได้สนใจการใช้ชีวิตของสามัญชน, และด้วยเหตุนั้นชื่อเสียงของ ลิงค์ จึงไม่ได้มาถึงประตูของสถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟ

 

ยิงไปกว่านั้น, ด้วยผลของขนแห่งการปกปิดของ เอร์เรร่า พลังที่แท้จริงส่วนใหญ่ของ ลิงค์ จึงถูกปกปิดเอาไว้, ดังนั้นในสายตาของ วินเซนต์, ลิงค์ ก็ยังคงเป็นแค่เด็กหนุ่มแสนอ่อนแอที่มีพรสวรรค์ด้านเวทย์มนตร์แต่กำเนิดต่ำจนน่าสงสาร

 

แน่นอนว่า ลิงค์ ไม่ได้เก็บการตัดสินใจของ วินเซนต์ มาใส่ใจ เขาทำความเคารพแบบนักเวทย์ต่อหน้า วินเซนต์, จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูด “ใช่ครับ, ผมเองก็ยังไม่เชื่อในดวงของตัวเองเลยว่า, ตอนนี้ผมกำลังจะได้เข้าไปข้างใน, คุณ วินเซนต์”

 

“เข้าไปเถอะ, อย่าเสียโชคลาภของเจ้าไปซะละ” วินเซนต์ พยักหน้าให้กับเด็กหนุ่มขณะที่เขาเดินเข้าไปในสถาบัน แม้ว่าพรสวรรค์ของเขาจะต่ำ, แต่เขาก็เป็นเด็กที่สุภาพมากๆ, ดังนั้น วินเซนต์ จึงตัดสินใจที่จะปฏิบัติกับเขาเหมือนกับนักเวทย์ฝึกหัดคนอื่นๆ

 

เขาพบเจอนักเรียนเช่นนี้เกือบพันคนในทุกๆปี

 

ลิงค์ เดินผ่านประตูสถาบันที่ซึ่งเขาได้พบกับเส้นทางเล็กๆที่ราบเรียบ เขาเดินไปตามเส้นทางนั้นไปสองสามร้อยฟุตจากนั้นก็เลี้ยวตรงมุมๆนึง เขาไม่ได้เตรียมใจเอาไว้สำหรับทัศนียภาพที่ปรากฏออกมาในตอนที่เขาหันไป

 

เบื้องหน้าเขา, มีหุบเขากว้างใหญ่ที่ยาวเหยียดไปตามเส้นขอบฟ้า

 

แสงอาทิตย์สีทองฉายลงมาจากสวรรค์เหมือนกับน้ำตกทำให้พื้นที่ที่ราบเรียบและกว้างใหญ่ใจกลางหุบเขานี้ส่องสว่าง บนพื้นที่ราบเรียบ, มีหอคอยนักเวทย์ที่มีหลังคาสีน้ำเงิน ซึ่งพวกมันสูงจนดูเหมือนจะสัมผัสกับท้องฟ้า ที่ส่วนยอดของหอคอย, มีอักขระเวทย์มนตร์จำนวนนับไม่ถ้วนส่องแสงอย่างเจิดจ้าไหลวนอยู่รอบหอคอย พร้อมทั้งมีด้ายพลังงานธาตุไหลเวียนอยู่ในอากาศ, ไขว้กันไปมาและทำให้มันดูเหมือนกับว่าหอคอยได้ถูกเชื่อมต่อเอาไว้ด้วยใยเวทย์มนตร์ ดอกไม้และต้นไม้ถูกวางเอาไว้ในพื้นที่ระหว่างหอคอยขณะที่มีอ่าวเล็กๆคดเคี้ยวไปมารอบๆสถาบันซึ่งผิวหน้าของมันก็สะท้อนแสงอาทิตย์ออกมา

 

เมืองหลวงแห่งเวทย์มนตร์ที่มีนักเวทย์ชั้นแนวหน้ามาร่วมกันนั้นช่างมีทัศนียภาพที่สวยงามอะไรเยี่ยงนี้!

 

ตอนนี้มันเป็นสถานที่ที่สวยงามจริงๆ, แต่มันคงอยู่ได้อีกไม่นานนักก่อนที่ทั้งหมดจะเหลือเอาไว้เพียงแค่ก้อนกรวด

 

ลิงค์ ทั้งรู้สึกกลัวสำหรับความงดงามที่ตั้งอยู่เบื้องหน้าเขาและรู้สึกเศร้าสำหรับสิ่งที่จะเสียไป

 

แม้ว่าในตอนนี้เขาจะมีอักขระวิญญาณอยู่กับตัว, ซึ่งได้ทำลายแผนการขั้นแรกของนักเวทย์ไป, แต่ตราบใดที่พวกมันยังมีชีวิตอยู่, พวกมันก็คงจะไม่มีทางยอมแพ้จนกว่าพวกมันจะคิดวิธีปลดปล่อยปีศาจ ทราวิส ได้

 

ต่อไปพวกมันจะทำอะไรกันนะ? ตอนนี้ ลิงค์ ทำได้แค่เดาเท่านั้น สิ่งที่เขาต้องจดจ่อในตอนนี้ก็คือการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องก่อนที่จะเกิดหายนะ, เพื่อที่เขาจะได้ไม่ยืนดูอยู่เฉยๆอย่างไร้ประโยชน์ในตอนที่เวลามาถึง

 

มีจตุรัสขนาดใหญ่ใกล้กับปากทางเข้าซึ่งมีผู้คนวิ่งกันไปมา พวกเขาทุกคนเป็นนักเวทย์และพวกเขาทุกคนก็ดูเร่งรีบ, ราวกับว่ากำลังแข่งกับเวลาอยู่

 

มีรูปปั้นที่หน้าประทับใจของนักเวทย์คนหนึ่งตั้งเอาไว้อย่างน่าภาคภูมิใจที่ใจกลางของจตุรัส

 

ลิงค์ เข้าไปดูที่ป้ายชื่อที่ติดอยู่ข้างล่างรูปปั่น, ซึ่งพอได้อ่านมันก็พบว่ามันคือชื่อของผู้ก่อตั้งและผู้อาวุโสคนแรกของสถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟ, จอมเวทย์เลเวล 8, แอมบรอน

 

ข้างล่างชื่อ, มีคำพูดจากผู้อาวุโสอยู่ด้วย

 

มีสองสิ่งที่เป็นแก่นในการแสวงหาความก้าวหน้าในทักษะเวทย์มนตร์ของเจ้า: หนึ่งคือมุ่งมั่นเพื่อหาความจริง และสองคือมุ่งมั่นเพื่อหาพลังที่จะปกป้องความจริง!

 

ช่างเป็นชายแก่ที่ฉลาดจริงๆ ลิงค์ อดที่จะพยักหน้าเห็นด้วยกับคำบรรยายนี้ไม่ได้

 

พอเขาเดินผ่านจตุรัส, ลิงค์ ก็หยิบแผนที่จุดหมายที่ เอร์เรร่า มอบให้เขาออกมา

 

จากจตุรัส, ใช่เส้นทางที่กว้างที่สุด, เดินตรงไปตลอดทางจนถึงหอคอยที่สามทางด้านซ้าย, ที่นั่นจะมีรูปปั้นสุนัขอยู่ที่ประตู…อา, นั่นไง

 

เบล เป็นนักเวทย์เลเวล 6 และเขาก็เป็นคนที่น่านับถือในสถาบัน เขาเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของสมาชิกสภาวิชาการและหอคอยเวทย์มนตร์ของเขาก็สูงกว่าหอคอยอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด แม้กระทั่งการตกแต่งและความเพียบพร้อมข้างในก็ยังละเอียดละออและหรูหรากว่าหอคอยอื่นๆ

 

เขาเดินไปที่ประตูจากนั้นก็เรียกกระจกเวทย์มนตร์ออกมา—มันเป็นลูกเล่นเล็กๆที่เขาเรียนรู้ในตอนที่เขาเบื่อ เขาตรวจสอบตัวเองในกระจกและทำให้มั่นใจว่าทุกๆอย่างเรียบร้อยดี, จากนั้นก็เคาะประตูอย่างสุภาพ

 

หลังจากผ่านไปพักนึง, ก็มีนักเวทย์คนนึงขานตอบ เขาดูน่าจะอายุประมาณ 30 ปี ชั่วครู่ต่อมา, การแจ้งเตือนเกี่ยวกับตัวเขาก็ปรากฏขึ้นบนหน้าอินเตอร์เฟส

 

เดเร็ค

นักเวทย์ปกติเลเวล 2

สถานะ: นักเวทย์ฝึกหัดและผู้ช่วยของนักเวทย์ เบล

 

ข้อความสั้นมากและมันก็ไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับเวทย์มนตร์ที่ เดเร็ค ชำนาญเลย, แต่มันก็เป็นข้อมูลที่เพียงพอแล้วสำหรับ ลิงค์

 

เดเร็ค จ้องมองเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงประตูและสัมผัสได้ว่ามานาในร่างกายของเขาน้อยมากๆ เดเร็ค อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้

 

เมื่อเช้า, ที่ปรึกษาของเขา เบล ได้บอกกับเขาว่าวันนี้จะมีนักเรียนใหม่เข้ามาและบอกให้เขาให้การต้อนรับแทนเขาด้วย เดเร็ค คิดว่ามันเป็นแค่งานน่าเบื่ออีกงานนึง แต่นาทีที่เขาเห็นเด็กหนุ่มเก้งก้างคนนี้ในตอนที่เขาเปิดประตู, เดเร็ค ก็ถูกครอบงำด้วยความรู้สึกดูถูก

 

นี่คือไอโง่อีกคนที่เข้ามาที่นี่ผ่านประตูหลังสินะ

 

เดเร็ก ซ่อนอารมณ์ของเขาไม่เก่ง แต่เขาก็ตระหนักได้ว่าแม้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะไร้ค่าและขาดคุณสมบัติโดยสิ้นเชิง, แต่นักเวทย์ เบล ก็เป็นคนเชิญเขามาที่หอคอยเวทย์มนตร์แห่งนี้ด้วยตัวเอง เดเร็ค มั่นใจว่าเด็กหนุ่มคนนี้ต้องมีความสัมพันธ์กับคนที่ตำแหน่งสูงแน่ๆ, ดังนั้นมันจะดีที่สุดที่จะไม่โจมตีเขามากเกินไป

 

“นายคือ ลิงค์ สินะ?” เดเร็ค ถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและใบหน้าที่บึ้งตึง

 

“ใช่, ฉันเอง” ลิงค์ สังเกตุเห็นการดูถูกในสายตาของ เดเร็ค, แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไร เขามาที่นี่เพื่อเรียนรู้เวทย์มนตร์ขณะที่จับตาดู เบล ไปด้วย ส่วนเรื่องอื่นๆก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยและไม่คุ้มค่ากับความสนใจของเขา

 

“นายเอาจดหมายแนะนำตัวมาด้วยรึเปล่า?” เดเร็ค ถาม

 

“แน่นอน” ลิงค์ ยื่นจดหมายที่ เอร์เรร่า มอบให้กับเขา มันถูกเขียนขึ้นโดยองค์หญิง แอนนี่ ในนามของราชวงศ์อาเบล, ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันมีน้ำหนักและความสูงส่งขนาดไหน

 

เดเร็ค รับซองจดหมายมาและเห็นตราสิงโตคำรามติดอยู่, ซึ่งมันยิ่งทำให้เขารู้สึกเคืองมากขึ้น

 

ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่โชคดีอะไรเยี่ยงนี้ เขาดูไม่เห็นจะมีพรสวรรค์อะไรเลยแต่เขาก็ยังสามารถขอความช่วยเหลือจากราชวงศ์ได้

 

“เข้ามาสิ” น้ำเสียงของ เดเร็ค ในตอนนี้เย็นชาขึ้นกว่าเดิม

ลิงค์ เดินตาม เดเร็ค เข้าไปในห้องโถงชั้นหนึ่ง มันเป็นห้องโถงที่กว้างมากๆพร้อมกับความอุดมสมบูรณ์ของแสงที่ไหลเข้ามาข้างในจากด้านนอก มีโต๊ะและเก้าอีกมากมายที่เต็มไปด้วยหนุ่มสาว ซึ่งเมื่อดูโดยรวมแล้วมีคนประมาณ 30 คนอยู่ในห้องโถง

 

พวกเขาบางส่วนหมกมุ่นอยู่กับการอ่านหนังสือ, บางส่วนก็ทำสมาธิอยู่เงียบๆ, และบางส่วนก็กำลังทดลองเวทย์มนตร์ ที่มุมห้องโถง, มีตู้หนังสือครึ่งวงกลมขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยหนังสืออย่างน้อย 300 เล่ม

 

อีกด้านของห้องโถง, มีบาร์ไวน์ขนาดเล็กพร้อมกับบาร์เทนเดอร์คอยรับใช้ คนหนุ่มสาวบางส่วนกำลังดื่มอยู่ตรงนั้นขณะที่พูดคุยกันเบาๆ  ฉากนี้ทำให้ระลึกถึงบรรยากาศที่โรงเตี๊ยม แต่ในตอนที่ ลิงค์ ได้ยินบางส่วนของการสนทนาของพวกเขา, เขาก็พบว่าพวกเขากำลังคุยกันเรื่องเวทย์มนตร์

 

ช่างเป็นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเวทย์มนตร์อะไรเยี่ยงนี้ ลิงค์ คิด

 

เขาสัมผัสมานาของทุกๆคนที่อยู่รอบๆอย่างระมัดระวังและพบว่าพวกเขาส่วนใหญ่อย่างน้อยก็เป็นนักเวทย์ฝึกหัดระดับกลาง ในความเป็นจริง, พวกเขาบางส่วนเหลือแค่อีกก้าวเดียวก็จะได้กลายเป็นนักเวทย์เต็มตัวแล้ว

 

ระดับที่นี่สูงกว่าสถาบัน เฟลมมิ่ง จริงๆ

 

เดเร็ค พา ลิงค์ ไปที่โต๊ะตรงมุมที่ห่างไกลจากห้องโถง จากนั้นเขาก็อธิบาย “นี่คือโต๊ะของนาย ตอนนี้นายเป็นนักเวทย์ฝึกหัดมือใหม่ นายได้รับอนุญาติให้รับฟังในตอนที่อาจารย์บรรยาย, แต่นายไม่ได้รับอนุญาติให้ตั้งคำถามใดๆ, และอย่าทำลายการเรียนการสอนด้วย, เข้าใจไหม?”

 

พูดอีกนัยนึงก็คือ, ลิงค์ มีสิทธิ์ในการเข้าร่วมเท่านั้น แต่ไม่มีสิทธิ์พูดเพราะพรสวรรค์ด้านเวทย์มนตร์ของเขาต่ำเกินไป คำถามที่เขาถามก็มีแต่จะทำให้เสียเวลาของนักเรียนคนอื่นๆเท่านั้น

 

ลิงค์ มีความสุขกับสิ่งที่เขาได้รับ เพราะการได้เข้ามาเรียนในสถาบันก็ดีพอสำหรับเขาแล้ว

 

“ฉันเข้าใจแล้ว” ลิงค์ ตอบกลับไป

 

“ดี, ถ้างั้นตามฉันมา, ฉันจะพานายไปที่ห้องของนาย”

 

เดเร็ค เดินตรงไปที่มุมห้องโถงขณะที่ ลิงค์ รีบตามไป แล้วในที่สุด, ทั้งสองก็หยุดอยู่ที่ประตูแคบๆที่อยู่ด้านล่างบันไดวนในห้องโถง

 

“นี่คือห้องของนาย” เดเร็ค พูด

 

เดิมทีมันเป็นห้องเก็บของเล็กๆที่ให้ความรู้สึกว่าไม่เหมาะสมที่จะเปลี่ยนเป็นห้องของนักเวทย์ฝึกหัด แต่เพราะที่ปรึกษารับสมาชิกใหม่เข้ามาในหอคอยเวทย์มนตร์อย่างกระทันหันในตอนที่ทุกห้องเต็มแล้ว, พวกเขาจึงต้องทำแบบนี้

 

เดเร็ค สามารถสัมผัสได้จากน้ำเสียงและทัศนคติของที่ปรึกษาว่าเขาไม่ได้สนใจอะไรกับนักเวทย์ฝึกหัดคนนี้มากนักแต่เขาไม่มีทางเลือกนอกจากจัดเตรียมสิ่งที่จำเป็นให้เพราะมันเป็นคำสั่งจากผู้อาวุโส ดังนั้น เดเร็ค จึงริเริ่มและจัดการให้ ลิงค์ ได้อาศัยอยู่ในห้องเล็กๆแห่งนี้

 

เดเร็ค เปิดประตู, แล้วมันก็เผยให้เห็นพื้นที่ไม่ถึงห้าสิบตารางฟุต มีเตียงเล็กๆพร้อมกับโต๊ะข้างเตียงแทนโต๊ะ, และมีหน้าต่างเล็กๆหนึ่งบานอยู่ตรงมุม แม้ว่าห้องจะมีขนาดเล็ก, แต่ก็สะอาดสะอ้าน

 

ลิงค์ มีแค่เรื่องเวทย์มนตร์อยู่ในหัวเท่านั้น, ดังนั้นเขาจึงไม่ได้กังวลอะไรกับสภาพความเป็นอยู่ภายนอกเลย ไม่อย่างนั้น, เขาคงไม่สามารถอยู่ในห้องใต้หลังคาของโรงแรมริเวอร์โควฟเป็นเดือนได้หรอก ดังนั้นทั้งหมดที่เขาทำก็คือการพยักหน้าแล้วเอาสัมภาระของเขาเข้าไปไว้ในห้อง

 

ดูเหมือนว่า ลิงค์ จะไม่ได้ขนอะไรมาเยอะ, ทั้งหมดที่เขามีก็คือหนังสือไม่กี่เล่มและเสื้อผ้าเอาไว้เปลี่ยนสองสามตัว เขาวางทุกๆอย่างเอาไว้บนโต๊ะข้างเตียง

 

เดเร็ค ยังคืนยืนอยู่ที่ประตูทางเดินและเห็นว่า ลิงค์ จัดการของของเขาเรียบร้อยแล้ว

 

“อีกหนึ่งสิ่งสุดท้าย นายจำเป็นต้องทำงานประจำในฐานะนักเวทย์ฝึกหัด นายรู้จักเวทย์มนตร์อะไรบ้าง?” เดเร็ค ถาม

 

“ฉันรู้จักเวทย์หนามพสุธา” ลิงค์ ตอบ เอร์เรร่า เตือนเขาก่อนหน้านี้ว่าเขาควรจะรักษาตัวตนของเขาในฐานะนักเวทย์ฝึกหัดมือใหม่เอาไว้

 

“หนามพสุธางั้นหรอ? ดี” เดเร็ค หันไปหานักเวทย์ฝึกหัดในห้องโถงแล้วตะโกน, “วอร์วิค, เอาม้วนกระดาษเปล่ามาให้ฉันหน่อย!”

 

หลังจากนั้นไม่นาน, นักเวทย์ฝึกหัดที่ถูกเรียกว่า วอร์วิค ก็ปรากฏตัวพร้อมกับม้วนกระดาษเต็มมือ เขาจ้องมอง ลิงค์ ที่อยู่ในห้องอย่างเห็นอกเห็นใจขณะที่เขายื่นม้วกระดาษให้กับ เดเร็ค

 

ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่โชคร้ายอะไรอย่างนี้  ไม่เพียงแค่เขาจะได้ห้องที่แย่ที่สุดในหอคอยเวทย์มนตร์, แต่เขายังต้องรับผิดชอบงานปลายแถวที่น่าเบื่ออย่างการสร้างคำภีร์เวทย์มนตร์ด้วย!

 

เดเร็ค บอกให้ วอร์วิค ออกไป, แล้วใช้มื่อแห่งนักเวทย์วางกองม้วนกระดาษไว้บนโต๊ะ

 

“ฉันได้ยินมาว่านายเคยเรียนที่สถาบันเวทย์มนตร์แห่งอื่นมาก่อน, เพราะฉะนั้นนายต้องมีทักษะพื้นฐานในการเตรียมคำภีร์เวทย์มนตร์ใช่ไหม?”

 

“ใช่” ลิงค์ ตอบ

 

การเตรียมคำภีร์เวทย์มนตร์เป็นเรื่องพื้นฐานที่สุดในสาขาการเสริมพลัง สำหรับระดับความสามารถของ ลิงค์ ในการเสริมพลังนั้น, แน่นอนว่าเขาสามารถแข่งกับนักเวทย์เลเวล 6 เบล ได้เลย, ดังนั้นเขาจึงไม่มีปัญหาอะไรเลยกับการเตรียมคำภีร์เวทย์มนตร์ ในความเป็นจริง, ก่อนที่จะเข้าไปในรังของสมาคม, เขาได้เตรียมคำภีร์เวทย์มนตร์ไว้ให้ตัวเองถึง 20 แผ่นเลยด้วยซ้ำ

 

แต่แน่นอนว่าเขาไม่สามารถแสดงพลังที่แท้จริงของเขาในหอคอยเวทย์มนตร์ของ เบล ได้ แถม ลิงค์ ยังต้องซ่อนคทาไม้ขีดไฟของเขาเอาไว้ด้วย ดังนั้นตอนนี้เขาจึงใช้แค่คทาไม้สีขาวที่เขาทำขึ้นมาเองเท่านั้น

 

“ดี” เดเร็ค พูด “ตอนนี้เอาม้วนกระดาษพวกนี้ไปแล้วทำให้มั่นใจด้วยว่านายจะเตรียมคำภีร์หนามพสุธาให้ได้อย่างน้อยสามแผ่นต่อวัน นายจะได้รับอนุญาติให้เพิ่มม้วนกระดาษได้อีกแค่สองแผ่นเท่านั้นถ้านายทำหมดเพราะนายทำเสีย ถ้านายต้องการมากกว่านั้น, นายจะต้องจ่ายตังซื้อและม้วนกระดาษหนึ่งแผ่นก็มีราคาเท่ากับ 3 เหรียญเงิน แต่ถ้านายสามารถทำม้วนกระดาษที่ทำงานได้อย่างสมบูรณ์, นายก็จะได้รับเงินหนึ่งเหรียญเงินต่อแผ่น นายสามารถไปขอหมึกเงินกับปากกาขนนกได้จาก วอร์วิค, นักเวทย์ที่นายพึ่งเจอเมื่อกี้ มีคำถามอะไรไหม?”

 

นี่มันบ้าชัดๆ, ลิงค์ คิด คำภีร์เวทย์มนตร์เลเวล 0 น่าจะขายได้อย่างน้อย 6 เหรียญเงิน, และค่าใช้จ่ายในการสร้างมันก็ไม่น่าจะเกิน 2 เหรียญเงินด้วยซ้ำ! ไม่เพียงแค่ฉันจะถูกโกงจากการได้รับเงินเพียงแค่หนึ่งเหรียญเงินต่อแผ่นเท่านั้น, แต่ฉันยังต้องจ่าย 3 เหรียญเงินกับคำภีร์ที่เสียต่อแผ่นด้วยหรอ, ในความเป็นจริงคำภีร์เปล่าธรรมดาๆพวกนี้น่าจะมีราคาไม่ถึง 50 คูเปอร์เลยด้วยซ้ำ! ไม่แปลกใจเลยที่นักเวทย์ที่มีชื่อเสียงทุกคนที่อยู่ในเกมส์ต่างก็ร่ำรวยกันหมด พวกเขาเอาเปรียบนักเวทย์ฝึกหัดนี่เอง!

 

มันเป็นความจริงที่นี่มันไม่ยุติธรรมกับนักเวทย์ฝึกหัด ในเมื่อนักเวทย์หน้าด้านพอที่จะใช้ประโยชน์จากคนที่ไร้อำนาจและนักเวทย์ฝึกหัดก็ยินยอมและยินดีที่จะถูกใช้ประโยชน์, มันก็คงจะทำอะไรไม่ได้กับเรื่องนี้

 

ลิงค์ คิดว่านี่อาจจะเป็นหนึ่งในแหล่งรายได้ที่สำคัญสำหรับหอคอยเวทย์มนตร์ ในอนาคต, เขาก็คงจะมีหอคอยและนักเวทย์ฝึกหัดของเขาเองอย่างแน่นอน, ดังนั้นนี่เป็นบทเรียนสำหรับเขาในการที่เขาจะจัดการกับมันในอนาคต

 

“ฉันเข้าใจแล้ว” ลิงค์ ตอบ

 

“ดี, ถ้างั้นก็ไปทำงานซะ” เดเร็ค เดินออกไปจากห้องแล้วปิดประตู

 

ในที่สุด, ลิงค์ ก็ได้อยู่คนเดียวในห้องที่เงียบสงบ เขานั่งลงบนเตียงแล้วหายใจเข้าลึกๆ

 

จากนั้น, การแจ้งเตือนก็ฉายออกมาบนหน้าอินเตอร์เฟส

 

ภารกิจ: ลงทะเบียนเรียน สำเร็จ

ผู้เล่นได้รับรางวัล 5 โอมนิพ้อยท์

 

นี่เป็นภารกิจที่เขาได้รับในตอนที่เขามาถึงป่าเกอร์เวนท์ในครั้งแรก, ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะผ่านมานานมาก มันต้องใช้เวลาอยู่พอสมควรในการทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ

 

ภารกิจ: เลื่อนขั้น

เนื้อหาภารกิจ: เข้าใจในเวทย์มนตร์เลเวล 1 และกลายเป็นนักเวทย์เต็มตัว

รางวัลภารกิจ: 15 โอมนิพ้อยท์

 

ลิงค์ เข้าใจในเวทย์มนตร์เลเวล 1 มานานแล้ว เขาถึงขั้นปรับให้มันเป็นเวทย์ขั้นสุดยอดและสร้างเวทย์ของตัวเองขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ (นกหวีด), ดังนั้นพอการแจ้งเตือนนี้ปรากฏขึ้นเขาก็ทำมันสำเร็จในทันที

 

จากผลลัพธ์ที่ได้, ลิงค์ ได้รับรางวัลเป็น 20 โอมนิพ้อยท์ ผสมกับ 30 โอมนิพ้อยท์ที่เขาได้รับจากภารกิจหลบหนีจากรังของสมาคม, ทำให้ตอนนี้เขามีค่าโอมนิทั้งหมด 50 พ้อยท์

 

อีกหนึ่งเดือนครึ่งสถานะป่วยมานาจะหมดลง ฉันต้องรักษาพ้อยท์พวกนี้เอาไว้เพื่อที่ฉันจะได้สามารถซื้อเวทย์สูงๆได้ในตอนที่มานาของฉันฟื้นฟูเต็มที่!

 

จากนั้น, การแจ้งเตือนก็ปรากฏขึ้นมาอีก

 

ภารกิจ: เลื่อนขั้น

เนื้อหาภารกิจ: เข้าใจในเวทย์มนตร์เลเวล 2 และกลายเป็นนักเวทย์เลเวล 2

รางวัลภารกิจ: 25 โอมนิพ้อยท์

 

ภารกิจนี้เองก็สำเร็จแล้วเช่นกัน, เพราะ ลิงค์ เข้าใจในเวทย์มนตร์เลเวล 2 แล้ว (เวทย์มนตร์ป้องกัน—บาเรียป้องกัน) ดังนั้น ตอนนี้ ลิงค์ จึงมีค่าโอมนิอยู่ที่ 75 พ้อยท์

 

จากนั้น, การแจ้งเตือนก็เด้งขึ้นมาอีกครั้ง ลิงค์ จ้องมันแล้วพบว่ามันคือภารกิจเลื่อนขั้นอีกภารกิจนึง

 

ภารกิจ: เลื่อนขั้น

เนื้อหาภารกิจ: เข้าใจในเวทย์มนตร์เลเวล 3 และกลายเป็นนักเวทย์เลเวล 3

รางวัลภารกิจ: 40 โอมนิพ้อยท์

 

ดี, นี่คือภารกิจที่ฉันสามารถทำได้สำหรับตอนนี้ ลิงค์ คิด

 

ดังนั้นตอนนี้ ลิงค์ จึงมีภารกิจ 3 อย่างที่เขาต้องทำให้สำเร็จ อย่างแรกคือเลื่อนระดับของเขา, สองคือตามสืบนักเวทย์ เบล, และสามคือตามหาตำแหน่งของผาลมหอน

 

มือของฉันเต็มไปด้วยภารกิจพวกนี้! ลิงค์ ถอนหายใจ จากนั้นก็หยิบม้วนกระดาษเปล่าออกมาแล้วเริ่มเตรียมหนามพสุธา

 

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset