Advent of the Archmage – Chapter 479: ผู้เฝ้าป่าช้และรูนเลือด

Advent of the Archmage Chapter 479: ผู้เฝ้าป่าช้และรูนเลือด

 

พอออกมาจากฐานสาขาของMI3 ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว ลิงค์หยิบนาฬิกาพกออกมาดูและพบว่ามันเป็นเวลา 6 โมง 20 นาที(เย็น)

  

ในความทรงจำของเขาเมืองแกลดสโตนนั้นยังคงคึกคักมาในเวลานี้ แต่ตอนนี้ แทบไม่มีใครอยู่บนถนนเลย ในตอนที่ลมพัดเข้ามาที่ถนน เสียงมันดังเหมือนเสียงร้องโหยหวน แกลดสโตนเคยเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คน แต่ว่าตอนนี้มันดูเหมือนกับเมืองผีเลย

  

เห็นได้ชัดว่าโรคระบาดส่งผลกระทบกับเมืองนี้มาก

  

ลิงค์กับเซลีนกลับไปยังคลังสินค้าที่ราชาลีออนกับคนอื่นๆซ่อนตัวอยู่พวกเขารายงานสิ่งที่พบและเดินทางลงใต้ต่อ

  

ป่าช้าที่อยู่ทางใต้ของเมืองนั้นอยู่ใกล้กับสวนแกลดสโตนมันค่อนข้างไกลจากเขตเมืองเก่า ลิงค์ร่ายเวทย์ไร้ร่องรอย และพวกเขาก็เดินทางไปโดยที่หายตัวอยู่

  

ในตอนที่พวกเขามาถึงสวนถนนนั้นเงียบกว่าเดิม ผู้คนที่อาศัยอยู่แถวนี้ต่างก็เป็นพวกชนชั้นสูง พวกเขามีหนทางในการหาข่าวและมีเงินที่มากพอ ซึ่งพวกเขาส่วนใหญ่ได้หนีกันไปหมดแล้ว

  

ตลอดทางลิงค์เจอบ้านว่างหลายหลัง และบางที พวกเขาก็พบสิ่งปลูกสร้างที่มีแค่แสงจากตะเกียงสองสามดวงพร้อมกับพ่อบ้านแก่ๆที่คอยดูแลคฤหาสน์อันสวยงามให้กับเจ้านายของพวกเขา

  

ด้วยความที่ถนนว่างเปล่าและไม่ค่อยมีแสงไฟถนนจึงมืดเหมือนกับปากของสัตว์ร้ายที่อ้าอยู่เพื่อรอให้ใครบางคนเข้ามาติดกับ

  

“ฉันรู้สึกว่าที่นี่อันตรายมากๆ”เซลีนกระซิบ “มันเหมือนกับว่าพวกเรากำลังถูกพวกสัตว์ร้ายจ้องอยู่เลย”

  

เธอจับปืนทั้งสองกระบอกเอาไว้ในมือแน่น

  

ลิงค์เอามือข้างนึงไว้ที่ฝักดาบราชามังกรพิโรธเขาใส่พลังมังกรเข้าไปในดาบอย่างต่อเนื่องในขณะที่คอยระวังตัวอยู่ตลอดเวลา

  

เขาไม่เกรงกลัวสัตว์ป่าตัวไหนทั้งนั้นสิ่งที่เขากังวลมีแค่เรื่องที่สัตว์ป่าที่ว่านั้นอาจจะเป็นสัตว์เลี้ยงของอกาธา นากา และถ้าเกิดว่ามีสัตว์เลี้ยงอยู่จริง มันก็จะต้องมีนากานักบวช อย่างไรก็ตาม, ลิงค์ไม่ได้เกรงกลัวที่จะสู้กับพวกมัน แต่ว่าพวกเขาอยู่ในเมือง ถ้านากาโหดร้ายพอ เมืองทั้งเมืองก็จะได้รับผลกระทบจากคลื่นกระแทก และมันก็จะกลายเป็นภัยภิบัติ

  

ลิงค์ไม่ต้องการให้เกิดการปะทะที่รุนแรงภายในเมือง

  

พวกเขาเดินไปอีกหลายร้อยฟุตและท้องฟ้าก็มืดยิ่งกว่าเดิม มีต้นไม้เก่าแก่อยู่ที่นี่มากมาย รวมตัวกันเป็นม่านใบไม้หนา และยังมีแม้กระทั่งหมอกจางๆด้วย อุณหภูมิเองก็ค่อยๆลดลง ทำให้พวกเขาเริ่มรู้สึกหนาวไปจนถึงกระดูก

  

“ที่นี่ให้ความรู้สึกไม่ดีเลย”ลิงค์กระซิบ “ฉันสัมผัสพลังของเทพแห่งการทำลายล้างในอากาศไม่ได้ แต่ว่าฉันสัมผัสออร่าแห่งความมืดได้อ่อนๆ”

  

ออร่านั้นเบาบางมากนักบวชธรรมดาไม่สามารถรู้สึกถึงมันได้ มันน่าจะไม่ทำให้เวทย์ศักดิ์สิทธิ์แจ้งเตือนด้วย เซลีนเองก็ไม่รู้สึกถึงอะไรเลย แม้กระทั่งลิงค์เองก็ยังสัมผัสได้แค่เล็กน้อย

  

แต่ถ้าเกิดว่ามีออร่าแห่งความมืดอยู่นั่นก็หมายความว่ากองกำลังแห่งความมืดมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

  

ทางเหนือมีกองกำลังแห่งความมืดอยู่สองฝ่ายนั่นก็คือดาร์คเอลฟ์กับพวกปีศาจที่กระจัดกระจายไปทั่วพวกปีศาจนั้นมาจากภพอื่นและส่วนใหญ่จะเป็นพวกนักรบ พวกมันไม่สามารถวางแผนที่โหดร้ายแบบนี้ได้ ดังนั้นความสงสัยก็เลยไปตกอยู่ที่ดาร์คเอลฟ์

  

เซลีนเองก็หัวไวเหมือนกัน“นายคิดว่าดาร์คเอลฟ์อาจจะร่วมมือกับพวกอกาธา นากางั้นหรอ?” เธอกระซิบ

  

ลิงค์พยักหน้า“ถ้าพวกมันมีความทะเยอทะยานซักหน่อยหล่ะก็ พวกมันทำแน่”

  

อันที่จริงคือพวกเขาได้ร่วมมือกันแล้ว และมันก็ถูกเขียนเอาไว้ในบันทึกของนักเวทย์พเนจรไอเซนิสด้วย ยังไงก็ตาม คัมภีร์บันทึกนั้นส่วนใหญ่ได้เขียนถึงเหตุการณ์ทั่วๆไปและอัพเดตล่าสุดถึงเมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว เหตุการณ์ในแกลตสโตนนั้นไม่ได้ถูกนับรวมอยู่ด้วย ดังนั้นลิงค์จึงไม่รู้ถึงรายละเอียดของมัน

  

ในตอนนั้นเองพวกเขาก็มาถึงประตูหน้าทางเข้าป่าช้า ผู้คนที่ถูกฝังอยู่ที่นี่ต่างก็มีฐานะดี ดังนั้นสถาปัตยกรรมของที่นี่จึงถูกออกแบบมาอย่างดีเช่นกัน

  

มีเสาหินตั้งอยู่ทั้งสองฝั่งของประตูมันสูง 30 ฟุตและกว้าง 2 ฟุต ประตูนั้นทำมาจากเหล็กและมีการแกะสลักที่ละเอียดละออ ห่างออกไปไม่ไกลมีจตุรัสเล็กๆอยู่ มีรูปปั้นของเทพแห่งแสง นักบุญผู้หลับใหล อลาเกรียน ตั้งอยู่ที่ใจกลางจัตุรัส ที่ข้างๆมีโคมไฟระย้าแขวนอยู่ มันถูกจุดด้วยไฟวิญญาณ

  

ตอนนี้ไม่ค่อยมีคนอยู่แล้วป่าช้าจึงได้รับการดูแลที่ไม่ดีนัก ดังนั้นไฟวิญญาณส่วนมากจึงดับไปแล้ว มีเพียงแค่ไม่กี่ดวงเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่

  

ในป่าช้าหมอกหนาขึ้นกว่าเดิมอุณหภูมิเองก็ลดลงเช่นกัน ลมนั้นแทบจะหยุดพัดไปเลย และมันก็ไม่มีเสียงอะไรทั้งสิ้น ในป่าช้านั้นเงียบมาก

  

เซลีนอาศัยอยู่ในเมืองที่คึกคักอย่างเมืองมอดไหม้มาตลอดทั้งปีพอมาเจอสถานที่ไร้ผู้คนแบบนี้ แน่นอนว่าเธอต้องไม่ชินกับมัน เธอไปซ่อนตัวอยู่ข้างหลังลิงค์

  

“เข้าไปกันเถอะ”ลิงค์กระซิบ เขาตั้งสมาธิจดจ่อไปที่ออร่าแห่งความมืดและเดินลึกเข้าไปในป่าช้า

  

หลังจากผ่านไปประมาณ150 ฟุต เซลีนก็ชี้ไปที่กระท่อมเล็กๆที่อยู่ข้างทาง “ดูนั่นสิ ตรงนั้นมีแสงไฟ ฉันคิดว่าผู้เฝ้าป่าช้าอาศัยอยู่ที่นี่นะ”

  

ลิงค์ล้มเลิกความคิดของเขาและเลี้ยวไปแน่นอนว่าเขาเห็นกระท่อมเล็กๆและแสงสีเหลืองอ่อนๆที่ทะลุผ่านหมอกออกมา

  

”ไปดูกันเถอะ”

  

ถ้าเกิดว่าเป็นผู้เฝ้าป่าช้าจริงๆพวกเขาก็จะได้เบาะแสของที่นี่เพิ่มเติม การเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่รู้จักนั้น เบาะแสเป็นสิ่งสำคัญมาก

  

กระท่อมอยู่ห่างออกไปประมาณ90 ฟุต ประตูถูกปิดอยู่ มีเพียงแค่แสงเท่านั้น และก็ไม่มีเสียงดังมาจากข้างในกระท่อมด้วย

  

พอเข้าไปใกล้หูของลิงค์ก็กระตุก เขาได้ยินเสียงหายใจแปลกๆ มันช้ามาก ช้ากว่าคนธรรมดา และยังมีเสียงสั่นระหว่างที่หายใจเข้าและหายใจออกอีกด้วยมันเหมือนกับว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นเสมหะอยู่

  

ลิงค์เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว“มีคนอยู่ข้างใน แต่ว่าเขาติดโรคไปแล้ว”

  

“หรอ?”เซลีนได้ฟังเรื่องโรคระบาดมาแล้ว แต่ว่ายังไม่เคยเจอคนติดเชื้อเลย เธอกลืนน้ำลายอย่างเป็นกังวลและถามขึ้น “พวกเรายังควรเข้าไปดูไหม?”

  

“เข้าสิมันไม่เป็นอันตรายหรอก”

  

ลิงค์ใช้มือแห่งนักเวทย์เปิดประตูประตูถูกเปิดออก และกลิ่นเน่าๆก็ฟุ้งออกมาโจมตีประสาทสัมผัสของพวกเขา

  

จากนั้นก็มีเสียงที่ไม่ใช่มนุษย์และมีเงาพุ่งออกมาหาลิงค์

  

มือแห่งนักเวทย์!

  

ผู้เฝ้าป่าช้าติดเชื้อไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่ว่าเขาอ่อนแอ เขาเป็นแค่นักรบเลเวล1 ลิงค์ใช้มือแห่งนักเวทย์ยกตัวเขาขึ้นมาได้อย่างง่ายดายและโยนเขากลับเข้าไปในกระท่อมทั้งๆที่ยังดิ้นอยู่

  

พอเข้าไปข้างในลิงค์ก็ร่ายอีกเวทย์นึง: กรงแห่งความมืด!

  

นี่เป็นเวทย์เลเวล3 ที่เขาเรียนตอนมีเวลาว่าง มันใช้พลังมังกรแค่ 10 แต้มและใช้ได้ผลมากๆกับพวกที่อ่อนแอ

  

พรึ่บโซ่สีเงินปรากฏขึ้นบนอากาศและเข้าไปรัดตัวเป้าหมาย ทำให้เขาขยับไม่ได้

  

จากนั้นลิงค์กับเซลีนก็จ้องไปที่เขา

  

ผู้เฝ้าป่าช้านั้นสวมผ้าคลุมนักบวชเขาน่าจะมีเลเวลน้อยที่สุดในโบสถ์แห่งแสง ผิวหนังของเขาเน่าเปื่อย แต่ว่าไม่มีหนอนอยู่ในบาดแผล เขาดูเหมือนกับโครงกระดูกที่มีเนื้อเน่าๆติดอยู่เลย

  

เซลีนไม่อยากมองอีกแล้วและเธอก็ปิดจมูกอยู่ด้วย กลิ่นมันแรงเกินไป

  

ลิงค์ใช้เวทย์ลมจิ๋วเพื่อระบายอากาศที่อยู่ในห้อง กลิ่นได้ถูกระบายออกไปเยอะ จากนั้นเขาก็เริ่มทำการสำรวจกระท่อม

  

ที่มาของแสงนั้นมาจากตะเกียงเวทมนตร์ที่โต๊ะเล็กๆตรงมุมห้องมีอุปกรณ์สำหรับเขียนและสมุดจดอยู่ ดวงตาของลิงค์เป็นประกาย จากนั้นเขาก็เดินไปอ่านสมุดจด

  

หลังจากผ่านไปซักพักเขาก็รู้ว่ามันคือบันทึกประจำวัน ส่วนใหญ่เป็นของผู้เฝ้าป่าช้า เขาได้จดบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นในป่าช้าอย่างละเอียด รวมถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกายเขาด้วย บันทึกจบลงเมื่อ 7 วันที่แล้ว

  

ผู้เฝ้าป่าช้านั้นจะต้องผ่านการฝึกจดบันทึกมาด้วยแน่ๆบันทึกของเขาสรุปได้ตรงประเด็นมาก แม้กระทั่งการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเขาก็ยังไม่มีความรู้สึกส่วนตัวเข้ามาปะปน เขาพยายามอย่างมากที่จะจดทุกรายละเอียดอย่างตรงไปตรงมา

  

ลิงค์อ่านอย่างละเอียดและเซลีนก็เดินเข้ามาหา

  

ส่วนที่สำคัญที่สุดนั้นมาจาก9 วันที่แล้ว

  

ในวันนั้นมีเด็กซนกลุ่มนึงได้เข้ามาเล่นซ่อนแอบที่นี่พวกเขาดูเป็นเด็กไม่ค่อยมีการศึกษา พวกเขาไปซ่อนตัวหลังหลุมศพของคนตาย ข้าเฝ้ามองอยู่ และหลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็หลงทางลึกเข้าไปในป่าช้า และข้าก็เห็นพวกเขาวิ่งออกมาอีกครั้ง พวกเขาวิ่งเร็วมาก หนึ่งในพวกเขาร้องไห้อยู่ด้วย ข้าคิดว่าพวกเขาน่าจะตกใจกลัวอะไรบางอย่าง ข้ารู้สึกสงสัย ดังนั้นก็เลยเข้าไปดู มีรูนมากมายที่ถูกเขียนด้วยเลือดอยู่ที่หลุมศพข้างในสุด ข้าเดินเข้าไปและรู้สึกว่าร่างกายของข้าสั่น มันเหมือนกับว่ากระดูกของข้าโดนต่อต่อย มันเจ็บมาก และข้าก็กลัวมาก ข้าไม่สามารถทนอยู่ตรงนั้นได้อีก หลังจากที่วิ่งกลับมาที่บ้าน ข้าก็รู้สึกป่วยเหมือนกับมีสิ่งชั่วร้ายบางอย่างเข้ามาสิงในร่างกายของข้า

  

ที่ท้ายสุดของบันทึกผู้เฝ้าป่าช้าได้วาดรูน 3 อันที่เขาจำได้เอาไว้

  

ลิงค์เขม่นตามองในทันที“นี่คือรูนเลือดที่พวกดาร์กเอลฟ์ชอบใช้ เป็นฝีมือของพวกมันจริงๆด้วย!”

  

เขาเปิดดูบันทึกที่เหลืออีก2 หน้า มันยุ่งเหยิงยิ่งกว่าเดิม สภาพจิตใจของเขาอยู่ในสภาพไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่ามันจะยุ่งเหยิง แต่เขาก็จดบันทึกการเปลี่ยนแปลงได้ละเอียดมาก

  

พออ่านจบทั้งเล่มลิงค์ก็ขมวดคิ้ว “อ้างอิงจากคำอธิบายพวกนี้ มันดูเหมือนกับเวทย์อันเดธเลเวล 3 “ลำแสงอันเดธ’ แต่ว่าคนพวกนี้ไม่มีพลังออร่าเลย เวทย์นี้จะต้องถูกปรับแต่งแน่ๆ ไปดูรูนเลือดกันเถอะ”

  

ลิงค์เก็บสมุดจดจากนั้นเขาก็กำลังจะเตรียมตัวออกจากกระท่อม ทันใดนั้นเองเขาก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ในขณะเดียวกัน เขาก็ได้ยินเสียงลมที่หน้าต่าง เหมือนกับลูกธนูหรืออะไรซักอย่าง เขาชักดาบราชามังกรพิโรธออกมาและฟันไปที่หน้าต่างโดยไม่คิดอะไรทั้งนั้น

  

ฉึกลิ้นสีแดงที่เต็มไปด้วยเมือกเหลวๆถูกตัดออกและกระเด็นไปที่โต๊ะ

  

มันยังคงมีชีวิตอยู่และดิ้นไปมาพร้อมกับปล่อยของเหลวกระจายไปทั่ว ทุกอย่างที่ของเหลวสัมผัสนั้นจะละลาย และกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่

  

ในเวลาเดียวกันนั้นเองเสียงร้องแหลมก็ดังมาจากข้างนอก เสียงมันเหมือนกับผู้หญิงและเสียงไม่ได้ไกลมาก ลิงค์มองเห็นเงาสีดำบินหายไปในหมอกสีขาว

  

ลิงค์พูดกับเซลีนในทันที“ไล่ตามเธอไปกันเถอะ มันคือสัตว์อัญเชิญจากนรก แซมโป้ จะต้องมีผู้อัญเชิญอยู่แถวนี้แน่ๆ!”

  

แซมโป้นั้นเป็นสัตว์จากภพอื่นที่เก่งกาจในการลอบโจมตีการโจมตีที่น่ากลัวที่สุดของมันก็คือพิษและลิ้นที่ทะลวงได้ทุกอย่าง มันน่ากลัวพอๆกับนักรบทั่วไป แต่สำหรับลิงค์นั้น มันก็เหมือนกับหนูที่เจอกับมังกร

 

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Descent of the God of Magic, DGM, 法神降临
Score 7.8
Status: Ongoing Type: Author: , , Released: 2016 Native Language: Chinese
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset