Alchemy Emperor of the Divine Dao – ตอนที่ 492

ทักษะกายาเก้ามังกรทรราช

“นายท่านรูปแบบอาคมวิญญาณ เรื่องแบบนั้นมันเป็นไปได้ด้วยงั้นหรือ?” ช่าวเทียนจื้อพูดออกมาอย่างเย็นชา เขาเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งเมื่อสองรุ่นที่แล้ว และเท้าข้างหนึ่งเหยียบอยู่บนระดับบุปผาผลิบาน พลังของเขาค่อนข้างน่าสะพรึงกลัวและเขาเองก็เป็นคนที่ค่อนข้างทะนงตัวทีเดียว

รูปแบบอาคมวิญญาณเหลือบมองเขาและพูดอย่างสุภาพว่า “เจ้ากำลังสงสัยนายท่านผู้นี้?”

“นายท่านรูปแบบอาคมวิญญาณไม่คิดว่ามันน่าสงสัยอย่างนั้นหรือ?” ช่าวเทียนจื้อกล่าว

“อำนาจของนายท่านผู้นี้ไม่อนุญาตให้ข้าท้าทาย!” รูปแบบอาคมวิญญาณกล่าวอย่างเย็นชาและสะบัดมือไปที่ช่าวเทียนจื้อ ทันใดนั้น พยัคฆ์ขาวยักษ์ตัวหนึ่งได้ปรากฏออกมาจากอากาศและกระโจนเข้าใส่ช่าวเทียนจื้อ

ในขณะที่พยัคฆ์ขาวปรากฏตัวออกมา ทุกคนรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นอันไร้ที่สิ้นสุดและหวาดกลัวที่จะเผชิญหน้ากับมันจากส่วนลึกของวิญญาณพวกเขา มันแข็งแกร่งเกินไปถึงขั้นไม่อาจหยั่งรู้ได้

ช่าวเทียนจื้อเองก็รู้สึกตกใจมาก และไม่คิดเลยว่ารูปแบบอาคมวิญญาณจะโจมตีมัน มันจึงไม่มีข้อสงสัยอะไรทั้งสิ้นแล้วนำม้วนคำสั่งของจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณออกมาและโยนมันใส่พยัคฆ์ขาว

ปัง ม้วนคำสั่งเผาไหม้และกลายเป็นอีแร้งเหมันตร์ เมื่อมันกระพือปีกใส่พยัคฆ์ขาว ทำให้มันถูกพัดไปตามสายลมที่หนาวเหน็บ

อย่างไรก็ตาม พยัคฆ์ขาวเพียงแค่อ้าปากของมันและกลืนกินอีแร้งเหมันตร์เข้าไปทั้งตัว โดยที่ไม่แม้แต่จะกัดและช่าวเทียนจื้อเองก็หายไปในปากของมันด้วยเช่นกัน

อึก!

เสียงของทุกคนหายไปทันที นั่นเป็นถึงม้วนคำสั่งของจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณ แต่พยัคฆ์ขาวกับกลืนกินการโจมตีได้อย่างง่ายดาย แล้วความแข็งแกร่งของมันจะน่าสะพรึงกลัวขนาดไหน? ไม่แปลกที่ทุกคนต้องการมรดกของสถานที่แห่งนี้ เพียงแค่รูปแบบอาคมวิญญาณก็แข็งแกร่งขนาดนี้แล้ว และถ้าใครได้รับมรดกที่แท้จริง คนผู้นั้นจะแข็งแกร่งขึ้นแค่ไหนกัน?

รูปแบบอาคมวิญญาณเรียกพยัคฆ์ขาวกลับ และพูดกับทุกคนอย่างไม่แยแสว่า “ยังมีใครคนใดที่ยังสงสัยนายท่านผู้นี้อีกหรือไม่?”

ทุกคนรีบส่ายหัวของตัวเองพร้อมกัน แม้ว่ารูปแบบอาคมวิญญาณจะจงใจปกปิดมันไว้ แล้วใครจะกล้าคัดค้าน? ในโลกใบนี้ ใครก็ตามที่แข็งแกร่งที่สุดจะเป็นคนตัดสินใจ การร้องเรียนคือพฤติกรรมของผู้อ่อนแอ

รูปแบบอาคมวิญญาณไม่ได้พูดว่าใครสองอันดับแรกคือใครและจ้องมองไปที่ฮูหนิวอยู่หลายครั้ง ทั้งสามคนข้างในค่อนข้างแปลกประหลาด พวกเขาทั้งสามเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและยากที่จะเข้าใจ

มีเพียงแค่เด็กสาวตัวน้อยนี่คนเดียวเท่านั้นที่ไม่สามารถพาสัมผัสสวรรค์ของนางเข้าไปได้ นั่นเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

ภายในพื้นที่ทางจิต หลินฮันและคนอื่นรู้ว่าพวกเขาอยู่สามอันดับแรกและเต็มไปด้วยความคาดหวัง

พวกเขาจะได้รับรางวัลตอบแทนอะไร?

“หลงไหเชวียน เจ้าคืออันดับสามของการทดสอบในครั้งนี้ นี่คือทักษะลับสามทักษะ เจ้าสามารถเลือกมันได้หนึ่งทักษะ” รูปแบบอาคมวิญญาณปรากฏตัวอยู่ด้านข้างของหลงไหเชวียนก่อนเป็นคนแรก

พรวด!

หลงไหเชวียนสำลักออกมาทันที

ตอนแรกมันมั่นใจมากว่ามันจะต้องเป็นอันดับหนึ่งอย่างแน่นอน มันต่อสู้กับระดับบุปผาผลิบานได้ทั้งที่มันเป็นระดับแก่นแท้จิตวิญญาณ แต่กลับเป็นอันดับสาม นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน? มีใครบนโลกที่สามารถเทียบกับมันได้บ้าง? อย่างไรก็ตาม มันเป็นได้แค่อันดับสามจริงๆงั้นรึ?

‘บัดซบ! เป็นไปไม่ได้!’่

“มันเกิดข้อผิดพลาดอะไรหรือไม่ ข้าได้แค่อันดับสามงั้นรึ?” หลงไหเชวียนกล่าวอย่างไม่พอใจ แต่รู้สึกไม่เชื่อมากยิ่งกว่า

ความโกรธของรูปแบบอาคมวิญญาณยังไม่หายไป และเมื่อหลงไหเชวียนท้าทายมัน ความโกรธของมันจึงปะทุออกมาทันทีอีกครั้งและพุ่งออกไปเพื่อทุบตีมันอย่างโหดเหี้ยม หลังจากที่ทุบตีหลงไหเชวียน มันได้โยนลูกบอลแสงไปที่หัวของหลงไหเชวียนและจมลงไป

“ออกไป!” มันเตะหลงไหเชวียน ทำให้สัมผัสสวรรค์ของมันกลับเข้าสู่ร่างและกระแทกเข้ากับห้อง

“อ๊ากกกก!” หลงไหเชวียนกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น เมื่อสัมผัสสวรรค์ของมันกลับมา มันก็รู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย ราวกับว่ามันถูกทุบตีจริงๆ อย่างไรก็ตาม มันก็ค้นพบว่าทุกคนต่างจ้องมองมาที่มันอย่างโหดเหี้ยม มันจึงรีบกระโดดเข้าไปในโลงศพสามชีวิตทันที

ในฐานะที่มันเป็นคนหยิ่งยโส แต่มันก็ไม่กล้ายั่วยุจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานสิบห้าคนที่อยู่ที่นี่

“ม่ายยยยยยย!” ในไม่ช้ามันก็ตะโกนร้องออกมาด้วยความโศกเศร้า เพราะทักษะลับที่มันได้มานั้นคือเคล็ดลับสกัดเม็ดยา!

บัดซบ!

มันไม่ใช่นักปรุงยา แต่มันกลับมอบเคล็ดลับสกัดเม็ดยาให้กับมัน?

มันเป็นความคิดของตัวมันเองที่กล้าท้าทายรูปแบบอาคมวิญญาณ และไม่มีอะไรที่มันสามารถคัดค้านได้

รูปแบบอาคมวิญญาณปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง แต่ปรากฏตัวกับหยานเทียนจ้าว

“หยานเทียนจ้าว เจ้าคืออันดับสองของการทดสอบในครั้งนี้ นี่คือเม็ดยาสามประเภท เจ้าสามารถเลือกมันได้หนึ่งอย่าง” มันพูดเกือบจะเหมือนเดิม แต่รางวัลตอนแทนนั้นเปลี่ยนไป

“นี่มันอะไรกัน!?” หยานเทียนจ้าวยืนขึ้นด้วยความตกใจ มันเอาชนะฝ่ายตรงข้ามที่เป็นถึงระดับบุปผาผลิบานที่มีพลังต่อสู้ยี่สิบดาวได้ทั้งที่เป็นจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณ นี่ถือเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มากแล้ว มันครอบครองความทรงจำของพระเจ้า และต่อสู้กับสัมผัสสวรรค์ แต่มันก็ยังไม่ได้รับอันดับหนึ่ง?

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่มันทำมานั้นกลับไม่ได้รับอันดับหนึ่ง แล้วมันจะทำใจเชื่อได้อย่างไร?

“อะไร เจ้าเองก็สงสัยนายท่านผู้นี้ได้งั้นรึ?” รูปแบบอาคมวิญญาณกล่าวอย่างดุเดือด ดูเหมือนว่ามันจะลงไม้ลงมืออีกแล้ว

“ข้ามิกล้า!” หยานเทียนจ้าวเป็นคนที่มีเหตุผล มันรู้ดีว่ารูปแบบอาคมวิญญาณนี่มีอำนาจมากแค่ไหน

“ดีมากที่เจ้าไม่กล้า จงรีบเลือกรางวัลของเจ้าเสีย!” รูปแบบอาคมวิญญาณกล่าวอย่างเย็นชา มันมีลูกบอลแสงสามลูกอยู่บนมือของมัน ซึ่งแต่ละลูกบรรจุเม็ดยาอยู่ด้านใน

ในไม่ช้า รูปแบบอาคมวิญญาณก็ปรากฏขึ้นอยู่ที่ที่หลิงฮันอยู่

“หลิงฮัน เจ้าคืออันดับหนึ่งของการทดสอบในครั้งนี้ นี่คือทักษะลับสามทักษะ เจ้าสามารถเลือกได้หนึ่งทักษะ” รูปแบบอาคมวิญญาณกล่าว รางวัลตอบแทนนั้นเปลี่ยนไปอีกครั้ง

หลิงฮันเผยรอยยิ้มออกมาและตั้งคำถามออกไปแทน “ผลการต่อสู้ของอันดับสองและอันดับสามเป็นเช่นไร?”

“ทั้งสองคนเป็นจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณ ซึ่งเอาชนะระดับบุปผาผลิบานห้าดาวและยี่สิบดาวได้ตามลำดับ” รูปแบบอาคมวิญญาณกล่าว

หลิงฮันอดที่จะรู้สึกตกใจไม่ได้ มีคนที่แข็งแกร่งแบบนั้นอยู่ด้วย? ไม่ บางที่พวกมันอาจจะเป็นเหมือนเขาที่ใช้ช่องโหว่ของการทดสอบ

“จงรีบเลือกเสีย!” รูปแบบอาคมวิญญาณค่อนข้างใจร้อนทีเดียว

หลิงฮันมองไปที่ลูกบอลแสงทั้งสามลูกบนมือของมันและพูดว่า “แล้วไหนทักษะลับสามประเภท?”

“วางลูกบอลแสงบนหน้าผากของเจ้าเพื่อดูทักษะลับที่อยู่ภายใน หากไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของเจ้า เจ้าจะไม่มีสิทธิ์ดูทักษะลับทั้งสาม” รูปแบบอาคมวิญญาณกล่าว

หลิงฮันทำตามที่มันบอกและเผยสีหน้าตกใจออกมาทันที

ทักษะลับทั้งสามนี่ล้วนแต่เป็นอัญมณี!

“รูปแบบอาคมมายาสวรรค์” “เคล็ดลับปรุงยาร้อยแปดวิถี” และ “ทักษะกายาเก้ามังกรทรราช” มันมีทั้งรูปแบบอาคม เคล็ดลับปรุงยาและทักษะวรยุทธ

หลิงฮันดูที่บทนำ ทั้งสามล้วนแต่เป็นระดับพระเจ้า!

เขาลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะตัดสินใจและเลือก “ทักษะกายาเก้ามังกรทรราช”

เขาเพิ่งเริ่มเรียนรู้รูปแบบอาคม มันเป็นเพียงแค่ความสามารถเสริมเท่านั้นและไม่ได้โดดเด่นกว่าศาสตร์วรยุทธ สำหรับศาสตร์ปรุงยา เขายังมีเวลาอีกนานก่อนที่จะทะลวงผ่านระดับทลายมิติและกลายเป็นพระเจ้า ดังนั้นสูตรเม็ดยาระดับพระเจ้าจะมีความหมายอะไร?

ดังนั้น เขาจึงเลือกทักษะวรยุทธ

ทักษะกายาเก้ามังกรทรราชเป็นทักษะเสริมแกร่งให้กับร่างกาย และเมื่อมันถึงจุดสูงสุด กล้ามเนื้อจะเป็นดั่งพระเจ้าและมีพละกำลังดั่งมังกรที่แท้จริงเก้าตัว!

มังกรที่แท้จริงคือหนึ่งในสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสัตว์อสูรในตำนาน หากครอบครองความแข็งแกร่งกายภาพของมังกรที่แท้จริงเก้าตัว…มันจะน่าสะพรึงกลัวแค่ไหน? อย่างไรก็ตาม ทักษะกายาเก้ามังกรทรราชนี่บ่มเพาะได้ยากมาก อย่างมากอาจครอบครองพลังของพลังกรที่แท้จริงสามตัวเท่านั้น

“ขี้เหนียวยิ่งนัก ทำไมถึงเลือกได้แค่หนึ่งในสาม?” หลิงฮันคัดค้าน

“มันยังมีการทดสอบอีกสองรอบ และถ้าเจ้าสามารถเป็นอันดับหนึ่งได้ทั้งสองรอบ เจ้าจะมีโอกาสที่จะได้รับมัน” รูปแบบอาคมวิญญาณกล่าวอย่างไม่แยแส และวางลูกบอลแสงบนหัวของหลิงฮัน ทันใดนั้น แสงของตัวอักษรทองคำได้หลั่งไหลเข้ามาในร่างกายของเขาและรวมเป็นหนึ่งกับเขา

“ไปได้แล้ว!” รูปแบบอาคมวิญญาณเตะหลิงฮันออกไปเช่นเดียวกัน

หลิงฮันไม่ได้ตอบโต้ สัมผัสสวรรค์ของเขาเต็มไปด้วยทักษะกายาเก้ามังกรทรราช และกลายเป็นความทรงจำให้กับเขา แต่ทว่าตัวอักษรลึกลับพวกนั้นยากที่จะทำความเข้าใจ แม้แต่เขาก็ยังรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย

ตอนที่ 492.2 อีแร้งเพลิงสีคราม

ปัง สัมผัสสวรรค์ของหลิงฮันกลับเข้าร่าง

ทุกคนจ้องมองไปที่หลิงฮัน เขาเป็นคนที่ออกมาเป็นคนสุดท้าย หรือว่าเขาจะเป็นอับดับหนึ่งในการทดสอบครั้งนี้?

อันดับสามมีพลังต่อสู้ระดับบุปผาผลิบานห้าดาว เช่นนั้นเขามีพลังต่อสู้มากแค่ไหนกัน? แต่ทว่าจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณจะเหนือก้าวคนที่ก้าวข้ามความเป็นมนุษย์ไปแล้วได้อย่างไร?

“ปรมาจารย์หลิง ท่านได้รับสมบัติอะไรมาอย่างนั้นหรือ?” จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานคนหนึ่งถาม

นี่ควรจะเป็นความลับส่วนตัวที่ไม่ควรถามถึง แต่มันใช้ประโยชน์จากระดับพลังที่สูงกว่าจึงกล้าถาม ยิ่งไปกว่านั้น นี่ยังเป็นเพราะมันกังวลตัวตนของนักปรุงยาระดับสวรรค์ของหลิงฮันอยู่ มิฉะนนั้นมันคงจะปล้นเขาไปแล้ว

หลิงฮันจ้องมองมันและพูดว่า “ทำไมข้าจะต้องบอกเจ้าด้วย?”

จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานคนนั้นสำลักน้ำลายของตัวเอง และสีหน้าของมันเปลี่ยนไปอย่างมากราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ ยังไงก็ตาม หลิงฮันเป็นนักปรุงยาระดับสวรรค์ เมื่อคำนึงถึงสถานะของเขาแล้ว หลิงฮันเหนือกว่าตัวมันมาก ดังนั้นถ้าหลิงฮันด่าทอมัน มันสามารถทำอะไรได้บ้าง?

คนที่ไม่เกรงกลัวต่อนักปรุงยาระดับสวรรค์ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่การแสดงออกอย่างรุนแรงนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

สายตาของมันกลายเป็นหนาวเย็นและเต็มไปด้วยจิตสังหาร ตราบใดที่หลิงฮันอยู่ลำพังหรือเมื่อใดที่ไม่มีจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานอยู่ข้างหลังเขา มันจะเข้าไปแย่งชิงสมบัติและฆ่าพยยานรู้เห็นทั้งหมด

แม้หลิงฮันจะเป็นนักปรุงยาระดับสวรรค์ แต่ตอนนี้เขาอยู่ในเขตแดนลี้ลับ ความอยู่รอดของเขานั้นต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง!

หลิงฮันปล่อยจิตสังหารของเขาออกมาและยิ้มอย่างหนาวเย็น ด้วยจิตวิญญาณสองธาตุจากห้าธาตุที่เขาครอบครอง เขาจำเป็นต้องกลัวฝ่ายตรงข้ามที่เป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานหรือไม่? ถ้าเขามีเย่วไค่หยู่นำม้วนคำสั่งออกมาใช้อีกม้วน กระทั่งสังหารมันก็ย่อมทำได้!

บางคนรู้สึกยินดี บางคนรู้สึกเกลียดชัง หลงไหเชวียนดูมืดมนกว่าเล็กน้อยเพราะมันท้าทายรูปแบบอาคมวิญญาณเลยไม่มีโอกาสที่จะเลือกของรางวัลจึงได้รับเคล็บลับปรุงยามา แม้ว่าสิ่งที่ถูกเขียนไว้ล้วนแต่เป็นสูตรเม็ดยาระดับสวรรค์ แต่มันจะมีประโยชน์อะไรกับมัน?

ส่วนหยานเทียนจ้าวโชคดีกว่ามาก มันได้รับเม็ดยาล้ำค่า ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้มันทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบาน ดังนั้น มันจึงจับตามองไปที่หลิงฮันและเชื่อว่าทักษะลับที่หลิงฮันได้รับมานั้นจะต้องมีค่ามากกว่าอย่างแน่นอน

จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานต่างจ้องมองไปที่หลิงฮัน หยานเทียนจ้าวและหลงไหเชวียน พวกมันต้องการสมบัติที่พวกเขาได้รับมา และต้องการล่วงรู้ความลับของพวกเขาทั้งสามคนว่าทำไมถึงต่อสู้กับฝ่ายตรงกับที่เป็นระดับบุปผาผลิบานได้ทั้งที่เป็นแค่จอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณ

เมื่อรูปแบบอาคมวิญญาณปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง พวกเขาก็ถูกส่งไปยังทุ่งหญ้าและที่ราบที่มีสัตว์อสูรน่าสะพรึงกลัววิ่งพล่านอยู่ ที่แห่งนี้คือการทดสอบรอบที่สอง กฎมีความคล้ายคลึงกัน สามอันดับแรกจะได้รับรางวัล แต่การทดสอบนี่ไม่ได้วัดระดับพลังต่อสู้

พวกเขาทั้งหกคนออกเดินทาง หลิวอู๋ตงและคนอื่นนั้นต่างก็อยากรู้อยากเห็นว่าหลิงฮันได้รับสมบัติอะไรมา หลิงฮันบอกพวกเขาเกี่ยวกับทักษะกายาเก้ามังกรทรราช ทำให้พวกเขาทุกคนรู้สึกอิจฉาเป็นอย่างยิ่ง เพียงแค่ชื่อของมันก็ฟังดูน่าเกรงขามแล้ว

“ฮูหนิว ทำไมเจ้าถึงไม่ติดสามอันดับแรก?” หลิงฮันรู้สึกว่ามันแปลกมาก ด้วยพลังต่อสู้ของฮูหนิว มันเป็นไปได้มากว่านางสามารถกัดระดับบุปผาผลิบานตายได้

“หนิวไม่รู้เหมือนกัน หนิวเข้าไปไม่ได้” ฮูหนิวตอบกลับ

ช่วยไม่ได้ที่หลิงฮันจะรู้สึกแปลกใจ ฮูหนิวไม่ได้เข้าร่วมการทดสอบ ไม่ใช่ว่ามันเป็นเพราะฮูหนิวไม่ได้เข้าบ้านลั่งนั้น แต่เป็นเพราะรูปแบบอาคมวิญญาณนั้นไม่สามารถแยกสัมผัสสวรรค์ออกมาจากตัวนางได้ ดังนั้นนางจึงไม่ได้รับการทดสอบ

หืม แม้แต่รูปแบบอาคมระดับพระเจ้าก็ยังไม่สามารถแยกดวงวิญญาณของฮูหนิวออกมาได้ นี่เป็นเรื่องที่แปลกมาก!

ไม่แปลกที่แม้แต่ศิลาแห่งความสับสนวุ่นวายก็ไม่สามารถทำให้นางได้รับผลกระทบ

“นายน้อยฮัน การเดินทางของพวกเราจะไม่ราบรื่นหรอกใช่ไหม?” ชางเย่ถาม

“แน่นอนว่าไม่!” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม เขาหยุดพูดชั่วครู่แล้วพูดต่อว่า “แปลกแฮะ ทำไมข้าถึงไม่เห็นเหวินอีเจี้ยน?”

“บางที่เขาอาจวิ่งไปที่ไหนสักแห่ง”

“หรืออาจพบกับสัตว์อสูรและตายไปแล้ว!” เย่วไค่หยู่พูดออกมาด้วยความชั่วร้าย ชายคนนั้นหล่อเหลาเกินไปถึงขั้นทำให้ผู้คนอิจฉา

หลิงฮันหัวเราะลั่น เขาส่ายหัวและพูดว่า “เหวินอีเจี้ยนไม่ใช่คนที่มีอายุสั้น คนอย่างเขามีความเป็นไปได้มากที่จะกลายเป็นพายุลูกใหม่ในอนาคต! เขาไม่อยู่ที่นี่เพราะเขาอาจได้รับโอกาสอื่นอยู่”

ทันใดนั้นหลิงฮันเริ่มคิดว่า ทำไมเหวินอีเจี้ยนถึงมาที่ภูมิภาคเหนือ เป็นไปได้ไหมที่เขามาเพียงแค่เพื่อชมความงดงามของจูเสวี่ยนเอ๋อ? อัจฉริยะอย่างเหวินอีเจี้ยนแน่นอนว่าไม่มีทางเดินทางกว่าหมื่นไมล์เพียงเพราะเขาได้ยินความงดงามของนาง

แล้วมันคงจะเป็นเรื่องบังเอิญเกิดไปที่เขามาในตอนที่สิบสองเขตแดนลี้ลับกำลังเปิด?

ทันใดนั้นความคิดบางอย่างได้ผุดขึ้นมา เขาคาดเดาว่าบางทีเหวินอีเจี้ยนเองก็อาจมีกุญแจเหมือนกัน!

ด้วยเหตุนั้น เหวินอีเจี้ยนจึงข้ามภูมิภาคมาเพียงลำพังเพราะกลัวว่าความลับของเขาจะถูกล่วงรู้ทำให้ฝ่ายตรงข้ามมีโอกาสที่จะช่วงชิงมันไป นั่นเป็นเพราะเขาเป็นเพียงแค่จอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณขั้นเก้าเท่านั้น

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงแค่การคาดเดา แต่หลิงฮันมั่นใจมากทีเดียวว่าจะต้องเป็นแบบนั้น

เมื่อออกจากเขตเมือง ทุ่งหญ้าและภูเขาก็ปรากฏขึ้น ต้นไม้สูงร้อยกว่าเมตรสามารถมองเห็นได้ทุกที่ทั้งยังมีหลากสีและสดใส ราวกับช่อดอกไม้ที่บานสะพรั่ง

อย่างไรก็ตาม ภูเขาและป่านั้นแน่นอนว่าย่อมไม่ใช่พื้นที่ที่ปลอดภัย

…บางทีอาจมีสัตว์อสูรระดับตัวอ่อนวิญญาณอยู่ที่นี่ และถ้าพวกเขาเผชิญหน้ากับมันเข้า ชะตาของพวกเขาคงจะถึงฆาตแล้ว

“ระวังให้ดี พวกเราอาจไม่เจอสัตว์อสูรที่นี่ แต่อาจเจอโจรระดับบุปผาผลิบานเข้า” หลิงฮันพูด

ทุกคนพยักหน้าและกลายเป็นระมัดระวังและเคร่งขรึม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเย่วไค่หยู่ เขาถือม้วนคำสั่งของจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณอยู่ในมือและดูเหมือนพร้อมที่จะปาออกไปทุกเมื่อถ้ามีใครกล้าปรากฏตัวออกมา

ผู้คนแยกกันออกไปก่อนที่จะเข้าไปในป่า นี่คือภายในเขตแดนลี้ลับ ใครจะเชื่อใจคนอื่นได้อย่างง่ายดายถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิท? แล้วถ้าพวกเขาถูกแทงจากด้านหลังจะเป็นเช่นไร ใครจะร้องไห้ให้กับพวกเขา?

“ก๊า ก๊า ก๊า…” เสียงนกร้องไม่หยุดดังไปทั่วป่า และอาจเป็นนกตัวใหญ่บินอยู่บนท้องฟ้าเป็นบางครั้ง ปีกของพวกมันกางออกมามีความยาวมากกว่าร้อยฟุตและมีขนเหมือนกับดาบ บางตัวไม่มีขนเลยก็มี แต่กลับมีเกล็ดสีดำยื่นออกมาให้ความรูปสึกเหมือนเหล็กเย็น

พวกเขาเห็นอีแร้งฟ้ากำลังจับกระทิงราวกับกำลังจับลูกไก่

กระทิงดำเกล็ดแดง! เมื่อทุกคนเห็น พวกเขาต่างอ้าปากด้วยความตกใจ เพราะกระทิงดำเกล็ดแดงนั้นเป็นสัตว์อสูรระดับตัวอ่อนวิญญาณ แต่ทว่าตอนนี้มันกลับถูกอีแร้งฟ้าจับได้อย่างง่ายดาย เช่นนั้นอีแร้งฟ้านั้นเป็นอสูรระดับใดกัน?

หลิงฮันต้องมองอย่างเคร่องเครียด อีแร้งฟ้านั่นเป็นสัตว์อสูรระดับก้าวสู่เทว่าที่มีชื่อว่าอีแร้งเพลิงสีคราม มันสามารถพ่นเปลวเพลิงสีฟ้าออกมาได้ และถึงขั้นหลอมละลายเหล็กหายากระดับแปดได้

ใช่แล้ว มันเป็นราชาในหมู่สัตว์อสูร สัตว์อสูรระดับก้าวสู่เทวาทั่วไปนั้นแน่นอนว่าไม่มีพลังที่น่าสะพรึงกลัวแบบนั้น

ถ้าอีแร้งเพลิงสีครามปล่อยการโจมตีใส่พวกเขา แน่นอนว่าเขาจะต้องพาทุกคนเข้าไปในหอคอยทมิฬ ส่วนเย่วไค่หยู่และจูเสวี่ยนเอ๋อนั้นเขาไม่อาจพาเข้าไปได้

…เย่วไค่หยู่ปากสว่างเกินไป ส่วนจูเสวี่ยนเอ๋อยังไม่ได้รับความไว้วางใจจากเขา ดังนั้นพวกเขาทั้งสองคนจึงไม่ล่วงรู้ตัวตนของหอคอยทมิฬได้

โชคดีที่อีแร้งเพลิงสีครามเพียงแค่จ้องมองพวกเขาด้วยสายตาหนาวเย็นแล้วบินจากไปราวกับพวกเขาเป็นสัตว์เลื้อนคลานที่ไม่อาจดึงดูดความสนใจของมันได้

ตอนที่ 492.3 ขโมยไข่

พวกเขาทั้งหกคนไม่กล้าที่จะประมาท มันอันตรายเกินไปเพราะที่นี่มีสัตว์อสูรที่ทรงพลังมากมายที่สามารถฆ่าพวกเขาได้เป็นร้อยครั้ง แต่เมื่อคิดถึงโอกาสที่พวกเขาจะได้รับนั้นแทบจะไม่มี

ยิ่งไปกว่านั้น นี่เองก็เป็นโอกาสที่หายากที่จะทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น การมีชีวิตอยู่ระหว่างความเป็นและความตายนั้นจะทำให้ระดับพลังของจอมยุทธก้าวหน้าขึ้น

โชคของพวกเขาไม่ได้เลวร้ายนัก พวกเขาไม่เจอกับสัตว์อสูรที่ทรงพลังเลย จนกระทั่งครึ่งวันต่อมาสัตว์อสูรตัวหนึ่งได้ปรากฏออกมา มันมีความสูงเกือบสิบฟุต ขนของมันดำเงาเป็นประกาย มันมีขาสี่ขาและมีหางสามหางเหมือนกับไม้เท้า

อย่างไรก็ตาม หัวของมันกลับเป็นงู และแลบลิ้นแผล็บแผล็บ ลิ้นของมันมีความยาวประมาณหนึ่งฟุต และแยกออกเป็นสองแฉกเหมือนกับง้าว

“ระดับบุปผาผลิบาน!” ทุกคนสูดลมหายใจอย่างหนาวเย็น

โดยที่ไม่พูดอะไรออกมา หลิงฮันเรียกอสูรศิลาออกมา สัตว์อสูรนี่ไม่ใช่บททดสอบสำหรับพวกเขา แต่มันปรากฏตัวออกมาเพื่อเอาชีวิตของพวกเขา

“โฮกกกก!” อสูรศิลาคำรามใส่สัตว์อสูรหัวงู มันไม่รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย

สัตว์อสูรหัวงูเผยท่าทีหวาดกลัวออกมาเล็กน้อย มันไม่ใช่ราชาในหมู่สัตว์อสูร ดังนั้นแม้ว่าระดับพลังของมันจะสูงกว่าอสูรศิลาอย่างเห็นได้ชัด แต่มันก็ยังคงแสดงความลังเลออกมาและไม่กล้าโจมตีผลีผลาม

“ว้าว หินยักษ์!” ฮูหนิวเบิกตากว้าง มันเป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นอสูรศิลา จากนั้นนางกระโดดขึ้นไปอยู่บนหัวของอสูรศิลาทันที และชี้ไปที่สัตว์อสูรหัวงูและพูดว่า “วิ่ง วิ่ง วิ่ง หนิวต้องการกินเนื้อของมัน โค่นสัตว์อสูรตัวใหญ่นั่นเลย!”

อสูรศิลารู้สึกโกรธ นอกจากหลิงฮันแล้ว มันดูถูกเหยียดหยามทุกคน แล้วใครจะสามารถขี่หัวของมันได้? จิตวิญญาณของธาตุทั้งห้านั้นมีความภาคภูมิใจที่เป็นจิตวิญญาณของธาตุทั้งห้า ในตอนนั้น แม้มันจะตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ แต่มันก็ยังไม่ยอมแพ้ต่อหลิงฮัน ซึ่งมันเป็นหอคอยทมิฬที่ทำให้มันยอมจำนน ดังนั้นเด็กสาวตัวน้อยนี่คืออะไร?

มันกำลังจะระบายความโกรธออกมา แต่แล้วมันก็ต้องตกใจขณะที่มันรู้สึกได้ถึงตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวจากฮูหนิว และกลายเป็นเชื่อฟังทันทีอย่างกับสุนัขแล้วคำรามออกมาเสียงดังขณะพุ่งเข้าหาสัตว์อสูรหัวงู

“ตีมัน ตีมัน ตีมันเลย!” ฮูหนิวประมือและหัวเราะขณะที่นางออกคำสั่ง

หลิงฮันรู้สึกว่ามันแปลก อสูรศิลาเชื่อฟังฮูหนิว…หรือว่าสมองของมันจะอัดแน่นไปด้วยหิน?

สัตว์อสูรหัวงูต่อสู้กับอสูรศิลาหลายยกและเริ่มหลบหนี มันได้รับประสบการณ์อันทรงพลังและความสามารถในการฟื้นฟูที่น่าสะพรึงกลัว มันไม่อาจเทียบกับฝ่ายตรงข้ามได้แม้แต่น้อย ดังนั้นมันจึงทำได้แค่หลบหนีเท่านั้น

“อย่าปล่อยให้มันหนี วิ่งตามมันไป!” ฮูหนิวออกคำสั่งให้อสูรศิลาวิ่งตาม

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นไม่นาน อสูรศิลาก็พาฮูหนิวกลับ ทำให้เด็กสาวตัวน้อยหน้าบูดบึ้งและด่าทออสูรศิลาว่า “ใช้การไม่ได้เลย เจ้าปล่อยให้เนื้อของฮูหนิวต้องบินจากไป ถ้าเจ้าไม่เป็นหิน หนิวคงจะกินเจ้าไปแล้ว!”

อสูรศิลาไม่มีข้อแก้ตัวและทำได้เพียงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

“เป็นหุ่นเชิดที่ทรงพลังยิ่งนัก!” จูเสวี่ยนเอ๋อที่ไม่รู้ความจริงอุทานออกมา นี่เป็นหุ่นเชิดระดับบุปผาผลิบาน! นางหันไปมองหลิงฮันและกล่าวชื่นชมอย่างเป็นธรรมชาติว่า “นายน้อยฮันได้พิสูจน์ให้เห็นว่าท่านเป็นอัจฉริยะ ราชันนักปรุงยา รวมถึงปรมาจารย์ด้านรูปแบบอาคม เสวี่ยนเอ๋อรู้สึกประทับใจมาก!”

ฮูหนิวรู้สึกไม่พอใจและพูดว่า “หินยักษ์ ทุบตีผู้หญิงน่าเกลียดคนนั้นซะ!”

อสูรศิลาเผยท่าทีชั่วร้ายออกมาทันทีและจ้องมองไปที่จูเสวี่ยนเอ๋อ

หลิงฮันรีบพูดให้มันหยุดและพูดว่า “หยุดซนได้แล้ว!”

ฮูหนิวเริ่มเล่นนิ้วของตัวเองและพูดพึมพัมว่า “หนิวไม่ได้ซุกซน แต่หนิวจริงจัง” จูเสวี่ยนเอ๋อสั่นด้วยความกลัวและไม่คิดว่าเด็กสาวตัวน้อยนี่จะเป็นคนที่ขี้อิจฉาขนาดนั้น

อสูรศิลายังคงเชื่อฟังหลิงฮันมากกว่า นั่นเป็นเพราะหลิงฮันเป็นเจ้านายของมัน หลิงฮันคิดขึ้นมาได้ว่าไม่เก็บอสูรศิลายักษ์เข้าไปในหอคอยทมิฬจะดีกว่า สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยอัตราย แม้แต่สัตว์อสูรระดับตัวอ่อนวิญญาณก็อาจปรากฏตัวออกมา ดังนั้นมันคงจะดีกว่าถ้าปล่อยให้อสูรศิลาคุ้มกันอยู่ด้านนอก

พวกเขาเดินออกไปได้อีกสักพักหนึ่ง ต้นไม้ขนาดยักษ์ได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขา รากของมันใหญ่ขนาดร้อยคนโอบ และมีความสูงหลายร้อยฟุต อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แปลกคือมันแทบจะไม่มีกิ่งไม้เกือบจะมีเพียงแค่ลำต้นเหมือนกับเสา ส่วนกิ่งไม้ที่ยื่นออกมานั้นเล็กมาเหมือนกับขน ซึ่งดูไม่สดุดตาเลยแม้แต่น้อย

ด้านบนสุดของต้นไม้มีบางอย่างที่คล้ายมงกุฎขนาดใหญ่อยู่ แต่เมื่อจ้องมองอย่างใกล้ชิด มันไม่ใช่มงกุฎ แต่เป็นรังนก!

พระเจ้า รังนกใหญ่ยักษ์อะไรเยี่ยงนี้!

หลิงฮันใช้เนตรแห่งสัจธรรม หลังจากที่มอง เขาก็ดูประหลาดใจและพูดว่า “มันมีไข่อยู่ในรังนก และจากลวดลายบนเปลืองไข่ มันน่าจะเป็นไข่ของอีแร้งเพลิงสีคราม และอีแร้งเพลิงสีครามก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย!”

เย่วไค่หยู่อ้าปากกว้างและพูดว่า “นายน้อยฮัน ท่านคงไม่ได้คิดที่จะขโมยไข่ของมันหรอกใช่ไหม?” เขารู้สึกตกใจมาก อีแร้งเพลิงสีครามนั้นเป็นสัตว์อสูรระดับก้าวสู่เทวาและไม่มีใครคนใดในภูมิภาคเหนือสามารถต่อกรกับมันได้ แต่หลิงฮันกลับกล้าที่จะขโมยลูกหลานของมัน

หลิงฮันแสยะยิ้มและพูดว่า “ทำไมจะไม่?” จากนั้นเขาก็อธิบายให้ทุกคนฟังด้วยความมั่นใจว่า “อีแร้งเพลิงสีครามถูกกังขังอยู่ในสถานที่แห่งนี้ แต่ถ้าตามพวกเราออกไปด้านนอก มันสามารถบินได้อย่างอิสระ ข้ากำลังทำเรื่องดีๆอยู่!”

จูเสวี่ยนเอ๋อถอนหายใจและพูดว่า “การเป็นหัวขโมยอย่างโจ่งแจ้งและชอบธรรม มันเป็นครั้งแรกที่เสวี่ยนเอ๋อเจอกับคนแบบนั้น!”

“ข้าด้วย!”

“ข้าคนที่สอง!”

หลิวอู๋ตงและชางเย่คล้อยตาม

ฮูหนิวปรบมือขณะที่พูดออกมาว่า “หนิวจะช่วยหลิงฮันเอง หนิวจะฉกไข่และต้มให้มันสุกแล้วกิน!” ทันใดนั้น นางปีนไต่ขึ้นไปบนต้นไม้ด้วยความว่องไวเหมือนกับลิงทันที

ความเร็วของนางไม่ได้ช้าไปกว่าอสูรศิลาตอนที่บินอยู่บนฟ้าแม้แต่น้อย และเมื่อเห็นเช่นนั้น หลิงฮันจึงล้มเลิกให้อสูรศิลาบินขึ้นไปบนต้นไม้

ในไม่ช้า ฮูหนิวก็ปีนลงมาด้วยมือข้างเดียว ในขณะที่มืออีกข้างนั้นกอดไข่ที่มีขนาดไม่เล็กไปกว่าตัวนางอยู่ ทำให้คนอื่นรู้สึกกังวลว่านางจะตกลงมาพร้อมกับไข่

แม้ว่านางจะโขมยไข่ได้อย่างง่ายดาย แต่กลิ่นอายของอีแร้งเพลิงสีครามยังคงอยู่ภายในรัง มันเป็นแรงกดดันที่ยอดเยี่ยมสำหรับสัตว์อสูรและจอมยุทธ ถึงขั้นรับรองได้ว่าแม้แต่สัตว์อสูรระดับตัวอ่อนวิญญาณก็ยังไม่กล้าเข้ามาใกล้ มิฉะนั้นแขนขาของพวกเขาคงจะไร้เรี่ยวแรง และถึงขั้นสูญเสียพลังที่จะเคลื่อนไหว แต่สำหรับคนที่แปลกประหลาดอย่างฮูหนิว แน่นอนว่ามันไม่มีผลแม้แต่น้อย

ในไม่ช้าฮูหนิวก็ลงมาอยู่บนพื้นและกอดไข่อย่างมีความสุขพร้อมกับพูดว่า “ต้มหรือทอดดี?”

“ไม่ทั้งสองอย่าง!” หลิงฮันแย่งไข่มาและพูดว่า “ตัดใจมากมันซะ!”

“บู้ววบู้ววบู้วว หนิวอยากกิน!” ฮูหนิวบุ้ยปากและแสดงความไม่พอใจออกมา

หลิงฮันไม่สนใจนางและเก็บไข่นกเข้าไปในหอคอยทมิฬ เย่วไค่หยู่และจูเสวี่ยนเอ๋อรู้สึกแปลกใจ สิ่งมีชีวิตสามารถนำเก็บเข้าไปในแหวนมิติได้ด้วย? ไม่ใช่ว่ามันจะตายหรอกหรือ?

“รีบหนีกันเถอะ!” พวกเขาทั้งหกคนรีบวิ่งจากไปทันที ถ้าอีแร้งเพลิงสีครามกลับมา มันจะต้องเป็นปัญหาอย่างแน่นอน

พวกเขาทั้งหกคนเดินจากไปไกลพอสมควร และทันใดนั้นเสียงร้องกรีดร้องที่ทำให้พื้นดินต้องสั่นไหวก็ดังขึ้น คลื่นเสียงนั่นเป็นเหมือนกับคมดาบและตัดต้นไม้ที่อยู่โดยรอบเป็นชิ้นๆ แม้ว่าพวกเขาจะป้องกันด้วยพลังทั้งหมด แต่ชางเย่และหลิวอู๋ตงก็ยังคงได้รับบาดเจ็บเพราะระดับพลังของทั้งสองคนนั้นต่ำกว่าคนอื่นเล็กน้อย

“อีแร้งเพลิงสีครามกลับมาแล้ว!”

“วิ่ง!”

พวกเขาทั้งหกคนเร่งความเร็วขึ้น ขณะที่หลิงฮันคิดกับตัวเองว่าถ้าอีแร้งเพลิงสีครามพบร่องรอยของพวกเขาเข้า เขาจะพาทุกคนเข้าไปในหอคอยทมิฬทันที

ชิ่ว!

ในขณะนั้น ประกายแสงของดาบถูกยิงออกมาจากด้านข้างอย่างกะทันหัน และเล็งไปที่ใต้ซี่โครงข้างขวาของหลิงฮัน

Alchemy Emperor of the Divine Dao

Alchemy Emperor of the Divine Dao

อ่านนิยายจีนAlchemy Emperor of the Divine Dao เรื่องย่อ หลิงฮันสุดยอดจอมยุทธ์และจักรพรรดิปรุงยาเพียงหนึ่งเดียว เสียชีวิตลงในการบรรลุสู่การเป็นเทพเจ้า ในหนึ่งหมื่นปีต่อมาด้วยคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ เขาได้เกิดใหม่ในร่างของเด็กหนุ่มที่ชื่อเหมือนกัน จากนั้นทั้งสายลมและเมฆจะต้องแหวกออกเมื่อเขาได้ต่อกรกับเหล่าอัจฉริยะในยุคใหม่นับไม่ถ้วน เส้นทางในการเป็นตำนานของเขาได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ในทุกยุคสมัย ภายใต้สวรรค์ ข้าแกร่งที่สุด!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset