Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย – ตอนที่ 467

“ตอนนี้คุณสามารถตอบคำถามของฉันได้หรือยัง?” ชูฮันกระแอมลำคอและเอ่ยถามต่อ เขาถึงกับหยิบสมุดบันทึกและปากกาตรงแขนขึ้นมาซึ่งความจริงแล้วเขาล้วงมันออกมาจากประตูมิติต่างหาก “ก่อนอื่นให้ฉันอธิบายสาเหตุของรอยแตกด้านล่างก่อน ฉันสามารถคำนวนความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้”

 

การปฏิบัติตัวอย่างเป็นทางการของชูฮันทำให้ซูเฟิงและหลิงโหลวนิ่งไปครู่หนึ่งแต่ชูฮันก็ได้บันทึกชื่อของผู้กระทำผิดลงไปบนสมุดแล้วเรียบร้อย “ผู้กระทำผิดมีสองคน คนหนึ่งเป็นผู้ชาย นามสกุล…ซู ชื่อ…เฟิง ระยะ…?”

 

“ระยะ 6…วิวัฒนาการ” ซูเฟิงตอบ

 

“ซูเฟิงวิวัฒนาการระยะ 6 ” ชูฮันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็จดบันทึกลงต่อ “ส่วนอีกคนเป็นผู้หญิง นามสกุล…หลิง ชื่อ…”

“ขออภัย นามสกุลของฉันคือเจียง” คิ้วของหลิงโหลวผูกกันเป็นปม เธอกำลังฝืนตัวเองเพื่อตอบคำถามชูฮันด้วยอารมณ์อึดอัดอย่างมาก “เจียงหลิงโหลว วิวัฒนาการระยะ 6”

 

ชูฮันเหลือบมองมาที่หลิงโหลว เขากระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น นามสกุลเจียง? น่าจะมีคนที่อิทธิพลอยู่เบื้องหลังเธอแน่ๆ?

 

หลังจากจดบันทึกลงไป มันก็มีแววตาที่อธิบายไม่ได้ของชูฮันปรากฏขึ้น “คุณเป็นแค่ระยะ 6 กันเท่านั้น? นี้มันเป็นไปไม่ได้ ความสามารถของพวกคุณไม่สามารถสร้างรอยแตกขนาดใหญ่ข้างล่างแบบนั้นได้…”

อะไรคือแค่? ซูเฟิงในตอนนี้ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ “ใครบอกว่าฉันไม่สามารถ!? ฉันยิงปืนและเธอก็เอาเคียวยักษ์นั่นขึ้นกั้น!”

หลิงโหลวที่อยากจะเอ่ยปากห้ามก็สายไปเสียแล้ว เธอจึงทำได้แต่เพียงกลืนคำพูดลงคอพร้อมกับรอยยิ้มเจื่อน…พวกใจร้อน!

รอยยิ้มในแววตาชูฮันยิ่งลึกขึ้นไปอีก “ยังไงมันก็เป็นไปไม่ได้ มันต้องอย่างน้อยพลังของวิวัฒนาการระยะ 9 สองคนรวมกันถึงสามารถสร้างรอยแตกขนาดนี้ได้”

 

สายตาของหลิงโหลวส่องประกายเย็นชา “ถ้างั้นมันก็คงเป็นแผ่นดินไหว”

“โอ้ โอเค ขอบคุณสำหรับความร่วมมือ” ชูฮันตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง จากนั้นก็พูดต่อขึ้นมา “แน่นอนว่าวิวัฒนาการระยะ 6 ไม่สามารถทำได้ มันคงเกิดจากแผ่นดินไหวนั่นแหละ!”

 

“แต่ฉันยังข้องใจอยู่ เพราะฉันยิงปืนออกไปที่ถนนจนเกิดเป็นรู” ซูเฟิงมีความหยิ่งผยองอย่างมาก โดยไม่สนต่อสายตาของหลิงโหลวที่มองมา เขายังคงตะโกนพูดกับชูฮันอย่างไม่ยอมรับ “มันเป็นสาเหตุจากพวกเรา ยังไงก็ตามแต่ฉันจะชดใช้ให้เอง”

 

สวยงาม!

ชูฮันยิ้มเยาะอยู่ในใจ กับดักที่เขาวางไว้ได้ล่อเหยื่อให้ติดเบ็ดเรียบร้อยแล้ว “ทำลายถนน ทำให้ถนนกองทัพของเราถูกกั้นเดินทางต่อไม่ได้ และการต่อสู้ของพวกคุณที่ทำให้เกิดหิมะถล่มส่งผลให้หน่วยทหารของฉันแตกกระเจิงไปคนละทาง…สำหรับหนึ่งคนค่าเสียหายคือ 50,000 เหรียญล่มสลาย กรุณาจ่ายด้วย”

การขอราคาที่ 50,000 นั่นเป็นจำนวนที่ไม่ถูกตามหลักอะไรเลย และตอนนี้ที่เหรียญล่มสลายพึ่งได้รับการตีพิมพ์และป่าวประกาศจากซางจิง ทำให้หลิงโหลวที่กำลังมุ่งหน้าไปซางจิงและซูเฟิงที่ไม่สนใจเรื่องภายนอกอะไรทั้งนั้นนอกจากเรื่องของตัวเองเท่านั้น ไม่รู้ว่าเหรียญล่มสลายคืออะไรและไม่เคยได้ยินมาก่อน จำนวน 50,000 เหรียญล่มสลายหมายถึงอะไรสำหรับทุกคน?

 

แน่นอนว่า ครึ่งชั่วโมงต่อมา…

คริสตัลทั้งหมดที่ซ่อนไว้ในตัวของหลิงโหลวถูกกวาดออกมาจนหมดจนไม่เหลือแม้แต่แดงเดียว อีกทั้งเธอยังติดหนี้ชูฮันอีกหลายพันเหรียญล่มสลายด้วยซ้ำ

 

ซูเฟิงเองก็ติดค้างชูฮันไว้ ด้วยเพราะเขาไม่รับรู้เรื่องราวของคริสตัลเลย เขาไม่รู้ว่ามันมีระดับคริสตัลต่างกันในหัวซอมบี้แต่ละระยะ หากเขาก็ยังเก็บมันมาบ้างบางส่วน ซูเฟิงเกาหัวจากนั้นก็หยิบคริสตัลของซอมบี้ระยะ 4 ที่เขามีอยู่สองชิ้นออกมา

 

ซูเฟิงไม่รู้ว่าสกุลที่ใช้ในตอนนี้คืออะไร เขาไม่รู้ราคาตลาด จึงตกลงไปอยู่ในหลุมหลอกที่จำเป็นต้องทำงานชดใช้ให้ชูฮันไปอีกเป็นเวลานานเลยทีเดียว

 

อยากจะไปเหรอ? ได้ แต่คืนเงินให้ฉันก่อน!

 

เฉินช่าวเย่ที่ยืนดูสถานการณ์ทั้งหมดได้แต่เชิดชูหัวหน้าเขาอยู่ในใจ หัวหน้าเขาสามารถสยบวิวัฒนาการระยะ 6 ได้และยังทำให้วิวัฒนาการระยะ 6 อีกคนติดหนี้ นี้แหละคือความสามารถของหัวหน้าเขา

 

สองวันต่อมา หลิวยู่ติงและเฉินเสี้ยนกาวก็ขึ้นมาถึงยอดเขาพร้อมกับกลุ่มคนขนาดใหญ่ที่ติดตามมาด้วย 80 คน พวกเขารวบรวมคนได้อย่างรวดเร็วหลังจากประสบกับหิมะถล่ม ซึ่งขนาดของกลุ่มคนในตอนนี้ที่เขารวบรวมมาได้ก็เกือบจะเท่ากับก่อนเจอหิมะถล่มแล้ว แต่มันยังมีอีกมากกว่ายี่สิบคนที่ยังหาตัวไม่เจอ หลิวยู่ติงชื่นชมการคาดการณ์ต่อเหตุการณ์ล่วงหน้าที่ยังมาไม่ถึงของชูฮัน อีกทั้งการออกคำสั่งที่มีประสิทธิภาพต่อสถานการณ์ฉุกเฉินด้วยความเร็วสูง เรียกได้ว่าชูฮันเป็นผู้นำที่ดีที่สุดตั้งแต่เขาเคยเจอมาก็ว่าได้ ถ้าไม่ใช่คนที่ได้รับการฝึกปรือและอยู่กับการต่อสู้มานานไม่มีทางที่จะมีปฏิกิริยาตอบโต้ได้รวดเร็วขนาดนี้

สำหรับหลี่ซิงยูและฮัวหมิงนั่น หลิวยู่ติงได้รับรายงานว่ามีคนรอดชีวิตเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น…กูเหลียงเฉิน

 

กูเหลียงเฉินที่ยังคงเงียบมาตลอดเป็นเวลานานพอสมควร เขาไม่เคยต้องอยู่ตัวคนเดียวท่ามกลางคนมากมายที่หลายล้อม อีกทั้งน้ำเสียงของชูฮันที่พูดก็ยังแปลกมากๆ “เขาไม่พูดอะไรเลยเหรอ?”

 

“ไม่ครับ” หลิวยู่ติงส่ายหัว “ไม่ว่าฉันจะถามอะไรเขาก็ไม่ตอบเลย”

ชูฮันเงียบนิ่งกว่าเดิม ความภักดีของกูเหลียงเฉินมีค่าต่ำที่สุดในทีมแต่อย่างน้อยมันก็ยังมี ถึงยังไงก็ตามผู้ชายคนนี้เป็นคนที่ลึกลับอย่างมาก ค่าความภักดีที่แสนจะต่ำต้อยจนแทบจะไม่มีนั่น ชูฮันมั่นใจเลยว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นซึ่งขัดกับหลักการของกูเหลียงเฉินละก็ คนคนนี้จะพร้อมที่จะจากไปทันทีอย่างไม่มีความลังเลแน่นอน

 

“ถ้านายไม่สามารถถามเขาได้ งั้นนายจะทำอะไรก็ได้เลย” ชูฮันไม่อยากคิดอะไรให้มากความอีกต่อไป อย่างน้อยเจ้ากูเหลียงเฉินนั่นก็ยังมีบรรทัดฐานและหลักการของตัวเองอยู่ ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้ว เขาแค่ต้องการถามเพื่อความชัดเจนเท่านั้น

 

“ฉันเองก็ไม่อยากคิดมากไป ทุกคนต่างก็มีความลับของตัวเองกันทั้งนั้น และครั้งนี้เราต้องขอบคุณเขาที่กลับตัวกลับใจได้ทันเวลาพอดี” หลิวยู่ติงและพูดต่อ “คือหลี่บี๋เฟิงต่างหากที่อยู่เหนือความคาดของฉัน จู่ๆฉันก็ถูกกระชากออกมาจากและหลี่บี๋เฟิงก็เข้ามาควบคุมสถานการณ์แทน และทุกอย่างก็เริ่มร้อนแรงขึ้น”

 

ชูฮันส่งเสียงจิ๊ในลำคอและพึมพำ “หลี่บี๋เฟิงก็ยังเป็นหลี่บี๋เฟิงเหมือนเดิม”

 

“เขาฝึกฝนมาอย่างดี นั่นคือความสามารถส่วนตัวของเขา” หลิวยู่ติงคร่ำครวญหากจู่ๆเขาก็ชายตาขึ้นและเอ่ยถาม “ใช่สิ นายจะทำยังไงต่อกับเส้นทางต่อไป? ตอนนี้พวกเราไม่มีรถแล้วและมันก็อันตรายเกินไปที่จะเข้าเมืองไปหารถ แต่ถ้าเราเดินเท้ากันไปแบบนี้เราจะโดนซอมบี้ฆ่าตายกลางทางเอาได้”

 

ชูฮันหยิบเอากระดาษออกมาหลายแผ่นและเริ่มขีดเขียน “รถอะไร? ถ้าใช้รถยนต์มันจะยิ่งช้ากว่าเดิม! เราจะเดินหน้าเต็มกำลัง!”

ศักยภาพของมนุษยชาตินั้นไม่มีที่สิ้นสุด และการสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนกลุ่มนี้เท่านั้นที่จะสามารถช่วยกันก้าวข้ามผ่านสภาพที่เป็นอยู่และมุ่งหน้าสู่หนทางนักรบที่แท้จริง

 

“แล้วเราจะถึงปีไหนกัน?” หลิวยู่ติงไม่ใช่คนมองโลกในแง่บวกขนาดนั้น

 

“สามเดือน เราจะไปถึงเมืองอันลูภายในสามเดือน” ชูฮันตอบอย่างหน้านิ่งๆ “มันคือการฝึกซ้อมไปในตัว เร็วเข้า”

 

เฮ้!

 

หลิวยู่ติงตะลึง มันจะเป็นไปได้ยังไง!

สัปดาห์ต่อมา ชูฮันได้ตั้งเต้นท์ตรงยอดเขาเพื่อรอให้ใครสักคนมาวางแผนการฝึกครั้งต่อไป ตอนนี้กว่าร้อยคนต่างพูดกันว่าพวกเขาจะไม่มีวันทรยศต่อเขา

 

หลังจากหลี่ซิงยูและฮัวหมิงทรยศและตายไป ผู้คนที่เหลือยกเว้นคนที่พึ่งเข้ามาใหม่อย่างซูเฟิงต่างมีคะแนนความภักดีต่อเขาอย่างน้อย 5%

 

และนั่นก็เพียงพอแล้ว

 

จากตรงนี้ถึงเมืองอันลู เส้นทางมันไม่ได้ใกล้เลย มันอาจเป็นไปได้ที่จะไม่มีอะไรเลยระหว่างทาง คนมากกว่าครึ่งจากทั้งหมดกว่าร้อยคนเป็นแค่คนธรรมดา การต่อสู้กับซอมบี้คนพวกนี้จำเป็นต้องพึ่งกลยุทธ์ในการรบเพื่อเอาชนะซอมบี้ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับซอมบี้ระดับสูงเมื่อไหร่ ทีมของพวกเขาจะต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน

 

ภายใต้การสร้างความเชื่อมั่นว่าสมาชิกทุกคนในทีมจะมีชีวิตรอด ชูฮันตัดสินใจที่จะดำเนินการฝึกอบรมสุดโหดสำหรับทุกคน!

Apocalypse Meltdown

Apocalypse Meltdown

มันเป็นโลกที่ซอมบี้และมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยความสิ้นหวัง สนามแม่เหล็กของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงและทุกอย่างได้ย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้น วันหนึ่ง วีรบุรุษของพวกเรา…ชูฮัน ได้เดินทางย้อนเวลากลับมาสิบปีก่อนโดยไม่รู้ตัว เขาได้ย้อนกลับมาก่อนจุดจบของโลกจะเริ่มต้นขึ้น (โลกาวินาศ) เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงดังในหอพักในมหาวิทยาลัยหมิงชิว ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ชูฮันต่อสู้กับเหล่าซอมบี้นับสิบๆตัวก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถเพื่อขโมยรถยนต์เมอร์ซิเดซ-เบนซ์G55ออกมา เขาตัดสินใจที่จะตามหาพ่อแม่และพี่น้องของเขาด้วยG55คันนี้ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเสียใจที่ไม่ได้ทำในชาติที่แล้ว ระหว่างทางชูฮันได้พบปะกับคนกลุ่มหนึ่งที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนที่ติดอันดับ 20 ของโลกาวินาศรวมอยู่ด้วย…เฉินช่าวเย่ พวกเขาพบกับซอมบี้จำนวนมากระหว่างทางบนทางหลวง ซึ่งชูฮันได้ใช้รถ G55 พุ่งชนเหล่าซอมบี้จนเละ และในตอนนั้นเอง ชูฮันถึงตระหนักได้ว่าทั้งหมดนี้คือระบบล่มสลาย และเขาสามารถได้คะแนนจากการฆ่าซอมบี้ทั้งหลาย ซึ่งเขาสามารถเอาคะแนนพวกนี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นความสามารถพิเศษอะไรก็ได้ และในตอนนั้นเอง การเดินทางของชูฮันก็ได้เริ่มต้นขึ้นไปพร้อมๆกับระบบล่มสลาย นี่เป็นเรื่องราวของระบบล่มสลาย โดยมีเขา…ชูฮัน เป็นคนดำเนินเรื่องราว

Comment

Options

not work with dark mode
Reset