Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย – ตอนที่ 479

“ร้านอาหารอิตาลี?” ตาของเฉินช่าวเย่หรี่ลงแสดงอาการตำหนิ แต่แล้วเมื่อนึกขึ้นได้ว่าทุกอย่างไม่เหมือนเดิมแล้ว ตอนนี้พวกเขาอยู่ในโลกาวินาศ ดังนั้นเขาจึงหันหน้าไปถามติงเซว “คุณหญิงมันมีแต่พวกสปาเกตตี้ คุณทานได้มั้ย?”

ติงเซวขมวดคิ้วและมีท่าทีเขินอาย “ดะ ได้ ได้สิ…”

“ดี! งั้นไป! ไปที่ถนนอีกเส้นกัน!” ซูเซียงหลงตะโกนดังและเดินผ่านนำเฉินช่าวเย่และกลุ่มคนที่ยืนตะลึงไป

 

นี้คือทีมที่สองของเฉินช่าวเย่แต่คนเดียวในกลุ่มที่มีความสามารถระดับสูงและความแข็งแกร่งทางกายภาพนั้นคือซูเซียงหลง เพราะปืนของเฉินช่าวเย่นั้นถูกชูฮันห้ามใช้และยึดเอาไว้ ชูฮันให้เพียงแค่ปืนพกเล็กๆไว้ให้เฉินช่าวเย่ติดตัวสำหรับเหตุฉุกเฉินเท่านั้นและมันก็มีกระสุนเพียงแค่สามนัดเท่านั้น เพราะเหตุนั้นเฉินช่าวเย่จึงไม่ใช่มือปืนพระเจ้าอีกต่อไปแต่เป็นแค่คนอ้วนธรรมดาๆ

 

ถึงแม้ซูเซียงหลงจะเป็นวิวัฒนาการระยะ 3 และเป็นวิวัฒนาการระยะสูงที่สุดในทีม แต่หัวหน้าของทีมที่สองนี้ก็ยังคงเป็นเฉินช่าวเย่อยู่

 

ส่วนสำหรับแปดคนที่เหลือ หนึ่งในนั้นก็มีติงเซวที่เป็นผู้หญิงคนเดียวรวมอยู่ อีกสี่คนเป็นพวกมาใหม่ที่ได้แต่ตะลึงกับวิธีการทำงานของกลุ่มหทารของชูฮัน พวกเขามีความกังวลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพราะถนนเต็มไปด้วยความวุ่นวายและซอมบี้พลุกพล่านเต็มไปหมด คนพวกนี้เอาแต่เดินตามหาอาหารไม่หยุด มันไม่มีอะไรจะสามารถบรรยายสิ่งที่พวกเขาเจอได้ตั้งแต่วันแรกแล้ว

 

ไม่เหมือนกับกลุ่มแรกของหลี่บี๋เฟิงที่กล้าไล่ฆ่าซอมบี้และไม่มีอาการเหนื่อยล้าเท่ากับกลุ่มอื่น กลุ่มที่สองนี้ไม่ได้เริ่มต้นที่การทำภารกิจทันทีเพื่อความสำเร็จ กลุ่มนี้รู้ข้อมูลว่ามีอะไรตรงไหนซ่อนอยู่ในเมือง รู้ว่าอาหารอยู่ตรงไหน และรีบกินเข้าไปอย่างรวดเร็วจนแทบจะอ้วก

 

กลุ่มที่สามนำโดยหลูเหวินเฉิงและมีเหล่ยเซอเป็นรองหัวหน้าทีม สมาชิกมีชูเซีย เสี่ยวฉีและคนธรรมดาอีกหกคน หลูเหวินเฉิงและเหล่ยเซอเป็นพรสวรรค์ทั้งคู่ ในทีมที่สามนี้ไม่มีวิวัฒนาการอยู่เลย เป็นกลุ่มที่พิเศษที่สุดท่ามกลางทั้งสิบหกทีม และแตกต่างจากกลุ่มแรกของหลี่บี๋เฟิงและกลุ่มที่สองของเฉินช่าวเย่อย่างมาก ตัวอย่างเช่นตอนนี้…

 

มันเคยเป็นร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในยุคศิวิไลซ์ ร้านค้านี้เป็นร้านที่ดูสะอาดสะอ้านมากกว่าร้านอื่นเป็นเพราะว่ามันไม่มีอาหารอยู่ที่นี้ เหล่าผู้รอดชีวิตจึงไม่คิดจะวิ่งเข้ามาในร้านนี้กันเลยสักนิดเมื่อตอนที่เกิดการปะทุขึ้น ซึ่งมันทำให้ร้านนี้ไม่มีเลือดหรือเครื่องในเหม็นเน่าของซอมบี้กระจายเปรอะเปื้อนเหมือนที่อื่น มันจึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสมอย่างมากสำหรัลการพักค้างคืนชั่วคราว

 

และในขณะนั้นเอง จังหวะที่ทุกกำลังจะพักผ่อน ทุกคนก็ต่างใช้สายตาจับจ้องไปที่หลูเหวินเฉิงกันหมด

 

“ใช้ไม่ได้? มันจะใช้ไม่ได้เลยสักอันเหรอไง? ทำไมใช้ไม่ได้?!” หลูเหวินเฉิงเขยิบย้ายไปที่คอมพิวเตอร์ทีละคอมไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหาเครื่องที่ใช้งานได้

 

“ไม่ต้องพยายามหรอก” เหล่ยเซออดไม่ไหวที่จะเอ่ยขึ้น สายตาแสดงออกถึงอาการหมดความอดทน “อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ถูกโจมตีด้วยพลังงานที่ไม่รู้จัก ตอนนี้พวกมันมีค่าไม่ต่างอะไรจากเศษเหล็กเก่าๆ”

“เฮ้!” หลูเหวินเฉิงโต้กลับทันที “ฉันยังเคยเห็นคอมพิวเตอร์ที่ค่ายซางจิง แล้วทำไมคอมพวกนี้ถึงใช้ไม่ได้?!”

“นั่นอาจเป็นหนึ่งในคอมพิวเตอร์ไม่กี่เครื่องที่สามารถใช้ได้ในจีน ในค่ายซางจิงมีกำลังคนเป็นจำนวนมาก พวกเขาเชิญแต่คนระดับหวกะทิของจีนมาอยู่รวมกันเพื่อทำงานและใช้เงินไปมากกับการสร้างขึ้นใหม่ แต่ที่อยู่ต่อหน้านายในตอนนี้เป็นแค่คอมพิวเตอร์ธรรมดาๆ ไม่สามารถเปรียบเทียบกับของที่ซางจิงได้” เหล่ยเซอพยายามอธิบายอย่างอดทน “รวมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่ซึ่งตอนนี้มีคนใช้อยู่น้อยนิด และฉันก็ไม่รู้ว่ามันต้องใช้เวลาอีกกี่ปีสำหรับโลกาวินาศที่จะฟื้นฟูยุคของศิวิไลซ์กลับคืนมา”

 

กลุ่มคนที่อยู่อยู่รอบๆต่างเงียบสนิททันที พวกเขาถูกยั่วยุจนเกิดความคิดล้ำลึกขึ้น

 

แม้แต่ชูเซียที่เด็กที่สุดในกลุ่มและเสี่ยวฉีที่กล้าหาญ อดไม่ได้ที่จะคิดตามที่ได้ยิน หากความคิดชั่วครู่ในหัวของหลูเหวินเฉิงก็ต้องถูกขัดจังหวะ….

“เหล่ยเซอ! นี่! เหล่ยเซอ นี่สำหรับนาย!” ทันใดนั้นหลูเหวินเฉิงก็ตะโกนดังขึ้นมาด้วยท่าทางตกใจและสั่นมือของเหล่ยเซอไม่หยุด

 

พั้วะ!

หน้าของเหล่ยเซอพลันเปลี่ยนสีทันที ตามด้วย

 

เฮือก

อันดับของหลูเหวินเฉิงนั้นสูงกว่าเหล่ยเซอ แม้ว่าทั้งคู่จะเป็นพรสวรรค์เหมือนกันแต่สมรรถภาพทางร่างกายของเหล่ยเซอนั้นแข็งแกร่งกว่าหลูเหวินเฉิง และครั้งนี้หลูเหวินเฉิงก็ถูกเหล่ยเซอโจมตีจนกระเด็น

 

“แม่ง! จะสู้กับใครก็เผชิญหน้าตรงๆสิ ฉันจะสู้กับแก!” หน้าขึ้นหลูเหวินเฉิงตึงเครียด จากนั้นก็เริ่มสู้กลับ

 

การต่อสู้ที่ดุเดือด เละเทะ…

 

เสี่ยวฉีที่หวาดกลัวกำมือที่ชายเสื้อของชูเซียแน่น ส่วนอีกคนที่เหลือก็ต่างทำอะไรไม่ถูกและได้แต่นั่งกลัว ไม่มีใครกล้าส่งเสียง พวกเขาทำได้แต่มองภาพการต่อสู้ตรงหน้าของหลูเหวินเฉิงและเหล่ยเซอ

 

ชูเซียที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่มกลับเป็นคนที่นิ่งที่สุด แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากก้มหน้าเพื่อหลบลูกหลง ทำไมเธอถึงได้มาอยู่ทีมที่ไม่เข้ากันแบบนี้?

 

คนอื่นยิ่งตะลึงกว่า พวกเขาพอจะรู้ว่าคนพวกนี้แปลกแต่ไม่รู้ว่าพวกเขาจะผิดปกติแบบนี้!

“เอาล่ะ เอาล่ะ” ชูเซียไม่อยากจะทนรอการต่อสู้ที่ไม่มีที่สิ้นสุดนี้ ดังนั้นเธอเลยพูดขึ้น “ในเมื่อทุกคนมีพลังงานล้นเหลือขนาดนี้ งั้นก็ไม่ต้องพักแล้วเรามาวิเคราะห์เบาะแสที่เราเจอกันวันนี้ เราเหลือเวลาอีกแค่สองวันเท่านั้นเราควรรีบหาเบาะแสให้ทันก่อน อย่างน้อยจะได้มีความก้าวหน้า”

“เราจำเป็นต้องจริงจังกับการค้นหานี้ขนาดนั้นเลย?” หลูเหวินเฉิงนั่งลงพร้อมกับหน้าที่บวมเปล่ง ถึงแม้เขาจะเป็นหัวหน้าของทีมแต่เขาก็ค่อนข้างเกรงใจชูเซี่ยอย่างมาก

 

ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้นแต่รองหัวหน้าทีมอย่างเหล่ยเซอก็เช่นกัน เหล่ยเซอทรุดตัวลงนั่งข้างชูเซียอีกฝั่ง อารมณ์ของสองคนนี้ได้ส่งผลกระทบต่อทั้งทีมโดยตรง ผู้ชายทั้งเก้าคนในทีมที่นั่งล้อมชูเซี่ยกันอยู่ต่างมองมาที่เธอด้วยสายตาจริงจัง

 

“เพราะมันเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด” ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของชูเซี่ยยิ้มอย่างมั่นใจ “เท่าที่ฉันรู้จักพี่ชายชูฮัน พี่ชายชูฮันจะไม่มีทางให้ภารกิจธรรมดาๆมาอย่างแน่นอน”

 

“ธรรมดา?”

“อย่างมาก?”

คนมาใหม่ทั้งสี่คนที่ได้ยินต่างสยองกันหมด แม้พวกเขาจะไม่ได้เผชิญหน้ากับวิกฤตครั้งใหญ่อย่างที่ทหารกลุ่มเดิมได้ประสบมา แต่พวกเขาก็เจอกับฝูงซอมบี้มหาศาลมาเหมือนกัน ทุกครั้งพวกเขาได้แต่หวาดกลัว เด็กผู้หญิงคนนี้ดูท่าแล้วคงน่าจะอายุแค่สิบห้าด้วยซ้ำ แต่กลับพูดออกจากปากว่าเป็นภารกิจธรรมดาๆ?

 

“ทำไมล่ะ?” เหล่ยเซอนิ่วหน้าและถาม “เราฝึกมาตลอดเดือน เขาอาจจะปล่อยให้เราผ่อนคลายบ้างก็ได้ ว่ามั้ย?”

 

“ผ่อนคลาย” ชูเซี่ยยิ้มมุมปาก น้ำเสียงเย้า “การฝึกครั้งก่อนนั้นต่างหากคือการผ่อนคลาย จำภารกิจที่เราต้องไปหาแกะขนาดกลางที่ค่ายผู้รอดชีวิตกลางค่ำ อาบน้ำให้พวกมันโดยไม่ให้ถูกจับได้และเอาพวกมันไปเก็บไว้ในคอกเหมือนเดิม แถมพวกมันยังมีต้องสองร้อยตัว”

 

“ฉันยังจำได้ขึ้นใจ!” หลูเหวินเชิงนิ่งไปครู่หนึ่ง เขามีท่าทีหวาดกลัว “มือของฉันแทบจะพังหมดตอนนั้น ฉันอยากจะโกนขนของพวกแกะนั้นทิ้งซะให้หมดแทน!”

“อย่าขัด!” เหล่ยเซอเอ็ดหลูเหวินเฉิง “ชูเซี่ยพูดต่อสิ”

แววตาของชูเซี่ยเป็นประกาย เธอคือหัวหน้าของการวิเคราะห์ “นั่นเป็นการฝึกภาคปฏิบัติครั้งแรกของพวกเรา มันคือการผ่อนคลายที่แท้จริง นอกเหนือจากการขโมยแกะมาอาบน้ำและส่งมันกลับคืน”

 

“ครั้งนี้ เป็นครั้งแรกของเราที่เข้ามาฝึกในเมือง และมีชื่อว่าการฝึกเพื่อเอาชีวิตรอด ความจริงมันคือการฝึกอะไร มีเพียงแค่พี่ชูฮันเท่านั้นที่รู้ ฉันไม่สามารถวิเคราะห์ได้ แต่ดูข้อมูลพื้นผิวของข้อมูลภารกิจแล้ว การตามหาร่องรอยของซุปเปอร์ซอมบี้นั่นสำคัญที่สุด”

 

“ลองคิดดูสิ ถ้าเราไม่ได้ข้อมูลนั้นเลย หลังจากสามวันผ่านไป และเมื่อได้เจอกับท่านพลเอก จุดจบของกองทัพเราจะเป็นยังไง? อย่าลืมว่ากฎระเบียบทางทหารไร้ความปรานี!”

Apocalypse Meltdown

Apocalypse Meltdown

มันเป็นโลกที่ซอมบี้และมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยความสิ้นหวัง สนามแม่เหล็กของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงและทุกอย่างได้ย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้น วันหนึ่ง วีรบุรุษของพวกเรา…ชูฮัน ได้เดินทางย้อนเวลากลับมาสิบปีก่อนโดยไม่รู้ตัว เขาได้ย้อนกลับมาก่อนจุดจบของโลกจะเริ่มต้นขึ้น (โลกาวินาศ) เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงดังในหอพักในมหาวิทยาลัยหมิงชิว ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ชูฮันต่อสู้กับเหล่าซอมบี้นับสิบๆตัวก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถเพื่อขโมยรถยนต์เมอร์ซิเดซ-เบนซ์G55ออกมา เขาตัดสินใจที่จะตามหาพ่อแม่และพี่น้องของเขาด้วยG55คันนี้ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเสียใจที่ไม่ได้ทำในชาติที่แล้ว ระหว่างทางชูฮันได้พบปะกับคนกลุ่มหนึ่งที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนที่ติดอันดับ 20 ของโลกาวินาศรวมอยู่ด้วย…เฉินช่าวเย่ พวกเขาพบกับซอมบี้จำนวนมากระหว่างทางบนทางหลวง ซึ่งชูฮันได้ใช้รถ G55 พุ่งชนเหล่าซอมบี้จนเละ และในตอนนั้นเอง ชูฮันถึงตระหนักได้ว่าทั้งหมดนี้คือระบบล่มสลาย และเขาสามารถได้คะแนนจากการฆ่าซอมบี้ทั้งหลาย ซึ่งเขาสามารถเอาคะแนนพวกนี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นความสามารถพิเศษอะไรก็ได้ และในตอนนั้นเอง การเดินทางของชูฮันก็ได้เริ่มต้นขึ้นไปพร้อมๆกับระบบล่มสลาย นี่เป็นเรื่องราวของระบบล่มสลาย โดยมีเขา…ชูฮัน เป็นคนดำเนินเรื่องราว

Comment

Options

not work with dark mode
Reset