Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย – ตอนที่ 494

และในตอนนั้นเอง หัวใจของทุกคนนิ่งงัน ทันใดนั้นทุกคนก็รีบเดินมาที่ทางเข้าของประตูพร้อมกับกลุ่มที่สองที่เดินทางมาถึง

 

“ประกาศสงครามอะไร?” เฉินช่าวเย่ที่มีน่องไก่อยู่ในมือข้างซ้ายและไส้กรอกอยู่ในมือข้างขวาเอ่ยถาม

 

“เฉินช่าวเย่” หลูเหวินเฉิงที่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์ตลก รีบเดินเข้ามารายงานสถานการณ์กับเฉินช่าวเย่ “นายเห็นซอมบี้ด้านนอกมั้ย?”

 

เฉินช่าวเย่จ้องตาหลูเหวินเฉิงและพยักหน้าหลังจากกัดน่องไก่คำโตเข้าปากไป “ฉันเห็นแล้ว ว่าไง?”

 

“อย่างนั้นเหรอ” หลูเหวินเฉิงพยายามนึกคำพูดคำต่อไปเพื่อบอกเล่าถึงสถานการณ์ให้อีกฝ่ายได้เข้าใจอย่างง่ายและตรงไปตรงมาที่สุด “จากกลุ่มแรกที่มาถึง ฝูงซอมบี้ด้านนอกถูกฆ่าโดยใครก็ไม่รู้และเมื่อพวกเขามาถึง ศพซอมบี้ด้านนอกก็ถูกวางเรียงหน้าประตูไว้แบบนั้นโดยที่ไม่มีใครเห็นว่าใครเป็นคนทำ  และพวกเราทั้งสิบสี่กลุ่มได้ทำการวิเคราะห์และได้ผลสรุปว่ามีทีมที่เราไม่รู้เข้ามาในหลิงเฉิงและพวกเขาก็สาธิตฝีมือให้พวกเราดู”

 

“ไม่ใช่การสาธิต มันคือการประกาศสงคราม!” แววตาของหลี่บี๋เฟิงเต็มไปด้วยจิตสังหาร “เฉินช่าวเย่ พวกเราควรสู้มั้ย?”

 

อารมณ์โกรธของหลี่บี๋เฟิงปะทุขึ้นมาถึงอก ใครคิดกล้าท้าทายเขา!

 

สาธิตเพื่อประกาศสงคราม

 

เหล่าสมาชิกใหม่ของกลุ่มที่สองเมื่อได้ยินต่างก็เหลือบตามองกันทันที

 

เฉินช่าวเย่หันหน้ามาอีกครั้ง มองไปที่ซากศพซอมบี้มหาศาลตรงหน้าที่ถูกวางไว้อย่างเป็นระเบียบเรียงเป็นแถว ที่น่ากลัวก็คือวิธีตายของซอมบี้ทั้งหมดนี้เป็นวิธีเดียวเหมือนกันหมด พวกมันถูกทำร้ายที่จุดเดียวกันด้วยอาวุธชนิดเดียวกันหมด และทุกตัวถูกโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียวก็ตายทันทีโดนคนคนเดียว

 

“ฉันว่า” เฉินช่าวเย่มีความคิดแปลกแยกจากคนอื่น “นายไม่คิดว่าการตายของซอมบี้พวกนี้ดูคุ้นๆเหรอ?”

 

อะไรน่ะ? ดูคุ้นๆ?

 

เมื่อเฉินช่าวเย่พูดอย่างนั้นออกมา ฝูงชนก็พลันมีแววตาดุดันและรีบยกอาวุธของตัวเองขึ้นมาอย่างเตรียมพร้อม

 

“ใช่ศัตรูมั้ย?”

 

“ใครมันกล้า!”

 

“มาสิ กูจะจัดการมึงเอง!”

 

ติงเซวที่กำลังทำอาหารอยู่หัวเราะและมองไปที่ทุกคนอย่างเงียบๆ

 

“มีแต่พวกโง่ทั้งนั้น” เฉินช่าวเย่หมดคำพูดและโบกมือ “เละเทะ กระจัดกระจายเต็มไปหมด ไม่รู้เลยเหรอไงนี่มันลายมือของหัวหน้าชัดๆ”

 

“ห้ะ หัวหน้าทำอะไรน่ะ?” หลี่ชวนอึ้ง ตามมาด้วยสีหน้าตะลึง “ท่านพลเอกชูฮัน?” “เขานั่นแหละ” ชูเซี่ยที่นั่งอยู่หลบมุมอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตยิ้ม “เห็นได้ชัดว่านี่เป็นลายมือของพี่ชายชูฮัน ในเมื่อพี่ชูฮันเป็นคนบอกให้พวกเรามานัดเจอกันที่นี้ เพราะฉะน้ันมันต้องเป็นการจัดการล่วงหน้าไว้ให้พวกเราอย่างแน่นอน เพราะพี่ชูฮันมักเป็นคนรอบคอบและระวังเรื่องงานเสมอ”

 

“เธอ หมายความว่า เธอกำลังพูดว่า…” หลี่บี๋เฟิงพูดตะกุกตะกัก “ท่านพลเอก พวกเขาทั้งสามคน ไม่เพียงแต่มาถึงก่อนพวกเราแต่ยังฆ่าซอมบี้มากมายขนาดอีก?”

 

หลี่บี๋เฟิงเป็นคนที่ตกใจมากที่สุดยิ่งกว่าใครๆ เพราะพวกเขาเป็นกลุ่มแรกที่มาถึง กลุ่มของพวกเขาใช้เวลาหนึ่งวันครึ่งสำหรับการเดินทางทั้งหมด แต่เมื่อตอนที่พวกเขามาถึงเมื่อวานตอนช่วงบ่ายนั้นทุกอย่างก็เกิดขึ้นหมดแล้ว แสดงว่าชูฮันรวมกับหลิวยู่ติงและซูเฟิงนั้นมุ่งหน้ามาที่นี้ด้วยความเร็วยิ่งกว่าพวกเขาและฆ่าซอมบี้ได้มากกว่า

 

“ใช่ พี่ชายชูฮันเป็นคนทรงพลังมาก พวกนายก็น่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอ?” ชูเซี่ยยิ้มอย่างมีเลศนัย จากนั้นก็ตบมือลงที่พื้นข้างเธอเบาๆ “นายพึ่งบอกว่านายได้เจอกับคนแปลกหน้าสองคนและบางกลุ่มก็ได้เจอสี่คน ฉันคิดว่าประเด็นเราจำเป็นต้องปรึกษาเรื่องนี้กันต่อ เพราะถึงอย่างไรแล้วนอกเหนือจากซอมบี้ในสุสานนี้ที่เราต้องป้องกันตัวแล้ว เรายังต้องป้องกันตัวเองจากพวกคนแปลกหน้าอีกด้วย”

 

ทันใดนั้นฝูงชนก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล พวกเขาได้สติจากอาการช็อคที่ชูฮันนำพามา มันมีความรู้สึกประหลาดๆเกิดขึ้นในหัวใจของทุกคน ทุกคนรวมตัวกันล้อมวงรอบชูเซี่ย ทีละกลุ่มๆเริ่มบอกเล่าถึงเรื่องราวของคนแปลกหน้าที่พวกเขาได้พบเจอระหว่างทาง

 

“กลุ่มสุดท้ายยังมาไม่ถึง” ชูเซี่ยมองออกไปนอกซุปเปอร์มาร์เก็จ “คาดว่าพวกเขาคงยังจะไม่มาถึงในเร็วๆนี้ งั้นเรามาเริ่มกันก่อนเลย”

 

“กลุ่มที่หนึ่ง ไม่เจอคนแปลกหน้า”

 

หลี่บี๋เฟิงถูกทุกคนเมินเฉยต่อเสียงของเขา กลุ่มที่หนึ่งใช้เวลาในการเดินทางหนึ่งวันครึ่งแต่กลับไม่เจอคนแปลกหน้าเลย!

 

“กลุ่มที่สองเจอคนแปกหน้าสองคน” ติงเซวทำหน้าที่แทนเฉินช่าวเย่ในฐานะกัปตันของกลุ่ม เพราะถึงอย่างไรเจ้าอ้วนนี่ก็เอาแต่กินอย่างเดียว ติงเซวจึงตัดสินใจตอบแทนพร้อมกับรอยยิ้มที่สัมผัสได้ถึงความอบอุ่น “เป็นพ่อลูกคู่หนึ่ง เด็กผู้หญิงเป็นคนสวยมาก ทว่าพ่อและลูกคู่นี้ดูเหมือนจะมีปฏิกิริยาต่อต้านกับผู้ชายสูงมาก”

 

“สถานการณ์ที่กลุ่มที่สามเจอยิ่งซับซ้อนกว่านั้นอีก” หลูเหวินเฉิงค่อยๆเอ่ยขึ้นมา “พวกเราเจอกับวิวัฒนาการระยะ 5 สองคนพวกเขามีปัญหากัน จากบทสนทนาที่เสี่ยวชีได้ยินเหมือนทั้งสองคนนั้นจะชื่อว่าอู๋หยูเฉียงและอีกคนชื่อว่าเจียงหลิงซวน จากนั้นถัดมาอีกสองวันก็ได้เจอกับคู่พ่อลูกคู่หนึ่ง สถานการณ์ของพ่อลูกคู่นั้นเหมือนกับที่กลุ่มของติงเซวพูด พวกเขามีปฏิกิริยาต่อต้านพวกเราอย่างแรง”

 

คิ้วของกูเหลียงเฉินย่นอย่างใช้ความคิด “กลุ่มที่สี่เองก็เจอคนแปลกหน้าทั้งหมดสี่คนเหมือนกัน ซึ่งก็เป็นวิวัฒนาการทรงพลังสองคน แต่พวกเราเจอพวกเขาทีละคน แถมหนึ่งในนั้นยังจับตัวคนทรยศของกลุ่มเราไป ตอนนี้เราไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อดี นอกจากนั้นเราก็เจอสถานการณ์เดียวกับกลุ่มที่สองและสาม พวกเขาเราเจอคู่พ่อและลูก เด็กผู้หญิงนั้นเป็นคนสวยมาก ทว่าท่าทางไม่เป็นมิตรและต่อต้านนั้นทำให้พวกเรารู้สึกแปลกๆ”

 

ติงเซวมีสีหน้างุนงง

 

กูเหลียงเฉินยิ้มมุมปาก จากนั้นก็พูดโพล่งขึ้นมาท่ามกลางวงสนทนา “ทุกคนได้เจอกับคู่พ่อลูกเหมือนกันใช่มั้ย?”

 

ฝูงชนต่างพยักหน้าพร้อมๆกัน ทั้งสิบห้ากลุ่ม ยกเว้นแค่กลุ่มที่หนึ่งที่มาถึงเร็วกว่ากลุ่มอื่น ส่วนกลุ่มที่เหลือทั้งสิบสี่กลุ่มนั้นต่างได้เจอกับคู่พ่อลูกเหมือนกันหมด!

 

ฟืด ฟืด——-

 

กองไฟที่ลุกโชนท่ามกลางกลุ่มคนที่ล้อมไว้ยังคงเผาไหม้ต่อไปเรื่อยๆ ภายในซุปเปอร์มาร์เก็ตนั้นเงียบสนิทจนได้ยินเสียงทุกอย่าง มันมีบรรยากาศสลัวๆน่าขนลุกแปลกๆเกิดขึ้น

 

“นั่นเป็นคำถามที่ฉันอยากจะถาม” จู่ๆชูเซี่ยก็พูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ เธอหยิบเอากองกระดาษขึ้นมาและในขณะที่เธอกำลังจะเอ่ยปากพูด—–

 

“เข้ามาสิ เข้ามาเถอะ ข้างในมันอุ่นนะ”

 

“ไม่ต้องกลัว” จู่ๆมันก็เสียงบทสนทนาที่คุ้นหูดังขึ้นตรงทางเข้าของซุปเปอร์มาร์เก็ต ตามมาด้วยสมาชิกของกลุ่มสุดท้ายที่เดินเข้ามาพร้อมกับคู่พ่อลูกที่พวกเขากำลังพูดถึงอยุ่!

 

นี่คือกลุ่มที่หก ซึ่งความแตกต่างเดียวที่กลุ่มที่หกมีจากกลุ่มอื่นๆก็คือเป็นกลุ่มที่มีสมาชิกผู้หญิงมากที่สุด ซึ่งมีทั้งหมดสามคน

 

ทั้งสิบห้ากลุ่มที่อยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างตะลึงงัน มองไปที่กลุ่มที่หกที่พึ่งเข้ามาข้างในกับคู่พ่อลูกอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา การปรากฏตัวขึ้นด้วยท่าทางหวาดกลัวตลอดเวลาของเด็กสาวได้ดึงดูดความสนใจจากทุกคน เด็กสาวที่มีท่าทางหวาดหวั่นซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของผู้เป็นพ่อ เนื้อตัวสั่นเทิ้มด้วยอาการหวาดกลัว

 

ด้วยจำนวนผู้หญิงที่มากในกลุ่มที่หกทำให้คู่พ่อลูกลดความระแวงลงได้อย่างนั้นเหรอ? อย่างไรก็ตาม ที่นี้มีคนตั้งมากมายและจำนวนผู้หญิงทั้งหมดในที่นี้ก็คือ 5 คน ส่วนที่เหลือคือผู้ชายอย่างน้อยอีก 150 คน

 

“ไม่ต้องกลัวไป” น้ำเสียงของผู้หญิงในกลุ่มที่หกเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวังและพยายามปลอบใจคู่พ่อลูก จากนั้นก็หมุนตัวหันมาทุกคนที่เหลือในซุปเปอร์มาร์เก็ต “แนะนำตัวกันก่อน นี่คือพ่อและลูกสาวของเขา”

Apocalypse Meltdown

Apocalypse Meltdown

มันเป็นโลกที่ซอมบี้และมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยความสิ้นหวัง สนามแม่เหล็กของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงและทุกอย่างได้ย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้น วันหนึ่ง วีรบุรุษของพวกเรา…ชูฮัน ได้เดินทางย้อนเวลากลับมาสิบปีก่อนโดยไม่รู้ตัว เขาได้ย้อนกลับมาก่อนจุดจบของโลกจะเริ่มต้นขึ้น (โลกาวินาศ) เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงดังในหอพักในมหาวิทยาลัยหมิงชิว ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ชูฮันต่อสู้กับเหล่าซอมบี้นับสิบๆตัวก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถเพื่อขโมยรถยนต์เมอร์ซิเดซ-เบนซ์G55ออกมา เขาตัดสินใจที่จะตามหาพ่อแม่และพี่น้องของเขาด้วยG55คันนี้ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเสียใจที่ไม่ได้ทำในชาติที่แล้ว ระหว่างทางชูฮันได้พบปะกับคนกลุ่มหนึ่งที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนที่ติดอันดับ 20 ของโลกาวินาศรวมอยู่ด้วย…เฉินช่าวเย่ พวกเขาพบกับซอมบี้จำนวนมากระหว่างทางบนทางหลวง ซึ่งชูฮันได้ใช้รถ G55 พุ่งชนเหล่าซอมบี้จนเละ และในตอนนั้นเอง ชูฮันถึงตระหนักได้ว่าทั้งหมดนี้คือระบบล่มสลาย และเขาสามารถได้คะแนนจากการฆ่าซอมบี้ทั้งหลาย ซึ่งเขาสามารถเอาคะแนนพวกนี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นความสามารถพิเศษอะไรก็ได้ และในตอนนั้นเอง การเดินทางของชูฮันก็ได้เริ่มต้นขึ้นไปพร้อมๆกับระบบล่มสลาย นี่เป็นเรื่องราวของระบบล่มสลาย โดยมีเขา…ชูฮัน เป็นคนดำเนินเรื่องราว

Comment

Options

not work with dark mode
Reset