Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย – ตอนที่ 633 เร็วไปงั้นเหรอ?

“เริ่มทันที” ชูฮันพูด

 

ภารกิจของชูฮันนั้นชัดเจนและห้ามกังขา แต่เหล่าทหารผ่านศึกที่คุ้นเคยกับนิสัยการฝึกของชูฮันอดที่จะตั้งข้อสงสัยในใจไม่ได้กับการที่ชูฮันให้ 300 คนแข่งขังกันเอง นี้เป็นลักษณะการฝึกของชูฮันก็จริงเพียงแต่ว่าการฝึกครั้งนี้ เนื้อหาของการฝึกมันทำให้พวกเขาค่อนข้างงุนงง

 

มันง่ายไปรึเปล่า?

 

แค่เข้าไปทางใต้สุดของเมืองอันลู และแต่ละคนจะต้องนำชิ้นส่วนเฟอร์นิเจอร์กลับมา? มันไม่ใช่แค่เรียบง่ายเกินไป แต่มันยังแปลกอีกด้วย ให้ไปขนเฟอร์นิเจอร์มาเนี่ยนะ?

 

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีข้อสงสัย แต่ตราบใดที่ภารกิจการฝึกได้ถูกปล่อยออกไปแล้ว ทุกคนก็เริ่มปฏิบัติทันที

 

หลิงและเหลียวหยงยังไม่ได้สติดีจากความกลัวกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะเมื่อจู่ๆชูฮันก็ปล่อยให้พวกเขานำทีมไปทำภารกิจอย่างกระทันหันแบบนี้อีก พวกเขาเคยชินกับการทำงานตัวคนเดียวมาตลอด และจู่ๆต้องมานำทีมคนถึง 150 คน มันยากที่พวกเขาจะปรับตัวได้ในทันทีแบบนี้

 

อย่างไรก็ตาม มันไม่เวลาที่จะให้พวกเขาได้มานั่งปรับตัวให้คุ้นเคยอะไรทั้งนั้น ชูฮันเร่งพวกเขาอย่างมาก ทหารผ่านศึกหลายคนที่คุ้นเคยกับวิธีการทำงานของชูฮันดีก็มองดูสถานการณ์ก่อนจะเริ่มออกตัววิ่งออกไป

 

ภายในเวลาสั้นๆ เหล่าทหารมาใหม่จำนวนมากและทหารผ่านศึกไม่กี่คนก็หายตัวไปจากระยะสายตาของชูฮันท่ามกลางความมืด ขณะที่เหล่าทหารที่เหลืออีก 400 คนยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับ สายตาของทุกคนจับจ้องมาที่ชูฮัน

 

ชูฮันเองก็มองจ้องทุกคนกลับไปด้วยแววตาสดใสเช่นกัน “พวกเขาไปแล้ว แล้วภารกิจของพวกคุณทั้ง 400 คนคืออะไรรู้มั้ย?”

 

แววตาของทั้ง 400 คนเป็นประกาย แน่นอนว่าพวกเขาไม่รู้ แต่เมื่อมองดูแล้ว หัวหน้าชูฮันน่าจะเป็นคนนำภารกิจเองใช่มั้ย?

 

“ก่อนหน้านี้ กูเหลียงเฉินมอบหมายหน้าที่ให้พวกคุณทำการยึดที่มั่นทั้งหลายหลังจากฆ่าซอมบี้ได้ใช่มั้ย?” ชูฮันยิ้มมุมปากตามความเคยชิน “มันยังมีที่ตั้งมั่นสุดท้ายและอันตรายมากที่สุดเหลืออยู่ พวกคุณทั้งสี่ร้อยคนจะต้องยึดที่มั่นนั้นให้ได้ก่อนรุ่งสางวันพรุ่งนี้”

 

เฮือก!

 

ความหวาดกลัวพุ่งทะลักขึ้นมาในหัวใจของทุกคนทันที ลำคอของทุกคนตีบตันอย่างพูดอะไรไม่ออก เสียงกลืนน้ำลายอึกดังออกมาให้ได้ยิน แม้พวกเขาจะได้เรียนรู้มากมายจากการฆ่าซอมบี้ไม่กี่วันผ่านมา แต่แค่คืนเดียวอีกทั้งทหารสามร้อยคนก็ถูกย้ายออกไปจากกลุ่มด้วย พวกเขาเหลือกันเองแค่สี่ร้อยคนเท่านั้นแล้วหัวหน้าสั่งให้พวกเขายึดที่มั่นที่อันตรายที่สุดให้ได้ก่อนรุ่งสางวันพรุ่งนี้?!

 

ทั้งสามร้อยคนที่เดินจากไปเพื่อทำภารกิจอีกอันก็ดูเหมือนจะอันตรายไม่น้อย ในเมืองอันลูที่มีซอมบี้จำนวนมากถึง 1.5 ล้านตัว แต่ความจริงแล้วมันก็มีพื้นที่มากมายให้พวกเขาเดินทางได้โดยไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับฝูงซอมบี้ในเมือง การฆ่าและเดินทางไปด้วยนั้นเป็นวิธีการที่กองทัพเขี้ยวหมาป่าคุ้นเคยดี รวมถึงการหลีกเหลี่ยงการเผชิญหน้ากับฝูงซอมบี้ภายใต้การนำของกลุ่มทหารผ่านศึก

 

อย่างไรก็ตาม ชูฮันนำทัพพวกเขาสี่ร้อยคนไปทำภารกิจยึดที่มั่นที่ความจริงแล้วต้องใช้ทหารเจ็ดร้อยคนและใช้เวลาอย่างน้อยสองวันเพื่อยึดที่มั่นสุดท้าย ซึ่งเป็นภารกิจที่หินที่สุด แต่ครั้งนี้คำสั่งของชูฮันไม่ใช่การให้พวกเขาข้ามผ่านขีดจำกัดแต่มันเป็นอันตรายที่เสี่ยงถึงชีวิต!

 

“กลัวเหรอ?” น้ำเสียงของชูฮันแฝงมาพร้อมกับการล้อเลียนจางๆ

 

“ขออนุญาติครับท่าน! ไม่กลัวครับ!” ทหารผ่านศึกคนหนึ่งที่รู้อารมณ์ของชูฮันดีรีบตอบรับเสียงดังลั่น  จากนั้นก็เอ่ยเพิ่มเติม “รับรองครับว่าพวกเราจะทำภารกิจให้สำเร็จ!”

 

ทหารผ่านศึกคนอื่นๆเองก็รีบคว้าตัวของเหล่าทหารมาใหม่หลายคนที่กำลังจะอ้าปากพูดเอาไว้ทันที พวกเขาห้ามปฏิเสธหรือขัดขืนคำสั่งของหัวหน้าชูฮันอย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นท่านชูฮันจะบังคับให้ลดเวลาปฏิบัติภารกิจลงมาให้เร็วกว่าเดิมอีก ครั้งนี้เวลาจำกัดของภารกิจไม่ใช่วันพรุ่งนี้ แต่มันคือก่อนรุ่งสางซึ่งมันหมายว่าก่อนเที่ยงคืนวันนี้นั้นเอง!

 

มากกว่านั้นหลังจากผ่านประสบการณ์กับการรบของสงครามกลางภูเขามา สำหรับเหล่าหทารผ่านศึกการยึดที่มั่นสุดท้ายภายในคืนนี้ด้วยทหารสี่ร้อยคนนั้นไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ทว่าด้วยเพราะจำนวนทหารส่วนใหญ่คือทหารมาใหม่ซึ่งทหารมาใหม่พวกนี้ยังไม่มีประสบการณ์ในการรับมือกับซอมบี้มากเท่าที่ควร ภายใต้การนำของกูเหลียงเฉินเหล่าทหารมาใหม่ค่อยๆปรับตัวอย่างช้าๆเข้ากับรูปแบบการรบของกองทัพเขี้ยวหมาป่าท่ามกลางความยากและอุปสรรคที่ต้องพบเจอในแต่ละครั้ง ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับเหล่าทหารมาใหม่ที่จู่ๆชูฮันก็เพิ่มระดับความยากของภารกิจอย่างกระทันหัน เหล่าทหารมาใหม่จึงรู้สึกกลัวอย่างมากกับภารกิจที่แสนยากและกระทันหันเช่นนี้

 

ท่าทางหวาดกลัวของเหล่าทหารใหม่ไม่ได้ทำให้ชูฮันสนใจเลยแม้แต่น้อยว่าสภาวะทางจิตของแต่ละคนพร้อมหรือไม่

 

เฮือก!

 

ทั้งสี่ร้อยคนชะงัก มองหน้าชูฮันอย่างหวาดๆและออกตัววิ่งทันที ชูฮันได้ยินเสียงของเหล่าทหารผ่านศึกหลายคนที่กำลังกระตุ้นเหล่าทหารมาใหม่ ความกระตือรือร้นที่มีความกลัวเป็นแรงผลักดันได้เพิ่มความยากของภารกิจเข้าไปอีก

 

คิดว่าเขาไม่รู้หรือไงว่าตอนที่กูเหลียงเฉินเป็นกัปตันของทั้งกองทัพ กูเหลียงเฉินที่กลัวอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับเหล่าเพื่อนทหารด้วยกันจึงชะลอกระบวนการทุกอย่างลงตามจิตใต้สำนึก ชูฮันเองก็หมดทนทางในสถานการณ์เช่นนี้ ความกังวลของกูเหลียงเฉินนั้นไม่ผิดเลย ทว่ากูเหลียงเฉินได้เพิกเฉยต่อปัญหาพื้นฐานที่สำคัญที่สุดไปเพราะความกังวลที่มากเกินไปของตัวเขาเอง

 

กองทัพเขี้ยวหมาป่าไม่ใช่กองกำลังขนาดใหญ่ แต่ทุกคนคือนักรบที่แท้จริง

 

กูเหลียงเฉินเป็นคนที่มีพรสวรรค์และความสามารถ แต่ข้อบกพร่องนั้นก็มีให้เห็นชัดเจนเช่นกัน ดังนั้นชูฮันจึงทำได้แค่ให้กูเหลียงเฉินมีตำแหน่งในแผนกเจ้าหน้าที่ของค่ายเขี้ยวหมาป่า ส่วนสำหรับกองทัพเขี้ยวหมาป่านั้นใครจะมีความสามารถพอที่จะดูและควบคุมนั้น ชูฮันยังหาคนที่ใช่ไม่ได้

 

ท้ายที่สุดแล้ว ถึงแม้มันจะมีคนที่มีพรสวรรค์และความสามารถมากมายแค่ไหน แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหาคนที่เหมือนชูฮันได้อีกคน…

 

ความเร็วของกลุ่มที่ 31 ถึง 70 นั้นค่อนข้างเร็วพอสมควรเลย ภายใต้ความกดดันที่ชูฮันมอบให้ ที่ตั้งมั่นสุดท้ายถูกครอบครองโดยพวกเขาด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ ฝูงซอมบี้นับหมื่นๆตัวตายกองกันอยู่รอบๆบริเวณ กองศพของฝูงซอมบี้จำนวนมากทับถมกันสูงเป็นภูเขา กลิ่นเหม็นเน่าฉุยโฉยไปทั่วทุกที่ เลือดสีดำไหลนองเต็มไปหมด

 

เมื่อวันรุ่งขึ้นมาถึง ดวงอาทิตย์ส่องแสงไปทั่วโลก สถานที่แห่งนี้ก็มองเห็นแต่ศพซอมบี้หนาแน่นไปทั่ว ทหาร 350 คนนั่งกันอยู่ที่พื้นด้วยความล้า พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเขาสามารถทำภารกิจที่แสนยากนี้สำเร็จได้ข้ามคืน มันเหนือความคาดหมายของตัวเอง เสียงต่อสู้รบราฟันดาบดังก้องอยู่ในหูยังไม่หาย สติของเหล่าทหารมาใหม่ยังไม่กลับคืนมา

 

ในทำนองเดียวกัน พวกเขาไม่เข้าใจว่าตัวเองสามารถฆ่าซอมบี้มากมายขนาดนี้ภายในเวลาสั้นๆได้อย่างไร แม้พวกเขาจะมีจำนวนคนกันไม่น้อยแต่เมื่อเทียบกับจำนวนซอมบี้ที่ต้องเผชิญหน้ามันก็ยังเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ พวกเขายังคงรู้สึกทึ่งกับตัวเองไม่หายเลย

 

แม้กระทั่งในพวกเขาทั้งสี่ร้อยคน ยังไม่มีใครเสียชีวิตเลยด้วย พวกเขาทำการฆ่าซอมบี้ไปตามขั้นตอนทีละขั้น ค่อยๆล้อมวงจัดการซอมบี้ไปเรื่อยๆโดยไม่หยุดพัก ทุกช่วงจังหวะนั้นโบกอาวุธในมือไปมาด้วยความสิ้นหวัง โดยไม่ทันรู้ตัวมันก็ข้ามผ่านคืนหนึ่งไปแล้ว และพอรู้ตัวอีกทีซอมบี้ในระยะบริเวณนี้ทั้งหมดก็นอนตายกองกันอยู่ที่พื้นเป็นจำนวนมหาศาลแล้ว

 

ชูฮันไม่ได้รู้สึกกังวลเลยสักนิด คนพวกนี้กลายเป็นพวกโง่เง่าทันทีหลังจากฆ่าซอมบี้จำนวนมากเสร็จ แต่พวกหน้าโง่พวกนี้ได้กลายเป็นนักสู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว พวกเขาได้เกิดใหม่หลังจากการสู้ในครั้งนี้ และท่ามกลางกลุ่มทหารมาใหม่ประมาณ 350 คนที่นั่งอยู่ กลุ่มทหารผ่านศึก 50 คนก็เริ่มเตรียมการเผาศพของซอมบี้ที่ฆ่าเสร็จ

 

ภายในเวลาแค่ไม่กี่เดือน ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงจนน่าเหลือเชื่อ

Apocalypse Meltdown

Apocalypse Meltdown

มันเป็นโลกที่ซอมบี้และมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยความสิ้นหวัง สนามแม่เหล็กของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงและทุกอย่างได้ย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้น วันหนึ่ง วีรบุรุษของพวกเรา…ชูฮัน ได้เดินทางย้อนเวลากลับมาสิบปีก่อนโดยไม่รู้ตัว เขาได้ย้อนกลับมาก่อนจุดจบของโลกจะเริ่มต้นขึ้น (โลกาวินาศ) เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงดังในหอพักในมหาวิทยาลัยหมิงชิว ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ชูฮันต่อสู้กับเหล่าซอมบี้นับสิบๆตัวก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถเพื่อขโมยรถยนต์เมอร์ซิเดซ-เบนซ์G55ออกมา เขาตัดสินใจที่จะตามหาพ่อแม่และพี่น้องของเขาด้วยG55คันนี้ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเสียใจที่ไม่ได้ทำในชาติที่แล้ว ระหว่างทางชูฮันได้พบปะกับคนกลุ่มหนึ่งที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนที่ติดอันดับ 20 ของโลกาวินาศรวมอยู่ด้วย…เฉินช่าวเย่ พวกเขาพบกับซอมบี้จำนวนมากระหว่างทางบนทางหลวง ซึ่งชูฮันได้ใช้รถ G55 พุ่งชนเหล่าซอมบี้จนเละ และในตอนนั้นเอง ชูฮันถึงตระหนักได้ว่าทั้งหมดนี้คือระบบล่มสลาย และเขาสามารถได้คะแนนจากการฆ่าซอมบี้ทั้งหลาย ซึ่งเขาสามารถเอาคะแนนพวกนี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นความสามารถพิเศษอะไรก็ได้ และในตอนนั้นเอง การเดินทางของชูฮันก็ได้เริ่มต้นขึ้นไปพร้อมๆกับระบบล่มสลาย นี่เป็นเรื่องราวของระบบล่มสลาย โดยมีเขา…ชูฮัน เป็นคนดำเนินเรื่องราว

Comment

Options

not work with dark mode
Reset