Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย – ตอนที่ 644 นายไปต่างประเทศ?

“น้องชาย ในที่สุดก็มาถึง!” ในตอนที่เห็นโมเซอ ชูฮันตื่นเต้นมากจนหัวเราะออกมา

 

โมเซอในวันนี้แตกต่างจากโมเซอเมื่อหกเดือนก่อนอย่างสิ้นเชิง ถ้าไม่ใช่เพราะชูฮันจดจำโมเซอในชาติที่แล้วได้ เขาคงจะนึกไม่ออกอยู่นานเลยว่าคนตรงหน้าเขานี้คือใคร ซึ่งมันไม่ใช่การกล่าวเกินจริงเลยสักนิด

 

ครั้งนี้ โมเซอดูคล้ายกับคนที่ชาติที่แล้วพอสมควร เขามีจิตวิญญาณของความร้ายกาจและความดุดันติดตัวมาด้วยเหมือนกับในชาติที่แล้ว ซึ่งมันเป็นคนละบรรยากาศกับคนเมื่อครึ่งปีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง อาจจะเป็นเพราะการกระทำของชูฮัน ทำให้ประสบการณ์ที่โมเซอพบเจอในชาตินี้ต่างไปจากชาติที่แล้ว กลายเป็นคนที่ดุดันและน่ากลัวยิ่งกว่าชาติที่แล้วซะอีก

 

ในจังหวะที่โมเซอเห็นชูฮัน จิตวิญญาณชั่วร้ายรอบๆตัวโมเซอก็สลายตัวลงไปอย่างมากเหลือเพียงแค่รอยยิ้มบางๆ

 

“ดูรอยยิ้มนั่นสิ หน้าไม่ตึงแล้วรึไง?” ชูฮันอารมณ์ดีมากจนพูดจาแซวโมเซอ

 

“พี่ไม่เจอฉันมาตั้งครึ่งปี และชื่อเสียงของพี่ก็มีแต่เพิ่มขึ้นๆ” โมเซอไม่สนใจอะไรมากกับการพูดของชูฮัน ถ้ามีใครที่รู้จักโมเซออยู่แล้วและมาเห็นภาพนี้เข้าจะต้องคิดว่านี่ต้องเป็นผีแน่ๆ โมเซอตัวจริงไม่มีทางยิ้มหรือยอมให้ใครพูดแซวเด็ดขาด

 

ชูฮันยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ “นายอยากจะเพิ่มชื่อเสียงให้ตัวเองมั้ยล่ะ? มาเข้าร่วมกับฉันสิ!”

 

โมเซอส่ายหน้าอย่างสุภาพ “พี่ก็รู้จักฉัน ฉันไม่สนใจเรื่องอะไรแบบนี้”

 

“อะไรก็ช่าง” ชูฮันไม่สนใจคำปฏิเสธของโมเซอ เขาเปลี่ยนคำพูดอย่างรวดเร็ว “นายทำสำเร็จรึยังสำหรับหกเดือนที่ผ่านมา? ไม่ว่าได้ยินข่าวมามากแค่ไหน ฉันก็คิดเสมอว่านายทำได้”

 

มันมีแววตาลึกลับบางอย่างปรากฏขึ้นที่นัยน์ตาของโมเซอและสลายไปอย่างรวดเร็ว “มันมีประเทศหนึ่ง”

 

“พัฟ! แค่ก! แค่ก!” ชูฮันถึงกับสำลักน้ำลายตัวเองทันที มันยากมากที่จะได้เห็นชูฮันในอารมณ์เช่นนี้ นี่โมเซอมันถึงกับเล่นข้ามประเทศเลยเหรอ?!

 

“เซอร์ไพรส์” โมเซอจ้องหน้าชูฮันพร้อมกับยิ้ม

 

“ไร้สาระ” ชูฮันเหลือบมองตอบและก็รีบเปลี่ยนหัวข้อทันที “ใช่ ฉันสัญญาว่าอาวุธของนายจะเริ่มทำการผลิตทันที แต่มันจำเป็นต้องผ่านการทดลองจากนายด้วยตัวเองก่อน”

 

“ขอบคุณ” โมเซอไม่คิดว่าชูฮันจะพูดเรื่องเมื่อหกเดือนก่อนอย่างสบายๆแบบนี้ ชูฮันยังจำคำสัญญาที่ผ่านมานานแล้วได้ทำให้โมเซอรู้สึกดีอย่างมาก ทันใดนั้นเขาก็เป็นเริ่มเปิดก่อน “พี่ไม่สงสัยเกี่ยวกับฉันเหรอไง ฉันไปไหนมา? ทำอะไรมาบ้าง?”

 

ชูฮันกระพริบตา “แน่นอนว่าฉันไม่รู้ว่านายไปไหนมา แต่ฉันเดาได้ว่ามันมีอยู่แค่สองอย่างเท่านั้น มันไม่มีอะไรนอกเหนือจากฆ่าและทำเงิน”

 

โมเซอตะลึงงันทันที เขาตกใจมาก “รู้ได้ยังไง?”

 

ชูฮันไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น “ด้วยบุคคลิกของนายแล้ว นายไม่คิดหาเพื่อน นายไม่ชอบให้ตัวเองว่าง ไม่ชอบพูดคุยกับใคร เป็นคนที่มีประสิทธิภาพในตัวเองและจู่ๆที่ตอนนี้นายปรากฏตัวขึ้นก็เพราะว่าฉันมีอะไรบางอย่างที่ตรงกับความต้องการของนาย”

 

โมเซอพูดอะไรไม่ออก หลังจากเงียบไปอยู่พักหนึ่ง เขาก็ยิ้มออกมาและส่ายหัว “ถูก!”

 

ชูฮันยกมือขึ้นแตะจมูกอย่างอารมณ์ดี “ฉันเดาเอา ถ้างั้นก็บอกฉันมาว่านายไปประเทศไหนมา ไปทำอะไร ทำให้ความอยากรู้อยากสงสัยของคนที่ไม่เคยไปต่างประเทศคลายลงหน่อยสิ”

 

“ตอนนี้โลกเต็มไปด้วยซอมบี้ ชื่อของแต่ละประเทศนั้นหมายถึงสัญลักษณ์ของยุคเก่า เมื่อไม่มีการป้องกันระหว่างชายแดน การข้ามประเทศก็เป็นเรื่องปกติ ไม่มีใครสามารถควบคุมเราได้ ใครจะสามารถเดินทางไปไหนก็ได้ ตอนนี้ชื่อของหลายประเทศนั้นถูกเรียกแทนที่ด้วยชื่อภูมิศาสตร์ของแต่ละเขตเท่านั้น” โมเซอไม่รู้ว่าชูฮันมีความรู้ที่ลึกซึ้งเรื่องนี้มากกว่าตัวเองหลายเท่านัก

 

ชูฮันทำตัวปกติ เขาเพียงแค่ทำท่าให้โมเซอพูดต่อ ส่วนหวังไคที่ฟังอยู่ก็มีท่าทีเป็นกังวล

 

โมเซอพูดต่อ “ฉันไปที่ตะวันออกเฉียงเหนือสุดของจีนมา หลังจากเข้าปีที่สองของโลกาวินาษ ฉันข้ามเขตชายแดนไปเพื่อส่งของบางอย่างตามที่ได้รับคำสั่งจากนายจ้างมา ฉันไม่สามารถพูดอะไรมากได้ เพราะถึงอย่างไรแล้วฉันก็รับเงินมาแล้ว ในการทำธุริจ เราจำเป็นต้องรักษาความเป็นส่วนตัวของนายจ้างของเราด้วย”

 

ชูฮันพยักหน้าและอย่างเข้าใจ แต่ในใจของโมเซอนั้นเขากำลังวิเคราะห์ปฏิกิริยาของชูฮันอย่างละเอียดอยู่

 

โมเซอได้พบคนผู้คนมากมายจากทั่วโลก และสิ่งของที่เขาทำหน้าที่ส่งมอบก็เป็นจดหมายลับ ส่วนนายจ้างของโมเซอนั้นชูฮันมั่นใจว่าที่เขาคิดมันถูกต้อง

 

มันต้องเป็นตระกูลลึกลับอย่างแน่นอน!

 

นอกเหนือจากตระกูลลึกลับแล้ว ชูฮันไม่สามารถคิดถึงความเป็นไปได้อย่างอื่นออกได้เลย ข้อแรกก็คือความสามารถของตระกูลลึกลับที่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่กันดานที่ไกลออกไปได้

 

ข้อสองคือชูฮันรู้มาสักพักหนึ่งแล้วข้อความในจดหมายลับที่ถูกส่งมานั้นมาจากทางเหนือ

 

สำหรับนายจ้างที่ติดต่อโมเซอให้กับตระกูลลึกลับ ชูฮันไม่สามารถเดาได้ว่าคือใครกันแน่แต่แน่นอนว่ามันไม่ใช่ผู้บัญชาการมู๋หรือเหอเฟิง ระยะเวลาและเหตุการณ์มันไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ถ้าหากว่าใช่ เหอเฟิงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเอาทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในจีนของตัวเองมาเข้าร่วมกับชูฮัน

 

ดูเหมือนว่าทุกอย่างสามารถอธิบายได้อย่างเดียวว่ามีเป็นตัวแทนคนนำการติดต่อกับตระกูลลึกลับให้ และสถานการณ์มันก็เป็นที่น่ากังวล!

 

————-

 

ในเวลาเดียวกัน ในที่ที่ห่างไกลออกไปจากค่ายเขี้ยวหมาป่า ซึ่งมันเป็นเส้นทางเดียวที่จะไปเมืองอันลูหรือค่ายอื่นๆได้ ถนนเส้นนี้ล้อมรอบไปด้วยต้นหญ้าสูงหนานแน่น ท่ามกลางในนั้นมีกลุ่มคนหลายคนยืนนิ่งอยู่ด้วยความกังวล

 

“เหย่จือโปบอกให้เราสุ่มโจมตีฆ่าชูฮันตรงนี้ แต่เมื่อไหร่ที่ชูฮันจะมา?” หนึ่งในนั้นที่หมดความอดทนแล้วกระซิบกระซาบถามคนที่อยู่ข้างตัวเอง

 

“เงียบ!” คนที่เห็นได้ชัดว่าน่าจะเป็นผู้นำออกคำสั่งเสียงเข้ม “พวกเราคือนักฆ่า ไอ้ชูฮันนี่ที่เราได้ยินมาคือมันมีรายชื่ออยู่ในอันดับแรกของวิวัฒนาการระยะ 3 แต่ความจริงแล้วเรามีแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ว่ามันได้อยู่ในระยะ 4 แล้ว!”

 

“ไม่ว่าระยะ 3 หรือ 4 ไม่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง” บางคนดูถูกชูฮัน “พวกเรามีคนตั้งมาก ไอ้ชูฮันนี่มันก็พาทหารของมันออกไปจากค่ายหมดแล้ว ถึงแม้มันอาจจะมีพรรคพวกเหลืออยู่แต่มันมีคนเก่งๆแค่ไม่กี่คน การฆ่ามันไม่น่ายากอะไร คงเหมือนกับฆ่าหมาตัวหนึ่งว่ามั้ย?”

 

ผู้นำที่ได้ยินมีท่าทีพอใจมาก หากสักพักก็นิ่วหน้า “ปัญหาก็คือตั้งแต่ที่เราได้รับข่าวเราสุ่มอยู่ที่นี้มาเป็นอาทิตย์แล้ว ทำไมไอ้ชูฮันยังไม่มาอีก?!”

 

“หัวหน้า เราไม่มีอาหารพอ…”

 

เมื่อได้ยินอย่างนั้น ผุ้นำก็ยิ่งรู้สึกลำบากใจ ทำได้แค่กัดฟัน “มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะล่าสัตว์ป่ามาเป็นอาหาร เราไม่สามารถปล่อยโอกาสหลุดมือไปได้ มันอาจมาได้ทุกเมื่อ!”

 

“หัวหน้า!” ทันใดนั้นก็มีคนหนึ่งรีบวิ่งมาจากที่ไกลด้วยท่าทางตื่นตระหนก

 

“ไอ้เวร! เป็นบ้าเหรอไง แหกปากเสียงดัง” ผู้นำตกใจมากและรีบกระซิบต่อว่า

 

คนที่วิ่งมารีบสูดลมหายใจเข้าปอด จากนั้นก็พูดขึ้น “ผมพึ่งได้ข่าวว่าชูฮันกลับมาแล้ว!”

 

“กลับมาแล้ว กลับมาไหน?” ผู้นำมึนงง

 

“กลับมาที่ค่ายเขี้ยวหมาป่า!” ชายที่รายงานเกือบจะเป็นลมอยู่แล้วเพราะหายใจไม่ทัน

 

ทันทีที่ทุกคนได้ยิน มันก็กวนตะกอนคลื่นอารมณ์มหาศาลขึ้นมา

 

“อะไรน่ะ?”

 

“แล้วพวกเรารอตรงนี้ทำบ้าอะไร!”

 

“กลายเป็นว่าชูฮันไม่ได้ออกจากค่ายเขี้ยวหมาป่า เขาเพียงแค่เดินวนดูรอบๆเท่านั้น!”

 

“ไอ้กูเหลียงเฉินมึงให้ข่าวปลอมกู!”

 

“ผมกลัวว่าชูฮันจะรู้ทุกอย่างอยู่แล้ว เขามักทำตัวแปลกอยู่เสมอ มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นในค่ายเขี้ยวหมาป่าที่รู้ว่าเขาออกจากค่ายไปก่อนหน้านี้ มันอาจจะเป็นไปได้ว่าข่าวของกูเหลียงเฉินอาจจะไม่แม่นยำพอ เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับชูฮันมากเท่าไหร่”

 

“คำถามก็คือ แล้วตอนนี้เราจะทำยังไง?” ทันใดนั้นทุกคนก็มองไปที่ผู้นำของตัวเอง

 

ผู้นำพยายามระงับอารมณ์โกรธของตัวเอง “แล้วกูจะทำอะไรได้? กลับสิ!”

a

Apocalypse Meltdown

Apocalypse Meltdown

มันเป็นโลกที่ซอมบี้และมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยความสิ้นหวัง สนามแม่เหล็กของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงและทุกอย่างได้ย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้น วันหนึ่ง วีรบุรุษของพวกเรา…ชูฮัน ได้เดินทางย้อนเวลากลับมาสิบปีก่อนโดยไม่รู้ตัว เขาได้ย้อนกลับมาก่อนจุดจบของโลกจะเริ่มต้นขึ้น (โลกาวินาศ) เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงดังในหอพักในมหาวิทยาลัยหมิงชิว ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ชูฮันต่อสู้กับเหล่าซอมบี้นับสิบๆตัวก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถเพื่อขโมยรถยนต์เมอร์ซิเดซ-เบนซ์G55ออกมา เขาตัดสินใจที่จะตามหาพ่อแม่และพี่น้องของเขาด้วยG55คันนี้ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเสียใจที่ไม่ได้ทำในชาติที่แล้ว ระหว่างทางชูฮันได้พบปะกับคนกลุ่มหนึ่งที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนที่ติดอันดับ 20 ของโลกาวินาศรวมอยู่ด้วย…เฉินช่าวเย่ พวกเขาพบกับซอมบี้จำนวนมากระหว่างทางบนทางหลวง ซึ่งชูฮันได้ใช้รถ G55 พุ่งชนเหล่าซอมบี้จนเละ และในตอนนั้นเอง ชูฮันถึงตระหนักได้ว่าทั้งหมดนี้คือระบบล่มสลาย และเขาสามารถได้คะแนนจากการฆ่าซอมบี้ทั้งหลาย ซึ่งเขาสามารถเอาคะแนนพวกนี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นความสามารถพิเศษอะไรก็ได้ และในตอนนั้นเอง การเดินทางของชูฮันก็ได้เริ่มต้นขึ้นไปพร้อมๆกับระบบล่มสลาย นี่เป็นเรื่องราวของระบบล่มสลาย โดยมีเขา…ชูฮัน เป็นคนดำเนินเรื่องราว

Comment

Options

not work with dark mode
Reset