Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย – ตอนที่ 685 เด็กหนุ่มแปลกหน้า

ตอนที่ 685 เด็กหนุ่มแปลกหน้า

 

น้ำเสียงของชายหนุ่มแปลกหน้าขัดกับอารมณ์ภายในห้องประชุมในขณะนี้อย่างสิ้นเชิง สายตาของทุกคนเบนจากจวงฮงและอี้มาที่ชายหนุ่มที่เงยหน้าขึ้นมาเป็นครั้งแรก

 

เพียงแค่สายตาของเด็กหนุ่มที่มองมา หัวใจของทุกคนก็แทบหยุดเต้น หลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่า คนคนนี้คือใคร หากเพียงแค่สายตากลับทําให้พวกเขารู้สึกเสียววาบและขนลุกได้แล้ว

 

ในตอนแรกที่เห็นผมที่ถูกย้อมด้วยสีน้ำตาลเหลืองมันก็น่าประหลาดใจตั้งแต่แรกแล้ว ถึงอย่างไรแล้วด้วยเพราะเงื่อนไขมากมายในโลกาวินาศที่แตกต่างไปจากยุคก่อนอย่างสิ้นเชิงมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะย้อมผมในโลกาวินาศเช่นนี้ได้ หลายๆคนจึงเหลือเพียงแค่สีปลายผมที่ทิ้งไว้มาตั้งแต่ยุคศิวิไลซ์ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะคนละกรณีกันเลย

 

เพราะนัยน์ตาของเด็กหนุ่มก็เป็นสีน้ำตาลเหลือง สว่างประกายราวกับหลอดไฟ!

 

แม้มันจะน่าอาย แต่มันยากที่จะปฏิเสธเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของชายหนุ่มคนนี้ ถ้าซูฮันอยู่ ที่นี้ ซูฮันจะต้องเรียกเด็ดหนุ่มคนนี้ว่า “หนุ่มหน้าสวย”

 

ทันทีที่ได้เห็นรูปลักษณ์ของหนุ่มคนนี้ ความคิดแรกที่เข้ามาหาในหัวทุกคนก็ ต่างชาติ?  

 

แต่แล้วพวกเขาก็ต้องรีบปัดความคิดนี้ทิ้งทันที เพราะมันชัดเจนว่าเด็กหนุ่มคนนี้เกิดในจีน แน่ๆ ยกเว้นแค่สีผมและสีตาที่แตกต่างจากคนจีนอย่างเห็นได้ชัด

 

ประหลาด!

 

คือใครกัน?

 

เด็กหนุ่มได้ดึงความสนใจของทุกคนในประชุมไปทันที หากตัวเด็กหนุ่มเองกลับไม่แยแสเลยสักนิดกับสายตาของหลายคนที่มองมาราวกับว่าเขาไม่ว่ากําลังถูกทุกคนจับจ้องอยู่ เขาสนใจเพียงแค่จวงฮงและอี้เท่านั้น

 

เกาหัวยุ่งๆเหมือนกับรังนกของตัวเองขณะมองไปที่จวงฮงและอี้อย่างสงสัย สักพักเขาก็ยิ้มุม ปาก “คุณสองคนออกไปสู้กันข้างนอก ฉันจะนอนต่อ แล้วก็ช่วยเลิกส่งเสียงดังกันซะที ฉันต้องการนอน”

 

ทันทีที่เด็กหนุ่มคนนี้พูดออกมา คนส่วนใหญ่ในห้องประชุมนิ่วหน้าคิ้วขมวด เด็กหนุ่มคนนี้มาทําอะไรที่นี้ แล้วเขารู้ตัวมั้ยว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน? พูดจาอย่างกับเป็นพระราชา!

 

อย่างไม่คาดคิด ทันทีที่เด็ดหนุ่มคนนี้พูดจบ อี้ที่จับจวงฮงล็อคพร้อมกับมีดจ่อคลายอยู่ก็ได้แรงที่แขนออก แม้แต่มือที่จับมีดอยู่ก็สั่นระริกจนมีดตกลงไปกับกระแทกพื้น สีหน้าของอี้ดูเหมือนกําลังเจ็บปวดเกินกว่าจะทนไหว เหงื่อซึมเต็มใบหน้า ลูกตาสั่นไหวไปมา เหมือนพยายามจะฝืนแรงบางอย่างอยู่ ร่างกายสั่นน้อยๆเหมือนกับดูแรงกดบางอย่างหรือกําลังหวาดกลัวอะไรอยู่

 

ภาพแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันทําให้ทุกคนยิ่งงุนงง มันเกิดอะไรขึ้นกับเขา?

 

ฟรึบ!

 

ทั้งเขี้ยวมังกรและฟานรีบวิ่งเข้าไปหาอี้ที่กําลังจะล้มลงทันที ในขณะเดียวกันเขี้ยวมังกรก็ตะคอกระเบิดความเดือดออกมา “แกทําอะไรอี้?!”

 

ไม่มีใครตอบ และการที่อี้มีท่าทางผิดปกติทันทีหลังจากที่เด็กหนุ่มแปลกหน้าคนนี้พูดจบ มันจึงแสดงว่าเด็กหนุ่มแปลกหน้าคนนี้จะต้องทําอะไรสักอย่างแน่ๆ!

 

และสิ่งที่ทําให้ทุกคนประหลาดใจก็คือ—- 

 

เฮือก! เฮือก!

 

เสียงเล็กๆเบาๆสองเสียงดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง

 

พ้ะ! พ้ะ!

 

ร่างของเขี้ยวมังกรและฟานปลิวออกไปพร้อมกัน ร่างของทั้งคู่ๆกระแทกเข้ากับประตูด้านหลังอย่างแรงพร้อมๆกัน ประตูหลุดและล้มหงายตึงทันที แสดงให้เห็นถึงพละกําลัง มหาศาลของอีกฝ่าย

 

คนที่สามารถจัดการคนที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสามคนของทีมหลงยาได้ภายในพริบตานั้นก็คือ ชายหนุ่มแปลกหน้าที่นั่งอยู่ที่เดิมนั่นเอง ไม่มีใครมองเห็นการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มเลย เขี้ยวมังกรและฟานลอยกระเด็นไปแบบนี้ คนอื่นๆไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าชายหนุ่มคนนี้คลั่งขึ้นมา คนที่ต่อต้านจะมีสภาพเป็นอย่างไร

 

จวงฮงยืนนิ่งค้างอยู่ที่เดิมเหมือนคนโง่ เขาทั้งวิตกและหวาดกลัว แววตาที่จ้องชายหนุ่มแปลกหน้าข้างตัวนั้นอัดแน่นไปด้วยความกลัว

 

บรรยากาศภายในห้องประชุมกลับเข้าสู่ความตึงเครียดอีกครั้ง ลมหายใจของชายหนุ่มแปลกหน้าที่อัดแน่นไปด้วยความกดดันแพร่กระจายไปทั่วห้อง มุมปากยกยิ้มขึ้นชัดเจนกว่าเดิม เขาลุกขึ้นยืนเผยท่าทางอวดดีและเต็มไปด้วยอํานาจ เขาสวมรองเท้าหนังสวยงามที่สะดุดตาและมีเอกลักษณ์อย่างมาก ถ้าใครในที่นี้รู้จักของโบราณจะต้องตกใจอย่างมาก เพราะรองเท้าคู่นี้มีอายุมากกว่า 5,000 ปี

 

น้ำเสียงของชายหนุ่มเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม “โอ้ ฉันต้องการความเงียบ แต่คุณสองคนเอาแต่ส่งเสียงดังน่ารําคาญ คิดจะหาเรื่องฉันหรือไงถึงไม่ฟัง คิดจะทําอะไร?”

 

ในตอนนี้ เขี้ยวมังกรและฟานที่โดนอัดลอยกระเด็นไปก่อนหน้านี้ กําลังนอนกระอักเลือดอยู่ที่พื้น ทั้งคู่พยายามจะตะกายตัวขึ้นยืนอย่างยากลําบาก พวกเขามองไปที่ชายหนุ่มแปลกหน้าอย่างค้นหาเพราะไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังผันผวนของอีกฝ่าย เนื่องจากชายหนุ่มแปลกหน้าได้ ซ่อนเอาไว้ คนคนนี้แข็งแกร่งขนาดไหนกัน พวกเขาสามคนเป็นวิวัฒนาการระยะ 6 แท้ๆ 

 

จุนจื่อและจุ้ยชูกําลังอยู่ในสภาวะตึงเครียด ทั้งคู่ที่เป็นสมาชิกของทีมฮูหยาคิดไม่ตกว่ามันเกิดอะไรขึ้น หากทั้งคู่ก็เดินออกมาบังเขี้ยวมังกรและอี้เอาไว้อย่างปกป้องเป็นครั้งแรก

 

เหอเฟิงที่ความมืดพรางตัวเขาเอาไว้และเป็นที่รู้จักในฐานะกัปตันของทีมฮูหยารู้สึกเลือดร้อนขึ้นมาทันที เขารับรู้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ชายหนุ่มแปลกหน้าคนนี้เดินเข้ามาในห้องแล้วว่าจะต้องไม่ธรรมดา เหอเฟิงมักจะสามารถเดาตัวตนของคนที่พบเจอได้จากการมองแต่เหอเฟิงก็ไม่คิดว่าชายหนุ่มแปลกหน้าจะทรงพลังได้ถึงขั้นนี้!

 

“ท่านครับ ให้ผมได้แนะนําท่านดีกว่าครับ” ในจังหวะนั้นเอง จวงฮงที่ได้สติกลับมา เขารีบระงับความกลัวในใจตัวเองเอาไว้ ฉีกยิ้มกว้างอย่างพยายามเอาใจชายหนุ่มแปลกหน้า จากนั้นก็หันไปพูดกับทุกคนด้วยท่วงท่าอวดๆ “นี่คือปรมาจารย์หนุ่มของตระกูลเกา เกาช้าวฮุย”

 

” ตระกูลเกา?”

 

เกือบจะทันที ทุกคนในห้องต่างมีท่าทิ้งงงวยกับชื่อที่ได้ยิน

 

“ทุกคนก็ได้เห็นพลังความสามารถของตระกูลเกากันไปแล้ว” จวงฮงไม่คิดจะอธิบายอะไรให้ทุกคนเข้าใจ หากกลับภูมิใจที่จะพูดต่อ “ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลเกาคอยช่วยฉันอย่างลับๆ ค่าย ซางจิงของเราก็คงไม่ได้ก่อตั้งเสร็จรวดเร็วขนาดนี้”

 

“ไม่ต้องชมกันขนาดนั้น” เมื่อได้ยินคําพูดประจบของจวงฮง เกาข้าวฮุยก็กรอกตาและเอ่ยถาม “แล้วตระกูลปายล่ะ?”

 

เมื่อได้ยินคําถามนี้ จวงฮงก็ชะงักทันที ตัวนิ่งค้าง

 

ส่วนคนในห้องส่วนใหญ่ที่กําลังงุนงงอยู่ในตอนแรก เมื่อได้ยินคําพูดล่าสุดของเกาช้าวฮุ่ยก็ช็อคทันที พวกเขาอาจจะไม่รู้จักตระกูลเกา แต่กับตระกูลปายนั้นมันคนละเรื่อง!

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เหล่านายทหารระดับสูงที่รู้เรื่องตระกูลปายดีนั้นชะงักค้างกันทันที มันชัดเจนว่าตระกูลเกาน่าจะอยู่ในระดับเดียวกับตระกูลปาย คนระดับชื่อเสียงขนาดนี้มาปรากฏตัวที่นี้เนี่ยนะ?

 

รวมกับพลังเกาช้าวฮุ่ยพึ่งแสดงออกมาให้เห็น ความตกใจนั้นยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีก แค่คนคน เดียวสามารถจัดการทีมหลงยาที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสามคนได้อย่างง่ายๆ น่ากลัวเหลือเกิน!

 

ผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงสบตากัน ทั้งคู่ต่างมีแววตาล้ำลึกที่มีความหมายเหมือนกัน…ไม่นึกเลยว่าจวงฮงจะเลือกไปอยู่กับตระกูลเกา

 

หลังจากความตกใจผ่านไป เกาช้าวฮุ่ยก็อ้าปากหาวกว้างและเคาะมือลงโต๊ะอย่างสุ่มๆ “รีบๆ ประชุมอะไรนี่ให้เสร็จสักที เร็วเข้า ฉันอยากจะอยู่เงียบๆ”

 

“ครับ! ครับ! ครับ!” จวงฮงรีบตอบเอาใจเกาช้าวฮุ่ยพร้อมยิ้มกว้างอย่างประจบ จวงฮงก้มหัวและพูดด้วยความเคารพ “เราได้คุยกันก่อนหน้านี้แล้วครับ?”

 

“อ่าาา…” เกาช้าวฮุ่ยกระพริบตา ท่าทางสับสน “ใครคือชูฮัน?”

 

Apocalypse Meltdown

Apocalypse Meltdown

มันเป็นโลกที่ซอมบี้และมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยความสิ้นหวัง สนามแม่เหล็กของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงและทุกอย่างได้ย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้น วันหนึ่ง วีรบุรุษของพวกเรา…ชูฮัน ได้เดินทางย้อนเวลากลับมาสิบปีก่อนโดยไม่รู้ตัว เขาได้ย้อนกลับมาก่อนจุดจบของโลกจะเริ่มต้นขึ้น (โลกาวินาศ) เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงดังในหอพักในมหาวิทยาลัยหมิงชิว ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ชูฮันต่อสู้กับเหล่าซอมบี้นับสิบๆตัวก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถเพื่อขโมยรถยนต์เมอร์ซิเดซ-เบนซ์G55ออกมา เขาตัดสินใจที่จะตามหาพ่อแม่และพี่น้องของเขาด้วยG55คันนี้ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเสียใจที่ไม่ได้ทำในชาติที่แล้ว ระหว่างทางชูฮันได้พบปะกับคนกลุ่มหนึ่งที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนที่ติดอันดับ 20 ของโลกาวินาศรวมอยู่ด้วย…เฉินช่าวเย่ พวกเขาพบกับซอมบี้จำนวนมากระหว่างทางบนทางหลวง ซึ่งชูฮันได้ใช้รถ G55 พุ่งชนเหล่าซอมบี้จนเละ และในตอนนั้นเอง ชูฮันถึงตระหนักได้ว่าทั้งหมดนี้คือระบบล่มสลาย และเขาสามารถได้คะแนนจากการฆ่าซอมบี้ทั้งหลาย ซึ่งเขาสามารถเอาคะแนนพวกนี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นความสามารถพิเศษอะไรก็ได้ และในตอนนั้นเอง การเดินทางของชูฮันก็ได้เริ่มต้นขึ้นไปพร้อมๆกับระบบล่มสลาย นี่เป็นเรื่องราวของระบบล่มสลาย โดยมีเขา…ชูฮัน เป็นคนดำเนินเรื่องราว

Comment

Options

not work with dark mode
Reset