Astral Pet Store ตอนที่954

   พลังแห่งศรัทธา? 

  ผู้เฒ่าหยานตะลึงเล็กน้อย เขารู้ทันทีว่าซูผิงอาจแพ้เพราะช่องว่างเรื่องพลังแห่งศรัทธา เขาหัวเราะและพูดว่า  แน่นอน เธอสามารถได้รับพลังแห่งศรัทธาจากจิตใจของเธอ พูดให้ชัดเจนขึ้นคือพลังแห่งศรัทธาของเธอคือพลังจิตของคนอื่น อย่างไรก็ตามเธอสามารถขอให้พวกเขามอบมันให้เธอเท่านั้น เธอไม่สามารถขโมยมันได้

   แม้ว่าจะมีข้อยกเว้น เทคนิคแปลก ๆ บางอย่างในสมัยโบราณสามารถขโมยความศรัทธาของคนอื่นได้ แต่ผลลัพธ์สุดท้ายไม่เป็นที่น่าพอใจ เทคนิคดังกล่าวเป็นสิ่งต้องห้ามในสหพันธ์ นอกจากนี้เธอมีพรสวรรค์เกินกว่าจะต้องใช้เทคนิคแบบนั้น 

   ขโมย… 

  ซูผิงกังวลเมื่อได้ยินเช่นนั้น  พลังแห่งศรัทธาที่มาจากสนามพลังของเขานั้นแปลกเกินไป ฉันขโมยพลังแห่งศรัทธาของคนโดยไม่รู้ตัวหรือเปล่า?

   ผู้เฒ่าหยาน กลไกของสนามพลังคืออะไรครับ?  ซูผิงถามอย่างรวดเร็ว

  ผู้เฒ่าหยานรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อยจากการเปลี่ยนหัวข้ออย่างไม่คาดคิดและรวดเร็ว ถึงกระนั้น เขาอธิบายว่า  สนามพลังคือการสำแดงพลังจิตและ ‘กลิ่นอาย’ ของเธอ ซึ่งขึ้นอยู่กับจิตวิญญาณของเธอ เธอแทบจะไม่สามารถข่มขู่คู่ต่อสู้ของเธอได้หากเธอไม่มีจิตใจที่แข็งแกร่ง

   เธอสามารถสร้างสนามพลังได้เมื่อเธอสะสมพลังจิตเพียงพอ มันเป็นแค่สนามจิต คล้ายกับทุ่งแห่งกฎ 

   สนามจิต? 

  ด้วยดวงตาที่เป็นประกาย ซูผิงจึงถามว่า  ถ้าเช่นนั้น สิ่งมีชีวิตในสนามพลังจะมอบพลังแห่งศรัทธาให้ได้ใช่ไหมครับ?     ฮะ?  ผู้เฒ่าหยานหันกลับมามองชายหนุ่ม ประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด เขาตอบคำถามที่ซับซ้อนนั้นว่า  นักวิชาการด้านสนามพลังก็ถามคำถามเดียวกัน หลังจากผ่านการทดลองมามากมาย พวกเขาพบว่าการปรากฎตัวของสนามพลังนั้นเป็นเพียงสนามเสมือนจริง

   ของจริงไม่ใช่สิ่งที่เป็นตัวตน ซึ่งไม่สามารถถ่ายทอดพลังแห่งศรัทธาได้

   พลังแห่งศรัทธาสามารถให้ได้โดยสิ่งมีชีวิตเท่านั้น!

   แต่ว่ากันว่า…  ผู้เฒ่าหยานเว้นจังหวะชั่วครู่ แล้วพูดด้วยท่าทางแปลก ๆ  การค้นพบของพวกเขายังไม่สมบูรณ์ ยังมีสถานการณ์ตามทฤษฎีที่ปรากฎการณ์สนามพลังมีพื้นฐานอยู่บนสิ่งมีชีวิตชั้นนำ มันสามารถละเว้นเวลาและมิติได้ สิ่งมีชีวิตดังกล่าวอาจให้พลังแห่งศรัทธาแก่เธอ แม้ว่าพวกมันจะอยู่ห่างออกไปหลายพันล้านปีแสง 

  ซูผิงรู้สึกประหลาดใจ  ตัวตนที่สามารถละเว้นเวลาและมิติ?

  กล่าวอีกนัยหนึ่ง พลังแห่งศรัทธาจากสนามพลังของเขามาจากการดำรงอยู่เช่นนั้น?

  ทำไมล่ะ?

  เขาตกตะลึงเมื่อขณะที่คำถามที่ยิ่งใหญ่กว่าผุดขึ้นในใจของเขา

  เขาเพิ่งเหลือบมองสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นก่อนหน้านี้เพื่อสังเกตว่าพวกมันมีลักษณะยังไง เหตุใดพวกมันจึงให้พลังแห่งศรัทธาแก่เขา

  ซูผิงมองสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นจากระยะไกล พวกมันคงไม่สังเกตเห็นเขาด้วยซ้ำ แม้ว่าพวกมันจะเห็น แต่ทำไมพวกมันถึงชอบเขา?

  เมื่อเห็นว่าซูผิงกำลังไตร่ตรอง ผู้เฒ่าหยานจึงยิ้มและกล่าวว่า  เธอมีความคิดต่างๆมากมายสำหรับคนที่แทบไม่ได้สัมผัสกับพลังแห่งศรัทธา สมกับที่เป็นอัจฉริยะ ไม่เหมือนมนุษย์ที่โง่เขลา 

  ซูผิงสะบัดออกจากภวังค์และมองไปที่ผู้เฒ่าหยาน ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักว่าเป็นการดีกว่าที่จะไม่เปิดเผยอะไรแปลก ๆ ในสภาวะชะตากรรมให้คนอื่นฟัง ท้ายที่สุดสิ่งที่ชายคนนี้อธิบายว่าเป็นสถานการณ์ตามทฤษฎีนั้นได้เกิดขึ้นจริงสำหรับเขา ที่อาจน่ากลัวยิ่งกว่าการสร้างโลกใบเล็กขณะที่ยังอยู่ในสภาวะชะตากรรม

  เขาจะดึงดูดความสนใจที่ไม่จำเป็นอย่างมากถ้าเขาบอกผู้เฒ่าหยาน

   ทำไมสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวเหล่านั้นจากสนามจึงเต็มใจที่จะให้พลังแห่งศรัทธากับฉัน…  ซูผิงพึมพำกับตัวเองด้วยความงุนงง

  เวลาผ่านไปนาน ซูผิงคิดอะไรบางอย่างและถามว่า  ผู้เฒ่าหยาน คุณคิดว่าการดำรงอยู่สามารถเพิกเฉยต่อเวลาและมิติได้ในระดับไหนหรอครับ? 

  ผู้เฒ่าหยานไม่แปลกใจกับความอยากรู้ของซูผิง เขาตอบด้วยรอยยิ้มว่า  พวกมันต้องไปถึงสภาวะเทพอมตะเท่านั้น พวกมันจะคงอยู่ตลอดไป พวกมันจะกลายเป็นอมตะอย่างแท้จริงเว้นแต่พวกมันต้องการฆ่าตัวตาย 

  สภาวะเทพอมตะ…

  ซูผิงตกตะลึงเล็กน้อย แต่ข่าวก็ไม่น่าแปลกใจมากนัก

  ซูผิงได้ไปเยือนอาณาจักรโกลาหลแห่งอันเดธและรังของอีกาทองคำ เขารู้ว่าจะมีระดับที่สูงกว่าเทพอมตะ เนื่องจากสภาวะเทพอมตะเป็นเพียงจุดเริ่มต้น

  สิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวบางตัวที่เขาเคยเห็นในอาณาจักรโกลาหลแห่งอันเดธนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าสภาวะเทพอมตะ

  ซูผิงส่ายหัวไม่ได้คิดอะไรอีกต่อไป เขาไม่รู้ว่าเหตุใดสนามพลังของเขาจึงให้พลังแห่งศรัทธาแก่เขา

  อย่างไรก็ตามเขาแน่ใจเหลือเกินว่าจำนวนพลังแห่งศรัทธาของเขาจะไปถึงระดับที่น่าสะพรึงกลัว

  บางทีฉันอาจต้องการเพียงแค่พบกับสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น แต่ฉันจะต้องไปที่อาณาจักรโกลาหลแห่งอันเดธเพื่อทำอย่างนั้น ฉันพบพวกมันก่อนหน้านี้โดยบังเอิญ ฉันอาจจะไม่สามารถเห็นพวกมันได้อีก เมื่อพิจารณาจากความกว้างใหญ่ของอาณาจักรโกลาหลแห่งอันเดธ…

  ดวงตาของซูผิงเป็นประกายขณะที่เขาล้มเลิกความคิดไปชั่วคราว

  งานหลักของเขาในตอนนี้คือการไปถึงสิบอันดับแรกของอันดับราชาเทพเพื่อที่เขาจะได้เป็นอิสระและกลับไปที่ร้านของเขาสักที

  เขาขอบคุณผู้เฒ่าหยานและกลับไปที่ห้องฝึกของเขา เขาใช้เวลาเพื่อรวบรวมพลังดวงดาวและทำให้โลกใบเล็กของเขาสมบูรณ์แบบ เติมมันด้วยเสาแห่งกฏ

  ซูผิงปลดปล่อยสนามพลังในขณะที่เขาบ่มเพาะ ผสานเข้ากับโลกใบเล็ก เขาตรวจพบรัศมีอันน่าสะพรึงกลัวที่เริ่มแผ่กระจายออกมาจากโลกใบเล็กพร้อมกับพลังแห่งศรัทธาที่เข้มข้นและอุดมสมบูรณ์ในทันที

  หนึ่งคำใบ้ของพลังแห่งศรัทธานั้นยิ่งใหญ่พอๆ กับภูเขา กำลังจะถล่มโลกใบเล็กของเขา

  พวกมันกำลังให้พลังแห่งศรัทธาแก่ฉันจริงๆ

  ซูผิงตกใจกับสิ่งนี้ ฉากในโลกเสมือนจริงได้เกิดขึ้นอีกครั้งในความเป็นจริง ดังนั้นเขาจึงเดินหน้าและซึมซับพลังโดยไม่ลังเล จากนั้นเขาก็ค้นพบว่าพลังที่เหมือนหมอกนั้นหนักกว่าที่เห็นมาก

  พลังแห่งศรัทธาที่เข้ามาเพียงเล็กน้อยก็มากเท่ากับศรัทธาทั้งหมดที่เขาได้รับก่อนหน้านี้!

  ซูผิงเป็นคนดังในจักรวาล ผู้คนนับไม่ถ้วนรู้จักและบูชาเขา อย่างไรก็ตามพลังแห่งศรัทธาของพวกเขา ประกอบกับสิ่งที่อสูรของเขาให้มานั้น ไม่อาจเทียบได้กับความศรัทธาเพียงเล็กน้อยที่มาจากสนามพลัง!

  ซูผิงพยายามแยกแยะสายใยแห่งศรัทธานั้น ซึ่งเขาต้องใช้พลังดวงดาวกว่าครึ่งหนึ่ง มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะย่อยแม้ว่าเขาจะใช้พลังสำรองทั้งหมดของเขาจนหมดหากเขาไม่ได้อยู่ในระดับดวงดาว

  เขาเติมพลังดวงดาวด้วยการดูดซับหิน ค่ายกลดวงดาวในห้องฝึกยังดูดซับพลังดาวเข้าสู่ร่างกายของเขา ค่ายกลดวงดาวนั้นค่อนข้างมีประสิทธิภาพ แม้แต่คนธรรมดาก็จะได้รับการชำระและเปลี่ยนแปลง ทำให้มีโอกาสที่จะเริ่มดำเนินการบนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ

  อย่างไรก็ตามพวกเขาคงไม่มีพรสวรรค์เท่ากับผู้บ่มเพาะทั่วไป

  เวลาผ่านไป

  ซูผิงกินหินมากขึ้นและขัดเกลาพลังแห่งศรัทธา ในที่สุดซูผิงก็ย่อยพลังแห่งศรัทธายี่สิบสามสายจากสนามพลังของเขาwfhในอีกครึ่งเดือนต่อมา

  พลังแห่งศรัทธาลอยอยู่ในโลกใบเล็กของเขาราวกับกลุ่มเมฆที่นุ่มนวลและอ่อนโยน

  ฉันสงสัยว่าพลังแห่งศรัทธาของฉันดีแค่ไหนเมื่อเทียบกับเจ้าดวงดาว…ซูผิงลืมตาและกระตือรือร้นที่จะต่อสู้กับโคลว์อีกครั้ง

  เมื่อเขากำลังจะลงมือ จู่ๆ เขาก็จำวัตถุดิบที่จำเป็นสำหรับกายแสงอาทิตย์ได้ และสงสัยว่ามันครบหรือยัง

  เขาออกจากวิหารไปและเห็นผู้เฒ่าหยานกำลังเล่นกับเด็กสองสามคนอยู่ข้างนอก เด็กๆ ทุกคนกรีดร้องและกลายเป็นอสูรตัวน้อยบินไปคนละทาง

  ซูผิงรู้สึกประหลาดใจกับภาพที่เห็น อสูรเหล่านั้นอยู่แค่ระดับดวงดาว แต่พวกมันสามารถแปลงร่างได้แล้ว

   อยากจะท้าทายเขาอีกครั้งใช่ไหม? 

  ผู้เฒ่าหยานหัวเราะเบา ๆ ขณะที่เขามองไปซูผิง พวกเขาเพิ่งพบกันไม่นานมานี้ แต่เขาพอจะรู้บุคลิกของซูผิงแล้ว

  ชายหนุ่มจะฝึกหรือไม่ก็ท้าทาย เขาชอบต่อสู้แบบคนขาดสติเสมอ เหมือนอสูรร้าย—แม้ว่าเขาจะอาศัยอยู่ในสหพันธกับลอร์ดสูงสุดมานับไม่ถ้วน—เขาก็เชื่อแต่ความแข็งแกร่งจากก้นบึ้งหัวใจ ไม่มีใครสามารถอยู่รอดได้หากไม่มีกำลังเพียงพอ

   รอเดี๋ยว 

  ซูผิงยกมือขึ้นและถามว่า  ลุงหยาน ผมสงสัยว่าคุณพบวัตถุดิบที่ผมถามถึงก่อนหน้านี้หรือยัง? 

   โอ้? 

  ผู้เฒ่าหยานจำเรื่องนี้ได้ เขาได้สั่งให้คนไปรวบรวมวัตถุดิบมาให้โดยเร็วที่สุด พวกมันน่าจะพร้อมแล้วในตอนนี้ หากมันไม่ได้หายากเกินไป

   เดี๋ยวฉันถามก่อน 

  ผู้เฒ่าหยานหลับตาลง ไม่กี่นาทีผ่านไป เขาก็ลืมตาขึ้นอีกครั้งแล้วพูดว่า  เธอโชคดีมาก วัตถุดิบพร้อมแล้ว มีสองชิ้นที่หายากมาก แต่ลอร์ดสูงสุดมีสายสัมพันธ์มากมาย ตลอดชีวิตนี้เธอจะไม่พบพวกมันเลยหากเธอค้นหามันด้วยตัวเอง 

  ดวงตาของซูผิงเปล่งประกายด้วยความยินดี  ขอบคุณท่านลุง 

   เธอต้องการพวกมันตอนนี้เลยไหม? 

   ครับ! 

  ผู้เฒ่าหยานหลับตาลงอีกครั้ง เขาหยิบกล่องสองสามกล่องออกมาในไม่กี่นาทีต่อมา แต่ละกล่องบรรจุยาหายาก

  วัตถุดิบทั้งหมดมีไว้สำหรับกายแสงอาทิตย์ขั้นสี่!

  ร่างกายของเขาจะแข็งพอๆ กับเจ้าดวงดาวเมื่อเขาไปถึงขั้นนั้น และเขาจะสามารถปลุกทักษะโดยกำเนิดของอีกาทองคำได้!

  ซูผิงเปิดกล่องทันที มีแสงระยิบระยับสว่างวาบขึ้นทันทีที่พวกมันถูกเปิดออก กล่องหนึ่งมียาเรืองแสงที่ดูเหมือนหัวใจ

  ซูผิงรู้ว่ามันถูกเรียกว่าผลึกเลือดฟีนิกซ์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของซากฟีนิกซ์เลือกโบราณเมื่อพวกมันเสียชีวิตภายใต้สถานการณ์พิเศษ

  ซูผิงตรวจสอบวัตถุดิบที่เหลือและพบว่าเป็นสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ

  ตามที่คาดหวังจากลอร์สูงสุด เขาขอให้ซูจินเอ๋อช่วยค้นหาวัตถุดิบ แต่เธอหาได้เพียงสองชิ้นเท่านั้น แต่ส่วนที่เหลือถูกรวบรวมในเวลาเพียงไม่กี่วัน

  ซึ่งซูจินเอ๋อเองก็เป็นถึงเป็นสภาวะเทพดวงดาว

  ซูผิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นเก็บวัตถุดิบและขอบคุณผู้เฒ่าหยานอีกครั้ง เขานึกถึงอย่างอื่นและนำเสนอภาพประกอบและคำอธิบายของวัตถุดิบที่จำเป็นสำหรับกายแสงอาทิตย์ขั้นที่ห้า เขากล่าวว่า  ลุงหยานคุณช่วยมองหาวัตถุดิบเหล่านี้ด้วยได้หรือไม่? 

  ผู้เฒ่าหยานเลิกคิ้ว เขาอ่านข้อมูลและประหลาดใจมากขึ้นเรื่อยๆ  วัตถุดิบเหล่านี้หายากมาก แม้แต่สภาวะเทพดวงดาวก็ยังยากที่จะรวบรวมพวกมัน ฉันไม่คิดว่านายท่านจะสามารถรวบรวมพวกมันได้ทั้งหมด 

   ผมรู้ แต่มีก็ดีกว่าไม่มี  ซูผิงกล่าว  วัตถุดิบสำหรับขั้นห้านั้นหายากกว่า ซูผิงหวังเพียงว่าจะได้พวกมันให้ได้มากที่สุด เขาสามารถพยายามค้นหาส่วนที่เหลือด้วยตัวเขาเองได้

  ร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งพอ ๆ กับสภาวะเทพดวงดาวถ้าเขารวบรวมวัตถุดิบเพียงพอที่จะไปถึงขั้นที่ห้า

   ตกลง  ผู้เฒ่าหยานรับปากเขา

  ซูผิงไม่ใช่คนที่ชอบไร้สาระ เขากลับไปที่ห้องฝึกฝนของเขา

  เขาหยิบวัตถุดิบทั้งหมดที่เขาได้รับออกมาด้วยความตื่นเต้น เขาสงบสติอารมณ์ลงจากนั้นก็เริ่มกลั่น ดูดซับ และย่อยวัตถุดิบ

  ครึ่งวันต่อมา—

  เสียงทึม ๆ ก้องอยู่ในห้องฝึก ซึ่งกลายเป็นสีแดงที่แผดเผา ราวกับถูกจุดไฟ อุณหภูมิภายในก็สูงอย่างน่าประหลาดใจเช่นกัน มันจะถูกเผาเป็นเถ้าถ่านถ้าไม่ใช่เพราะค่ายกลดวงดาว  ถึงกระนั้น ค่ายกลดวงดาวก็ดูเหมือนจะลุกเป็นไฟและแตกเป็นเสี่ยง ๆ ในขณะนี้

  แสงสีแดงภายในห้องฝึกอบรมมีต้นกำเนิดมาจากซูผิง

  ร่างกายของเขาแดงก่ำ เหงื่อออกเป็นเลือด

  กระดูกภายในร่างกายของเขาแตก และเซลล์ทั้งหมดของเขาถูกฉีกออกจากกันและประกอบขึ้นใหม่ ทำให้เขามีความแข็งแกร่งและพลังพิเศษมากขึ้นในกระบวนการนี้

  ซูผิงลืมตาขึ้นมาในทันใด แสงสีทองเฉียบแหลมซึ่งเกือบจะรู้สึกว่ามีสิ่งสำคัญกำลังพุ่งออกมาจากดวงตาของเขา ดูเหมือนว่าจะสามารถมองเข้าไปในความว่างเปล่าได้

  เปลวไฟพุ่งเข้าใส่รูม่านตาของเขา แต่พวกมันก็ดับลงอย่างรวดเร็ว

  ความร้อนในห้องฝึกถูกระบายออกอย่างรวดเร็วและถูกซูผิงดูดซับขณะที่ผิวของเขาเปลี่ยนจากสีแดงเข้มเป็นสีแดงเลือดหมู  ไฟมิติ!

  ชั้นของเปลวไฟปรากฏขึ้นบนผิวหนังของซูผิง เผาไหม้อยู่ข้างๆ ร่างกายของเขาและบิดอากาศ

  เพลิงอีกาทองคำชนิดนี้สามารถเผาไหม้อะไรก็ได้ รวมทั้งมิติและเวลา กฎแห่งเวลาจะเป็นโมฆะเมื่อสัมผัสมัน!

  แม้ว่าเขาจะไม่ได้เชี่ยวชาญกฎแห่งเวลา แต่เขาก็ยังสามารถปลดปล่อยตัวเองจากพันธนาการแห่งเวลาได้ด้วยไฟมิติ

  หวืด!

  ซูผิงออกจากห้องฝึกฝน จากนั้นเขาก็เห็นผู้เฒ่าหยานกำลังงีบหลับอยู่บนชิงช้า

  ผู้เฒ่าสัมผัสได้ถึงเขา เขาลืมตาและแปลกใจเมื่อเห็นซูผิง  ดูเหมือนเธอจะแข็งแกร่งขึ้น 

  ซูผิงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า  ผมไม่สามารถทำได้หากไม่มีวัตถุดิบที่คุณหาให้ผม 

  ผู้เฒ่าหยานสังเกตเขาอย่างละเอียดและเสริมว่า  มีกลิ่นอายที่น่ากลัวออกมาจากร่างกายของเธอ นายท่านกล่าวว่าสายเลือดของเธอสืบย้อนไปถึงอีกาทองคำตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์? ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัว ฉันรู้สึกถูกคุกคามแม้ว่าระดับของเธอจะยังต่ำอยู่.. 

  ปล.แอดขอหยุดปีใหม่+วันเกิด 31-1-2-3 นะคะ หลังปีใหม่มาลงตามปกติค่า สุขสันต์วัยปีใหม่ล่วงหน้านะคะ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับวันหยุดค่ะ

  ��

 

Astral Pet Store ร้านขายอสูรดวงดาว

Astral Pet Store ร้านขายอสูรดวงดาว

超神宠兽店
Score 5.8
Status: Ongoing Type: Author: , , Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Astral Pet Store ร้านขายอสูรดวงดาวฉันถูกส่งไปยังโลกแห่งอสูร มีสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ ทุกขนาด พวกมันสามารถเป็นสหายน่ากอด ผู้ช่วยในชีวิตประจำวัน หรือนักสู้ ไม่เลวเลยใช่ไหมละ? ฉันมีครอบครัว แต่ความจริงกลับถูกบดบังโดยน้องสาวฉัน เธอเกลียดฉันมาก และก็คอยรังแกฉันทุกวัน ฉันบอกหรือยังว่าเธอมีพรสวรรค์สูงมาก ส่วนฉันเป็นคนไร้พรสวรรค์?ก็แค่หล่อสุดๆ ฉันมีอิสระในการดำเนินธุรกิจของครอบครัวเอง ร้านอสูรเล็กๆ มันควรจะดีหากไม่ใช่ความจริงที่เจ้าของร่างเดิมนี้เกิดมามีความสัมพันธ์เป็นศูนย์กับการควบคุมอสูรดวงดาว… คงไม่คิดว่ามันเป็นการข้ามโลกโดยไร้ระบบหรือกลไกอะไรที่จะปูถนนให้ฉันหรอกนะ?ฉันมี แต่ฉันไม่รู้ว่าไม่มีมันจะดีกว่าไหม…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset