Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1051 ฆ่าหมา

ชิ้ง!
ดาบหักส่งเสียงบางเบา ประกายแสงขาวดุจหิมะราวมายา หวนกลับสู่มือหลินสวิน
ห่างออกไป หญิงสาวที่หัวกับตัวแยกจากกันนอนตายคาที่ตรงนั้น
กระทั่งตายไปคำพูดเยาะเย้ยของนางก่อนหน้ายังคงสะท้อนก้องในลาน กลายเป็นการเสียดสีอย่างไม่มีอะไรยิ่งใหญ่เท่า
เหล่าผู้กล้าเดือดดาล แน่นอนว่าไม่มีทางนั่งรอความตาย ต่างบุกโจมตีอย่างห้าวหาญ
การต่อสู้เดือดปะทุ คลั่งระห่ำยิ่งกว่าเดิม
ครั้งนี้ต่างจากแต่ก่อน บุคคลแห่งยุคมากมายออกเคลื่อนไหว ไม่ขาดแคลนผู้แข็งแกร่งร้ายกาจรับมือยากส่วนหนึ่ง
เฉกเช่นชายร่างสูงใหญ่ของสำนักยุทธ์สมุทรคราม หมุนควงแส้สำริดคู่หนึ่งชี้เวหาฟาดพสุธา แข็งแกร่งดุดันหาใดเปรียบ ฟาดจนห้วงอากาศแหลกเป็นจุณ
หญิงสาวชุดเหลืองแดนพิสุทธิ์อมตะก็สะดุดตานัก กระตุ้นโคมทองดวงหนึ่งให้สว่างไสว ก่อเกิดพลังพิสุทธิ์ชวนประหวั่นเหลือประมาณ
อีกฟากหนึ่ง ชายหนุ่มชุดดำเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬคนหนึ่งมือกระชับเหล็กหมาดปลายแหลมสีเลือด เพียงวาดกวาดเบาๆ แสงโลหิตห้อทะยานบดทลายห้วงอากาศ
นอกจากนี้ยังมีบุคคลแห่งยุคแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ และสำนักกระบี่เทียมฟ้าบุกจู่โจม ล้วนดั่งหงส์มังกรในหมู่ชน พลังต่อสู้โดดเด่นเหนือผู้อื่น
บนแท่นมรรคที่เดิมไม่ใหญ่โตเต็มไปด้วยแสงดาบเงากระบี่ทันใด เสียงปะทะของสมบัติและวิชามรรคดั่งฟ้าคะนอง กระหึ่มก้องเหนือยอดเขาแถบนี้
และเป็นเวลานี้ ที่หลินสวินเพิ่งรู้สึกถึงแรงกดดันหนักหน่วง
แต่นี่ไม่ได้ทำให้เขาหวาดกลัว ตรงข้ามกลับกระตุ้นจิตต่อสู้ให้ซัดสาดในส่วนลึกของจิตใจเขา อานุภาพพลังทั่วร่างก็ยกระดับตามไปด้วย!
แม้คู่แข่งเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่ง แต่วิธีต่อสู้ของหลินสวินก็เปลี่ยนตามไปด้วย ดาบหักออกจู่โจม อาศัยหกกระบวนเฉือนวัฏจักรฟ้าต่อกรศัตรู
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
ดาบหักส่งเสียงใสกระจ่าง ดุจคลื่นน้ำถาโถมกระหน่ำฟ้าดิน สะท้อนก้องท้องนภาราวร้องเรียกหาเลือดมาเติมเต็ม
มันขาวเจิดจ้าดุจหิมะ เบาบางดั่งมายา เดิมก็เป็นศาสตราจิตที่มหัศจรรย์เกินคาดเดาชิ้นหนึ่งอยู่แล้ว ทั้งไม่ถูกจำกัดด้วยกฎระเบียบของภูเขาเทพไร้มรณะ
บนคมดาบ ลวดลายมรรคคลุมเครือเร้นลับเปล่งแสงระยับ เพิ่มอานุภาพให้ดุดันหาใดเปรียบยิ่งกว่าเดิม
และกลิ่นอายของหลินสวินก็เปลี่ยนเป็นดุดันถึงขีดสุด!
เดิมทีอาศัยพลังต่อสู้ของตัวเขาเอง ต่อให้ไม่ใช้ดาบหักก็มีพลังเพียงพอต่อกรศัตรู
แต่หลินสวินไม่อยากถูกถ่วงเวลา สำหรับเขาการได้สังหารคู่ต่อสู้มากขึ้นในเวลาอันสั้น จึงจะสามารถระบายเพลิงโทสะในใจได้โดยสมบูรณ์!
ครืน!
ชายร่างกำยำกุมแส้คู่สำริดฟาดเข้ามา ภายใต้การโจมตีเดียววายุอสนีโถมกระหน่ำ เสียงธรรมกัมปนาท แผ่อานุภาพปานทลายฟ้ามลายดิน
ขณะเดียวกันในดวงตาหลินสวินพลันฉายแววเยียบเย็น
กระบวนเฉือนคว้าดารา!
ประหนึ่งรัตติกาลนิรันดร์มาเยือน หมื่นดาราร่วงหล่นอยู่ภายใน ดาบเดียวสาดส่องรัตติกาลนิรันดร์ ม้วนกลืนหมื่นดารา
ฉัวะๆ
แส้คู่สำริดถูกตัดขาด สมบัติคู่นี้เป็นถึงยอดศาสตรามรรคราชัน ความเป็นมาเก่าแก่ เป็นสมบัติโบราณที่สืบทอดกันมาในสำนักยุทธ์สมุทรคราม
แต่ตอนนี้กลับถูกดาบหักเฉือนตัดอย่างแข็งกร้าว!
ชายร่างกำยำโกรธจัด ใจแทบหลั่งเลือด เจ็บปวดอย่างที่สุด บนภูเขาเทพไร้มรณะนี้จริงอยู่ที่ไม่มีทางปรากฏความตายอย่างแท้จริง แต่หากสมบัติถูกทำลายก็ไม่มีทางฟื้นคืนดังเดิมอีก
ถึงอย่างไรสุดท้ายยอดศาสตรามรรคราชันก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต ไม่ดำรงอยู่บนความเป็นตาย
เห็นหลินสวินจวนพุ่งเข้าสังหาร ชายร่างกำยำแม้ขุ่นเคืองก็ได้แต่ข่มใจหลบหนี
ตูม!
ประกายแสงแถบหนึ่งปกคลุมลงมา สลายความมืดมิด เปี่ยมพลังบริสุทธิ์และผุดผ่อง โชติช่วงดั่งแสงศักดิ์สิทธิ์
เป็นหญิงสาวชุดเหลืองแห่งแดนพิสุทธิ์อมตะนั่นที่ลงมือ
หลินสวินใช้ดาบหักบุกจู่โจม ส่วนตัวเองพุ่งเข้าหาชายร่างกำยำนั่นต่อไป
ชายร่างกำยำสีหน้าแปรเปลี่ยนยกใหญ่ โคจรพลังทั้งหมดฝืนปะทะ ผลคือถูกหมัดหลินสวินซัดลอยออกจากแท่นมรรค ร่วงคะมำลงกับพื้นดังพลั่กปากกบโลหิต
ร่วงจากแท่นมรรค ก็มีความหมายว่าพ่ายแพ้!
นี่ทำให้ชายร่างกำยำไม่อาจยอมรับได้ในชั่วขณะ คำรามเกรี้ยวกราดหาใดเปรียบอย่างอดไม่ได้ พุ่งไปยังแท่นมรรคอีกครั้ง
แต่เงาร่างเขาเพิ่งไปถึงครึ่งทางก็ถูกพลังกฎระเบียบไร้รูปปกคลุม หายลับจากไปชั่วพริบตา
เห็นชัดว่าเขาถูกคัดออกโดยสมบูรณ์!
เวลานี้การประลองบนแท่นมรรคยังคงดำเนินต่อเนื่อง ดุเดือดถึงขั้นเป็นประวัติการณ์
การเข่นฆ่าโรมรันเช่นนี้ หากเกิดขึ้นบนโลกภายนอกต้องก่อภัยพิบัติที่ไม่อาจคาดเดาได้แน่ ทำให้ผู้คนในใต้หล้าตื่นตระหนกและฮือฮา
เช่นเดียวกัน การประลองขอบเขตมกุฎเช่นนี้ต้องดึงดูดความสนใจผู้ฝึกปราณได้นับไม่ถ้วน ก่อให้เกิดความอึกทึกครึกโครม
ถึงอย่างไรการประลองขอบเขตมกุฎเดิมก็ยากพบเห็น และการประลองที่ตัวคนเดียวต้านเหล่าบุคคลแห่งยุคเช่นหลินสวินก็ยิ่งพบเห็นได้น้อยกว่า
ฉัวะ!
ไม่นานหญิงสาวชุดเหลืองแห่งแดนพิสุทธิ์อมตะพลันกรีดร้อง แขนขาวนวลดุจหิมะข้างหนึ่งถูกดาบหักเฉือนออก เจ็บจนใบหน้างามของนางซีดเผือด แทบสูญเสียการควบคุมโคมทองดวงนั้น
เหล่าผู้กล้าตกใจดวงตาเบิกกว้าง ต่อสู้ถึงตอนนี้เทพมารหลินไม่เพียงไม่ส่งสัญญาณอ่อนกำลัง กลับยิ่งรบยิ่งอาจหาญ อานุภาพมารล้นฟ้า ทรงพลังยิ่งกว่าเดิม!
จิตต่อสู้ของผู้ฝึกปราณส่วนหนึ่งถูกโจมตี ลังเลไม่หยุด
แม้รู้ดีว่าไม่มีทางตายจริง แต่พอนึกถึงว่าต่อให้สู้สุดชีวิตก็คล้ายไม่มีหวังเท่าไร ทำให้พวกเขารู้สึกสิ้นหวังและหดหู่
ปัง!
ไม่ช้าหญิงสาวชุดเหลืองนั่นก็ต้านไม่อยู่ ถูกหลินสวินกำราบอย่างแข็งกร้าว ดาบหักเคลื่อนกวาดตัดเอวอรชรของนาง โลหิตหลั่งรินดั่งน้ำตก
ณ เชิงเขาเหล่าผู้กล้าที่เจนจัด ข้ารับใช้ของขุมอำนาจต่างๆ ล้วนกำหมัดแน่น กลิ่นอายชวนประหวั่น สีหน้าคล้ำเขียว พวกที่ถูกคัดออกล้วนเป็นผู้สืบทอดสำนักพวกเขา ทำให้พวกเขารู้สึกอัดอั้นและเดือดดาลเป็นพิเศษ
เหล่าผู้อาวุโสส่วนหนึ่งยิ่งโกรธจนหน้าดำราวก้นหม้อ ทั่วร่างมีไอสังหารไร้รูปตลบอบอวล ผู้สืบทอดในสำนักพวกเขาเป็นบุคคลระดับมกุฎเหมือนกัน แต่ถูกตีพ่ายเช่นนี้ นี่ทำให้พวกเขาเองยังยากยอมรับ
แน่นอนว่าผู้ชมการประลองอีกมากกลับตื่นเต้น ส่งเสียงอึกทึกเซ็งแซ่ เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตนย่อมมองเป็นเรื่องสนุก หวังให้เป็นเช่นนั้นยิ่ง
นี่คือเรื่องที่หลายปีนี้ไม่เคยมีมา คนหนุ่มไร้หัวนอนปลายเท้าคนหนึ่งกลับ สังหารผู้สืบทอดสำนักโบราณเหล่านั้นอย่างแข็งกร้าวแตกพ่ายไม่เป็นขบวน ทำให้ผู้คนรู้สึกจิตใจสั่นไหว
‘ข้าคงดูถูกความสามารถเขาเกินไป’ เยี่ยนจั่นชิวมุ่นคิ้ว ฝีมือของหลินสวินเหนือการคาดเดาของเขาอีกครั้ง ทำให้เขาเองยังรู้สึกคาดไม่ถึง
‘ทว่าสุดท้ายก็ยังขาดความชำนาญ มกุฎมรรคาไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น’
ในฐานะที่เยี่ยนจั่นชิวเป็นผู้ที่จัดอยู่ในอันดับสามของสิบยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎแดนชัยบูรพา ก้าวล่วงบนมกุฎมรรคามาหลายปีอยู่ก่อนแล้ว
ความสามารถของหลินสวินแม้ทำให้เขาเกินคาดหลายครั้ง แต่กลับไม่สะเทือนเท่าไหร่ กระทั่งไม่อาจทำให้เขาเกิดความหวาดกลัว
หากแบ่งมกุฎมรรคาเป็นแรกก้าวสำรวจ เข้าถึงชำนาญ บรรลุสูงสุดสามระดับ เช่นนั้นในสายตาของเยี่ยนจั่นชิว พลังต่อสู้ของหลินสวินน่าจะอยู่ในขั้น ‘เข้าถึงชำนาญ’ ยังห่างจากระดับบรรลุสูงสุดไม่น้อย
แต่ในหมู่สำนักโบราณดินแดนรกร้างโบราณมีสิ่งที่รับรู้ร่วมกันอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือผู้กล้าขอบเขตมกุฎขั้นแรกก้าวสำรวจมีสิทธิ์ทะลวงกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์
ผู้กล้าขอบเขตมกุฎที่ ‘เข้าถึงชำนาญ’ อย่างลึกล้ำ หากไม่มีอะไรเหนือคาดก็สามารถดันตนขึ้นสู่กระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ได้อย่างมั่นคงแล้ว
ส่วนผู้กล้าขอบเขตมกุฎระดับ ‘บรรลุสูงสุด’ แต่ละคนล้วนเรียกได้ว่าเป็นยักษ์ใหญ่ในหมู่คนรุ่นเดียวกัน มีศักยภาพในการไต่อันดับสิบยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎ!
‘หากเจ้าเป็นบุคคลระดับบรรลุสูงสุด บางทีอาจทำให้ข้าเหลียวมองได้บ้าง น่าเสียดาย…’ เยี่ยนจั่นชิวใคร่ครวญถึงตรงนี้ก็อดส่ายศีรษะอีกครั้งไม่ได้ เรื่องอย่างนี้ไม่มีอะไรน่าเสียดาย!
ขณะเดียวกันเหนือยอดเขาอื่น สถานการณ์การต่อสู้นานเข้าก็ยิ่งกระจ่างและชัดเจน
ทันทีที่บุคคลแห่งยุคอย่างเซี่ยวชางเทียน เยี่ยเฉิน จินมู่อวิ๋น หลี่ชิงผิง อวี่หลิงคง จี้ซิงเหยาขึ้นสู่แท่นมรรค ก็เป็นการยืนยันฐานะเจ้าครองแผ่นดินแห่งตน
อีกทั้งผู้แข็งแกร่งที่กล้าท้าทายพวกเขาแม้มีจำนวนไม่น้อย แต่กลับไม่มีคนกล้าตั้งก๊กรุมโจมตี
นี่ก็คือข้อได้เปรียบในฐานะผู้สืบทอดสำนักโบราณ ใครกล้าปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็รอถูกคิดบัญชีทีหลังได้เลย!
เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้ภัยคุกคามที่พวกเขาได้รับยามครองภูผาจะมีตลอด แต่เปรียบเทียบกับหลินสวินแล้ว เหมือนคนหนึ่งอยู่บนฟ้าอีกคนอยู่ล่างปฐพี
เพียงแต่ก็มีข้อยกเว้นเช่นกัน เช่นอาหลู่ แม้ไม่ถูกรวมกลุ่มรุมโจมตี แต่การปฏิบัติที่ได้รับกลับไม่ต่างจากหลินสวินนัก
เพราะไม่มีใครรู้ว่าเจ้าคนที่คล้ายคนป่านี่เป็นอริยเทพจากที่ใดกันแน่ ยามจัดการเขา แน่นอนว่าย่อมไม่ต้องเกรงกลัวแบบเดียวกับตอนที่ต่อสู้กับผู้สืบทอดสำนักโบราณเหล่านั้น
ที่น่าแปลกคือ นับตั้งแต่อาหลู่ปีนขึ้นสู่แท่นมรรคกลับทำการยั่วยุไม่หยุดหย่อน สำแดงวิชาปากเปราะโดยกำเนิดของเขาเต็มที่
“ขยะ! ขยะทั้งนั้น นี่หรือที่เรียกว่าผู้กล้า แม้แต่หมูบ้านข้ายังแกร่งกว่าพวกเจ้าด้วยซ้ำ!”
“ถุย! ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้ว ผู้กล้าที่เรียกกันบนโลกนี้ล้วนเป็นพวกหน้าโง่ลวงโลก ต่อยตีไม่เป็นสักคน!”
“ไม่พอใจ? ไม่พอใจก็มาสู้ ใครขี้ขลาดก็เป็นไอ้ขี้แพ้!”
แค่ได้ยินวาจาเหิมเกริมพวกนี้ ก็รู้ได้ทันทีว่าสีหน้าเหล่าผู้แข็งแกร่งที่ถูกอาหลู่ยั่วยุจะไม่น่าดูขนาดไหน
ทว่าที่จำต้องยอมรับคืออาหลู่วิปริตจริง ร่างผึ่งผายกำยำดุจภูผาไม่อาจสั่นคลอน ผู้แข็งแกร่งที่ประลองกับเขามีแต่โดนต่อยอยู่ฝ่ายเดียว
การแสดงออกที่สะดุดตาเช่นนี้ แน่นอนว่าดึงดูดสายตาให้ติดตามนับไม่ถ้วน
จ้าวจิ่งเซวียน เซียวชิงเหอเองต่างขึ้นสู่แท่นมรรคเช่นกัน กำลังต่อสู้กับคู่แข่งอย่างดุเดือด การประพฤติตนหาได้สะดุดตา ทว่าผลแพ้ชนะกลับยากคาดเดา
แต่ว่ายังดีที่อย่างน้อยถึงตอนนี้ทั้งคู่ล้วนไม่ถูกคัดออก
ขณะนี้เวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไปเกินครึ่งแล้ว บนยอดเขาแต่ละลูกสถานการณ์การรบคลั่งระห่ำขึ้นเรื่อยๆ
เพื่อดันตนขึ้นสู่กระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ ไม่ว่าใครต่างก็กำลังต่อสู้และฆ่าฟันเต็มที่ เกรงแต่จะถูกคัดออก
มีเพียงยอดเขาลูกที่เก้าซึ่งหลินสวินอยู่มีสถานการณ์พิเศษออกไป
ผู้กล้าที่เลือกเขาลูกนี้ ส่วนใหญ่ยึดการเอาชนะหลินสวินเป็นเป้าหมาย
อีกทั้งตั้งแต่เริ่มการต่อสู้หลินสวินก็ครองแท่นมรรคมาตลอด แม้ว่าจะมีเป้าหมายอื่นด้วย แต่สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือต้องซัดหลินสวินให้พ่ายก่อน จึงจะสบโอกาสบรรลุสิ่งที่ปรารถนาได้
เคร้ง!
ดาบหักเจิดจ้าดุจหิมะและเหล็กหมาดปลายแหลมสีเลือดปะทะกัน ส่งเสียงก้องสะเทือนหู
จากนั้นเหล็กหมาดสีเลือดที่ถูกควบคุมโดยชายชุดดำเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬนั่นก็ระเบิดแตกดังสนั่น กลายเป็นละอองแสง
ในขณะนั้นเงาร่างหลินสวินเริ่มเคลื่อนไหวไปนานแล้ว ก้าวออกไปแล้วปล่อยสามหมัดในชั่วพริบตา แต่ละหมัดล้วนรุนแรงยิ่งขึ้นดั่งสายฟ้าฟาด คลื่นคลั่งซัดโถม
ปึง!
หมัดแรก ชายชุดดำร่างหนักอึ้งราวถูกฟ้าผ่า ไหล่ขวาแหลก กล้ามเนื้อกระดูกระเบิดกระจุย
ตูม!
หมัดที่สอง ชายชุดดำคุกเข่าทั้งสองลงกับพื้น เลือดออกทวารทั้งเจ็ด ส่งเสียงร้องทุรนทุราย กระดูกสันหลังแตกหักสิ้น
โพละ!
หมัดที่สาม ศีรษะเขาถูกระเบิด ศพไร้หัวกลับร่างเดิมเป็นหมาทมิฬ เลือดชโลมกองอยู่บนพื้น
สามหมัด ครบกระบวนในหนึ่งลมหายใจ ปิดฉากลงในพริบตา ว่องไวราวอสนีบาต
ผู้แข็งแกร่งที่มาจากเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬคนนี้ ถูกหลินสวินใช้ท่าทีที่แข็งแกร่งผงาดกร้าวซัดตายลงตรงนั้น!
………………..

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset