Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1050 เงาร่างที่ไม่อาจต้าน

ตูม!
บรรทัดหยกถูกซัดกระเด็นอีกครา ส่งเสียงครวญไม่หยุด
หลินสวินดั่งเทพมารตนหนึ่ง ระหว่างชูมือพลังหมัดทลายอากาศ ระเบิดหมัดทรงพลัง
“อ๊าก…!” ชายหนุ่มชุดป่านร้องโหยหวน
ศิษย์แกนหลักที่จัดอยู่ในแนวหน้าของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ผู้นี้ หลังจากประมือไม่กี่ครั้งสุดท้ายก็สู้ไม่ไหว ถูกหลินสวินซัดจนบาดเจ็บสาหัสเจียนตาย กระอักเลือดคำโต
แต่สีหน้าเขายังคงเหี้ยมเกรียม ผูกพยาบาทตะเบ็งลั่น “เทพมารหลิน บนภูเขาเทพไร้มรณะนี้พวกเราล้วนไม่ตาย ต่อให้เจ้าแข็งแกร่งกว่านี้ สุดท้ายก็ต้องมีช่วงที่อ่อนแอหมดกำลัง!”
ตูม!
พลังหมัดเคลื่อนกวาด ทำจนร่างเขาแตกละเอียด หลินสวินไม่ลังเลอะไรส่งหมัดออกสังหารอีกครา
กลางห้วงอากาศ ชายหนุ่มชุดป่านร่างระเบิดหายลับไป
“คนเยอะกำลังมาก ยังมาพูดข่มขู่ก่อนตาย ขยะเช่นนี้สมกับคำว่าผู้กล้าขอบเขตมกุฎรึ” หลินสวินสีหน้าเยียบเย็น ในดวงตาดำไร้ความปรานี
เขาหันหลังกลับ จ้องมองข่งหลิง
“เร็วเข้า! ลงมือพร้อมกัน ฆ่าเจ้ามารนี่ซะ!” ข่งหลิงหวีดร้อง ความแข็งแกร่งของหลินสวินทำให้นางหวั่นใจ จิตต่อสู้ถูกโจมตี
ชายหนุ่มชุดป่านนั่นคือบุคคลแห่งยุคคนแรกที่ถูกคัดออกหลังเริ่มต่อสู้
นี่ยังไม่เท่าไหร่ ที่ทำให้ผู้คนตื่นตระหนกคือ เป็นบุคคลแห่งยุคเหมือนกัน แต่เขากลับไม่ใช่คู่ต่อกรของหลินสวิน!
จิตใจของผู้กล้าสำนักอื่นๆ ต่างงถูกโจมตี ต่อสู้ถึงตอนนี้ เพิ่งผ่านไปไม่นานก็มีผู้กล้ายี่สิบกว่าคนถูกสังหาร แม้ไม่ได้ตายจริง แต่ความสูญเสียเช่นนี้เรียกได้ว่าน่าตกตะลึง!
“นับแต่ก้าวสู่ยอดเขานี้ พวกเราก็ไร้ทางถอย หากไม่กำจัดเจ้ามารนี่ซะ จะให้มันฆ่าเราทีละคนรึ”
ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณคนหนึ่งคำราม
“กำลังคนมีจำกัด ต่อให้เขาเทพมารหลินแข็งแกร่งแค่ไหน ก็มีปราณแค่ระดับกระบวนแปรจุติเท่านั้น!”
“ฆ่า! ถึงอย่างไรก็ไม่ตาย ต่อให้ถูกคัดออก หากสามารถลากไอ้สวะนี่ให้ตายตกไปได้ก็ถือว่าคุ้มค่า!”
ปณิธานการต่อสู้ของเหล่าผู้กล้าถูกจุดขึ้นอีกครั้งทันที
ไม่ใช่พวกเขาไม่กลัวตาย แต่เพราะบนภูเขาเทพไร้มรณะนี้ไม่มีทางปรากฏ ‘ความตาย’ แต่แรก!
ฟุ่บๆๆ
เงาร่างมากมายพุ่งเข้ามา ไอสังหารแผ่พุ่ง กลิ่นอายชวนประหวั่น ทั่วร่างห้อมล้อมด้วยแสงมรรคงามตระการ
วิชามรรค วิชาลับนานัปการดั่งฝนกระหน่ำมืดฟ้ามัวดิน ครอบคลุมเหนือแท่นมรรค
สมบัติมากมายปรากฏแสงแวววาวหลากสีสัน เผยลักษณ์อัศจรรย์และอานุภาพต่างกันไป ปกคลุมมาทางหลินสวินคนเดียว
ภาพสะท้านฟ้าสะเทือนดินนั้น เพียงพอทำให้ราชันกึ่งระดับคนใดๆ ล้วนสิ้นหวัง!
ขณะนี้ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาทวาโยที่กำลังใช้ใบต้นข่าวสารทองคำบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ล้วนตระหนกตกใจ ขนพองสยองเกล้า
การแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ในอดีตที่ผ่าน ไม่เคยเกิดเรื่องบ้าระห่ำชวนสะพรึงเช่นนี้มาก่อน!
หากเรื่องนี้แพร่สู่โลกภายนอก ทั้งแดนชัยบูรพา… ไม่สิ ทั่วดินแดนรกร้างโบราณเกรงว่าคงอึกทึกครึกโครมด้วยเหตุนี้แน่
แต่ขณะเดียวกันอานุภาพผงาดง้ำที่ ‘หนึ่งคนเฝ้าด่าน หมื่นฉกรรจ์ไม่อาจกล้ำกราย’ นั่นของเทพมารหลิน ก็ทำให้ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาทวาโยจับจ้องอย่างลุ่มหลง โลหิตทั่วร่างเดือดพล่านตามไปด้วย
ตัวคนเดียวกรำศึกกับผู้กล้าหลากสำนัก ความอาจหาญเช่นนี้สามารถสะเทือนฟ้าดินตะวันจันทรา น่าตกตะลึงยิ่งนัก!
ตูม โครม
สถานการณ์การต่อสู้ดุเดือดกว่าเดิม เงาร่างหลินสวินเปล่งประกายยิ่งขึ้น ดุจมายาราวภาพฝัน
สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณทั่วร่างเขาลุกโชน ร้อนเร่าดั่งเตาหลอมยักษ์ รากฐานมรรควิถีที่หนาแน่นหาใดเปรียบภายในร่างถูกโคจรเต็มกำลัง
เขาในตอนนี้ผิวทุกอณูพรั่งพรูแสงมรรค เส้นผมแต่ละเส้นล้วนแวววาวสว่างไสว สะท้อนแสงชวนประหวั่น
ระหว่างที่เขาขยับตัว พลังมหามรรคส่งเสียงกัมปนาทชักนำห้วงอากาศให้สั่นสะเทือน พลังที่ปล่อยออกมาในทุกการโจมตีต่างเผยอานุภาพทำลายล้างยิ่งยวด
ชิ้ง!
แสงเยียบเย็นของกระบี่นงคราญส่องระยับ ดุดันหาใดเปรียบ จู่โจมเข้ามา
พรูด!
ขณะเดียวกันนิ้วมือหลินสวินวาดผ่าน ประหนึ่งดาบสวรรค์ทะลวงนภาคราม เจิดจ้าเฉียบคม ข่งหลิงกรีดร้อง แต่ไม่ทันได้หลีกหลบก็ถูกปาดคอ โลหิตแดงสดสาดพรมออกมา
ร่างไร้หัวของนางกลายเป็นนกยูงปีกงามตระการตัวหนึ่ง ผลคือถูกหลินสวินใช้วิชาธารดาราหลอมเพลิงเผาจนปีกกลายเป็นเถ้า ร่างโกร๋นดำไหม้เกรียมหาใดเปรียบ
หงส์ที่สลัดขนสู้ไม่ได้แม้แต่ระกา นกยูงที่ถูกเผายิ่งไม่งามตายิ่งกว่า
ที่น่าเสียดายคือชั่วพริบตาศพของข่งหลิงก็อันตรธานหายไป ไม่เช่นนั้นหลินสวินก็อยากลิ้มลองเนื้อนกยูงอยู่บ้าง
บนแท่นมรรคฝนโลหิตพร่างพรม เสียงร้องโหยหวนดังเป็นระลอกไม่หยุด
เงาร่างหลินสวินเคลื่อนย้ายเปลี่ยนผ่าน เปล่งประกายตลอดตัว พลังหมัดอานุภาพยิ่งใหญ่ ผู้กล้ามากมายระเบิดกระจุยคนแล้วคนเล่า ทั้งหมดล้วนถูกสังหารดุเดือด
ที่นี่แสงศักดิ์สิทธิ์สะเทือนเลือนลั่น วายุอสนีโถมกระหน่ำ เลือดลมดั่งมหาสมุทรไร้ขอบเขต หลินสวินตัวคนเดียวรบพุ่งอยู่ในนั้น แม้ถูกศัตรูโจมตีทั่วทิศ แต่กลับมีความอาจหาญที่หมื่นฉกรรจ์ไม่อาจกล้ำกราย!
บนแท่นมรรคโลหิตสาดพรมรวมเป็นแอ่งสีแดงสดบาดตา จากนั้นระลอกคลื่นกฎระเบียบแผ่คลุมทำให้เลือดและซากศพเหล่านั้นต่างหายลับไป
มีแค่บนศิลามังกรขดเก่าแก่นั่นที่ส่องแสงแวววาวดั่งมายาหลากสาย ประหนึ่งไส้เดือนตัวเล็กมากมายเลี้ยวลดไปมา กำลังรวมตัวกันไม่หยุด
สามารถมองเห็นได้รางๆ บนตัวมังกรบนป้ายหินนั่น ผืนเกล็ดสีเทาขมุกขมัวปรากฏแสงแวววาวน้อยๆ ดูมีจิตวิญญาณมากขึ้น
นี่คือพลังของโชควาสนามหามรรค!
การครองภูผาบนแท่นมรรค ทุกครั้งที่เอาชนะคู่แข่งคนหนึ่ง จะได้รับโชควาสนามหามรรคเสี้ยวหนึ่งจากภูเขาเทพไร้มรณะ รวบรวมบนศิลามังกรขดนั่น
และยามนี้ ตามจำนวนคู่ต่อสู้ที่หลินสวินจู่โจมสังหารมากขึ้นเรื่อยๆ พลังโชควาสนามหามรรคที่รวมบนศิลามังกรขดก็ทยอยเพิ่มตามไปด้วย
เวลานี้เหนือยอดเขาอื่นอีกสามสิบห้าลูกก็เกิดการปะทะเช่นกัน ทว่าเทียบกันแล้วกลับอลหม่านหาใดเปรียบ ไม่มีการพุ่งเป้าไปที่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่เช่นเดียวกัน ทุกคนที่ครองภูผาต่างต้องรับการท้าทายไม่หยุด
แน่นอนว่ากล่าวถึงระดับความบ้าคลั่ง การแข่งขันบนยอดเขาอื่นไม่อาจเทียบแท่นมรรคที่หลินสวินครองอยู่
ตูม!
แสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งปะทะ สมบัติวิเศษปลิวว่อน
การเข่นฆ่ายังดำเนินต่อเนื่อง
หาใช่หลินสวินไม่รู้สึกถึงแรงกดดัน เพียงแต่แรงกดดันที่ศัตรูโจมตีทั่วทิศเช่นนี้ยังไม่ถึงขั้นทำให้เขาต้านทานไม่อยู่
ประเด็นสำคัญที่สุดอยู่ที่ต่อสู้จนถึงตอนนี้ แม้พบเจอบุคคลแห่งยุคบางส่วน แต่กล่าวถึงพลังต่อสู้ล้วนเทียบเซียวชิงเหอไม่ได้
“ขยะอย่างพวกเจ้า ทำได้แค่หลบอยู่ข้างหลังรอฉวยโอกาสรึ”
ทันใดนั้นหลินสวินเอ่ยเย็นชา สังเกตเห็นบุคคลแห่งยุคที่พลังแข็งแกร่งยิ่งส่วนหนึ่งต่างรวมตัวอยู่ห่างไกล ไม่พุ่งเข้ามา
นี่เห็นชัดว่าคิดยืมมือคนอื่นมากร่อนพลังตน ยามกำลังตนถดถอย เจ้าพวกนี้ก็จะบุกจู่โจมโดยไม่ลังเล
ทันทีที่กล่าววาจานี้ออกไป ทำให้เหล่าผู้กล้าที่กำลังบุกโจมตีต่างสีหน้าไม่น่าดู เดือดดาลหาใดเปรียบ ไม่ว่าใครล้วนไม่ยินดีจะถูกเห็นเป็นเบี้ยใช้แล้วทิ้ง
“บังอาจนัก! อย่ามาเสี้ยมคนให้เข้าใจผิด!”
ผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะที่ศีรษะสวมเกี้ยวประดับขนนกคนหนึ่งพุ่งออกมา ทะยานเข้าหาแท่นมรรคในชั่วพริบตาดั่งมังกรเหินพยัคฆ์ก้าว กวาดสะบัดทวนวงเดือนผ่าแหวกสังหาร
นี่คือชายหนุ่มซึ่งโดดเด่นยิ่งคนหนึ่ง ก้าวสู่ขอบเขตมกุฎ พลานุภาพไม่ธรรมดา ทันทีที่ลงมือก็แผ่พลังอหังการเต็มเปี่ยม
แต่เพียงชั่วครู่เขาก็ถูกหมัดหลินสวินซัดใส่หน้าอก ร่างกายระเบิดกระจุยราวทำจากกระดาษ ฉากนองเลือดนั้นน่าตระหนกจนทุกคนในลานสูดหายใจเย็น จิตวิญญาณต่างสั่นสะท้าน
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่บุคคลแห่งยุคถูกสังหารง่ายดายเช่นนี้
ณ เชิงเขา เหล่าผู้เจนจัด ข้ารับใช้แต่ละขุมอำนาจต่างสั่นสะท้าน เทพมารหลินนี่ แม้แต่ในหมู่ผู้กล้าขอบเขตมกุฎก็เรียกได้ว่าล้ำเลิศ พลังต่อสู้แข็งแกร่งยิ่ง!
หลินสวินกวาดมองเหล่าผู้กล้า กล่าวเสียงราบเรียบเยียบเย็น “วันนี้มีข้าอยู่นี่ ไม่ว่าพวกเจ้ามาจากสำนักโบราณไหน ไม่ว่าใครถ้ากล้าล้ำเส้นเพียงก้าว สังหารไม่ละเว้น!”
บัดนี้บนแท่นมรรคว่างเปล่า ผู้กล้าแต่ละคนที่พุ่งเข้าไปก่อนล้วนถูกสังหารเกลี้ยง มีเพียงหลินสวินยืนอยู่บนนั้นคนเดียว
ใต้เท้าคือแอ่งโลหิตที่รอยเลือดไม่เคยจางหาย
อากาศโดยรอบเป็นกลิ่นคาวเลือดฉุนกึก
แต่ตัวเขากลับไม่แปดเปื้อนโลกีย์ เงาร่างสันโดษ อานุภาพดั่งเทพมารตนหนึ่งที่กำลังมองเหยียดหยันทั่วทิศ พลานุภาพเช่นนั้นทำให้ผู้คนไม่น้อยต่างสะท้านไหว
ตัวคนเดียวกลับประหนึ่งมหาบรรพต หยัดยืนตระหง่านบนแท่นมรรค ต้านขวางผู้สืบทอดทุกสำนัก กำราบศัตรูทั้งมวล!
นี่ก็บ้าระห่ำเกินไปแล้ว!
ก่อนหน้านี้ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเป็นเช่นนี้
ใครจะกล้าเชื่อว่าคนผู้หนึ่งที่มีปราณระดับกระบวนแปรจุติเหมือนกัน กลับสามารถจู่โจมผู้กล้าสำนักโบราณมากมายได้
ในโลกภายนอกผู้กล้าเหล่านั้นไม่มีสักคนที่ไม่ใช่ผู้กล้ารุ่นเยาว์ ชื่อเสียงสั่นสะเทือนฟากหนึ่ง เป็นที่จับตามองอย่างยิ่ง
แต่ต่อหน้าเทพมารหลินกลับต้านทานไม่ไหวเช่นนั้น ทำให้ผู้คนแทบไม่กล้าเชื่อสายตา!
ทุกอย่างนี้พิสูจน์ได้เพียงว่า บนมกุฎมรรคา พลังต่อสู้ของเทพมารหลินบรรลุถึงขั้นเป็นประวัติการณ์ ไม่ต้องกล่าวถึงผู้กล้าทั่วไป ต่อให้เป็นบุคคลแห่งยุคเหมือนกันก็ใช่ว่าใครๆ จะมีคุณสมบัติประลองฝีมือกับเทพมารหลินได้!
ยังดีที่นี่คือภูเขาเทพไร้มรณะ มีกฎระเบียบคอยจำกัดไม่ถึงขั้นตายจริง ไม่เช่นนั้นทุกสำนักใหญ่คงแบกรับความเสียหายสาหัสเช่นนี้ไม่ไหวแน่
อีกทั้งด้วยรู้ว่าไม่มีทางตายจริง จึงทำให้ผู้กล้าเหล่านี้กล้าจู่โจมอย่างอาจหาญไม่กลัวตาย!
เวลานี้เยี่ยนจั่นชิวก็ไม่อาจไม่ติดตามการต่อสู้นี้ ความสามารถของหลินสวินทำให้เขารู้สึกผิดคาดอยู่บ้าง ในดวงตาฉายแววประหลาด
‘หนึ่งพลังเรืองรุ่ง สองเสื่อมโทรม สามสิ้นสุด เจ้าเด็กนี่ต่อสู้ถึงตอนนี้คงผลาญพลังไปมาก ก็ไม่รู้ว่าจะยืนหยัดได้ถึงเมื่อไหร่’
เยี่ยนจั่นชิวใคร่ครวญ แต่จากนั้นเขาก็ส่ายศีรษะ ไม่มีอะไรน่าติดตาม บุคคลแห่งยุคที่สามารถดันตนขึ้นสู่อันดับกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ล้วนสามารถทำได้ถึงขั้นนี้
หากหลินสวินไม่ถูกหมายหัว อาศัยพลังต่อสู้ที่เขาสำแดงออกมา การจะดันตนขึ้นสู่กระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ก็ไม่ใช่ปัญหา
น่าเสียดาย สถานการณ์ของเขาไม่ใคร่ดี!
เสมือนยืนยันการคาดเดาของเยี่ยนจั่นชิว บนยอดเขามีคนยั้งใจไม่อยู่เอ่ยเย็นชา
“เทพมารหลิน แม้พลังต่อสู้ของเจ้าโดดเด่น แต่ใครให้เจ้ากล้าลบหลู่พวกข้าสำนักโบราณที่อยู่มานาน”
คนที่เอ่ยวาจาไม่ใช่แค่คนเดียว แต่เป็นกลุ่มหนึ่ง ล้วนเป็นบุคคลแห่งยุค แววตาเยียบเย็น
จากการวิเคราะห์ของพวกเขา กรำศึกถึงตอนนี้หลินสวินคงใช้พลังไปมากโข ต้องยืนหยัดต่อได้ไม่นานแน่
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเตรียมลงมือ!
น่าเสียดาย ไม่มีคนรู้ชัดว่ารากฐานพลังหลินสวินยิ่งใหญ่เพียงใด หากประลองมรรควิถี ในที่นี้ไม่มีคนสามารถเทียบเคียงเขาได้!
“รอพวกเจ้าตั้งนานแล้ว ยังไม่ขึ้นมารับความตายอีกรึ” นัยน์ตาเยียบเย็นของหลินสวินลุ่มลึกชวนประหวั่นยิ่งกว่าเดิม
“เทพมารหลิน เจ้าหลงระเริงเกินไปแล้ว คิดจริงหรือว่าตนจะอยู่ยงคงกระพัน” หญิงสาวคนหนึ่งยิ้มเยาะ ถึงแม้หวาดหวั่นแต่ข่มความเดือดดาลในใจไม่อยู่
เพราะในฐานะผู้สืบทอดสำนักโบราณ พวกเขาสูงส่งเหนือคนอื่นเสมอ เมื่อเผชิญหน้าคนไร้ที่พึ่งอย่างหลินสวินจึงรู้สึกเหมือนครองความได้เปรียบ
แต่ตอนนี้พวกเขากลับทยอยถูกสังหาร นี่เห็นได้ว่าขายหน้านัก จะให้ผู้คนไม่เดือดดาลล้วนยากลำบาก
ฟุ่บ!
ทว่าเสียงหญิงคนนั้นเพิ่งแผ่วลง ประกายคมขาวเจิดจ้าดุจหิมะก็โฉบออกจากร่างหลินสวิน ศีรษะหญิงสาวถูกปลิดร่วงในฉับเดียว!
……………….

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset