Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1030 ข่าวลือของภูเขาเทพไร้มรณะ

“ข้าว่าเจ้ารู้ที่มาของข้าแล้ว ยังจะตามข้ามาทำไม ไม่กลัวเดือดร้อนหรือ” หลินสวินเหลือบมองเซียวชิงเหอปราดหนึ่ง
“เอ่อ…” เซียวชิงเหอหลุดจากภวังค์ความคิด พลันถามว่า “เดือดร้อนอะไร”
หลินสวินเตือนอย่างจริงจัง “นับนิ้วดูแล้ว นอกจากเหล่าสำนักในแดนฐิติประจิม เพียงแค่ในแดนชัยบูรพา แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์และสำนักกระบี่เทียมฟ้าก็เห็นข้าเป็นศัตรูแล้ว เจ้าอยู่กับข้า ไม่กลัวถูกมองว่าเป็นพวกเดียวกับข้าหรือ”
เซียวชิงเหอหัวเราะเยาะ “เจ้ายังไม่กลัวเลย ข้าจะกลัวอะไร”
สีหน้าของเขาแฝงความเย่อหยิ่ง ในฐานะหนึ่งในสิบหกสุริยันผู้กล้าแห่งตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทรา เขาก็ไม่ได้กลัวความเดือดร้อนอะไรเลยจริงๆ
“เช่นนั้นเจ้าคิดจะตามข้าอยู่แบบนี้หรือ” หลินสวินขมวดคิ้ว
เซียวชิงเหอท่าทางบอบช้ำมาก พลันเอ่ย “พี่หลิน พวกเราร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกันนะ ข้า…”
“หยุด!” หลินสวินตัดบท “เจ้าอยากตามข้าก็ได้ แต่เจ้าก็ควรบอกข้าว่าเพราะอะไรไม่ใช่หรือ”
เซียวชิงเหอพูดพร้อมสีหน้าเคารพเลื่อมใส “พี่หลิน เจ้าคิดมากไปแล้ว ในบรรดาคนรุ่นเดียวกัน นอกจากศิษย์พี่หมีเหิงเจินและเจ้าแล้ว ชาตินี้ข้าเซียวชิงเหอก็ไม่เคยชื่นชมใครอีกเลย”
หยุดไปครู่หนึ่งเขาจึงพูดอย่างครุ่นคิด “ในฐานะสหาย ข้าอยากชวนเจ้าไปภูเขาเทพไร้มรณะเพื่อร่วมการแข่งขัน ‘กระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์’ ที่จะจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า”
ไม่รอให้หลินสวินถาม เขาก็อธิบายเรื่องกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์นี้รอบหนึ่ง
ในแดนชัยบูรพา ทุกๆ ห้าปีจะมีการแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ครั้งหนึ่ง
ในเวลานั้นผู้กล้ารุ่นเยาว์ที่มีพลังปราณระดับกระบวนแปรจุติจะรวมตัวกันที่ ‘ภูเขาเทพไร้มรณะ’ เพื่อแข่งขัน
สุดท้ายมีเพียงผู้แข็งแกร่งสามสิบหกอันดับแรกจึงจะได้รับโชควาสนามหามรรค!
“โชควาสนามหามรรคงั้นหรือ” หลินสวินหัวใจสะท้าน
“ใช่ เจ้าก็รู้ว่าไร้โชควาสนาไม่อาจจะเป็นราชัน!”
เซียวชิงเหอสายตาร้อนระอุ “โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าอยากบรรลุสู่มกุฎราชันหลังจากมหายุคมาเยือน พึ่งพาศักยภาพของตนเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ จะต้องช่วงชิงและสั่งสมโชควาสนา โชควาสนายิ่งแข็งแกร่ง โอกาสที่จะทะลุสู่ระดับราชันก็ยิ่งมาก!”
นี่คือความเห็นพ้องของสำนักใหญ่โบราณทั่วหล้า
“ภูเขาเทพไร้มรณะนั่น เป็นถึงเขตแดนลี้ลับที่เรียกได้ว่าวิเศษอัศจรรย์มาตั้งแต่สมัยบรรพกาล จนปัจจุบันยังไม่เคยมีคนค้นพบที่มาของมัน”
“ในสมัยโบราณเล่ากันว่า ภูเขานี้เกิดขึ้นพร้อมกับโชควาสนาฟ้าดิน มีคุณสมบัติพิเศษที่เป็นอมตะ สามารถดำรงอยู่นิจนิรันดร์ อยู่ยงคงกระพัน”
“และมีข่าวลือว่า ภูเขานี้เป็นหนึ่งในต้นกำเนิดมหามรรคที่เก่าแก่ที่สุดของดินแดนรกร้างโบราณ เคยมีเทพสวรรค์ที่กำเนิดในปฐมกาลอาศัยอยู่ที่นี่…”
เซียวชิงเหอเอ่ยเสียงทอดถอนใจ “สรุปแล้วข่าวลือเกี่ยวกับภูเขาเทพไร้มรณะเยอะเกินไป แต่ในกาลเวลาอันไร้สิ้นสุด จนตอนนี้ยังไม่มีใครสามารถให้คำตอบที่แน่ชัดได้”
“ภูเขาเทพไร้มรณะอยู่ที่ไหน” หลินสวินถาม
“พี่หลินหวั่นไหวแล้วหรือ”
เซียวชิงเหอตาเป็นประกาย “ข้าคิดว่าด้วยพลังต่อสู้ของเจ้า ย่อมสามารถเข้าไปเป็นหนึ่งในสามสิบหกผู้แข็งแกร่งในการแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์อย่างแน่นอน”
“ข้าถามเจ้าว่าภูเขานี้อยู่ที่ไหน” หลินสวินรู้สึกจนปัญญาขึ้นมา
“เขตหวงห้ามไร้มรณะ!”
เซียวชิงเหอตอบอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด “หากเจ้าเข้าร่วม ข้าสามารถนำทางเจ้าได้”
เขาพูดต่อ “เขตหวงห้ามไร้มรณะเป็นหนึ่งในห้าเขตหวงห้ามแห่งแดนชัยบูรพา มีเพียงขุมอำนาจสำนักโบราณจึงจะครอบครอง ‘แผนภาพลับนำทาง’ ที่เข้าไปภายใน ผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ แม้มีพลังต่อสู้พลิกฟ้า แต่ถ้าอยากเข้าไปก็ต้องขอความช่วยเหลือจากสำนักโบราณที่ใดสักแห่งหนึ่ง”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้
ในที่สุดหลินสวินก็เข้าใจแล้ว
ในใจเขาอดถอนหายใจไม่ได้ นี่คือความจริง ในดินแดนรกร้างโบราณ สำนักโบราณเหล่านั้นเป็นเหมือนผู้คุมอำนาจที่ครอบครองฟ้าดิน ควบคุมทรัพยากรฝึกปราณทั้งหมด
หากไม่ใช่ผู้สืบทอดสำนักโบราณ แม้พรสวรรค์และพลังต่อสู้จะเยี่ยมยอดเพียงใด ก็ไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์!
เป็นเช่นนี้เรื่อยมา การที่ผู้สืบทอดสำนักโบราณใช้ทรัพยากรฝึกปราณต่างๆ ก็มีแต่จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
ย้อนกลับมาดูที่ผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ อยากจะลืมตาอ้าปากก็กลายเป็นเรื่องที่ยากขึ้นเรื่อยๆ!
……
สุดท้ายหลินสวินตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ในครั้งนี้
จะว่าไป การแข่งขันครั้งนี้ยังมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากกับ ‘การประลองกระดานดาราสี่แดนวิภู’ ที่กำลังจะมาถึงในอีกหนึ่งปีข้างหน้า
สถานที่แข่งขันของทั้งสอง ล้วนอยู่ในเขตหวงห้ามไร้มรณะ
สามสิบหกอันดับแรกของกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์เรียกว่าเป็นผู้แข็งแกร่งระดับยอดมกุฎรุ่นเยาว์
ส่วนสิบอันดับแรกของการประลองกระดานดาราสี่แดนวิภูจะเป็น ‘ยอดมกุฎ’ ที่แท้จริง!
……
ทว่าการแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์จะเริ่มขึ้นหลังจากนี้อีกหนึ่งเดือน ก่อนหน้านั้นหลินสวินตัดสินใจจะไปแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณสักรอบ
แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณตั้งอยู่ในแคว้นหมึกขาว ห่างจากแคว้นพยัคฆ์มังกรที่พวกหลินสวินอยู่ตอนนี้เพียงสามแคว้น ไม่ถือว่าไกลนัก
ในเมื่อมาถึงแดนชัยบูรพาแล้ว แน่นอนว่าหลินสวินจะต้องไปเยี่ยมจ้าวจิ่งเซวียนสักหน่อย
นึกถึงผู้หญิงที่ชัดเจนและเป็นอิสระคนนี้ มุมปากของหลินสวินก็อดเผยรอยยิ้มไม่ได้
หลังจากแยกกันนอกแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ตอนนั้น พวกเขาก็ไม่ได้พบกันมาหลายปีแล้ว ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้มรรคของนางไปถึงขั้นไหนแล้ว
หนึ่งวันหลังจากนั้น
หลินสวินและเซียวชิงเหออาศัยค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณมาถึงภายในอาณาเขตของแคว้นหมึกขาว จากนั้นก็เหินทะยานกลางอากาศอยู่นานครึ่งวัน ในที่สุดก็มาถึงเมืองเนินยุทธ์
เขาสามกระจ่างซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ อยู่ท่ามกลางภูเขาอันกว้างใหญ่ไพศาลที่ห่างไกลจากเมืองเนินยุทธ์พันลี้
ในหอสุราแห่งหนึ่ง
เซียวชิงเหอมองหลินสวินที่อยู่เบื้องหน้า ลังเลอยู่นานจึงอดถามไม่ได้ “หลินสวิน เจ้ามาแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณครั้งนี้เพื่อการใดกันแน่”
“ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่ามาเยี่ยมสหายเก่าคนหนึ่ง” หลินสวินพูดสบายๆ
“แต่เหตุใดเจ้าต้องแปลงกาย” เซียวชิงเหอไม่เข้าใจอย่างมาก
หลินสวินในตอนนี้แต่งตัวเป็นบัณฑิตผอมบางอ่อนแอ หากไม่ใช่เพราะเห็นกับตาเขาเองก็จำไม่ได้
“หากผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณจำข้าได้ อาจจะเกิดความวุ่นวายไม่น้อย”
หลินสวินพูดออกมาเช่นนี้ เซียวชิงเหอก็ตบหน้าผากทันที พลันร้องโวย “ข้าว่าแล้วว่าต้องมีปัญหา!”
จากนั้นเขาก็อดสื่อจิตถามไม่ได้ ‘เจ้า… มีความแค้นกับแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณใหญ่หลวงแค่ไหน’
‘เคยฆ่าศิษย์สืบทอดแท้จริงคนหนึ่งของพวกเขา และเคยทำให้ศิษย์สืบทอดแท้จริงกลุ่มหนึ่งของพวกเขาอับอาย อืม ใช่สิ มีเจ้าเฒ่าที่นามว่าเกาหยางอีกคนที่เกลียดข้าเข้ากระดูก…’
หลินสวินครุ่นคิดแล้วพูด ในหัวอดนึกถึงแต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแดนลับอสูรมารอริยะภายในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้
ตอนนั้นจ้าวจิ่งเซวียนเคยพาเขาและกองทัพขบวนหนึ่งของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ ไปแสวงหาวาสนาที่แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ด้วยกัน
แต่ภายหลังกลับเกิดความขัดแย้งนองเลือดขึ้นระหว่างเขากับแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ
หลินสวินยังจำได้ว่ากงหยางอวี่ตายในมือตน ส่วนเซียวหรัน ซูซิงเฟิง เหวินเสียงและอวิ๋นเช่อ ถือว่าพ้นเคราะห์ไปครั้งหนึ่ง
นี่ก็ทำให้อีกฝ่ายเกลียดตนเข้ากระดูกแล้ว
ในสถานการณ์เช่นนี้ หลินสวินไม่อยากเปิดเผยเกินไปจนถูกแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณรู้ฐานะตน เขามาครั้งนี้เพียงเพื่อมาเยี่ยมจ้าวจิ่งเซวียนเท่านั้น
แต่ตอนนี้ได้ยินเรื่องพวกนี้แล้ว เซียวชิงเหออึ้งงันไปอย่างสิ้นเชิง สายตาที่มองหลินสวินแฝงความซับซ้อนที่พูดไม่ออก
‘เพิ่งเข้าสู่แดนชัยบูรพา ก็ป่วนจนแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์นั่นวุ่นวายอลม่าน โกรธจนคลั่ง ตามฆ่าเจ้าทั่วหล้า’
‘จากนั้นก็ไปที่นครหยกขาว ทำลายห้าสถิติของอวิ๋นชิ่งไป๋ในรวดเดียว ทำให้สำนักกระบี่เทียมฟ้าเองก็เดือดดาล ใบหน้าอับแสง’
‘วันนี้แม้แต่แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณยังมีความแค้นกับเจ้า ชาตินี้ข้าเซียวชิงเหอไม่เคยนับถือใคร ตอนนี้นับถือเพียงแค่เจ้าหลินสวินคนเดียว!’
เซียวชิงเหอถอนหายใจ สำหรับเขา หลินสวินดุดันเกินไปแล้ว
เขาไม่มีสำนักไม่มีพรรค มาจากโลกชั้นล่าง กลับป่วนแดนฐิติประจิมด้วยตัวคนเดียว วันนี้แม้เข้าสู่แดนชัยบูรพาก็ไม่เคยเงียบเหงา ถูกเขาก่อกวนจนเกิดความฮือฮาครั้งแล้วครั้งเล่า ช่างสมกับเป็นเทพมาร!
“ประกาศแล้วๆ ‘กระดานเกียรติภูมิผู้กล้า’ ของเดือนนี้ออกมาแล้ว ถูกเผ่าวาทวาโยประกาศบนต้นข่าวสารทองคำ!”
ทันใดนั้นเสียงตะโกนด้วยความตื่นเต้นดังขึ้นในหอสุรา
จากนั้นหอสุราที่เต็มไปด้วยลูกค้าพลันฮือฮาขึ้นมา ทุกคนต่างมุ่งหน้าไปทางต้นข่าวสารทองคำที่อยู่กลางเมือง
หลินสวินชะงัก “กระดานเกียรติภูมิผู้กล้าอะไรหรือ”
“กระดานที่ถูกเผ่าวาทวาโยจัดขึ้นด้วยตัวเอง เผยแพร่เดือนละครั้ง แพร่ข่าวฮือฮาที่ร้อนแรงที่สุดเกี่ยวกับผู้กล้ารุ่นเยาว์ในดินแดนรกร้างโบราณครั้งละสิบเรื่อง”
เซียวชิงเหอพูดสบายๆ “กระดานนี้เผยแพร่ติดต่อกันมาเป็นเวลาสามเดือนแล้ว ตอนนี้ได้กลายเป็นกระแสหนึ่ง ผลกระทบใหญ่มาก ได้รับความสนใจจากคนทั่วหล้า”
“เจ้าเองก็รู้ว่าสงครามมหายุคกำลังจะมาเยือนแล้ว การกระทำของเหล่าผู้กล้าจึงดึงดูดความสนใจของคนในโลกอย่างแน่นอน”
“ดังนั้นกระดานเกียรติภูมิที่เผ่าวาทวาโยจัดทำขึ้น ทันทีที่เผยแพร่ออกมาก็ได้รับการติดตามจากผู้ฝึกปราณจำนวนนับไม่ถ้วนทันที”
“เรียกได้ว่า หากสามารถเบียดเข้าไปอยู่บนกระดานนี้ได้ตอนนี้ ก็หมายความถึงการเป็นที่นิยมและชื่อเสียงอย่างหนึ่ง สามารถดึงดูดความสนใจจากคนใต้หล้า”
“แน่นอนว่ากระดานนี้มีเพียงสิบข่าว นี่ก็หมายความว่า มีเพียงผู้กล้าที่เป็นที่นิยมและฮือฮาที่สุดจึงจะถูกจัดอันดับเข้ามา”
หลินสวินเพิ่งจะเข้าใจและอดหัวเราะไม่ได้ “เพื่อเผยแพร่ข่าวดึงดูดความสนใจของทั่วหล้า เผ่าวาทวาโยนี่ถือว่าทุ่มเท พยายามทุกวิถีทางแล้ว”
เซียวชิงเหอเองก็นึกขำขึ้นมา “สมัยบรรพกาล บรรพบุรุษของเผ่าวาทวาโยเรียกกันว่าเป็น ‘ราชันแห่งข่าวสาร’ เพื่อสืบข่าวแล้ววิ่งไวกว่าใคร ตามข่าวลือ แม้แต่สีกางเกงชั้นในของอริยะพวกเขายังสืบมาได้…”
เหล้าในปากของหลินสวินเกือบพุ่งออกมา กลั้นขำไม่อยู่ เขานึกถึงเจ้าเฒ่าสากกะเบืออย่างไป่เฟิงหลิวที่ป่าวประกาศว่าจะเป็นราชันแห่งข่าวสารมาโดยตลอด
“ไป พวกเราก็ไปดูสักหน่อยว่าบนกระดานเกียรติภูมิผู้กล้าครั้งนี้ มีผู้กล้าคนไหนบ้างที่กระทำเรื่องฮือฮาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้”
เซียวชิงเหอลุกขึ้นพูดอย่างตื่นเต้น
“ก็ดี”
หลินสวินพยักหน้า
ใจกลางเมืองเนินยุทธ์ ต้นข่าวสารทองคำที่แข็งแรงเจิดจรัสตั้งตระหง่าน กิ่งก้านราวกับหลอมขึ้นจากทองคำ ส่องประกายระยิบระยับท่ามกลางแสงอาทิตย์
ตอนนี้บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยเงาร่างของผู้ฝึกปราณตั้งนานแล้ว ล้อมที่นี่ไว้อย่างแออัด
และรอบๆ ก็ยังมีผู้ฝึกปราณอีกมากมายที่กำลังเร่งตามมา
ราวกับว่าการเผยแพร่ของกระดานเกียรติภูมิผู้กล้าทำให้ทั้งเมืองเนินยุทธ์ฮือฮาขึ้น จากเรื่องนี้จะเห็นได้ว่าอิทธิพลของกระดานนี้ยิ่งใหญ่เพียงใด
หลินสวินกับเซียวชิงเหอเองก็มาถึงแล้ว เห็นภาพที่คนมุงดูอย่างล้นหลามมืดฟ้ามัวดินก็อดถอนหายใจไม่ได้เช่นกัน
มหายุคกำลังจะมาเยือน ทำให้ทุกฝีก้าวของผู้กล้าทั่วหล้าดึงดูดความสนใจของผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วน
ตอนที่พวกหลินสวินไปถึง บนต้นข่าวสารทองคำนั่นเพิ่งปรากฏข่าวที่ถูกจัดอยู่ในอันดับที่หกของกระดานเกียรติภูมิผู้กล้า…
‘เย่หมัวเฮอผู้สืบทอดลัทธิเทพต้นกำเนิดมุ่งหน้าไปยัง ‘แดนมรณะประหัตมาร’ ที่เป็นหนึ่งในห้าเขตหวงห้ามเพียงลำพัง!’
——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset