Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 996 ดาบเดียวสะท้านกู่ชาง

ยานขนส่งอวกาศใช้หนีตายยามฉุกเฉินจึงจะสามารถเกิดประโยชน์สูงสุด หากใช้ตอนนี้เห็นได้ว่าสิ้นเปลืองเกินไป
ก่อนหน้าที่มุ่งสู่เมืองวายุทราย เพื่อทำเวลาหลินสวินจึงใช้ยานขนส่งอวกาศ
แต่ปัจจุบันค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณไม่อาจเปิดใช้
ที่หลินสวินใคร่ครวญตอนนี้คือจะทะลวงผ่านตาข่ายที่แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์วางไว้โดยปลอดภัยอย่างไร ถึงจะบรรลุเป้าหมายหนีออกจากแคว้นกู่ชาง!

ทว่าหลินสวินกลับคิดไม่ถึง เพิ่งเข้าสู่ทะเลทรายหลอมมรณาไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็เจออุปสรรคแล้ว
“เจ้าหยุดอยู่ตรงนั้น!” ผู้ฝึกปราณกลุ่มหนึ่งจัดขบวนขวางกั้นหนทางข้างหน้า แต่ละคนสีหน้าเยียบเย็น
เมื่อเห็นเงาร่างหลินสวินพุ่งมา ชายร่างผอมดั่งต้นไผ่คนหนึ่งตวาดเสียงกร้าว “ยอมรับการตรวจตราเสียโดยดี หากไม่ทำตามฆ่าไม่ละเว้น!”
“ฆ่าไม่ละเว้น?”
หลินสวินกล่าวกับตัวเอง ปราดเดียวก็มองออกว่าผู้ฝึกปราณเหล่านี้ไม่ใช่คนของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ น่าจะเป็นขุมอำนาจอื่นที่รับคำสั่งจากแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์
“ถูกต้อง ทะเลทรายหลอมมรณานี้ถูกปิดผนึกไว้แล้ว อย่าว่าแต่เจ้า แม้แมลงวันสักตัวก็อย่าคิดบินผ่าน!” ชายหุ่นไม้ไผ่กล่าวเสียงขรึม
หลินสวินร้องอ้อคราหนึ่งก็มุ่งหน้าต่อ มองผู้ฝึกปราณเหล่านี้ดั่งสิ่งไร้ค่า ตั้งท่าราวจะทะลวงฝ่าออกไป
“ช่างจองหองนัก ลงมือ!” ชายหุ่นไม้ไผ่อึ้งงัน จากนั้นระเบิดเสียงตวาด
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
เหล่าผู้ฝึกปราณที่ตั้งท่าพร้อมสรรพทะยานเข้ามาล้อมกรอบหลินสวินในบัดดล
พวกเขาไม่ใช่พวกธรรมดา ต่างเป็นพวกร้ายกาจใบดาบลิ้มรสเลือดทั้งสิ้น
น่าเสียดายที่คราวนี้พวกเขาเจอหลินสวิน
ตูม!
ยังไม่รอให้เข้าประชิด ทั่วร่างหลินสวินพลันแผ่พลานุภาพชวนประหวั่นออกมา
ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นรู้สึกเพียงเบื้องหน้าพร่ามัว ทั้งร่างดั่งถูกพายุที่กระชากเวิ้งฟ้าม้วนกลืน จากนั้นจึงถูกเหวี่ยงกระเด็นออกไปเต็มแรง
เวลาต่อมาเสียงตึงๆ ดังระงมไม่ขาดหู เหล่าผู้ฝึกปราณล้มระเนระนาด เบื้องหน้าสับสนมึนงง
ยามมองหาหลินสวินอีกครา ไหนเลยจะยังมีเงาเขาอยู่
น่าสะพรึงนัก!
เหล่าผู้ฝึกปราณสีหน้าแปรเปลี่ยนยกใหญ่ หากเมื่อครู่อีกฝ่ายลงมือโหดเหี้ยม ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะไม่มีแม้แต่แรงต้านทานหรือ
บนหนทางต่อจากนั้น หลินสวินพบเจอการปิดล้อมและขัดขวางอีกหลายครั้ง แต่อุปสรรคเช่นนี้ก็หยุดเขาไม่อยู่ทั้งสิ้น
แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นก็ทำให้หลินสวินรู้สึกยุ่งยากอยู่บ้าง
หากเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วคงเกิดเรื่องแน่!
เขาตัดสินใจเปลี่ยนแผนเล็กน้อย

บนทะเลทรายไร้ขอบเขต ตะวันเจิดจ้าลอยเด่นร้อนแรงหาใดเปรียบ
หุ่นทรายหน้าหลายหลาก รูปร่างต่างกันไปมากมายราวกองทัพรักษาการณ์อยู่ตรงนั้น
หุ่นทราย แท้จริงคือหุ่นกระบอกประเภทหนึ่ง หลอมด้วยวิชาลับ อาศัยเพียงแกนวิญญาณก็สามารถทำตามคำสั่งผู้ฝึกปราณได้
เช่นการต่อสู้ ขุดเหมือง ปลูกโอสถ… เป็นอาทิ
ยิ่งหุ่นทรายคุณภาพสูงก็ยิ่งทรงพลัง
เหมือนดั่งกองทัพหุ่นทรายขบวนนี้ก็คือหุ่นทรายต่อสู้ แต่ละตัวต่างมูลค่ามหาศาล ครองพลังต่อสู้ระดับกระบวนแปรจุติ!
“เจ้าสำนัก ครั้งนี้เราระดมกำลังเกินไปหรือไม่ หุ่นทรายต่อสู้พวกนี้คือรากฐานสำนักเรา หากเป็นอะไรไปสักตัวเช่นนั้นคงเสียหายยกใหญ่”
ชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ห่างออกไป คลางแคลงอยู่บ้าง เขาไม่เข้าใจยิ่งว่าเหตุใดครั้งนี้ทางสำนักถึงลงแรงมากเช่นนี้
“เจ้าไม่เข้าใจ หากครั้งนี้สามารถจับกุมเทพมารหลินได้ สูญเสียหุ่นทรายต่อสู้ส่วนหนึ่งก็คุ้มค่า”
ชายวัยกลางคนสองมือไพล่หลัง หว่างคิ้วเปี่ยมความน่าเกรงขาม เขามีนามว่าชวีซิวเฉิง เป็นเจ้าสำนักสำนักหุ่นทราย
“คุ้มค่าอย่างไรหรือขอรับ” ชายหนุ่มอดถามไม่ได้
“แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์บอกแล้วว่า ขอแค่จับตัวเทพมารหลินได้ จะแบ่งถ้ำสวรรค์แดนมงคลฟากหนึ่งในแคว้นกู่ชางให้เป็นรางวัล!”
กล่าวถึงถ้ำสวรรค์แดนมงคล ในดวงตาชวีซิวเฉิงฉายแววเร่าร้อนวูบหนึ่งอย่างอดไม่อยู่
หลายพันปีที่ผ่านมา พวกเขาสำนักหุ่นทรายอาศัยอยู่กลางทะเลทรายแร้นแค้นนี่มาตลอด หากสามารถย้ายสำนักไปอยู่ในถ้ำสวรรค์แดนมงคลแห่งหนึ่งได้ เช่นนั้นคงเป็นมหาศุภโชคที่ยากจะหาใดเปรียบ
ที่น่าเสียดายคือ ถ้ำสวรรค์แดนมงคลของแคว้นกู่ชางเกือบทั้งหมดถูกแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ยึดครอง ทำให้ชวีซิวเฉิงหาโอกาสพลิกสถานการณ์ไม่ได้สักที
แต่ตอนนี้โอกาสมาถึงแล้ว!
“เมื่อก่อนพวกเราหลอมหุ่นทราย สามารถหาวัตถุดิบไม่สิ้นสุดจากทะเลทรายนี่ แต่ตอนนี้อิทธิพลสำนักเรามาถึงจุดคอขวดแล้ว หมายจะบุกทะลวงต่อก็ต้องฮึดสู้กันหน่อย!”
ชวีซิวเฉิงสีหน้ามุ่งมั่น “ฉะนั้นครานี้ ไม่ว่าเทพมารหลินหรือเทพมารหลี่ ขอแค่กล้าปรากฏตัวก็ต้องหนีไม่พ้น!”
ชายหนุ่มอึ้งงัน ในใจเขายังไม่เข้าใจอยู่บ้าง คุ้มค่าจริงหรือ
ฟุ่บ!
ไม่นานนักตรงเส้นขอบฟ้ามีเงาร่างสูงสง่าทะยานมา ผมดำแผ่สยาย ท่วงท่าหลุดพ้นโลกีย์ นั่นคือหลินสวิน ทว่าครั้งนี้เขาไม่ปิดบังรูปพรรณสัณฐานแล้ว
“เทพมารหลิน!”
ชายหนุ่มตะโกนลั่น นัยน์ตาหดรัด คิดไม่ถึงอย่างสิ้นเชิงว่าคนที่แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ประกาศจับจะถูกพวกเขาล้อมกรอบจริง
“เทพมารหลิน เจ้าไม่มีทางถอยแล้ว หยุดเสียเถอะ!” ชวีซิวเฉิงตวาดลั่น หว่างคิ้วเขายากปกปิดความตื่นเต้น
เขาชี้ไปที่ห่างไกล “เห็นหรือยัง เพื่อจัดการเจ้า ข้านำหุ่นทรายต่อสู้แปดร้อยตัวออกมาจนหมด อย่าว่าแต่เจ้า ต่อให้ราชันกึ่งระดับมาเองก็ไม่อาจหลุดพ้น!”
หลินสวินเงยมองไป ก็เห็นบนทะเลทรายมีหุ่นทรายแน่นขนัดเรียงราย เด่นตระหง่านราวกองทัพใหญ่ แต่ละตัวกระเหี้ยนกระหือรือดั่งกองทัพประชิดพรมแดน มีกลิ่นอายกดดันปะทะใบหน้า
หุ่นทรายพวกนี้บ้างคล้ายพยัคฆ์เสือดาว บ้างราวสกุณา บ้างถือสมบัติอย่างดาบทวนง้าวกระบี่ ดูเหมือนไร้ชีวิต แต่กลับแผ่กลิ่นอายไม่ด้อยไปกว่าผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติ
“เจ้าแน่ใจหรือว่าของพรรค์นี้จะขวางข้าได้” หลินสวินถาม
“แน่นอน!” ชวีซิวเฉิงมั่นใจเต็มเปี่ยม
แต่ชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างกลับเกิดสังหรณ์ไม่ดีในใจ เพราะหลินสวินนิ่งสงบและสุขุมเกินไป นับจากปรากฏตัวถึงตอนนี้ไม่เคยเผยความตระหนกแม้เศษเสี้ยว
ประหนึ่งในสายตาเขา กองทัพหุ่นทรายต่อสู้แปดร้อยตัวนี้ไม่ดำรงอยู่แต่แรก!
แต่เมื่อชายหนุ่มหมายกล่าวเตือนก็ไม่ทันเสียแล้ว
ชิ้ง!
หลินสวินลงมือแล้ว ดาบหักราวรุ้งเทพเจิดจ้าทะลวงเมฆา ลำนำดาบดั่งมังกรคำรามกระหึ่มเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน
พริบตานั้นในสายตาชายหนุ่ม หลินสวินที่อยู่ตรงหน้าราวกลายเป็นเทพมารองค์หนึ่ง ทั่วร่างห้อมล้อมด้วยแสงกระจ่าง กลิ่นอายพลันเปลี่ยนเป็นน่าสะพรึงไร้สิ้นสุด เสมือนหุบเหวลึกวางขนานกลางฟ้าดิน หมายกลืนกินสรรพสิ่ง!
แย่แล้ว!
ชายหนุ่มตระหนกจนใจแทบกระโดดออกจากลำคอ
ขณะเดียวกันสีหน้าชวีซิวเฉิงพลันแปรเปลี่ยน สะบัดแขนเสื้อเอ่ยตวาด “ไป!”
ตูม!
หุ่นทรายต่อสู้แปดร้อยตัวออกจู่โจมดั่งกองทัพทันใด บุกสังหารหลินสวินจากทั่วสารทิศ
บ้างพ่นเพลิงวายุอสนีบาต
บ้างกางกรงเล็บแหวกอากาศ
บ้างโบกสะบัดสมบัติสำแดงวิชาลับการต่อสู้ชวนประหวั่น
…ทอดสายตามองไป หุ่นทรายต่อสู้มากมายประหนึ่งแกล้วกล้าไม่กลัวตาย ต่างโหมปล่อยพลังหลายหลากกลบผืนฟ้าปฐพี พลานุภาพน่าพรั่นพรึงยิ่งยวด
เหมือนที่ชวีซิวเฉิงกล่าวไว้ก่อนหน้า ภายใต้การตีโอบเช่นนี้ แม้เปลี่ยนเป็นราชันกึ่งระดับต่างไม่อาจรอดพ้น
แต่หลินสวินซึ่งเผชิญหน้าเหตุการณ์นี้กลับไม่ร้อนรนกระวนกระวาย สะบัดมือลวกๆ ฟันการโจมตีที่เตรียมไว้พร้อมนานแล้วออกมา
ฟุ่บ!
ดาบหักเจิดจ้าดั่งฝันเสมือนมายา ขณะนี้เจิดจรัสดั่งดวงตะวัน เฉือนแหวกอากาศเป็นรุ้งเทพคมศาสตรายาวหลายพันจั้งสายหนึ่ง
เงียบเชียบไร้สุ้มเสียง ฟ้าดินคืนความสงัด ทุกสรรพเสียงดุจหายลับจากไป มีเพียงพลังฟาดฟันสะท้านใต้หล้าที่กลายเป็นแสงริ้วหนึ่งเดียวกลางฟ้าดิน
ฟุ่บๆๆ
หุ่นทรายต่อสู้ที่เทียบเท่าผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติมากมายราวทำจากระดาษ ถูกบดขยี้เป็นจุณ ถูกทำลายล้าง สูญสลาย กระจัดกระจายภายใต้กระบวนเฉือนเดียว!
แค่ชั่วพริบตา กองทัพหุ่นทรายที่พุ่งเข้ามาถูกฟันแยกออกจากกันอย่างแข็งกร้าว!
รอยร้าวเหยียดยาวจากห้วงอากาศถึงปฐพี ไม่มีสิ่งใดต้านทานได้ ไร้สรรพสิ่งขวางกั้น
หุ่นทรายต่อสู้ที่กระจายอยู่ใกล้ ต่างประหนึ่งถูกมือใหญ่ไร้รูปหนึ่งลบออกดั่งลบรอยด่างบนผ้าวาด!
ใจชายหนุ่มพลันเย็นเยียบ ทั่วร่างหนาวสั่น แม้เหนือศีรษะตะวันเจิดจ้าลอยเด่น แต่ตัวเขาดั่งตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง
การโจมตีเดียวทำลายหุ่นทรายต่อสู้หนึ่งร้อยสามสิบเจ็ดตัว!
นี่ต่อให้ราชันกึ่งระดับออกจู่โจมก็เกรงว่าจะทำไม่ได้!
ชวีซิวเฉิงทั่วร่างแข็งทื่ออึ้งงันอยู่ตรงนั้น ความตื่นเต้นในใจเลือนหายไปนานแล้ว หุ่นทรายแต่ละตัวล้วนเป็นกายใจของเขา หลอมยากเหลือประมาณ
แต่บัดนี้ยังไม่ทันสำแดงอานุภาพก็ถูกทำลายไปร้อยกว่าตัว!
การโจมตีนี้มากเหลือเกิน ทำเอาเบื้องหน้าเขามืดมัวแทบกระอักเลือด
“ขวางได้ไหม”
หลินสวินเก็บดาบหัก ทิ้งท้ายด้วยประโยคนี้ จากนั้นโฉบพุ่งห่างไปโดยไม่แม้แต่จะมองพวกชวีซิวเฉิง
ขวางได้ไหม
ประโยคเรียบๆ ง่ายๆ หนึ่งประโยค กลับราวมีดเล่มหนึ่งเสียบแทงใจชวีซิวเฉิงอย่างหนักหน่วง ทำให้สีหน้าเขารวดร้าว สูญสิ้นจิตวิญญาณ
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อาจจินตนาการ ว่าเทพมารหลินที่ยังอายุน้อยทำไมถึงน่าหวาดกลัวเช่นนี้!
“เจ้าสำนัก เทพมารหลินนั่นออมมือแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยปลอบใจ “อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้กำจัดจนสิ้นซาก”
ชวีซิวเฉิงสีหน้าเศร้าหมอง พึมพำกล่าว “ใช่ ทั้งหมดต้องโทษพวกเราที่ไม่เจียมตัวเกินไป…”
ไม่ช้าเขาก็สูดหายใจลึก กล่าวมุ่งมั่นเด็ดขาด “ป่าวประกาศเหตุการณ์เมื่อครู่ออกไป ความเสียเปรียบนี่พวกเรารู้ซึ้งแล้ว ไม่อาจให้ผู้ร่วมวิถีคนอื่นๆ ซ้ำรอยอีก บางที… นี่อาจเป็นสิ่งเดียวที่พวกเราทำได้”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำสั่ง
เขามีสังหรณ์ว่าที่อีกฝ่ายไม่ทำลายทิ้งจนหมด คงคิดอาศัยมือพวกเขากระจายข่าวทุกอย่างนี้ออกไป
การทำเช่นนี้ไม่เพียงเป็นการสร้างบารมี ยังเป็นการเตือนเหล่าขุมกำลังที่ฟังคำสั่งแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์นั่นด้วย!

จริงดังคาด ทันทีที่ข่าวแพร่สะพัดก็ก่อให้เกิดความโกลาหลไม่น้อยในแคว้นกู่ชาง
สุดท้ายจึงทำให้ขุมอำนาจอื่นๆ รับรู้ ว่าคู่ต่อสู้ที่ประกาศจับคราวนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่พวกเขาคิดแต่แรก
ตรงกันข้าม นี่คือเด็กหนุ่มที่น่าพรั่นพรึงรับมือยากยิ่งคนหนึ่ง!
ใครคิดจัดการเขา ล้วนต้องชั่งน้ำหนักดูก่อนว่าตนสามารถแบกรับการโต้กลับของอีกฝ่ายได้หรือไม่!
ส่วนผู้ฝึกปราณที่ไม่ได้เข้าร่วมขบวนการต่างลอบพิศวง ไม่ใช่มังกรแกร่งไม่ข้ามลำน้ำ เทพมารหลินนี่ช่างทรงพลังจนทำเอาสับสนอลหม่าน
ทว่าหลินสวินแสดงออกเช่นนี้ กลับจุดชนวนให้แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์บันดาลโทสะ ส่งพลกำลังมือฉมังยิ่งกว่าออกไล่ล่าในวันนั้น
ในเขตอิทธิพลของตน หากไม่อาจจับตายเจ้าหนุ่มนี่ เช่นนั้นหน้าของพวกเขาแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์จะเอาไปไว้ที่ไหน
เหล่าผู้ฝึกปราณจะมองพวกเขาเช่นไร
เรื่องนี้เกี่ยวพันกับศักดิ์ศรีของสำนักโบราณแห่งหนึ่ง คราวนี้แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์เอาจริงแล้ว!
………………..

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset