Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 995 ทะเลทรายหลอมมรณา

ซูม!
หลินสวินเรียกยานขนส่งอวกาศออกมาโดยไม่ลังเล เดินทางไปเมืองวายุทรายเต็มอัตรา
อีกฝ่ายตรึงกำลังสะกดรอยเข้มงวดยิ่ง ทั้งยังเป็นนายเหนือหัวในอาณาเขตแคว้นกู่ชาง หากรอฝ่ายตรงข้ามเตรียมการพร้อมสรรพ คิดออกจากแคว้นกู่ชางอีกคงลำบากอยู่บ้าง
สรุปง่ายๆ คือ หลินสวินในตอนนี้ไม่กลัวภัยคุกคาม แต่ไม่อยากเสียเวลากับเรื่องวุ่นวายไม่จบสิ้น
เขายังมีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำ
ตัวอย่างเช่น ไปเยือนสำนักกระบี่เทียมฟ้าสักรอบ!

เมืองวายุทราย
ตั้งอยู่ในอาณาเขตทะเลทรายไพศาลแห่งหนึ่งบนแคว้นกู่ชาง
เล่าลือว่าทะเลทรายผืนนี้เดิมคือแดนมงคลบำเพ็ญเซียนแห่งหนึ่ง ทิวทัศน์งดงามไอวิญญาณปกคลุม แต่ภายหลังกลับประสบเคราะห์ใหญ่ ถูกมหาอริยะบรรพกาลผู้หนึ่งใช้ยอดศาสตรามารในมือทำลาย!
ต่อมาทิวทัศน์ดับสลาย แม่น้ำแห้งขอด ผืนดินแตกระแหง ตามเวลาซึ่งล่วงเลยที่แห่งนี้ก็ปรากฏทะเลทรายกว้างใหญ่ไพศาล
เนื่องด้วยจวบจนปัจจุบันทะเลทรายยังอบอวลไอสังหารชวนสยอง ประหนึ่งไอมารอมตะไม่เคยสลาย จึงถูกผู้บำเพ็ญเพียรเรียกว่า ‘ทะเลทรายหลอมมรณา’
เมืองวายุทรายตั้งอยู่ใกล้ทะเลทรายหลอมมรณานี้
สวบ!
เงาร่างหนึ่งโฉบมาแต่ไกล แปลงเป็นชายวัยกลางคนเคราโค้งคนหนึ่ง ทะยานลงพื้นดินมุ่งหน้าสู่เมืองวายุทราย
คนผู้นี้คือหลินสวินที่ปลอมแปลงกาย
‘หืม?’
ทว่าเพิ่งมาถึงนอกประตูเมือง หลินสวินก็เห็นบนประตูเมืองนั่นแปะภาพประกาศจับ บนภาพเหมือนคือเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง
ใต้ภาพมีเนื้อหาประกาศจับ ‘คนผู้นี้นามหลินสวิน ฉายาเทพมารหลิน เหี้ยมโหดป่าเถื่อน เลื่องชื่อโจษจัน หากใครสามารถแจ้งเบาะแสของเขา รับรางวัลหนึ่งหมื่นแกนวิญญาณขั้นสูง!’
ขณะนี้มีผู้ฝึกปราณมากมายมุงดู วิพากษ์วิจารณ์ประกาศจับนี่
“เด็กนี่ถึงกับถูกแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ประกาศจับ ต้องเป็นจอมมารก่อกรรมทำชั่วแน่!”
“ไม่รู้ว่าเขาทำเรื่องสวรรค์พิโรธคนเคียดแค้นอะไรกันถึงได้ถูกประกาศจับเช่นนี้”
ผู้คนวิจารณ์เซ็งแซ่
หลินสวินในใจครัดเคร่ง คิดไม่ถึงสักนิดว่าการเคลื่อนไหวของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์จะเร็วเช่นนี้
เขาถึงขั้นสงสัยว่า ไม่เพียงเมืองวายุทรายตรงหน้า เกรงว่าแม้แต่เมืองอื่นๆ ของแคว้นกู่ชางคงเริ่มปรากฏประกาศจับแบบนี้แล้ว!
‘หากเพียงเพื่อแก้แค้น ไม่มีทางทำให้สำนักโบราณแห่งหนึ่งระดมพลเช่นนี้แน่ พวกเขาทำเช่นนี้… เห็นชัดว่ามีแผนการอื่น!’
หลินสวินใคร่ครวญพลางมุ่งสู่กลางเมืองไปด้วย
ใจกลางเมือง แท่นบูชาเก่าแก่คร่ำคร่าประทับกลิ่นอายแห่งยุคสมัยตั้งเด่นตระหง่าน ด้านบนอบอวลพลังผนึกต้องห้ามเร้นลับอัศจรรย์
นี่ก็คือค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ!
มีเพียงอริยะที่ครอบครองศาสตร์ลับห้วงอากาศชั้นสูงจึงจะสามารถวางค่ายกลเคลื่อนย้ายเช่นนี้ได้ ทำให้ผู้ฝึกปราณสามารถเคลื่อนย้ายข้ามห้วงอากาศไร้ขอบเขต ไปปรากฏตัวนอกระยะพันหมื่นลี้ในชั่วพริบตา
ในอดีตที่ผ่านมาบริเวณค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณแห่งนี้คึกคักยิ่ง ผู้ฝึกปราณมากมายอาศัยค่ายกลโบราณนี้มุ่งสู่สถานที่อื่นในแดนชัยบูรพา
แต่วันนี้ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณกลับถูกปิดล้อมรอบด้าน!
กองกำลังผู้ฝึกปราณกลุ่มแล้วกลุ่มเล่ารักษาการณ์รอบค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณดั่งกำแพงสำริดผนังเหล็ก แม้แต่เหนือท้องฟ้ายังมีผู้ฝึกปราณควบคุมดูแล
“มีสิทธิ์อะไรมาบอกจะปิดก็ปิด ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณนี้คือของสำคัญที่อริยะในอดีตหลงเหลือไว้ เกื้อกูลมาทุกยุคสมัย สร้างสุขแก่มวลชน เหตุใดไม่ให้พวกเราใช้งาน”
มีผู้ฝึกปราณกล่าวเดือดดาล
“แค่เทพมารหลินที่ไม่รู้ความเป็นมาคนหนึ่งก็ถึงกับต้องปิดค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ ไม่ใช่ว่าต่อจากนี้ยามใดที่มีจอมมารโผล่มาอีกล้วนต้องทำเช่นนี้หรือ”
ผู้ฝึกปราณอื่นๆ ส่วนหนึ่งโวยวายตาม
เห็นชัดว่าผู้ฝึกปราณเหล่านี้เป็นเหมือนหลินสวิน หมายอาศัยค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณออกเดินทาง แต่บัดนี้กลับถูกปฏิเสธอยู่นอกประตู แน่นอนว่าต้องไม่พอใจยิ่ง
“เรื่องนี้เป็นความต้องการของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ หากพวกเจ้าไม่พอใจก็ไปโต้แย้งแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ หากยังร้องแรกแหกกระเชออีก เชื่อหรือไม่ว่าจะจับพวกเจ้าเสียให้สิ้น!” บนอากาศ ชายชราอาจหาญคนหนึ่งตวาดลั่น เสียงราวฟ้าร้องสะเทือนทั่วทิศ
ทันใดนั้นเสียงไม่พอใจเหล่านั้นพลันเงียบกริบ
“แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ไม่สมควรเผด็จการเช่นนี้ ให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง เปิดค่ายกลนี้ซะ!” หลินสวินเอ่ยปากพลางก้าวไปข้างหน้า เบื้องหน้าคือโอกาสหนีเพียงหนึ่งเดียว หากรอกำลังพลของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ไล่ตามมา เช่นนั้นทุกอย่างคงสายไปแล้ว
“เจ้านับเป็นตัวอะไร กล้าข่มขู่ข้ารึ” ชายชราอาจหาญสีหน้าขรึมลงทันที พลานุภาพไร้รูปแผ่กระจายสยบทั่วทั้งลาน
เขาคือเจ้าเมืองวายุทราย นามหยางเฉิงปอ ครอบครองปราณระดับกึ่งราชัน พลานุภาพหนักหน่วง
ตูม!
หลินสวินก้าวขึ้นห้วงอากาศ เงาร่างพลันมาถึงหน้าหยางเฉิงปอ ยื่นแขนออกคว้า นิ้วดั่งพญามังกรออกจากหุบเหว ประกายเจิดจรัสห่อหุ้มปกคลุมลงมา
หยางเฉิงปอโกรธจัดจนยิ้มออกมา คาดไม่ถึงอย่างสิ้นเชิงว่าชายวัยกลางคนนี่จะระห่ำเช่นนี้ แค่เห็นต่างก็ถึงกับกระโดดออกมาลงมือกับตน หรือเขาสะกดคำว่าตายไม่เป็น
“ไสหัวไป!” หยางเฉิงปอตวาดลั่น ปะทะกลับหนักหน่วง
แต่เหนือความคาดหมาย การโจมตีของเขายังไม่ทันได้สำแดงอานุภาพก็ถูกสลายกระเจิง ส่วนมือใหญ่นั่นก็ตะปบลงมาอย่างทรงพลัง ไม่อาจต้านทาน
แย่แล้ว!
หยางเฉิงปอพลันหน้าเปลี่ยนสี แต่ช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว ถูกหลินสวินคว้าคอเหวี่ยงทุ่มกลางอากาศเต็มแรงราวทิ้งขยะ
เสียงปึงดังสนั่น หยางเฉิงปอหน้าคะมำกระแทกลงพื้นแข็งอย่างหนักหน่วงจนเกิดหลุมใหญ่ เศษหินกระจัดกระจาย
เขาโลหิตกบจมูกปาก ร่างกระตุกส่งเสียงโอดครวญ
ทั้งลานเงียบสงัด เงียบกริบไร้สุ้มเสียง ทุกคนต่างอึ้งงันอยู่ตรงนั้น ชั่วพริบตาหยางเฉิงปอซึ่งเป็นราชันกึ่งระดับที่มีชื่อเสียงนานปี ถูกกำราบลงเช่นนี้อย่างคาดไม่ถึง
กร๊อบ!
หลินสวินลงมาจากฟ้า เท้าย่ำลงบนร่างหยางเฉิงปอ สีหน้าเยียบเย็น “ข้าขอบอกเป็นครั้งสุดท้าย เปิดค่ายกลนี้ซะ!”
“สหายยุทธ์โปรดระงับโทสะ!”
หยางเฉิงปอยิ่งแก่ยิ่งมากประสบการณ์ ไหนเลยจะไม่รู้ว่าคราวนี้เตะถูกแผ่นเหล็กเข้าแล้ว จึงก้มหัวยอมจำนนในบัดดล “เพียงแต่ตอนนี้ไม่อาจเปิดค่ายกลได้”
“ยันต์ที่ใช้เปิดค่ายกลไม่อยู่กับเจ้าหรือ” หลินสวินมุ่นคิ้ว
“ใช่แล้ว!”
หยางเฉิงปอรีบกล่าว “นับแต่ตัดสินใจปิดผนึกที่แห่งนี้ ยันต์ผนึกต้องห้ามของค่ายกลก็ถูกส่งไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ทันที”
ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณคือสิ่งที่อริยะในอดีตหลงเหลือไว้ แน่นอนว่าไม่อาจเปิดใช้ตามสะดวก
มีเพียงยึดกุมยันต์ผนึกต้องห้ามที่ตอบสนองกับมันจึงจะสามารถเปิดใช้และควบคุมค่ายกลนี้ได้ ประเด็นนี้หลินสวินซึ่งเป็นปฐมาจารย์สลักวิญญาณคนหนึ่งย่อมเข้าใจดี
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดพวกเจ้ายังต้องปิดล้อมที่นี่อีก ไม่ใช่ว่าทำเรื่องเกินจำเป็นหรือ” หลินสวินสีหน้าเยียบเย็น ไอสังหารแผ่ออกมาโดยไม่ปกปิด
หยางเฉิงปอสั่นไปทั้งตัว ทั่วร่างหนาวสั่น แค่จากไอสังหารนี้ก็ทำให้เขารับรู้ได้แล้วว่า นี่คือคนอำมหิตที่กล้าสังหารตนโดยไม่ลังเล!
“นี่เป็นความต้องการของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ เพื่อล่อเทพมารหลินนั่นออกมาค่อยจับตัวเขา…” พูดถึงตรงนี้หยางเฉิงปอคล้ายตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนยกใหญ่ กล่าวเสียงหลง “เจ้า… เจ้าคงไม่ใช่…”
ปึง!
ไม่รอให้เขากล่าวออกมาก็ถูกเท้าข้างหนึ่งของหลินสวินเตะสลบไปกับพื้น
พอมองไปรอบๆ ผู้ฝึกปราณทั้งหมดต่างอึ้งงันอยู่ตรงนั้น ท่าทางหวาดกลัวสุดขีด
หลินสวินยังไม่ตัดใจ ทำการซักไซ้ผู้ฝึกปราณส่วนหนึ่งที่ปิดล้อมค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ แต่ทุกคนล้วนแสดงออกชัดว่าสิ่งที่หยางเฉิงปอกล่าวเป็นความจริง ยันต์ผนึกต้องห้ามของค่ายกลโบราณไม่อยู่แล้ว
ยุ่งแล้ว!
หลินสวินทอดถอนใจ
แคว้นกู่ชางมีค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณแค่สามแท่น แท่นหนึ่งตั้งอยู่ที่แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ อีกหนึ่งตั้งอยู่ในเมืองวายุทราย ส่วนอีกแท่นอยู่ที่เมืองรุกขดิถี
แต่หลินสวินรู้ดีว่าสถานการณ์เมืองรุกขดิถีก็คงเป็นแบบเดียวกัน ไร้หนทางสิ้นเชิง
‘แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์คิดวางตาข่ายดักทั่วหล้า ปิดตายข้าในแคว้นกู่ชางนี่งั้นหรือ’ หลินสวินเกิดจิตสังหารที่ไม่อาจระงับภายในใจ
ไม่มียันต์เปิดใช้ค่ายกลโบราณ ต่อให้หลินสวินมีฐานะเป็นปฐมาจารย์สลักวิญญาณก็ไม่อาจเปิดค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณได้
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นสิ่งที่อริยะในอดีตหลงเหลือไว้ เกี่ยวเนื่องถึงศาสตร์ลับต้องห้ามเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถตีความได้
‘ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะดูว่าการปิดล้อมของพวกเจ้าจะสามารถขวางหนทางของข้าหลินสวินได้จริงหรือไม่!’
สวบ!
หลินสวินเงาวูบไหว ทะยานอากาศจากไป
ที่แห่งนี้ไม่เหมาะจะอยู่นาน
“คนผู้นี้เป็นใคร น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“เพิ่งมีปราณระดับกระบวนแปรจุติ แต่สามารถเอาชนะราชันกึ่งระดับในชั่วดีดนิ้วมือ ทำไมบนโลกนี้ถึงมีคนทรงพลังเช่นนี้”
กระทั่งหลินสวินจากไป บรรยากาศกดดันในลานจึงสลายลง ผู้ฝึกปราณมากมายเป่าปากโล่งใจเฮือกใหญ่ อดส่งเสียงพิศวงไม่ได้
“ยังจะมีใครอีก ต้องเป็นเทพมารหลินนั่นปลอมตัวมาแน่!”
“ไม่ผิด ต้องเป็นเขาแน่ เพียงแต่คาดไม่ถึงว่าเจ้าหมอนี่จะแข็งแกร่งเช่นนี้ มิน่าถึงทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ให้ความสำคัญ ออกประกาศจับทั่วแผ่นดินแคว้นกู่ชางโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใดเช่นนี้”
“คาดเดาจากจุดนี้ ต่อให้คนผู้นี้เหี้ยมโหดยิ่งกว่านี้ เกรงว่าใช้เวลาไม่นานคงถูกลงโทษ อย่างไรเสียอิทธิพลของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาคนเดียวสามารถต้านทานได้”
ฟุ่บๆๆ
ไม่นานนักแสงห้อทะยานของผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งจากแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ก็มาเยือน กดอัดพยับเมฆพุ่งเข้ามา มืดฟ้ามัวดินดุจกองทัพตั๊กแตน
พลานุภาพปิดฟ้าคลุมดิน สะท้านทั่วทิศ!
หลังทราบเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ หนานกงหั่วพลันฉุนเฉียว “ปล่อยให้มันหนีได้อีกแล้ว!”
“หนีไปไหนแล้ว”
“คันฉ่องกักวิญญาณสองลักษณ์ฉายว่าเขาหนีไปทางทะเลทรายหลอมมรณา”
“ระดมกำลังทั้งหมดปิดล้อมทะเลทรายหลอมมรณา!”
ทันใดนั้นกองทัพใหญ่อันเกรียงไกรก็ไม่ชักช้า ออกเคลื่อนพลอีกครา โฉบผ่านเหนือเมืองวายุทรายไปทางทะเลทรายหลอมมรณา
วันนี้แคว้นกู่ชางสั่นสะเทือน ประกาศจับหนึ่งฉบับของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ทำเอาผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนตื่นตระหนก ชักนำมาซึ่งเสียงฮือฮาไม่รู้เท่าไหร่
‘เทพมารหลินนี่เป็นใคร’
นี่คือข้อสงสัยของผู้ฝึกปราณส่วนมาก เพราะแต่ก่อนพวกเขาแทบไม่เคยได้ยินว่าบนโลกยังมีบุคคลเช่นนี้ด้วย
แต่ไม่จำเป็นต้องสงสัย นับจากวันนี้ไปเด็กหนุ่มที่ถูกเห็นเป็น ‘เทพมารหลิน’ ได้เริ่มเข้าสู่สายตาผู้คนแล้ว
ขุมอำนาจมากมายต่างเคลื่อนไหว ฟังคำสั่งแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ ในแคว้นกู่ชางเปิดการปิดผนึกชั้นแล้วชั้นเล่า
เพียงชั่วขณะ ทุกเมืองในแคว้นกู่ชางต่างเต็มไปด้วยบรรยากาศตึงเครียดทุกหนแห่ง ดุจดั่งมรสุมกำลังมา
เนื่องจากการเคลื่อนไหวยิ่งใหญ่เกิน ทำให้ผู้ฝึกปราณทั้งหมดต่างรับรู้ขึ้นเรื่อยๆ ว่า ครั้งนี้แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์คงตั้งใจมั่นจะขุดรากถอนโคนเทพมารหลินแน่!
ในทะเลทรายไร้ขอบเขต หลินสวินกำลังท่องทะยาน
เริ่มระมัดระวังไม่ใช่ยานขนส่งอวกาศ หนึ่งเพราะสมบัตินี้ผลาญแกนวิญญาณจำนวนมาก
สองเพราะมันสะดุดตาเกินไป ถึงอย่างไรก็เป็นสมบัติอริยะชิ้นหนึ่ง แม้เสียหายอย่างหนักแต่ทันทีที่ปรากฏออกมา ไม่แน่ว่าอาจล่อให้พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันเกิดความละโมบ!
…………………

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset