Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1146 กฎเหล็กที่ไม่มีอริยะเทพ

ภายในตำหนักเต็มไปด้วยซากศพเศษชิ้นส่วนทุกแห่งหน เลือดสีสดแสบตา
จู่ๆ ในอากาศก็อัดแน่นด้วยไอสังหารที่ชั่วร้ายและกลิ่นคาวเลือดรุนแรงฉุนจมูก
ภาพนองเลือดแต่ละฉาก ราวกับภาพนรกที่วาดด้วยหมึกดำมากมาย
ส่วนหลินสวิน เจ้าคางคกและอาหลู่ก็ประหนึ่งเทพสังหารสามองค์ที่อยู่ในภาพนรก ห่อหุ้มด้วยคาวเลือดและไอสังหาร ชวนให้อกสั่นขวัญแขวน
“เพราะเหตุใด นี่มันที่บ้าบออะไรกัน!”
อูหลิงเฟยและผู้แข็งแกร่งที่เหลือยังคงคำรามอย่างเดือดดาล แต่ประตูตำหนักไม่ถูกสะเทือนแม้สักนิด
“นี่คือดินแดนแห่งศุภโชคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแดนเผาเซียน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับบุคคลไร้เทียมทานคนหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า ‘เผาเซียน’ ได้ตายที่นี่พวกเจ้าควรรู้สึกโชคดีอย่างมากถึงจะถูก”
เจ้าคางคกยิ้ม ในดวงตาสีทองกลับเย็นเยียบอย่างที่สุด
เขาไม่ลืมเหตุการณ์ที่เกือบสิ้นชีพก่อนหน้านี้หรอกนะ!
เผาเซียน?
ใครกล้าเรียกตัวเองว่า ‘เซียน’
สีหน้าของพวกอูหลิงเฟยเปลี่ยนไป แม้แต่หัวใจยังสั่นไหว
กระทั่งหลินสวินกับอาหลู่ยังอึ้งเล็กน้อย เผาเซียนหรือ
สรรพนามนี้เผด็จการอย่างไม่ต้องสงสัย มีพลังที่สะเทือนใจคน!
“ทั้งสามท่าน ครั้งนี้ถือว่าพวกเราโชคร้าย ยินยอมชดเชยอย่างสาสมเพื่อแลกชีวิต ปล่อยพวกข้าไปสักครั้งได้หรือไม่”
ชายคนที่ผิวพรรณเปล่งประกายสีเขียวอ่อน บนแก้มประทับรอยสักดอกไม้อสูรแปลกประหลาดสูดหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง พูดเสียงขรึมขึ้นมา
นี่เป็นบุคคลขอบเขตมกุฎคนหนึ่งในเผ่าไพรปฐพี
“เป็นไปไม่ได้!”
เจ้าคางคกปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
แม้รู้แต่แรกแล้วว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ แต่ท่าทางแข็งกระด้างของเจ้าคางคกก็ยังทำให้พวกอูหลิงเฟยหัวใจดิ่งวูบ
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็สู้กันให้รู้แล้วรู้รอดเถอะ!”
จู่ๆ ชายเผ่าไพรปฐพีก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ในฝ่ามือปรากฏโคมไฟที่สานจากเถาวัลย์สีเหลืองแปลกประหลาด
ทันทีที่ปรากฏ โคมไฟเถาวัลย์เหลืองที่รูปร่างเหมือนกระถางนี่ก็แผ่กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ ในโคมไฟเพลิงศักดิ์สิทธิ์ปกคลุม ราวกับมีเทพไท้ควบคุม!
สมบัติอริยะ!
หลินสวินกับอาหลู่นัยน์ตาหดรัด
แต่เจ้าคางคกกลับยิ้ม มุมปากเผยองศายากจะคาดเดา “เจ้าโง่ ก่อนมาผู้อาวุโสของเจ้าไม่ได้บอกเจ้าหรือว่า อริยะไม่อยู่ในแดนมกุฎ”
เขาเอามือไพล่หลัง ดูใจเย็นมาก ในสายตาที่จ้องโคมไฟเถาวัลย์เหลืองนั่นแฝงความเสียดายและทอดถอนใจเสี้ยวหนึ่ง
แดนมกุฎ ไม่มีอริยะเทพ!
นี่คือกฎเหล็ก
ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในที่นั้นล้วนมาจากมหาสำนัก ก่อนมา เป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่เคยได้ยิน ‘กฎเหล็ก’ ขั้นสูงเช่นนี้
“จะตายอยู่แล้ว ไม่สู้สักหน่อยจะจำยอมได้อย่างไร”
ผู้แข็งแกร่งเผ่าไพรปฐพีสีหน้าเย็นชาและเด็ดเดี่ยว
“งั้นเจ้าสู้เถอะ”
เจ้าคางคกพูดอย่างสบายๆ แฝงความสงสารเสี้ยวหนึ่ง
สายตานี้ทำให้ผู้แข็งแกร่งเผ่าไพรปฐพีทนไม่ไหวทันที เขาส่งเสียงตะโกน จู่ๆ อานุภาพรอบตัวก็ยกระดับขึ้นจนถึงขีดสุด
และในมือเขา โคมไฟเถาวัลย์สีเหลืองที่รูปร่างเหมือนกระถางก็เปล่งแสงสว่างไสว
โครม!
เพลิงศักดิ์สิทธิ์พลุ่งพล่าน โคมไฟอันหนึ่งกลับเหมือนจะจุดประกายฟ้าดินโดยรอบ
พวกอูหลิงเฟยต่างถอยหนี สีหน้าอึมครึมสับสน
ห่างออกไปเจ้าคางคกสุขุมเยือกเย็น เพียงแต่สื่อจิตถึงหลินสวินกับอาหลู่ ‘แดนมกุฎไม่มีอริยะ นี่ไม่ใช่เรื่องโกหก ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับกลิ่นอายอริยะ เมื่อใช้ล้วนถูกลบล้าง! ในสมัยบรรพกาลเคยเกิดขึ้นไม่ใช่แค่ครั้งเดียว’
ระหว่างที่พูดผู้แข็งแกร่งเผ่าไพรปฐพีนั่นโจมตีออกมาแล้ว โคมไฟเถาวัลย์สีเหลืองปลดปล่อยเพลิงศักดิ์สิทธิ์สายหนึ่งออกมา ขับให้สีหน้าของเขาเหี้ยมโหดและดุดันเป็นพิเศษ
แน่อนอนว่าเขาเองก็รู้กฎเหล็กที่ไม่มีอริยะ มิฉะนั้นคงใช้สมบัติอริยะต่อสู้ตั้งนานแล้ว ไม่ใช่รอมาถึงตอนนี้
แต่ตอนนี้เขาจนหนทางแล้ว กลายเป็นหมาจนตรอก ฝากความหวังทั้งหมดบนสมบัติอริยะในมือ ในใจรู้สึกโชคดี
ถ้า… ฆ่าคู่ต่อสู้ได้ล่ะ?
หมาจนตรอกยังกระโดดข้ามกำแพงไปได้อย่างไม่คาดคิด แล้วนับประสาอะไรกับคน
ครืน!
เพียงแต่ไม่นานการเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น
ทันทีที่เพลิงศักดิ์สิทธิ์นั่นปรากฏ ยังไม่ทันสำแดงอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ พลังกฎระเบียบไร้รูปสายหนึ่งก็พลุ่งพล่านขึ้นในอากาศกะทันหัน
ชั่วขณะนั้นทุกคนต่างหยุดหายใจ ในใจหวาดกลัว ทั้งยังมีความรู้สึกอยากจะคุกเข่าลงกราบกับพื้น!
เหตุผลอยู่ที่ว่าพลังกฎระเบียบนี้สูงส่งและไร้เทียมทานเกินไป น่ากลัวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เผชิญหน้ากับมันก็เหมือนมดตะนอยแหงนมองเทพ!
ฉ่า!
เพลิงศักดิ์สิทธิ์นั่นดับลง
สีหน้าของผู้แข็งแกร่งเผ่าไพรปฐพีเปลี่ยนไปอย่างมาก ส่งเสียงคำรามออกมา กระตุ้นโคมไฟเถาวัลย์เหลืองเต็มกำลัง
เพียงแต่ภายใต้การจ้องมองด้วยสายตาตื่นตะลึงของทุกคน สมบัติอริยะที่มีอานุภาพเทียมฟ้าและที่มายิ่งใหญ่ขนาดนี้ กลับสลายไปอย่างไร้สุ้มเสียงเหมือนกระดาษที่แสนเปราะบาง
จากนั้นก็แปรเป็นละอองแสงศักดิ์สิทธิ์งดงาม
สุดท้ายเหมือนมีฝ่ามือใหญ่ไร้รูปข้างหนึ่งลูบในอากาศ ละอองแสงศักดิ์สิทธิ์ผืนนั้นพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย!
ไม่มีการปะทะที่ดุเดือดสะเทือนฟ้าดิน และไม่มีความเป็นไปได้ที่จะดิ้นรนใดๆ
อยู่เบื้องหน้าพลังกฎระเบียบที่ไร้รูปนั่น สมบัติอริยะที่เพียงพอจะสยบโลกชิ้นหนึ่งได้ถูกทำลายไปเช่นนี้!
ทุกคนหนาวสะท้านไปทั้งร่างราวกับร่วงลงไปอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง
นี่เป็นพลังกฎระเบียบที่ไร้ที่เปรียบและน่ากลัวเพียงใด
นั่นเป็นถึงสมบัติอริยะ!
ถูกลบหายจนหมดจดไปง่ายๆ เช่นนี้ แม้แต่กลิ่นอายและร่องรอยก็ยังไม่หลงเหลือสักเสี้ยว!
“ไม่…!”
ผู้แข็งแกร่งเผ่าไพรปฐพีส่งเสียงตะโกนอย่างเจ็บปวดรวดร้าวราวกับถูกฟ้าผ่า สมบัติอริยะชิ้นหนึ่งถูกทำลาย ทำให้เขารับการกระทบกระเทือนระดับนี้ไม่ไหว ในปากพลันกระอักเลือดออกมาทันใด เงาร่างโซซัดโซเซคล้ายจะร่วงลงมา
สมบัติอริยะ!
นี่ปกติเสียที่ไหน
“เจ้าโง่ ผู้ใหญ่ตระกูลเจ้าอนุญาตให้เจ้าเอาสมบัตินี้เข้ามายังแดงมกุฎ ก็คงต้องเคยเตือนเจ้าว่า อนุญาตให้เจ้าใช้สมบัตินี้ในการเก็บวัตถุดิบเทพและวาสนาเท่านั้น แต่เห็นได้ชัดมากว่าความโง่ของเจ้าทำให้สมบัติอริยะชิ้นนี้ถูกทำลายแล้ว!”
น้ำเสียงของเจ้าคางคกแฝงความเย้ยหยันและมีความปวดใจอย่างหนึ่ง เขาจำที่มาของโคมไฟเถาวัลย์เหลืองนี้ได้ พอเห็นว่าสมบัติอริยะระดับนี้ถูกทำลายเขาเองก็เสียดาย
ฟุ่บ!
ผู้แข็งแกร่งเผ่าไพรปฐพีกระอักเลือดคำใหญ่ ใบหน้าซีดเซียว สายตายังมืดมนไร้ประกาย
“ในเมื่อเจ้ารู้เรื่องนี้แต่แรก เหตุใดจึงไม่เตือนข้ากับพี่ใหญ่” อาหลู่เดือดดาล
เจ้าคางคกพูดอย่างไม่เข้าใจ “ก่อนจะเข้ามาในแดนมกุฎข้าบอกพวกเจ้าหมดแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็จะใช้สมบัติอริยะไม่ได้เด็ดขาด!”
หลินสวินพยักหน้า เขาก็จำเรื่องนี้ได้
ถึงขั้นที่ยังจำได้ว่า เจ้าคางคกเคยบอกว่าในการแย่งชิงอำนาจของแดนมกุฎ น้อยมากที่จะมีคนเอาสมบัติอริยะเข้าไป
เพราะหากคนตายไปแล้ว สมบัติอริยะที่ทิ้งเอาไว้ก็จะถูกทำลาย!
ตอนนั้นหลินสวินยังคิดจะซ่อนเจดีย์สมบัติไร้อักษร ขวดมหามรรคไร้ขอบเขต และยานขนส่งอวกาศซ่อนไว้ในโลกภายนอก
แต่หลังจากนั้นพอคิดๆ ดูแล้วก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น
ถึงอย่างไรหากเขาตายในแดนมกุฎ สมบัติอริยะเหล่านี้หากไม่ถูกฝัง ก็คงถูกผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ มาเจอเข้าแล้วครอบครอง เป็นการทำให้คนอื่นได้เปรียบไปเปล่าๆ
และตอนนี้เห็นว่าโคมไฟเถาวัลย์เหลืองถูกทำลาย ก็ทำให้หลินสวินยิ่งตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของกฎเหล็กที่ว่า ‘ไม่มีอริยะ’
สิ่งที่เหนือความคาดหมายของทุกคนคือ ผู้แข็งแกร่งเผ่าไพรปฐพีราวกับรับความกระทบกระเทือนนี้ไม่ไหว ตอนนี้ได้บ้าคลั่งอย่างสิ้นเชิง สติแตกไปแล้ว!
พรูด!
สุดท้ายเขาแหงนหน้าขึ้นกระอักเลือดคำหนึ่ง จากนั้นเบิกตากลมโต ล้มหงายหลังลงพื้น สิ้นลมอย่างสิ้นเชิง
“โกรธจนตายไปเองหรือ” อาหลู่แปลกใจ
“จิตมรรคของเขาพังทลายแล้ว คิดๆ แล้วก็จริง เผชิญกับความสิ้นหวังเช่นนี้ ง่ายต่อการกระทบกระเทือนจิตใจมากอยู่แล้ว ตอนนี้สมบัติอริยะยังถูกทำลาย ถือว่าหมดหวังอย่างสิ้นเชิงแล้ว เพียงแต่… ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่าเจ้าหมอนี่จะรับความกระทบกระเทือนไม่ได้ขนาดนี้”
เจ้าคางคกพูดอย่างสบายๆ “สภาพจิตใจเช่นนี้ แม้มีชีวิตอยู่ก็ไม่มีทางกลายเป็นราชันในแดนมกุฎได้”
“หยุดพูดไร้สาระ จัดการเจ้าพวกนี้ก่อนค่อยว่า”
แม้จะสนทนากันหลินสวินก็ไม่ได้ผ่อนความระแวดระวังลง ยิ่งเวลาเช่นนี้ยิ่งอันตราย ต้องระวังการโต้ตอบก่อนตายของอีกฝ่าย
ตูม!
ราวกับเป็นการยืนยันการคาดเดาของหลินสวิน เขาพูดยังไม่ทันจบอูหลิงเฟยก็โจมตีอย่างเหี้ยมหาญแล้ว
เขาแปลงเป็นอีกาทองตัวหนึ่ง ปีกแผ่เปลวเพลิงสีทองที่สว่างไสวท่วมฟ้า พุ่งสังหารเข้ามาทางหลินสวิน
เปลวเพลิงที่ลุกโชนอย่างรุนแรงราวกับจะเผาไหม้ทุกอย่าง!
มองจากระยะไกลเหมือนสุริยันสีทองดวงหนึ่งลุกไหม้ขึ้นในชั่วขณะนี้
นี่เป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของอูหลิงเฟยอย่างไม่ต้องสงสัย มีความเด็ดเดี่ยวและเหี้ยมโหดที่หมายจะเผาผลาญให้ตายไปพร้อมกัน ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
ที่น่าเสียดายคือหลินสวินระวังตัวอยู่ก่อนแล้ว ย่อมไม่มีทางทำให้เขาสมปรารถนา!
ฉัวะ!
ดาบหักที่สั่งสมพลังมานานแล้วโฉบพุ่งออกมา กระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้กวาดออกไป ราวกับการเปลี่ยนแปลงมหามรรคลงมาเยือน อ้างว้างเปล่าเปลี่ยวไม่อาจคาดเดา
ฮูม
เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น อีกาทองที่ยังไม่เคยสังหารมาก็ถูกเฉือนปีกข้างหนึ่ง ฝนเลือดสาดกระเซ็น
อาหลู่ที่อยู่ข้างๆ กวัดแกว่งกระบองเหล็กยักษ์ ฉวยโอกาสนี้กระแทกศีรษะของอีกาทองจนแหลก
องค์ชายเจ็ดของเผ่าอีกาทอง สัตว์ประหลาดยุคโบราณที่เรียกได้ว่าไร้เทียมทานได้จบชีวิตลงเช่นนี้!
“ฆ่า!”
คนอื่นๆ แม้จะหมดหวังแต่ไม่ว่าใครก็ไม่ยอมนอนรอความตาย ส่งเสียงตะโกนพร้อมพุ่งปราดขึ้นมา
เพียงแต่นี่ถูกกำหนดให้เป็นเรื่องไร้ประโยชน์
ฟุ่บ!
ชายในชุดคลุมเงินถูกหลินสวินชิงสังหารไปก่อนอย่างไม่ต้องสงสัย ร่างกายถูกเฉือนเป็นสองท่อนล้มลงบนพื้น เลือดสดไหลพรู
ร่างเดิมของเขาปรากฏออกมา เป็นนกเสวียนสีเงินตัวหนึ่ง
และในเวลาเดียวกันอีกด้านมีเสียงกึกก้องไม่หยุด เจ้าคางคกและอาหลู่ต่างกำลังสำแดงฤทธิ์เดช ทั้งสองร่วมมือกัน มีท่าทีว่าจะกวาดล้างทุกอย่าง
ไม่นานก็มีคู่ต่อสู้อีกคนถูกฆ่า ร่างกายถูกตีจนระเบิด ฝนเลือดปลิวว่อน
ไม่ว่าจะเป็นหลินสวิน เจ้าคางคก หรืออาหลู่ ล้วนไม่มีทางออมมือ
ก่อนหน้านี้พวกเขาถูกปิดล้อมโจมตี สถานการณ์อันตรายเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง วนเวียนอยู่ระหว่างความเป็นความตาย สั่งสมความแค้นจนเต็มอกมานานแล้ว จะยอมออมมือได้อย่างไร
เพียงแค่ชั่วขณะห้าคนที่เหลือก็ถูกพวกหลินสวินร่วมแรงกันโจมตีสังหาร เลือดกระเด็นเต็มพื้น ก่อนตายแต่ละคนล้วนแฝงความไม่จำยอมอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
แต่นี่ยังไม่จบ!
ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ยังมีคู่ต่อสู้จำนวนไม่น้อยถูกโจมตีจนหมดสติไป สูญเสียพลังต่อสู้แต่กลับยังไม่ตาย
ไม่รอหลินสวินออกคำสั่ง อาหลู่และเจ้าคางคกก็เคลื่อนไหวตรวจสอบสนามรบ สังหารคู่ต่อสู้ที่ยังเหลือรอดเหล่านั้น
หลินสวินมองทุกอย่างด้วยสายตานิ่งสงบ ไม่ได้เข้าไปแทรกแซง
เขารู้ว่าอาหลู่และเจ้าคางคกต้องการระบาย ก่อนหน้านี้ทั้งสองถูกปิดล้อม เผชิญกับความสิ้นหวัง ในใจสั่งสมความเคียดแค้นไม่น้อย
และพอเห็นเลือดที่นองเต็มพื้น ในใจหลินสวินเองก็มีความรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย
ผู้แข็งแกร่งที่สามารถเข้ามาในตำหนักเพลิงเทพนี้ ล้วนก้าวเดินบนมกุฎมรรคาแล้ว ถูกขุมอำนาจที่อยู่เบื้องหลังของแต่ละคนฝากความหวังเอาไว้ มีความหวังที่จะทะลวงสู่ขอบเขตมกุฎระดับราชัน
ในโลกภายนอกพวกเขาล้วนเป็นบุคคลที่โดดเด่นสะเทือนฝั่งหนึ่งอย่างไม่มีข้อยกเว้น แต่ด้วยการตายของพวกเขา ทุกอย่างที่มีก่อนตายล้วนถูกกำหนดให้ไม่คงอยู่
นี่ก็คือการต่อสู้มหามรรค โหดร้ายมาก!
หลินสวินรู้ดี หากเปลี่ยนเป็นพวกเขาที่ถูกฆ่าวันนี้ ไม่ว่าตอนที่ยังมีชีวิตอยู่จะมีชื่อเสียงและความหวังมากเพียงใด ตายไปก็ต้องมลายหายไปทั้งหมด
เรื่องในทำนองนี้ ในอนาคตจะยังเกิดขึ้นอีก!
……………………….

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset