Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1175 สิบแปดเคราะห์

‘โทสะพระเวท’ เหมือนกัน แต่มู่จิ้งหนึ่งในสิบแปดศิษย์อารามกษิติครรภ์ที่ฝึกวิชาธรรมตั้งแต่เด็ก กลับพ่ายแพ้ในมือคนนอกด้วยการโจมตีเดียว!
พวกมู่เจิ้งต่างนัยน์ตาหดรัด ประสานเสียงตวาด “เจ้านอกรีต!”
น้ำเสียงเปี่ยมความตระหนกขุ่นเคืองอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนมู่จิ้งยิ่งเผยสีหน้ายากจะเชื่อ พ่ายแพ้บนมรดกวิชาสยบหล้าที่ตนถนัดที่สุด นี่ก่อให้เกิดแรงกระเทือนต่อเขาอย่างหนักหน่วง
“เหอะ!”
ภิกษุหน้าตาหล่อเหลาเหมือนเด็กหนุ่มคนหนึ่งก้าวออกมา เขาฉายามู่เหิง เวลานี้กำลังสวดธรรมคาถาเร้นลับ
แสงธรรมสีดำสายหนึ่งรวมตัวเป็นแสงสมประสงค์ในชั่วพริบตา
แสงสมประสงค์ยาวสามฉื่อ ประทับอักษรธรรมหลากสายผ่าลงกลางอากาศฉับพลัน มีอานุภาพกำราบฟ้าดิน
วิชากษิติครรภ์สมประสงค์!
พร้อมกันนี้หลินสวินก็เอ่ยธรรมคาถา สำแดงวิชากษิติครรภ์สมประสงค์ออกมาเช่นกัน
ทว่าแสงสมประสงค์ที่ควบรวมออกมากลับยิ่งใหญ่ดุจภูผาสูงตระหง่านเบียดฟ้าดิน อักษรธรรมหลากสายที่ประทับอยู่บนนั้นรวมตัวจากเพลิงศักดิ์สิทธิ์หงส์ทมิฬ ทำเอาผู้คนหวั่นหวาด
ปึง!
การโจมตีแบบเดียวกัน มู่เหิงกลับถอยร่นสีหน้าซีดเผือด หน้าอกกระเพื่อมไหว ยากจะรับจนเกือบกระอักเลือด
นี่ทำให้พวกมู่เจิ้งต่างเดือดดาลไม่กล้าเชื่อ
คนนอกคนหนึ่งกลับใช้พลังมรดกวิชาชั้นสูงของอารามกษิติครรภ์ของพวกเขากำราบศิษย์ร่วมสำนักสองคนได้ นี่เป็นเรื่องที่ไม่อาจคาดคิด!
“พวกเจ้าเห็นข้าเป็นพวกนอกรีต แต่กลับพ่ายแพ้ในวิชาที่ตนถนัดที่สุด น่าขายหน้าเกินไปไหม”
หลินสวินเคร่งขรึมมีสง่า แสงธรรมไหลเวียนทั่วร่าง มีพลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์น่าเกรงขาม เหมือนผู้บำเพ็ญธรรมยิ่งกว่าสาวกอารามกษิติครรภ์เสียอีก
นี่ทำให้พวกมู่เจิ้งสีหน้าอึมครึมอยู่บ้างแล้ว
“ศิษย์พี่ศิษย์น้องทุกท่าน เห็นได้ชัดว่าเจ้าเดรัจฉานนี่ฝึกคัมภีร์มรรคของบรรพจารย์ตู้จี้แล้ว วันนี้หากไม่ขุดรากถอนโคนมัน สำนักอารามกษิติครรภ์ของเราต้องถูกสั่นคลอนแน่!”
มู่เจิ้งตวาดลั่น
ภิกษุคนอื่นต่างกล่าวเสียงขรึม “ยินดีอุทิศตนกำราบมารปีศาจ!”
ตูม!
การต่อสู้ปะทุขึ้น สิบแปดศิษย์อารามกษิติครรภ์ต่างคนต่างสำแดงวิชามรรคกำราบหลินสวินจากทั่วทิศทาง
ชั่วพริบตาที่แห่งนี้แสงธรรมปั่นป่วน เสียงสวดดังเป็นระลอก เกิดปรากฏการณ์ประหลาดยิ่งใหญ่ ภิกษุสวดภาวนา บุปผาสวรรค์โปรยปรายอยู่รางๆ
ที่นี่เหมือนกลายเป็นสมรภูมิเมืองพุทธ!
ขณะเดียวกันหลินสวินก็เริ่มจู่โจม ใต้เท้าแสงธรรมแผ่กระจายรวมเป็นฐานบัวสีดำเก้าชั้น เหนือศีรษะมีหงส์ทมิฬบินวน เสียงก้องกังวานเก้าชั้นฟ้า!
“ผลาญ!”
ภิกษุชุดดำคนหนึ่งเหยียบพญามังกรดุจอรหันต์ปราบมังกร ลูกประคำเส้นหนึ่งในมือส่องประกายแผ่เพลิงธรรมลุกโหม
มรดกวิชาอารามกษิติครรภ์… เพลิงปทุมล้างโลก!
นัยน์ตาดำของหลินสวินนิ่งสงบ หว่างคิ้วไหลเวียนด้วยแสงแห่งปัญญา สะบัดแขนเสื้อใช้เพลิงปทุมล้างโลกต้านกลับเช่นกัน
แสงธรรมเข้าปะทะในชั่วพริบตา ภิกษุชุดดำรูปนั้นถูกเผาจนล้มลุกคลุกฝุ่น หากไม่ใช่ว่าหลบทันคงถูกฝังในทะเลเพลิงไปแล้ว
นี่ทำให้คนอื่นตระหนกขุ่นเคืองยิ่งกว่าเดิม
อีกทั้งหลังต่อสู้อย่างต่อเนื่องพวกมู่เจิ้งก็ค้นพบอย่างน่าตระหนกว่า ไม่ว่าพวกเขาจะสำแดงวิชาลับอะไร ล้วนถูกหลินสวินใช้วิชาลับแบบเดียวกันคลี่คลาย ทั้งอานุภาพยังทรงพลังกว่าด้วย!
“นี่เป็นไปได้อย่างไร”
สีหน้าพวกเขาแปรปรวนไม่หยุด สภาวะจิตได้รับผลกระทบ
พ่ายแพ้แก่ศัตรูไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือแพ้ด้วยวิชาที่ตนถนัดที่สุด การโจมตีนี้สิหนักหน่วงที่สุด!
พรูด!
ไม่นานก็มีคนกระอักเลือด ถูกหลินสวินใช้ประทับฝ่ามือสำนักพุทธทำบาดเจ็บ
ปึง!
ไม่ทันไรคนที่อยู่ในการประชันเสียงธรรมก็ถูกเสียงตวาดของหลินสวินกระเทือนจนลอยละลิ่ว จิตวิญญาณแทบพังทลาย
มองไปเห็นหลินสวินก้าวย่างทั่วบริเวณ แสงธรรมไหลวน ฐานบัวล้อมพิทักษ์ หงส์ทมิฬโอบวน เหมือนดั่งมุนินทร์ที่แท้จริงองค์หนึ่งอุบัติขึ้นบนโลก พุทธานุภาพดุจห้วงสมุทร!
นี่ทำให้พวกมู่เจิ้งดวงตาปูดโปนแทบถลน ในใจเดือดดาลถึงขั้นไม่มีอะไรยิ่งกว่า
เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร
ก่อนหน้านี้พวกเขาคำก็นอกรีตสองคำก็นอกรีต หมายโปรดสัตว์หลินสวิน คำพูดเต็มไปด้วยความเฉยชาและเยียบเย็น
แต่ตอนนี้ในใจกลับปั่นป่วนเหมือนนกผวา ไม่มีท่าทีเหมือนแต่ก่อนอีก
แต่สำหรับหลินสวินการต่อสู้นี้กลับทำให้เขารู้ว่า ‘คัมภีร์มหาครรภ์จุติ’ ที่อริยสงฆ์ตู้จี้และนางพญาหงส์ทมิฬสร้างมาด้วยกัน มหัศจรรย์และน่ากลัวกว่าที่เขาคาดการณ์นัก!
คัมภีร์นี้หลอมรวมคัมภีร์มหากษิติครรภ์และมรดกวิชาของเผ่าหงส์ทมิฬไว้ด้วยกัน ถูกอริยะทั้งสองใช้สติปัญญาชั้นยอดกลั่นกรองผ่านกาลเวลาไร้สิ้นสุดแล้วอนุมานออกมา จะธรรมดาได้อย่างไร
พูดได้ว่าปริศนาแห่งวิชามรรคที่พวกมู่เจิ้งมี ถูกอริยสงฆ์ตู้จี้ทยอยอนุมานไว้ในคัมภีร์มหาครรภ์จุติอยู่ก่อนแล้ว ทั้งยังผ่านการยกระดับใหม่อีกด้วย
ปัจจุบันทุกอย่างนี้ล้วนถูกหลินสวินครอบครอง ยามนำมาใช้จัดการพวกมู่เจิ้ง แน่นอนว่าสามารถสร้างอานุภาพน่าเหลือเชื่อออกมาได้
ก็เหมือนกับว่าความลับที่พวกมู่เจิ้งมีถูกเปิดเผยออกมาจนหมด แน่นอนว่าไม่มีภัยคุกคามอีก!
ครืน!
การต่อสู้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่สิบแปดศิษย์อารามกษิติครรภ์กลับมีสถานการณ์เพลี่ยงพล้ำย่ำแย่ ถูกหลินสวินกำราบอย่างรวดเร็วรุนแรง
ถึงตอนนี้พวกเขาต่างได้รับบาดเจ็บจนเกือบต้านทานไม่อยู่
“เจ้านอกรีต! เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าพวกข้าจะทำอะไรเจ้าไม่ได้”
มู่เจิ้งส่งเสียงคำราม เขาเลือดอาบไปทั้งตัวได้รับบาดเจ็บสาหัส หว่างคิ้วเปี่ยมความเคียดแค้นชิงชังราวสัตว์ปีศาจที่ถูกยั่วโทสะ
“สร้างค่ายกล!”
เขาตวาดลั่น หว่างคิ้วฉายแววเด็ดเดี่ยว
ศิษย์อื่นอีกสิบเจ็ดคนต่างสวดธรรมคาถา สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เฉยชา เด็ดเดี่ยว
บนตัวพวกเขาแผ่กลิ่นอายเร้นลับที่ทำให้ผู้คนใจสั่นโดยพร้อมเพรียง พุ่งทะลวงเวิ้งนภาจนฟ้าดินเปลี่ยนสี
ในใจหลินสวินพลันเย็นวาบ รู้สึกไม่ชอบมาพากลอยู่บ้าง
“ขึ้นมา!”
มู่เจิ้งตวาดลั่น
ทันใดนั้นฟ้าดินแถบนี้ก็ปรากฏค่ายกลเร้นลับแน่นหนา เสมือนดอกอุทุมพรในตำนานมากมายเบ่งบาน
พริบตานั้นหลินสวินรู้สึกเพียงร่างไหววูบ ชั่วขณะก็มาถึงท้องฟ้าเหนือเมืองโบราณเผาเซียน
รอบกายเขาผู้สืบทอดอารามกษิติครรภ์สิบแปดคนอย่างพวกมู่เจิ้ง มู่จิ้ง มู่เหิง แยกกันยืนในค่ายกลคนละฟากราวเหยียบฐานบัว
“ค่ายกลเขาสุเมรุผนึกมาร?”
ตอนแรกหลินสวินยังตื่นตระหนก แต่หลังหยั่งรู้ปริศนาภายในเขาก็สงบลง
เขารู้จักค่ายกลที่พวกมู่เจิ้งสร้างขึ้น ด้วยมีบันทึกไว้ในคัมภีร์มหาครรภ์จุติ
ตอนอยู่ในเมืองเมื่อครู่ สาเหตุที่เขาถูกปิดล้อมอย่างไร้สุ้มเสียงคงมาจากอานุภาพของค่ายกลนี้เช่นกัน
“พวกเจ้าคงไม่ได้คิดว่าอาศัยค่ายกลนี้แล้วจะจัดการข้าได้กระมัง”
หลินสวินไม่เข้าใจอยู่บ้าง
ความจริงแล้วในใจเขาแอบร้อนรนเล็กน้อย เกิดความระแวงขึ้นมา ทำเอาเขาป้องกันตัวเต็มที่ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
มู่เจิ้งในตอนนี้สีหน้าแปลกไปอยู่บ้าง มีทั้งเด็ดเดี่ยว เคียดแค้นชิงชัง เฉยเมยและนิ่งสงบ ราวกับมองความตายดั่งคืนสู่มาตุภูมิ
ศิษย์คนอื่นก็เป็นแบบเดียวกัน!
“สหายยุทธ์หลิน ก่อนหน้านี้อาตมาบอกแล้วว่าหลังตัดสินใจจัดการเจ้า พวกเราก็ไม่สนความเป็นตาย พวกนอกรีตอย่างเจ้าสวรรค์ต้องไม่ปล่อยไว้แน่ วันนี้จะต้องประสบเคราะห์!”
มู่เจิ้งสีหน้าเฉยเมย
คำว่า ‘เคราะห์’ ถูกเขาเน้นหนัก
นัยน์ตาดำของหลินสวินหดรัดลง ดาบหักพลันพุ่งออกมาทันที
ความรู้สึกถึงวิกฤติในใจเขาชัดขึ้นเรื่อยๆ รู้ได้ว่าไม่อาจรออีกต่อไป แม้ไม่แน่ใจว่าพวกมู่เจิ้งจะใช้กระบวนสังหารอะไร
แต่ไม่อาจรออีกต่อไปแล้ว!
ทว่าเวลาเดียวกับที่ดาบหักโฉบออก บนตัวมู่เจิ้งก็มีพลังเร้นลับทะลวงเวิ้งฟ้าเอ่อล้นออกมาทันใด
ตูม!
บนเวิ้งฟ้าที่นิ่งสงบพลันก้องเสียงฟ้าคำรามขึ้นมา เสียงนั้นดั่งกลองเทพสะท้อนอยู่ในใจหลินสวินอย่างหนักหน่วง ทำให้เขาหน้าเปลี่ยนสีทันที
ดาบหักที่เพิ่งเรียกออกมาถูกเขาเก็บกลับไปโดยไม่ลังเล
ขณะเดียวกันทั้งเมืองโบราณเผาเซียน ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนรู้สึกเพียงในใจพลันสั่นสะท้าน ขนลุกไปทั้งตัวเหมือนถูกดวงตาสวรรค์จับจ้อง!
“นี่คือ…”
สายตานับไม่ถ้วนมองไปบนเวิ้งฟ้ากันพรึ่บพรั่บ
เมื่อเห็นเทพมารหลินตัวคนเดียวถูกภิกษุสิบแปดคนปิดล้อม ผู้ฝึกปราณไม่น้อยก็ตื่นตะลึงแทบไม่กล้าเชื่อ
“เป็นผู้สืบทอดอารามกษิติครรภ์!”
มีคนร้องเสียงหลง ก่อให้เกิดความโกลาหล
เมื่อนานมาแล้วมีข่าวลือว่าผู้สืบทอดอารามกษิติครรภ์เห็นเทพมารหลินเป็นพวกนอกรีตอันดับหนึ่ง หมายจะโปรดสัตว์เขา
เพียงแต่ใครก็คิดไม่ถึงว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นจริง!
ทั่วทั้งเมืองอึกทึกครึกโครมแล้ว
ไม่รู้มีเสียงตื่นตระหนกฮือฮาดังขึ้นเท่าไหร่
ระยะเวลาก่อนช่องทางมุ่งสู่แดนเก้าบนจะปิดเหลือแค่สามวัน ขณะที่ทุกคนกำลังแปลกใจว่าเหตุใดเทพมารหลินยังไม่เริ่มเคลื่อนไหวก็เห็นภาพเช่นนี้เข้า นี่จะไม่ให้คนตกใจได้อย่างไร
ในเมืองอึกทึกครึกโครม บนเวิ้งฟ้ากลับกดดันและเงียบเชียบ
นัยน์ตาดำของหลินสวินประกายเยียบเย็นไหลหลั่ง มองไปยังพวกมู่เจิ้งทีละคน สุดท้ายก็เหลือบสายตาไปยังเวิ้งฟ้าเหนือศีรษะ
ที่นั่นห้วงอากาศสีฟ้าถูกเมฆาเคราะห์ดำสนิทราวหมึกเขียน แน่นหนาไร้ขอบเขตชั้นหนึ่งปกคลุม แผ่กลิ่นอายที่กดดันและสั่นสะเทือน
อึดอัดเกินไปแล้ว ทำเอาผู้คนหายใจไม่สะดวก
เหล่าผู้ฝึกปราณที่แตกตื่นอื้ออึงในเมือง เวลานี้ต่างกลัวจนตัวสั่นงันงกอ่อนระทวยไปทั้งร่าง นี่… นี่คือสัญญาณว่าเคราะห์สวรรค์จะมาเยือน!
บนเวิ้งฟ้าเมฆาเคราะห์เกาะกลุ่มรวมกันมากขึ้นเรื่อยๆ เดิมเป็นเวลากลางวัน แต่ตอนนี้กลับตกอยู่ในรัตติกาลนิรันดร์ ฟ้าดินมืดสลัว
“เจ้าดึงดูดเคราะห์สวรรค์มรรคราชันของตนมาโดยไม่คำนึงถึงอะไร คงไม่ได้คิดว่าจะใช้พลังแห่งอสนีเคราะห์มาสังหารข้ากระมัง”
ผมดำของหลินสวินพลิ้วไหว นัยน์ตาฉายประกายเยียบเย็น เสื้อผ้าส่งเสียงสะบัด
มู่เจิ้งสีหน้าเฉยชาพยักหน้ากล่าว “ไม่ผิด พวกเรารู้ดีว่าสหายยุทธ์หลินพลังต่อสู้ล้ำเลิศ หาใช่สิ่งที่พวกเราสามารถเทียบเทียม มีเพียงพึ่งพาพลังเคราะห์แห่งสวรรค์นี้จึงอาจโปรดสัตว์สหายยุทธ์ได้”
เขาพูดพลางชี้เมฆาเคราะห์บนเวิ้งฟ้ากล่าว “เจ้าดูสิ ยามอสนีเคราะห์มาเยือนจะต้องครอบคลุมที่นี่แน่ แม้เป็นเคราะห์ของข้า แต่เจ้าก็ต้องยากหลบหนี!”
ใช้พลังแห่งเคราะห์สวรรค์สังหารเทพมารหลิน!
ผู้ฝึกปราณในเมืองสูดหายใจเย็น หนาวสั่นไปทั้งตัว ผู้สืบทอดอารามกษิติครรภ์นี้เหี้ยมโหดเกินไปแล้ว หมายสู้กับเทพมารหลินจนตายกันไปข้าง!
“พวกเจ้าไม่กลัวตายรึ”
หลินสวินสีหน้าเยียบเย็น เวลานี้เขาเข้าใจความคิดของพวกมู่เจิ้งโดยกระจ่าง ในใจอดไม่ได้ที่จะเย็นวาบ
มิน่าลาหัวโล้นแห่งอารามกษิติครรภ์พวกนี้ถึงทำให้คนในใต้หล้าหวาดกลัวได้ เพื่อบรรลุเป้าหมายล้วนไม่เสียดายแม้แต่ชีวิต ช่างร้ายกาจจริงๆ บ้าระห่ำเกินไปแล้ว!
“หากสามารถใช้ชีวิตพวกเราโปรดสัตว์สหายยุทธ์ได้ แม้ตายไป สำหรับพวกเราก็ไม่ต่างอะไรกับการไปแดนสุขาวดี”
สีหน้ามู่เจิ้งมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยวยิ่งกว่าเดิม
หลินสวินสูดหายใจลึก กวาดสายตามองโดยรอบ แต่กลับพบว่าบนตัวศิษย์คนอื่นอีกสิบเจ็ดคนล้วนแผ่กลิ่นอายเร้นลับเชื่อมต่อผืนฟ้า เห็นได้ชัดว่าชักนำเคราะห์สวรรค์มรรคราชันของตนมาในเวลานี้เช่นกัน
สิบแปดคน เคราะห์แห่งมรรคราชันสิบแปดชั้น กำลังมาเยือนบริเวณนี้พร้อมกัน!
ในใจหลินสวินพลันหนักอึ้งขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
ไม่มีโอกาสหนีแล้ว ทั่วทิศทางล้วนแต่เป็นคนที่จะข้ามด่านเคราะห์ ปิดล้อมบริเวณนี้ด้วยค่ายกลเขาสุเมรุผนึกมาร
ทั้งไม่ต้องพูดถึงการทำลายค่ายกล แค่เพียงเข้าไปใกล้ก็จะถูกเคราะห์สวรรค์ผ่าลงบนร่าง จะหนีได้อย่างไร
นี่คือสถานการณ์รุกฆาต!
……………………..

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset