Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1239 ก้นแม่น้ำนรก

หลินสวินเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าการเผ่นหนีครั้งนี้จะไม่ถูกบุตรนรกไล่ตามมา แต่ดันตกอยู่ในเงื้อมมือกู่ฝอจื่อแทน
คิดถึงตรงนี้ในใจหลินสวินก็มีความเคียดแค้นทะลักขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก!
ตั้งแต่สิบแปดศิษย์อารามกษิติครรภ์เรื่อยมาจนถึงกู่ฝอจื่อ ไม่มีใครไม่เห็นตนเป็นคนนอกรีต พยายามทุกวิถีทางเพื่อเล่นงานและโจมตีตน นี่มันข่มเหงรังแกกันเกินไปแล้วชัดๆ
หลินสวินไม่ใช่อริยะที่ไร้ความรู้สึกทางโลก ถูกคนปฏิบัติเช่นนี้ไม่หยุดหย่อน จะไม่ให้โกรธไม่ให้เกลียดได้อย่างไร
‘บัญชีนี้ ต้องชำระด้วยเลือด!’
หลินสวินลอบกัดฟันกรอดกับตัวเอง
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ บังคับตัวเองให้ข่มความแค้นนี้เอาไว้ สงบสติอารมณ์ลง
ตอนนี้สถานการณ์ของเขาเสี่ยงอันตรายไร้ใดเปรียบ บริเวณข้อเท้าถูกฝ่ามือใหญ่สีขาวซีดกุมเอาไว้ สลัดออกไม่ได้สักนิด
ยิ่งกว่านั้นพร้อมๆ กับที่ร่างกายจมลงในแม่น้ำสีโลหิตขุ่น หลินสวินรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่ามีเจตจำนงอันเยียบเย็นและเกรี้ยวกราดสายหนึ่งพัดกระหน่ำกังขังตนไว้จากสี่ทิศแปดทาง
อันตรายถึงตายไหลท่วมท้นหัวใจหลินสวิน รู้สึกบีบคั้นจนแทบหายใจไม่ออก ร่างกายแข็งทื่อ
นับตั้งแต่เหยียบย่างบนระดับมกุฎราชันเรื่อยมา เขายังไม่เคยพบเจอเรื่องราวที่อันตรายและอัปมงคลเช่นนี้มาก่อน!
แม่น้ำนรก ทำให้ผู้คนไม่กล้าก้าวล่วงแม้แต่ก้าวเดียว
แต่ยามนี้ตนกลับถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งถ่วงเอาไว้ จมดิ่งลงไปนั้น!
เขาเคยลองแล้ว ใช้ความคมกริบของดาบหักยังไม่สามารถสั่นคลอนฝ่ามือใหญ่ขาวซีดนั่นได้
สิ่งที่อันตรายที่สุดคือ ก่อนหน้านี้ที่เขาต่อสู้กับบุตรนรก ได้ใช้กระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้และวสันต์สารทชั่วพริบตา แม้จะกำราบบุตรนรกได้ แต่กลับสิ้นเปลืองพลังกายไปกว่าครึ่ง
แต่จากนั้นก็ดันถูกกู่ฝอจื่อซุ่มโจมตี ตอนนี้ตกอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว
ยุ่งแล้ว!
หลินสวินขมวดคิ้ว ไม่อาจสนใจอย่างอื่น คว้าโอสถราชันขึ้นมาหลายต้นแล้วยัดใส่ปาก กลั่นหลอมพลังทั้งหมด ใช้วิธีนี้รักษาฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ
ตูม!
แรงกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ เบื้องล่างแม่น้ำนรกนี้ขุ่นมัวไร้ใดเปรียบ พอจะเห็นได้รางๆ ว่ามีซากศพโครงกระดูกร่างแล้วร่างเล่าลอยผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ในนั้น
และพร้อมกันนั้นก็มีกลิ่นอายเยียบเย็นและดุกร้าวต่างๆ นานาแผ่ครอบลงมา
สิ่งนี้สร้างแรงกดดันรุนแรงให้กับร่างกายและหัวใจของหลินสวิน ทั้งตัวราวกับตกอยู่ในสภาพใกล้จมน้ำตาย แม้แต่จะยกแขนข้างหนึ่งขึ้นยังยากเย็นอย่างเห็นได้ชัด
จนกระทั่งต่อมาก็มองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น เลือดเจิ่งนองทั้งแถบ
ความหนาวเย็น กดดัน แปลกพิศวง อัปมงคล… กลิ่นอายต่างๆ นานาผสมผสานกันพาให้จิตรับรู้ของหลินสวินได้รับการโจมตีอย่างใหญ่หลวง เปลี่ยนเป็นคลุมเครือ
ในช่วงเลือนรางราวกับมีเสียงสะอึกสะอื้นดังขึ้นเป็นระลอก และเหมือนกับมีเสียงโหยหวนของวิญญาณอาฆาตดังก้องอยู่
มีเสียงทอดถอนใจด้วยความโศกเศร้าของอริยะ
มีเสียงร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่งเกรี้ยวกราดของเทพมาร
…หลินสวินรู้สึกแค่ว่าสมองสับสนอลหม่าน วิงเวียนและคลุมเครือ ถึงขั้นที่ผุดเศษเสี้ยวภาพแปลกประหลาดบางส่วนขึ้นมาเป็นครั้งคราว
มีภูเขาศพทะเลเลือด มีฝนเลือดสาดพรม มีเงาร่างของเทพ มาร ผี อริยะ ปีศาจ… ร้อยแปดพันเก้ากำลังร้องคำรามลั่นเข้าโรมรันกัน
ต่อมาทุกอย่างล้วนเปลี่ยนเป็นบางเบาและห่างหาย
ภาพที่สับสนภาพแล้วภาพเล่าค่อยๆ กลายเป็นความมืดมิดอันไร้สิ้นสุด
ก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ทันใดนั้น…
แสงโคมลายพร้อยสีเหลืองนวลสายหนึ่งปรากฏขึ้น ส่องสว่างความมืด พาให้สติที่จมจ่อมของหลินสวินค่อยๆ รวมกลับมาทีละน้อย
หลังจากนั้นพลันสั่นสะเทือนรุนแรง กลับคืนสู่การรู้ตื่นอีกครา
โคมน้ำมันโคมหนึ่งตั้งอยู่บนพื้นด้านข้างตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ แผ่เงาโคมสีเหลืองนวลแถบหนึ่งออกไปครอบคลุมบริเวณที่หลินสวินอยู่
เงาโคมมีขนาดเล็กยิ่ง คล้ายร่มสีเหลืองนวลคันหนึ่ง ได้แค่แผ่ครอบพื้นที่แค่คืบรอบตัวหลินสวินเท่านั้น ถัดออกไปอีกก็มีแต่แม่น้ำอันเวิ้งว้าง
แม่น้ำนี้มืดสนิทราวกับหมึก!
โคมไร้มลทิน!
สติของหลินสวินค่อยๆ กลับมาแจ่มใส จำสมบัติที่ฝีพายโครงกระดูกมอบให้ได และตระหนักได้ว่าตนถูกโคมนี้ช่วยชีวิตเอาไว้
หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ หยั่งรู้อย่างถี่ถ้วน
ภายในพื้นที่คับแคบที่เงาโคมสีเหลืองนวลปกคลุมไม่ได้มีความผิดปกติแต่อย่างใด ให้ความรู้สึกราบเรียบมั่นคง และพาให้จิตใจผู้คนสงบ
แต่เมื่อจิตรับรู้พุ่งออกนอกเงาโคม พริบตานั้นกลิ่นอายเย็นเยียบรุนแรงอันน่าสะพรึงก็พุ่งกระหน่ำเข้ามาราวกับภูเขาถล่มคลื่นยักษ์ซัดสาด!
ในกระแสน้ำที่เหมือนความมืดมิดนั้น กำลังยื้อยุดและกลืนกินผู้คนประหนึ่งภูตผีปีศาจที่จำศีลอยู่นับไม่ถ้วน!
หลินสวินเรียกจิตรับรู้กลับมา ข้างหูราวกับมีเสียงโหยหวนเยียบเย็นกราดเกรี้ยวดังก้อง ทำให้หัวใจของเขายิ่งหวาดหวั่น สีหน้าชักเริ่มไม่น่าดูขึ้นมา
นี่คือก้นแม่น้ำนรกอย่างไม่ต้องสงสัย!
เพียงแต่ว่าแม่น้ำสีโลหิตข้นนั้น ได้กลายเป็นสีดำสนิทที่พาให้ผู้คนหดหู่เรียบร้อยแล้ว
อีกทั้งหากไม่มีโคมไร้มลทิน ผลที่ตามมาย่อมไม่อาจคาดคิดแน่นอน!
หลินสวินสูดหายใจลึก ครุ่นคิดเงียบๆ อยู่นาน ก่อนสลัดความคิดฟุ้งซ่านและเริ่มนั่งสมาธิ
บริเวณรอบๆ เงียบสนิท แม้แต่เสียงน้ำไหลล้วนไม่ได้ยิน ความมืดมิดแผ่คลุมทุกหนแห่ง พาให้ผู้คนรู้สึกหายใจลำบาก
ทว่าหลินสวินไม่รู้สึกต่อสิ่งนี้ด้วยซ้ำ
หนึ่งวันผ่านไป
อาการบาดเจ็บทั่วร่างฟื้นคืน หลินสวินกลับสู่สภาวะสูงสุดตามเดิมอีกครั้ง รู้สึกเพียงว่าหูตากระจ่างใส สติโปร่งโล่งแจ่มชัด มีความปรารถนาแรงกล้าที่จะมีชีวิตรอด
เขาทอดสายตามองไปทางโคมไร้มลทินที่อยู่ข้างๆ
ไส้โคมของมันคล้ายเมล็ดถั่ว เงาแสงสีเหลืองนวลส่ายพลิ้วออกมาให้ความรู้สึกอบอุ่นแก่ผู้คน
ตัวโคมเป็นสีคร่ำคร่าเทาหม่นๆ คล้ายเหล็กกล้าที่ผ่านการตีหลอมมาชั่วนาตาปี กลิ่นอายผ่านกาลเวลาอันเนิ่นนานลอยปะทะใส่หน้า
ในตอนนั้น ฝีพายโครงกระดูกแขวนสิ่งนี้ไว้บนเรือเล็กสีดำเพื่อข้ามแม่น้ำนรก
หลินสวินยื่นมือไปจับโคมนี้เอาไว้ หมายจะหยิบยืมพลังแห่งโคมนี้ออกไปจากแม่น้ำนรก
เพียงแต่ไม่ว่าเขาจะออกแรงอย่างไร โคมนี้ก็ไม่ขยับเขยื้อนสักนิดราวกับงอกรากยึดพื้นดินเอาไว้!
หืม?
นัยน์ตาดำของหลินสวินหดรัด สังเกตโดยละเอียด
ผ่านไปครู่หนึ่งในที่สุดเขาก็เข้าใจเหตุผล โคมนี้ถึงแม้จะทอดเงาโคมออกไปเพื่อปกป้องตนจากพลังประหลาดในความมืดมิด
แต่ขณะเดียวกัน มันเองก็ต้องรับแรงกดดันของพลังประหลาดนั้นด้วยเช่นกัน!
สีหน้าหลินสวินเปลี่ยนเป็นวูบไหวไม่นิ่ง ตระหนักได้ถึงปัญหาสำคัญเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือหากอยากหลุดพ้นพันธนาการ จำเป็นต้องขับไล่พลังประหลาดในแม่น้ำนรกอันมืดมิดนี่ให้ได้ก่อน!
เพียงแต่ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ของเขา เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำได้ถึงขั้นนั้น
ทำอย่างไรดี
หลินสวินจมสู่ภวังค์ความคิด
เขาไม่ใช่คนที่จะนั่งรอความตายมาแต่ไหนแต่ไรมา ต่อให้มีความหวังเพียงเศษเสี้ยวก็จะไม่ยอมแพ้
นกทมิฬเคยบอกว่าหากไม่ใช่กระทะดำใบนั้นในมือมัน ต่อให้เป็นอริยะก็ไม่อาจควบคุมพลังประหลาดในแม่น้ำนรกแห่งนี้ได้!
และยามนี้หลินสวินก็อยู่ก้นแม่น้ำนรก และความแข็งแกร่งของเขาก็ยังห่างไกลจากอริยะหลายขุม หากคิดจะสลัดออกจากพันธนาการ แทบไม่มีความหวังเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว
แต่ว่ามันจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ หรือ
สามวันให้หลัง
ในใจหลินสวินผุดความคิดบ้าบิ่นอย่างหนึ่งขึ้น หากชักนำให้อสนีอมตะเคราะห์ผ่าลงมา จะสามารถเปิดทางรอดได้หรือไม่
อสนีเคราะห์ วิวัฒน์มาจากเจตจำนงฟ้า กร้าวแกร่งและเผด็จการถึงขีดสุด พิฆาตบุคคลร้ายกาจแห่งฟ้าดิน มีอานุภาพล้างผลาญจักรวาล!
ใต้แม่น้ำนรกโครงกระดูกขาวซากศพกองสะสมหนา เสี้ยวเจตจำนงและแรงอาฆาตที่มีมาตั้งแต่ยุคบรรพกาลจมดิ่งลงที่นี่ ถึงได้พิศวงแปลกประหลาดและอัปมงคลอย่างเห็นได้ชัด
หากสามารถข้ามด่านเคราะห์ครั้งนี้และเปิดทางรอดชีวิตได้ ย่อมเป็นทางเลือกที่ไม่เลวอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ขณะเดียวกัน ความเสี่ยงก็สูงอย่างที่สุดด้วย
หลินสวินไม่กล้ารับรองว่าตอนข้ามด่านเคราะห์ จะถูกรบกวนและซุ่มโจมตีจากเสี้ยวเจตจำนงประหลาดเหล่านั้นหรือไม่ หากเกิดข้อผิดพลาดเดียวก็จะเป็นจุดจบที่เรียกกลับคืนไม่ได้แล้ว!
แต่คิดไปคิดมา นี่ก็เป็นวิธีหนีรอดเพียงอย่างเดียวที่หลินสวินคิดออกแล้ว
‘ช่างเถอะ ตอนนี้ระยะห่างในการชักนำด่านอมตะเคราะห์ขั้นหนึ่งของข้าก็ยังเหลืออีกช่วงหนึ่ง ก่อนหน้านั้นคงได้แต่… ปิดด่านที่นี่แล้ว!’
ใช่ ปิดด่าน!
ถูกขังอยู่ที่นี่ ประหนึ่งจำศีลไปพักหนึ่ง หลินสวินไม่คิดว่าชั่วชีวิตนี้ตนจะถูกขังอยู่ที่นี่ไปตลอดจนตายหรอก!
เมื่อคิดถึงตรงนี้หลินสวินก็สงบลงอย่างสิ้นเชิงแล้ว เริ่มวิเคราะห์อย่างเงียบๆ
การเข้าสู่เขตต้องห้ามแม่น้ำนรกในครั้งนี้เขาได้รับวาสนาไม่น้อย อย่างเช่นเพลิงมรรคอัศจรรย์ กระบวนท่ากระบี่ที่อู๋ยางทิ้งไว้ ไผ่ม่วงเสียงอสนีเกือบร้อยต้น เคล็ดมหาเวทบริกรรม…
หากไม่เอ่ยถึงของพวกนี้ ลำพังแค่โอสถเทพและโอสถราชันที่เขาพกติดตัว ก็เพียงพอจะค้ำจุนให้เขาปิดด่านอยู่ที่นี่เป็นเวลานานได้!
วู้ม
หลินสวินไม่รีรอ เรียกเพลิงมรรคอัศจรรย์ออกมาแปลงเป็นเตาหลอมใบหนึ่ง ส่งกลิ่นอายมหัศจรรย์ประหนึ่งนิรันดร์กาลไม่ดับสลายออกมา
ชิ้ง!
ดาบหักโฉบออกไป ชั่วอึดใจก็พุ่งเข้าสู่เตาหลอม เริ่มถูกหล่อหลอมและฟูมฟัก
หลินสวินโบกแขนเสื้อหนึ่งครา เจตวัตถุกองหนึ่งร่วงออกมา เปล่งแสงสมบัติพร่างพราวพร่าตา
เจตวัตถุเหล่านี้ต่างเป็นของที่เขาสั่งสมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และยามนี้เขาตั้งใจจะใช้เจตวัตถุเหล่านี้มาหลอมดาบหัก
หลินสวินสีหน้าเยือกเย็น แบ่งจิตรับรู้เสี้ยวหนึ่งออกมาควบคุมเพลิงมรรคอัศจรรย์ และใส่เจตวัตถุชนิดแล้วชนิดเล่าลงไปในเพลิงมรรคเป็นระยะ
สำหรับการหลอมอาวุธ หลินสวินในฐานะปฐมาจารย์สลักวิญญาณย่อมคุ้นเคยเป็นอย่างดี
แม้จะบอกว่าการฟูมฟักยอดศาสตรามรรคราชันไม่เหมือนกับการหลอมอาวุธ แต่ต่างหนทางเป้าหมายเดียวกัน อีกทั้งมีแรงเสริมจากเพลิงมรรคอัศจรรย์ ก็สามารถช่วยให้เขาหลอมดาบหักได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
ต้นกำเนิดของดาบหักลึกลับอย่างยิ่ง ตัวมันเองมีมรดกวิชาเร้นลับน่าอัศจรรย์ แต่ว่ากันถึงแก่นแล้ว มันคือสิ่งที่เสียหายไม่สมบูรณ์!
หลินสวินใคร่ครวญมาก่อนหน้านี้นานมากแล้วว่าจะหลอมยอดศาสตรามรรคราชันใหม่ชิ้นหนึ่ง หรือจะเปลี่ยนดาบหักและฟูมฟักออกมาเป็นยอดศาสตรามรรคาราชันของตนดี
และยามนี้ เขาได้ตัดสินใจแล้ว
เขาฝึกปราณมาถึงตอนนี้ ดาบหักสำแดงอานุภาพไม่อาจหยั่งถึงเรื่อยมา อีกทั้งมรดกวิชาอักษร ‘ปฐม’ และมรดกวิชาอักษร ‘ยอด’ ล้วนจำเป็นต้องใช้ดาบหักจึงจะสามารถสำแดงออกมาได้
หากเลือกอาวุธใหม่เป็นยอดศาสตรามรรคราชัน นั่นไม่ต่างกับการทำให้ดาบหักหม่นราศี เป็นการทำลายของล้ำค่า!
เพลิงมรรคอัศจรรย์เปล่งแสง ประหนึ่งเตาหลอมที่หลอมเจตวัตถุไม่หยุด ดาบหักลอยผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ในนั้น ถูกหลอมและฟูมฟักไม่หยุดหย่อน
เมื่อใช้จิตรับรู้ส่วนหนึ่งควบคุมและคอยจับจ้องทุกสิ่งนี้ หลินสวินจึงไม่ได้สนใจมันอีก สงบจิตใจจมสู่การฝึกปราณของตน
ตอนนี้การฝึกปราณของเขาบรรลุถึงขั้นปลายระดับราชันแล้ว ห่างจากขั้นสมบูรณ์อีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น
สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้ก็คือฝึกปราณบรรลุขั้นสูงสุด เลื่อนขั้นทะลวงขึ้นไป มีเพียงแบบนี้เท่านั้นจึงจะสามารถชักนำอมตะเคราะห์ขั้นแรกได้!
แต่ว่าก่อนจะฝึกปราณ หลินสวินตัดสินใจฝึกฝน ‘เคล็ดมหาเวทบริกรรม’ ก่อน!
หากสามารถแบ่งพลังจิตเป็นสามส่วนได้ แต่ละส่วนคอยควบคุมความอัศจรรย์แห่ง ‘อดีต’ ‘ปัจจุบัน’ และ ‘อนาคต’ สำหรับการฝึกปราณของตนสามารถทำให้เกิดผลลัพธ์เป็นทบทวีได้เลยทีเดียว
อย่างเช่นตอนฝึกปราณ พลังจิตส่วนหนึ่งสามารถหยั่งรู้วิถียุทธ์ อีกส่วนหนึ่งเคี่ยวกรำพลังปราณ และอีกส่วนสามารถนำมาใช้หยั่งรู้พลังมหามรรคได้!
ท่ามกลางความมืด แสงโคมสีเหลืองนวลส่ายไหว หลินสวินจมสู่การหยั่งรู้ ไม่รับรู้ถึงวันเวลาที่ผันผ่าน…
……
เทพมารหลินตายแล้ว!
ข่าวนี้ประหนึ่งพายุคลั่ง ในเวลาเพียงไม่กี่วันสั้นๆ ก็หอบม้วนทั่วแดนอัคคีทักษิณ นำมาซึ่งความฮือฮาไม่รู้เท่าไร
คนมากมายไม่กล้าเชื่อ แต่พร้อมๆ กับการกลับมาของผู้แข็งแกร่งที่มุ่งหน้าไปแสวงหาวาสนาในเขตต้องห้ามแม่น้ำนรก ข่าวนี้ก็ได้รับการพิสูจน์เพิ่มขึ้นมาอีกขั้น!
เทพมารหลินตายแล้ว ตายระหว่างการไล่ล่าสังหารของบุตรนรก ถูกกู่ฝอจื่อจากอารามกษิติครรภ์ซุ่มโจมตี ร่างจมลงก้นแม่น้ำนรก!
ชั่วขณะเดียวผู้คนไม่รู้มากน้อยเท่าไรต่างพากันทอดถอนใจ
เทพมารหลินก็เหมือนกับตำนานอัศจรรย์ บนตัวเกิดเรื่องปาฏิหาริย์ขึ้นมากมาย นับตั้งแต่ปรากฏตัวมายังไม่เคยพ่ายแพ้อย่างแท้จริงเลย
แต่บุคคลชั้นยอดที่เหมือนเป็นปีศาจเช่นนี้ กลับต้องมาดับอนาถอยู่ใต้แม่น้ำนรก จะไม่ให้ผู้คนทอดถอนใจได้อย่างไร
——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset