Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1322 ทั่วทั้งลานต่างเงียบสงัด

นับวันเด็กหนุ่มยิ่งเปลี่ยนเป็นคนเงียบขรึม แต่ละวันล้วนฝึกกระบี่เหมือนผู้บำเพ็ญทุกรกิริยา เวลาทั้งหมดถูกเขาใช้ไปกับการฝึกปราณจนสิ้น
ความเจ็บปวด เคียดแค้นชิงชัง ไม่พอใจและดิ้นรนภายในใจ… ไม่มีใครรู้
มีเพียงการฝึกปราณที่กลายเป็นสิ่งค้ำจุนจิตใจเดียวของเขา
ผ่านไปหลายปี
ชายชุดเทานั่นปรากฏตัวอีกครั้ง พาเขาออกจากสำนักกระบี่เทียมฟ้าไปสู่จักรวรรดิจื่อเย่าที่โลกชั้นล่างด้วยกัน
‘กระดูกกระบี่แต่กำเนิดของเจ้ายังไม่แข็งแกร่งพอ ที่นั่นมีทารกเพิ่งคลอดซึ่งมีชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดแต่เกิดคนหนึ่ง เจ้าจงไปแย่งชิงมันมา’
วันนั้นชายชุดเทาพาเด็กหนุ่มมายังตระกูลหลินแล้วออกคำสั่งเช่นนี้
‘ไม่!’
เด็กหนุ่มเลือกที่จะปฏิเสธเป็นครั้งแรก
เขานึกถึงตอนสี่ขวบ ประสบการณ์นองเลือดของครอบครัวเขาราวกับฝันร้ายที่ไม่อาจลบเลือน ทรมานเขามาถึงตอนนี้
เขาไม่อยากให้เรื่องแบบเดียวกันเกิดขึ้นในครอบครัวที่ไม่รู้จักกันมาก่อนแห่งนี้
ทั้งยังจะใช้เขาเป็นมือสังหาร นี่ทำให้เขาที่หยิ่งทะนงโต้แย้งและต่อต้านจากก้นบึ้งหัวใจ
เพี๊ยะ!
สิ่งที่เด็กหนุ่มได้กลับมาคือการตบหน้าและวาจาเยียบเย็นไร้น้ำใจประโยคหนึ่ง ‘หากเจ้าไม่ไป ข้าจะช่วงชิงปลิดกระดูกกระบี่ของเจ้าไปให้เด็กทารกคนนั้น แล้วมองเขาเป็นผู้สืบทอด ส่วนเจ้าก็ต้องตาย’
คืนวันนั้น คนตระกูลหลินสายตรงถูกสังหารหมู่จนราบคาบ เลือดหลั่งย้อมภูเขาชำระจิต
‘ทำไมต้องทำเช่นนี้ แค่ชิงชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดมาก็พอไม่ใช่หรือ เหตุใดต้องฆ่าคนด้วย’
เด็กหนุ่มเดือดดาลหาใดเปรียบ
‘ไร้เดียงสา’
สิ่งที่ตอบเขามีเพียงคำพูดแผ่วเบานี้ ไม่ได้ใส่ใจความเดือดดาลในใจของเด็กหนุ่มโดยสิ้นเชิง

‘ข้าสาบาน สักวันหนึ่งจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้ แน่นอน!’
ปีนั้นเมื่อเด็กหนุ่มกลายเป็นผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติที่อายุน้อยที่สุดของสำนักกระบี่เทียมฟ้า เขากลับเอ่ยคำสาปแช่งเช่นนี้ออกมา
ทั้งยังมุ่งมั่นหาใดเปรียบ เหมือนจิตกระบี่ของเขา
ในวันนั้นชายชุดเทามาหาเขาอีกครั้งแล้วกล่าววาจามากมาย
‘ผู้ฝึกกระบี่ต้องตัดอารมณ์และความปรารถนา สังหารบิดามารดาเจ้าเพื่อตัดความกังวลทางสายเลือดของเจ้า ฆ่านกกระจอกที่เจ้าเลี้ยงเพื่อตัดความโอบอ้อมอารีในใจเจ้า สังหารสาวใช้เจ้าเพื่อตัดน้ำใจของเจ้า’
‘แต่หากไม่มีข้า เจ้าก็ไม่มีทางมีวันนี้ ข้าคือผู้นำทางของเจ้าและเป็นอาจารย์เจ้า แน่นอนว่าเป็นคนที่เจ้าแค้นที่สุดด้วย’
‘หากมีวันหนึ่งที่เจ้าสังหารข้าได้จริง ก็หมายความว่าเจ้าหยั่งถึงมรรคแห่งความไร้น้ำใจสิ้นปรารถนาอย่างแท้จริงแล้ว กลับกลายเป็นว่าจะทำให้ข้าภูมิใจ’
‘เจ้าจงจำไว้ มรรคกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลกอยู่ที่คำว่าไร้ปรานีเท่านั้น ไม่ได้สักแต่ว่าพูด’
วันนั้นเด็กหนุ่มตกอยู่ในความเจ็บปวดสาหัส เจ็ดวันเจ็ดคืนที่ใจทรมานและทุกข์ทน
เขาตัดสินใจปิดด่าน
ปิดด่านครั้งหนึ่งก็สิบปี
ผ่านไปสิบปี ในใจของเด็กหนุ่มมีเพียงมรรคกระบี่

ภาพจำต่างๆ ปรากฏขึ้นในหัวอวิ๋นชิ่งไป๋เหมือนภาพวาดที่แตกเป็นเสี่ยงๆ เห็นชัดว่าใกล้ตาย แต่กลับพบว่าความทรงจำในอดีตยังชัดเจนไม่เคยเปลี่ยน
‘ตั้งแต่ต้นข้าก็เลือกไม่ได้…’
อวิ๋นชิ่งไป๋ถอนหายใจเฮือกใหญ่อยู่ภายในใจ
กระดูกกระบี่แต่กำเนิด ใต้หล้าต่างตระหนก บุกตะลุยทั่วดินแดนรกร้างโบราณ ถูกมองเป็นผู้ฝึกกระบี่อันดับหนึ่งแห่งยุค เปล่งประกายเจิดจรัสระดับใด
แต่ใครจะรู้ว่าเขาถูกบีบบังคับมาตลอด
นึกเสียใจภายหลังรึ
ไม่นึกเสียใจ มีเพียงความแค้น!
แค้นที่ไม่อาจลิขิตชะตาตัวเอง จึงใช้กระบี่ตัดความแค้นทั้งมวล!
“น่าเสียดาย…”
เวลานี้อวิ๋นชิ่งไป๋หลับตาลง ร่างกายและพลังจิตกลายเป็นละอองแสงลอยล่อง
หลินสวินเห็นภาพนี้ด้วยตาตนเอง สีหน้าราบเรียบไร้คลื่นลม
มีเพียงในใจที่รู้สึกผ่อนคลายหาใดเปรียบ เสมือนได้ปลดหินยักษ์ที่แบกมาหลายปีลง ไม่ถึงขั้นปิติยินดี แต่กลับทำให้เขาสะใจ
สะใจหาใดเปรียบ!
ความแค้นใหญ่หลวงสิ้นสุดในวันนี้!
หวนนึกถึงปีนั้นที่ยังอยู่ในจักรวรรดิโลกชั้นล่าง ยามได้ยินเรื่องหนี้เลือดของตระกูลหลินในปีนั้น หลินสวินสัมผัสได้ถึงความรู้สึกโกรธจนแทบระเบิดเป็นครั้งแรก
เพื่อแก้แค้น หลายปีมานี้เขาได้ผ่านความยากลำบากของความเป็นตายเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้น เพื่อฆ่ามือสังหารที่ไม่เคยพบหน้ามาก่อนคนนั้น
เขารอวันนี้มานานเกินไปแล้ว!
ในที่สุดตอนนี้ก็ได้สะสางบุญคุณความแค้นนี่ ในใจหลินสวินมีหรือจะไม่สะใจ
“ยังมีบางคนต้องถูกฝังไปพร้อมเจ้าด้วย…”
หลินสวินนึกขึ้นมาได้ ปีนั้นเหมิงหรงมารดาขององค์ชายเก้าจ้าวจิ่งเจินที่แพร่งพรายความลับแก่อวิ๋นชิ่งไป๋ รวมถึงบิดาของนางเหมิงชิวจิ้ง ผู้อาวุโสสายในคนหนึ่งของสำนักกระบี่เทียมฟ้า
หลายปีก่อนหลินสวินก็สืบข่าวได้แล้วว่า หากเหมิงหรงและเหมิงชิวจิ้งไม่แจ้งข่าวให้อวิ๋นชิ่งไป๋ ฝ่ายหลังคงไม่มีทางรู้แน่ว่าในโลกชั้นล่างมีทารกเพิ่งคลอดคนหนึ่งที่มีชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดติดตัวอยู่
ยามนี้ตัวการอย่างอวิ๋นชิ่งไป๋ตายแล้ว เรื่องราวยังไม่ถือว่าจบ ผู้สมรู้ร่วมคิดพวกนี้ก็ปล่อยเอาไว้ไม่ได้!
‘นายท่าน นี่คือความทรงจำที่เหลือในจิตใต้สำนึกก่อนที่เขาจะตาย น่าเสียดายที่แหลกละเอียดเกินไป จึงรวบรวมมาได้แค่เศษเล็กเศษน้อยขอรับ’
ทันใดนั้นเสียงของเสี่ยวอิ๋นดังขึ้น หนอนกินเทพยึดกุมพรสวรรค์จิตวิญญาณ สามารถฉวยความทรงจำบางส่วนของอวิ๋นชิ่งไป๋ก่อนตายได้ ไม่ใช่เรื่องยาก
เสี่ยวอิ๋นยื่นแสงงามตระการสายหนึ่งออกมา “ท่านลองดูเถอะ อวิ๋นชิ่งไป๋นี่…”
เสี่ยวอิ๋นลังเลครู่หนึ่งแต่ยังคงกล่าวว่า “ความจริงเป็นคนที่น่าสงสารหาใดเปรียบคนหนึ่ง”
หลินสวินชะงัก ใช้จิตรับรู้เข้าไปดูในกลุ่มแสงนั่น
จากนั้นเขาก็เห็นซากความทรงจำต่างๆ ที่เกี่ยวกับอวิ๋นชิ่งไป๋
วันหิมะตกหนักยามอายุได้สี่ปี เด็กชายมองบิดามารดาที่นอนอยู่บนพื้นหิมะแอ่งโลหิตอย่างเหม่อลอย ไม่เอ่ยวาจา ถูกคนพาตัวไป…
ยามนั้นในเตาไฟมีโจ๊กที่บิดามารดาเคี่ยวให้เขาจนสุกแล้ว แต่บิดามารดากลับไม่อยู่แล้ว ลานบ้านอาบไปด้วยเลือด
ยามอายุได้เก้าปี นกกระจอกธรรมดาตัวหนึ่งที่เด็กชายฟูมฟักมอบความอารีในใจให้ ถูกขยำตายอย่างไร้เยื่อใย
ยามอายุได้สิบสามปี…
ภาพต่างๆ ปรากฏขึ้นในหัวของหลินสวิน
“มิน่าเขาถึงพูดว่าเขาเลือกไม่ได้ ตั้งแต่ต้นก็ไม่เคยคิดจะฝึกกระบี่มาก่อน…”
นานพอควรหลินสวินสีหน้าวูบไหว ในใจซับซ้อนอยู่บ้าง เมื่อรู้ความจริงที่อยู่เบื้องหลังก็ทำให้หลินสวินอดทอดถอนใจออกมาไม่ได้
นี่คือบุคคลแห่งยุคที่น่าเวทนาคนหนึ่ง
เขานึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้อวิ๋นชิ่งไป๋เคยเสียอาการราวกับใกล้คลุ้มคลั่ง เผยความคั่งแค้นหาใดเปรียบ และเคยเลื่อนลอย มีความไม่ยินยอมที่บอกไม่ถูกอย่างหนึ่ง
ตอนนี้หลินสวินถึงได้เข้าใจ สิ่งที่อวิ๋นชิ่งไป๋เกลียดชังคือใครอีกคน ซึ่งก็คือคนผู้นั้น คนที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของอวิ๋นชิ่งไป๋ และทำลายทุกอย่างที่เขาเคยมี
‘นายท่าน ท่านนึกเสียใจใช่หรือไม่’
เสี่ยวอิ๋นถาม
หลินสวินส่ายศีรษะ “ต่อให้รู้เรื่องพวกนี้มาก่อน ข้ากับเขาก็ยังเป็นศัตรูที่ไม่ตายไม่เลิกรา ฉากจบจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง”
เสี่ยวอิ๋นกล่าว ‘แต่ข้ารู้สึกว่าคนที่น่าชังที่สุดคือชายชุดเทาคนนั้นที่พาตัวอวิ๋นชิ่งไป๋ไปในปีนั้น คนผู้นี้ช่างเย็นชาไร้น้ำใจ สู้ไม่ได้แม้แต่สัตว์เดรัจฉาน!’
ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเดือดดาล
อวิ๋นชิ่งไป๋ เด็กบ้านนอกในป่าเขาคนหนึ่ง ฐานะทางบ้านแม้จะยากจนข้นแค้น แต่กลับมีบิดามารดาที่น้ำใจงามและบากบั่น มองเขาเป็นดั่งสมบัติ แต่ด้วยการที่เขาครองกระดูกกระบี่จึงพาหายนะแห่งการล้างตระกูลมาให้!
และด้วยกระดูกกระบี่นี้เองที่ทำให้ชีวิตของเขาปกคลุมด้วยเงามืดชั้นหนึ่งที่ไม่อาจขับไล่ออกไปได้
สิ่งที่ทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัดที่สุดคือ คนที่สังหารบิดามารดาของเขากลับกลายเป็นอาจารย์ คนนำทางและผู้ประสาทวิชาของเขา…
ตั้งแต่ช่วงที่อวิ๋นชิ่งไป๋เริ่มฝึกปราณ ก็แบกรับความโชคร้ายอย่างใหญ่หลวง!
เขา… เลือกไม่ได้จริงๆ
ดังนั้นเสี่ยวอิ๋นจึงเห็นว่าตัวการที่ก่อให้เกิดเรื่องทุกอย่างนี้คือชายชุดเทานั่น
หลินสวินกล่าวอืมออกมาคำหนึ่ง แววตาไหววูบกล่าวว่า “คนผู้นี้สมควรฆ่าจริงๆ!”
เขาไม่ได้จะทวงความยุติธรรมให้อวิ๋นชิ่งไป๋ หากแต่เพิ่งรู้ว่าในบรรดามือสังหารที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นองเลือดของตระกูลหลินสายตรงในปีนั้น นอกจากอวิ๋นชิ่งไป๋แล้วยังมีอีกคน!
คนผู้นี้ก็คือคนที่เปลี่ยนชะตาของอวิ๋นชิ่งไป๋ ติดตามหนทางฝึกปราณของอวิ๋นชิ่งไป๋ราวกับเงามืด
“เสี่ยวอิ๋น เจ้ารู้ฐานะของชายชุดเทานี่ไหม”
หลินสวินเอ่ยถาม
‘ความทรงจำของอวิ๋นชิ่งไป๋แหลกละเอียดเกินไป อีกทั้งเขายังเกลียดชังชายชุดเทานี่อย่างลึกล้ำ ต่อต้านและอาฆาตหาใดเปรียบ ในความทรงจำของเขารูปพรรณสัณฐานของคนผู้นี้เลือนรางมาตลอด’
เสี่ยวอิ๋นส่ายหัว
หลินสวินก็ค้นพบจุดนี้เช่นกัน พูดด้วยเสียงต่ำลึกว่า “ไม่ว่าอย่างไร ในเมื่อคนผู้นี้สามารถเข้าออกสำนักกระบี่เทียมฟ้าได้ตามใจชอบ ก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนักกระบี่เทียมฟ้าแน่”
เสี่ยวอิ๋นก็รู้สึกเช่นนั้น ‘นายท่าน ท่านยังจำคำพูดที่คนผู้นี้กล่าวได้ไหมขอรับ มรรคกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลกอยู่ที่คำว่าไร้ปรานีเท่านั้น เห็นได้ว่ามรรคกระบี่ที่คนผู้นี้ยึดครองตัดอารมณ์สิ้นปรารถนา เกี่ยวข้องกับความไร้ปรานี ขอแค่จดจำจุดนี้ได้ ภายหน้าหากพบพานก็ต้องแยกแยะได้แน่’
หลินสวินลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยถาม “เสี่ยวอิ๋น ความทรงจำที่อวิ๋นชิ่งไป๋ไปโลกชั้นล่างแล้วบุกสังหารตระกูลหลินของข้า สามารถรวบรวมเบาะแสอื่นได้อีกหรือไม่”
ปีนั้นแม้เขาที่ยังแบเบาะจะถูกชิงพลังพรสวรรค์ไปแต่ก็ไม่ตาย หากแต่ถูกท่านลู่ ลู่ป๋อหยาช่วยไว้
อีกทั้งในอดีตที่ผ่านมาเขาไม่รู้ว่าปีนั้นอวิ๋นชิ่งไป๋ไม่ได้ดำเนินการคนเดียว นี่ทำให้หลินสวินอดสงสัยไม่ได้ ในการเข่นฆ่าปีนั้นยังมีเงื่อนงำมากมายซ่อนอยู่
ถึงอย่างไรด้วยความแข็งแกร่งของจักรวรรดิจื่อเย่า ทั้งมีบุคคลสำคัญอย่างจักรพรรดิและจักรพรรดินีนั่งบัญชา มีหรือจะลืมตาปริบๆ มองดูเหตุการณ์นองเลือดนี้เกิดขึ้น
ในนั้นต้องมีความจริงที่ตนไม่อาจรู้ได้อยู่แน่!
‘ไม่ไหวขอรับ จิตวิญญาณของเขาดับสูญไปแล้ว ไม่อาจรวบรวมความทรงจำได้สิ้นเชิง’
เสี่ยวอิ๋นส่ายหัว
หลินสวินพลันทอดถอนใจ รู้ว่าหากต้องการคลายปมปริศนาในปีนั้น ภายหน้าจำเป็นต้องกลับไปยังโลกชั้นล่างใหม่อีกครั้ง
ตูม!
เวลานี้วังวนมหึมาที่สร้างจากกระบี่เทียมฟ้านี่พลันพังทลาย กลายเป็นละอองแสงพร่างพราวทั่วฟ้า งามแปลกตาดุจสายฝน
“นี่คือ?”
โลกภายนอก พวกองค์ชายเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่ใจกระตุกวูบทันที
ตามมาด้วยพวกเย่หมัวเฮอ หวังเสวียนอวี๋ หมีเหิงเจิน ชื่อหลิงเซียวที่แข็งทื่อกันไปทั้งตัว สูดหายใจเย็นเยียบ
สุดท้ายแม้แต่พวกเจ้าคางคกก็ตกตะลึงอ้าปากค้าง
“ตัดสินผลแพ้ชนะแล้วหรือ”
ผู้แข็งแกร่งคนอื่นที่อยู่ห่างออกไปต่างเบิกตากว้าง ด้วยอยากจะเห็นภาพนี้อย่างชัดเจน
ก็เห็นว่าหลังจากที่วังวนกระบี่พินาศย่อยยับ ใต้เวิ้งฟ้านั่นก็ปรากฏภาพอัศจรรย์หนึ่ง
เงาร่างสูงสง่า เสื้อผ้าอาบเลือดสายหนึ่งยืนอยู่ในละอองแสงงามตระการที่สาดส่องทั่วฟ้านั่นประหนึ่งภาพฝันลวงตา ราวกับคงอยู่มาแต่โบราณ
กระทั่งละอองแสงดับมอด ฟ้าดินคืนสู่ความเงียบสงัดอีกครั้งก็ไม่เห็นเงาร่างของอวิ๋นชิ่งไป๋
มีเพียงกระบี่เทียมฟ้าเก่าแก่สลัวรางที่เดิมเป็นของอวิ๋นชิ่งไป๋เล่มนั้น วางอยู่กลางฝ่ามือของเงาร่างสูงสง่านั่น
ทั่วทั้งฟ้าดินล้วนเงียบกริบ
วันนี้ ห่างจากการปิดม่านของแดนมกุฎไม่ไกลแล้ว
เทพมารหลินเอาชนะอวิ๋นชิ่งไป๋ ผู้ฝึกกระบี่ระดับตำนานแห่งยุคเหนือสังเวียนพิฆาตมาร และช่วงชิงกระบี่ของเขา!
เหตุการณ์นี้กลายเป็นที่จับตามองจากทั่วหล้า เรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้แห่งยุคที่นับแต่โบราณมายากจะได้เห็น และปิดฉากลงด้วยชัยชนะของเทพมารหลิน
ทั่วทั้งลานต่างเงียบสงัด
…………………..
นับวันเด็กหนุ่มยิ่งเปลี่ยนเป็นคนเงียบขรึม แต่ละวันล้วนฝึกกระบี่เหมือนผู้บำเพ็ญทุกรกิริยา เวลาทั้งหมดถูกเขาใช้ไปกับการฝึกปราณจนสิ้น
ความเจ็บปวด เคียดแค้นชิงชัง ไม่พอใจและดิ้นรนภายในใจ… ไม่มีใครรู้
มีเพียงการฝึกปราณที่กลายเป็นสิ่งค้ำจุนจิตใจเดียวของเขา
ผ่านไปหลายปี
ชายชุดเทานั่นปรากฏตัวอีกครั้ง พาเขาออกจากสำนักกระบี่เทียมฟ้าไปสู่จักรวรรดิจื่อเย่าที่โลกชั้นล่างด้วยกัน
‘กระดูกกระบี่แต่กำเนิดของเจ้ายังไม่แข็งแกร่งพอ ที่นั่นมีทารกเพิ่งคลอดซึ่งมีชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดแต่เกิดคนหนึ่ง เจ้าจงไปแย่งชิงมันมา’
วันนั้นชายชุดเทาพาเด็กหนุ่มมายังตระกูลหลินแล้วออกคำสั่งเช่นนี้
‘ไม่!’
เด็กหนุ่มเลือกที่จะปฏิเสธเป็นครั้งแรก
เขานึกถึงตอนสี่ขวบ ประสบการณ์นองเลือดของครอบครัวเขาราวกับฝันร้ายที่ไม่อาจลบเลือน ทรมานเขามาถึงตอนนี้
เขาไม่อยากให้เรื่องแบบเดียวกันเกิดขึ้นในครอบครัวที่ไม่รู้จักกันมาก่อนแห่งนี้
ทั้งยังจะใช้เขาเป็นมือสังหาร นี่ทำให้เขาที่หยิ่งทะนงโต้แย้งและต่อต้านจากก้นบึ้งหัวใจ
เพี๊ยะ!
สิ่งที่เด็กหนุ่มได้กลับมาคือการตบหน้าและวาจาเยียบเย็นไร้น้ำใจประโยคหนึ่ง ‘หากเจ้าไม่ไป ข้าจะช่วงชิงปลิดกระดูกกระบี่ของเจ้าไปให้เด็กทารกคนนั้น แล้วมองเขาเป็นผู้สืบทอด ส่วนเจ้าก็ต้องตาย’
คืนวันนั้น คนตระกูลหลินสายตรงถูกสังหารหมู่จนราบคาบ เลือดหลั่งย้อมภูเขาชำระจิต
‘ทำไมต้องทำเช่นนี้ แค่ชิงชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดมาก็พอไม่ใช่หรือ เหตุใดต้องฆ่าคนด้วย’
เด็กหนุ่มเดือดดาลหาใดเปรียบ
‘ไร้เดียงสา’
สิ่งที่ตอบเขามีเพียงคำพูดแผ่วเบานี้ ไม่ได้ใส่ใจความเดือดดาลในใจของเด็กหนุ่มโดยสิ้นเชิง

‘ข้าสาบาน สักวันหนึ่งจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้ แน่นอน!’
ปีนั้นเมื่อเด็กหนุ่มกลายเป็นผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติที่อายุน้อยที่สุดของสำนักกระบี่เทียมฟ้า เขากลับเอ่ยคำสาปแช่งเช่นนี้ออกมา
ทั้งยังมุ่งมั่นหาใดเปรียบ เหมือนจิตกระบี่ของเขา
ในวันนั้นชายชุดเทามาหาเขาอีกครั้งแล้วกล่าววาจามากมาย
‘ผู้ฝึกกระบี่ต้องตัดอารมณ์และความปรารถนา สังหารบิดามารดาเจ้าเพื่อตัดความกังวลทางสายเลือดของเจ้า ฆ่านกกระจอกที่เจ้าเลี้ยงเพื่อตัดความโอบอ้อมอารีในใจเจ้า สังหารสาวใช้เจ้าเพื่อตัดน้ำใจของเจ้า’
‘แต่หากไม่มีข้า เจ้าก็ไม่มีทางมีวันนี้ ข้าคือผู้นำทางของเจ้าและเป็นอาจารย์เจ้า แน่นอนว่าเป็นคนที่เจ้าแค้นที่สุดด้วย’
‘หากมีวันหนึ่งที่เจ้าสังหารข้าได้จริง ก็หมายความว่าเจ้าหยั่งถึงมรรคแห่งความไร้น้ำใจสิ้นปรารถนาอย่างแท้จริงแล้ว กลับกลายเป็นว่าจะทำให้ข้าภูมิใจ’
‘เจ้าจงจำไว้ มรรคกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลกอยู่ที่คำว่าไร้ปรานีเท่านั้น ไม่ได้สักแต่ว่าพูด’
วันนั้นเด็กหนุ่มตกอยู่ในความเจ็บปวดสาหัส เจ็ดวันเจ็ดคืนที่ใจทรมานและทุกข์ทน
เขาตัดสินใจปิดด่าน
ปิดด่านครั้งหนึ่งก็สิบปี
ผ่านไปสิบปี ในใจของเด็กหนุ่มมีเพียงมรรคกระบี่

ภาพจำต่างๆ ปรากฏขึ้นในหัวอวิ๋นชิ่งไป๋เหมือนภาพวาดที่แตกเป็นเสี่ยงๆ เห็นชัดว่าใกล้ตาย แต่กลับพบว่าความทรงจำในอดีตยังชัดเจนไม่เคยเปลี่ยน
‘ตั้งแต่ต้นข้าก็เลือกไม่ได้…’
อวิ๋นชิ่งไป๋ถอนหายใจเฮือกใหญ่อยู่ภายในใจ
กระดูกกระบี่แต่กำเนิด ใต้หล้าต่างตระหนก บุกตะลุยทั่วดินแดนรกร้างโบราณ ถูกมองเป็นผู้ฝึกกระบี่อันดับหนึ่งแห่งยุค เปล่งประกายเจิดจรัสระดับใด
แต่ใครจะรู้ว่าเขาถูกบีบบังคับมาตลอด
นึกเสียใจภายหลังรึ
ไม่นึกเสียใจ มีเพียงความแค้น!
แค้นที่ไม่อาจลิขิตชะตาตัวเอง จึงใช้กระบี่ตัดความแค้นทั้งมวล!
“น่าเสียดาย…”
เวลานี้อวิ๋นชิ่งไป๋หลับตาลง ร่างกายและพลังจิตกลายเป็นละอองแสงลอยล่อง
หลินสวินเห็นภาพนี้ด้วยตาตนเอง สีหน้าราบเรียบไร้คลื่นลม
มีเพียงในใจที่รู้สึกผ่อนคลายหาใดเปรียบ เสมือนได้ปลดหินยักษ์ที่แบกมาหลายปีลง ไม่ถึงขั้นปิติยินดี แต่กลับทำให้เขาสะใจ
สะใจหาใดเปรียบ!
ความแค้นใหญ่หลวงสิ้นสุดในวันนี้!
หวนนึกถึงปีนั้นที่ยังอยู่ในจักรวรรดิโลกชั้นล่าง ยามได้ยินเรื่องหนี้เลือดของตระกูลหลินในปีนั้น หลินสวินสัมผัสได้ถึงความรู้สึกโกรธจนแทบระเบิดเป็นครั้งแรก
เพื่อแก้แค้น หลายปีมานี้เขาได้ผ่านความยากลำบากของความเป็นตายเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้น เพื่อฆ่ามือสังหารที่ไม่เคยพบหน้ามาก่อนคนนั้น
เขารอวันนี้มานานเกินไปแล้ว!
ในที่สุดตอนนี้ก็ได้สะสางบุญคุณความแค้นนี่ ในใจหลินสวินมีหรือจะไม่สะใจ
“ยังมีบางคนต้องถูกฝังไปพร้อมเจ้าด้วย…”
หลินสวินนึกขึ้นมาได้ ปีนั้นเหมิงหรงมารดาขององค์ชายเก้าจ้าวจิ่งเจินที่แพร่งพรายความลับแก่อวิ๋นชิ่งไป๋ รวมถึงบิดาของนางเหมิงชิวจิ้ง ผู้อาวุโสสายในคนหนึ่งของสำนักกระบี่เทียมฟ้า
หลายปีก่อนหลินสวินก็สืบข่าวได้แล้วว่า หากเหมิงหรงและเหมิงชิวจิ้งไม่แจ้งข่าวให้อวิ๋นชิ่งไป๋ ฝ่ายหลังคงไม่มีทางรู้แน่ว่าในโลกชั้นล่างมีทารกเพิ่งคลอดคนหนึ่งที่มีชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดติดตัวอยู่
ยามนี้ตัวการอย่างอวิ๋นชิ่งไป๋ตายแล้ว เรื่องราวยังไม่ถือว่าจบ ผู้สมรู้ร่วมคิดพวกนี้ก็ปล่อยเอาไว้ไม่ได้!
‘นายท่าน นี่คือความทรงจำที่เหลือในจิตใต้สำนึกก่อนที่เขาจะตาย น่าเสียดายที่แหลกละเอียดเกินไป จึงรวบรวมมาได้แค่เศษเล็กเศษน้อยขอรับ’
ทันใดนั้นเสียงของเสี่ยวอิ๋นดังขึ้น หนอนกินเทพยึดกุมพรสวรรค์จิตวิญญาณ สามารถฉวยความทรงจำบางส่วนของอวิ๋นชิ่งไป๋ก่อนตายได้ ไม่ใช่เรื่องยาก
เสี่ยวอิ๋นยื่นแสงงามตระการสายหนึ่งออกมา “ท่านลองดูเถอะ อวิ๋นชิ่งไป๋นี่…”
เสี่ยวอิ๋นลังเลครู่หนึ่งแต่ยังคงกล่าวว่า “ความจริงเป็นคนที่น่าสงสารหาใดเปรียบคนหนึ่ง”
หลินสวินชะงัก ใช้จิตรับรู้เข้าไปดูในกลุ่มแสงนั่น
จากนั้นเขาก็เห็นซากความทรงจำต่างๆ ที่เกี่ยวกับอวิ๋นชิ่งไป๋
วันหิมะตกหนักยามอายุได้สี่ปี เด็กชายมองบิดามารดาที่นอนอยู่บนพื้นหิมะแอ่งโลหิตอย่างเหม่อลอย ไม่เอ่ยวาจา ถูกคนพาตัวไป…
ยามนั้นในเตาไฟมีโจ๊กที่บิดามารดาเคี่ยวให้เขาจนสุกแล้ว แต่บิดามารดากลับไม่อยู่แล้ว ลานบ้านอาบไปด้วยเลือด
ยามอายุได้เก้าปี นกกระจอกธรรมดาตัวหนึ่งที่เด็กชายฟูมฟักมอบความอารีในใจให้ ถูกขยำตายอย่างไร้เยื่อใย
ยามอายุได้สิบสามปี…
ภาพต่างๆ ปรากฏขึ้นในหัวของหลินสวิน
“มิน่าเขาถึงพูดว่าเขาเลือกไม่ได้ ตั้งแต่ต้นก็ไม่เคยคิดจะฝึกกระบี่มาก่อน…”
นานพอควรหลินสวินสีหน้าวูบไหว ในใจซับซ้อนอยู่บ้าง เมื่อรู้ความจริงที่อยู่เบื้องหลังก็ทำให้หลินสวินอดทอดถอนใจออกมาไม่ได้
นี่คือบุคคลแห่งยุคที่น่าเวทนาคนหนึ่ง
เขานึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้อวิ๋นชิ่งไป๋เคยเสียอาการราวกับใกล้คลุ้มคลั่ง เผยความคั่งแค้นหาใดเปรียบ และเคยเลื่อนลอย มีความไม่ยินยอมที่บอกไม่ถูกอย่างหนึ่ง
ตอนนี้หลินสวินถึงได้เข้าใจ สิ่งที่อวิ๋นชิ่งไป๋เกลียดชังคือใครอีกคน ซึ่งก็คือคนผู้นั้น คนที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของอวิ๋นชิ่งไป๋ และทำลายทุกอย่างที่เขาเคยมี
‘นายท่าน ท่านนึกเสียใจใช่หรือไม่’
เสี่ยวอิ๋นถาม
หลินสวินส่ายศีรษะ “ต่อให้รู้เรื่องพวกนี้มาก่อน ข้ากับเขาก็ยังเป็นศัตรูที่ไม่ตายไม่เลิกรา ฉากจบจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง”
เสี่ยวอิ๋นกล่าว ‘แต่ข้ารู้สึกว่าคนที่น่าชังที่สุดคือชายชุดเทาคนนั้นที่พาตัวอวิ๋นชิ่งไป๋ไปในปีนั้น คนผู้นี้ช่างเย็นชาไร้น้ำใจ สู้ไม่ได้แม้แต่สัตว์เดรัจฉาน!’
ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเดือดดาล
อวิ๋นชิ่งไป๋ เด็กบ้านนอกในป่าเขาคนหนึ่ง ฐานะทางบ้านแม้จะยากจนข้นแค้น แต่กลับมีบิดามารดาที่น้ำใจงามและบากบั่น มองเขาเป็นดั่งสมบัติ แต่ด้วยการที่เขาครองกระดูกกระบี่จึงพาหายนะแห่งการล้างตระกูลมาให้!
และด้วยกระดูกกระบี่นี้เองที่ทำให้ชีวิตของเขาปกคลุมด้วยเงามืดชั้นหนึ่งที่ไม่อาจขับไล่ออกไปได้
สิ่งที่ทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัดที่สุดคือ คนที่สังหารบิดามารดาของเขากลับกลายเป็นอาจารย์ คนนำทางและผู้ประสาทวิชาของเขา…
ตั้งแต่ช่วงที่อวิ๋นชิ่งไป๋เริ่มฝึกปราณ ก็แบกรับความโชคร้ายอย่างใหญ่หลวง!
เขา… เลือกไม่ได้จริงๆ
ดังนั้นเสี่ยวอิ๋นจึงเห็นว่าตัวการที่ก่อให้เกิดเรื่องทุกอย่างนี้คือชายชุดเทานั่น
หลินสวินกล่าวอืมออกมาคำหนึ่ง แววตาไหววูบกล่าวว่า “คนผู้นี้สมควรฆ่าจริงๆ!”
เขาไม่ได้จะทวงความยุติธรรมให้อวิ๋นชิ่งไป๋ หากแต่เพิ่งรู้ว่าในบรรดามือสังหารที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นองเลือดของตระกูลหลินสายตรงในปีนั้น นอกจากอวิ๋นชิ่งไป๋แล้วยังมีอีกคน!
คนผู้นี้ก็คือคนที่เปลี่ยนชะตาของอวิ๋นชิ่งไป๋ ติดตามหนทางฝึกปราณของอวิ๋นชิ่งไป๋ราวกับเงามืด
“เสี่ยวอิ๋น เจ้ารู้ฐานะของชายชุดเทานี่ไหม”
หลินสวินเอ่ยถาม
‘ความทรงจำของอวิ๋นชิ่งไป๋แหลกละเอียดเกินไป อีกทั้งเขายังเกลียดชังชายชุดเทานี่อย่างลึกล้ำ ต่อต้านและอาฆาตหาใดเปรียบ ในความทรงจำของเขารูปพรรณสัณฐานของคนผู้นี้เลือนรางมาตลอด’
เสี่ยวอิ๋นส่ายหัว
หลินสวินก็ค้นพบจุดนี้เช่นกัน พูดด้วยเสียงต่ำลึกว่า “ไม่ว่าอย่างไร ในเมื่อคนผู้นี้สามารถเข้าออกสำนักกระบี่เทียมฟ้าได้ตามใจชอบ ก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนักกระบี่เทียมฟ้าแน่”
เสี่ยวอิ๋นก็รู้สึกเช่นนั้น ‘นายท่าน ท่านยังจำคำพูดที่คนผู้นี้กล่าวได้ไหมขอรับ มรรคกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลกอยู่ที่คำว่าไร้ปรานีเท่านั้น เห็นได้ว่ามรรคกระบี่ที่คนผู้นี้ยึดครองตัดอารมณ์สิ้นปรารถนา เกี่ยวข้องกับความไร้ปรานี ขอแค่จดจำจุดนี้ได้ ภายหน้าหากพบพานก็ต้องแยกแยะได้แน่’
หลินสวินลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยถาม “เสี่ยวอิ๋น ความทรงจำที่อวิ๋นชิ่งไป๋ไปโลกชั้นล่างแล้วบุกสังหารตระกูลหลินของข้า สามารถรวบรวมเบาะแสอื่นได้อีกหรือไม่”
ปีนั้นแม้เขาที่ยังแบเบาะจะถูกชิงพลังพรสวรรค์ไปแต่ก็ไม่ตาย หากแต่ถูกท่านลู่ ลู่ป๋อหยาช่วยไว้
อีกทั้งในอดีตที่ผ่านมาเขาไม่รู้ว่าปีนั้นอวิ๋นชิ่งไป๋ไม่ได้ดำเนินการคนเดียว นี่ทำให้หลินสวินอดสงสัยไม่ได้ ในการเข่นฆ่าปีนั้นยังมีเงื่อนงำมากมายซ่อนอยู่
ถึงอย่างไรด้วยความแข็งแกร่งของจักรวรรดิจื่อเย่า ทั้งมีบุคคลสำคัญอย่างจักรพรรดิและจักรพรรดินีนั่งบัญชา มีหรือจะลืมตาปริบๆ มองดูเหตุการณ์นองเลือดนี้เกิดขึ้น
ในนั้นต้องมีความจริงที่ตนไม่อาจรู้ได้อยู่แน่!
‘ไม่ไหวขอรับ จิตวิญญาณของเขาดับสูญไปแล้ว ไม่อาจรวบรวมความทรงจำได้สิ้นเชิง’
เสี่ยวอิ๋นส่ายหัว
หลินสวินพลันทอดถอนใจ รู้ว่าหากต้องการคลายปมปริศนาในปีนั้น ภายหน้าจำเป็นต้องกลับไปยังโลกชั้นล่างใหม่อีกครั้ง
ตูม!
เวลานี้วังวนมหึมาที่สร้างจากกระบี่เทียมฟ้านี่พลันพังทลาย กลายเป็นละอองแสงพร่างพราวทั่วฟ้า งามแปลกตาดุจสายฝน
“นี่คือ?”
โลกภายนอก พวกองค์ชายเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่ใจกระตุกวูบทันที
ตามมาด้วยพวกเย่หมัวเฮอ หวังเสวียนอวี๋ หมีเหิงเจิน ชื่อหลิงเซียวที่แข็งทื่อกันไปทั้งตัว สูดหายใจเย็นเยียบ
สุดท้ายแม้แต่พวกเจ้าคางคกก็ตกตะลึงอ้าปากค้าง
“ตัดสินผลแพ้ชนะแล้วหรือ”
ผู้แข็งแกร่งคนอื่นที่อยู่ห่างออกไปต่างเบิกตากว้าง ด้วยอยากจะเห็นภาพนี้อย่างชัดเจน
ก็เห็นว่าหลังจากที่วังวนกระบี่พินาศย่อยยับ ใต้เวิ้งฟ้านั่นก็ปรากฏภาพอัศจรรย์หนึ่ง
เงาร่างสูงสง่า เสื้อผ้าอาบเลือดสายหนึ่งยืนอยู่ในละอองแสงงามตระการที่สาดส่องทั่วฟ้านั่นประหนึ่งภาพฝันลวงตา ราวกับคงอยู่มาแต่โบราณ
กระทั่งละอองแสงดับมอด ฟ้าดินคืนสู่ความเงียบสงัดอีกครั้งก็ไม่เห็นเงาร่างของอวิ๋นชิ่งไป๋
มีเพียงกระบี่เทียมฟ้าเก่าแก่สลัวรางที่เดิมเป็นของอวิ๋นชิ่งไป๋เล่มนั้น วางอยู่กลางฝ่ามือของเงาร่างสูงสง่านั่น
ทั่วทั้งฟ้าดินล้วนเงียบกริบ
วันนี้ ห่างจากการปิดม่านของแดนมกุฎไม่ไกลแล้ว
เทพมารหลินเอาชนะอวิ๋นชิ่งไป๋ ผู้ฝึกกระบี่ระดับตำนานแห่งยุคเหนือสังเวียนพิฆาตมาร และช่วงชิงกระบี่ของเขา!
เหตุการณ์นี้กลายเป็นที่จับตามองจากทั่วหล้า เรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้แห่งยุคที่นับแต่โบราณมายากจะได้เห็น และปิดฉากลงด้วยชัยชนะของเทพมารหลิน
ทั่วทั้งลานต่างเงียบสงัด
…………………..

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset