Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1337 แดนมกุฎ เคารพยกย่องเจ้า

บนเวิ้งฟ้า เงาร่างของจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนค่อยๆ เลือนราง มลายกลายเป็นละอองแสง
ทุกคนต่างรู้ว่านี่เป็นเพียงประทับเจตจำนงสายหนึ่งเท่านั้น แต่ในใจยังคงเกิดความเคารพยำเกรงและเลื่อมใสศรัทธาขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
นี่ก็อาจจะเป็นบารมีของผู้เป็นจักรพรรดิ
จนกระทั่งเนิ่นนาน เหล่าผู้กล้าถึงได้สงบจิตใจจากความตกตะลึงและปิติยินดี
เพิ่งได้สติตระหนักขึ้นมาได้ตอนนี้เองว่า คราวนี้พวกเขาได้รับอริยะนำพาที่ซุกซ่อนปริศนาแห่งการบรรลุมกุฎอริยะอย่างแท้จริง!
“พี่หลิน ดูท่าการต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีความจำเป็นต้องดำเนินต่อไปแล้ว”
ภายในสนามประลองชั้นยอด องค์ชายเซ่าเฮ่าเอ่ยปาก สีหน้าดูแปลกไปเล็กน้อย
ทุกคนได้ยินเช่นนี้ต่างพากันทอดสายตามองมา ในใจรู้สึกทอดถอนใจไม่หายเช่นกัน การแข่งขันชิงชัยรอบที่สอง เทพมารหลินต่อสู้ชโลมเลือด สู้มาจนถึงตอนนี้เอาชนะบุคคลระดับนายเหนือหัวแห่งยุคทั้งหมด
แต่ท้ายที่สุด อริยะนำพาก็ปรากฏขึ้นจริงๆ แต่กลับถูกทุกคนในที่นั้นได้ไปครอบครองคนละส่วน เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่เทพมารหลินทำมาทั้งหมดก่อนหน้านี้ ดูเหมือน… ไม่มีความหมายใดๆ
แน่นอน ภายในใจของพวกเขายังคงเลื่อมใสหลินสวินมาก เพียงแต่เพราะว่าผลลัพธ์เช่นนี้มาเยือนแบบเหนือความคาดหมายมากเกินไป
ทันใดนนั้นหลินสวินก็กล่าวว่า “พี่เซ่าเฮ่า ข้าเองก็บังอาจถามสักข้อ เจ้าสังเกตเห็นตั้งแต่ต้นแล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นใช่หรือไม่”
เซ่าเฮ่าหัวเราะลั่น “พี่หลินสายตาแหลมคมดั่งดวงโคม ปิดเจ้าไม่อยู่จริงๆ ด้วย”
ชั่วขณะนั้นทั่วลานต่างตะลึงอึ้งค้าง ประหลาดใจกันไปหมด เซ่าเฮ่าถึงกับเดาได้ว่าเหตุการณ์เมื่อครู่จะเกิดขึ้นตั้งแต่แรกแล้วหรือ
“พี่หลินก็รู้ ตอนที่ข้าเก็บตัวในยุคดึกดำบรรพ์ได้ถูกบรรพบุรุษเผ่าข้าผนึกไว้ในไข่แห่งกลุ่มดาว ในตอนนั้นข้าก็ได้ทำความเข้าใจถึงความลับส่วนหนึ่งที่เกี่ยวกับแดนมกุฎแล้ว”
“ส่วนอริยะนำพา ข้าเองก็เคยได้ยินบรรพบุรุษเผ่าข้าบอกว่า มีผู้อาวุโสไท่เสวียนที่ถูกเรียกว่าจักรพรรดิกระบี่คนแรกแห่งยุคดึกดำบรรพ์ รวบรวมใจความการบรรลุอริยะของผู้มากความสามารถมากกว่าพันคนแล้วเก็บไว้ที่นี่ เพื่อทำให้ในวันนี้เวลานี้ พวกเราอาศัยความบากบั่นพากเพียรให้ได้มาซึ่งมรดกในนี้”
“บททดสอบในสนามประลองชั้นยอดนี้เป็นแค่ประเด็นรอง การทดสอบทางจิตใจต่างหากที่เป็นประเด็นหลัก”
“เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกที่จะเกิดผลลัพธ์เช่นนี้”
เซ่าเฮ่าพูดจาฉะฉาน อธิบายต้นสายปลายเหตุอย่างหมดเปลือก
เหล่าผู้กล้าในที่นั้นต่างพากันสีหน้าแปลกไป ชั่วขณะนั้นพลันสะท้านใจไม่หยุด เซ่าฮ่าคนนี้สมกับเป็นองค์ชาย รากฐานแน่นหนา ความลับที่กุมไว้มากมาย อยู่เหนือจินตนาการของผู้คน
“เพียงแต่เหตุใดสหายยุทธ์เซ่าเฮ่าถึงไม่เตือนกันหน่อย ต้องรอให้เรื่องแดงเอาป่านนี้ถึงพูดความจริงระดับนี้ออกมาหรือ”
ทันใดนั้นก็มีคนโพล่งขึ้นอย่างไม่พอใจ
คำพูดนี้เรียกให้คนมากมายเออออไปด้วย
เซ่าเฮ่าสีหน้าเปลี่ยนเป็นเมินเฉย มองคนที่พูดปราดหนึ่งก่อนกล่าว “หากข้าเตือนก่อน ทุกท่านยังยินดีเข้าสู่สนามประลอง และงัดเรี่ยวแรงทั้งหมดมาแข่งขันชิงชัยกันอยู่หรือไม่”
“ยิ่งไปกว่านั้น คนอย่างข้าเซ่าเฮ่าทำการใดเปิดเผยโปร่งใสเรื่อยมา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าต้องเปิดเผยความลับที่กุมไว้ทั้งหมดต่อหน้าทุกคนกระมัง”
คนผู้นั้นเงียบกริบหมดคำพูดทันที
ก็จริง ทำไมต้องให้เซ่าเฮ่าเตือนด้วย
“ฝึกปราณเหมือนฝึกใจ ถ้าคิดแต่จะพึ่งพาคำเตือนจากผู้อื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งศุภโชคท่าเดียว เกรงว่าครั้งนี้คงเป็นไปไม่ได้ที่ทุกท่านจะได้รับอริยะนำพาอย่างง่ายดายเช่นนี้”
ทันทีที่เซ่าเฮ่าเอ่ยคำพูดนี้ ทั่วลานต่างเงียบงัน
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เรื่องในวันนี้ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะโทษเซ่าเฮ่าเลยสักนิด
กลับกัน ก็เป็นเพราะเขาไม่เตือนถึงทำให้พวกเขาเข้าต่อสู้ แข่งขันชิงชัยในมหามรรคสุดกำลัง ดังนั้นในช่วงจังหวะสุดท้ายนี้ ทุกคนต่างได้รับศุภโชคที่ไม่คาดฝันกันถ้วนหน้า!
จะว่าไป พวกเขาถึงขั้นยังต้องขอบคุณที่เซ่าเฮ่าไม่เตือนด้วยซ้ำ
เมื่อคิดสิ่งเหล่านี้กระจ่างแล้ว ในใจหลินสวินก็อดทอดถอนใจไม่ได้ นี่เท่ากับเซ่าเฮ่าได้ซื้อใจเหล่าผู้กล้าในที่นั้นอีกครั้งอย่างไร้สุ้มเสียงแล้ว
ไม่ว่าใครต่างก็ต้องยอมรับ!
สติปัญญาและวิธีการระดับนี้ เรียกได้ว่าน่าทึ่งอย่างสิ้นเชิง
‘พี่ใหญ่ เจ้าต้องระวัง เจ้าหมอนี่แผนการลึกล้ำเกินไปแล้ว ทำให้ผู้อื่นแทบเดาไม่ได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ในใจ จากนี้ไปพวกเราติดต่อกับเขาให้น้อยลงไว้ดีกว่า’
เจ้าคางคกสื่อจิต เจือความหวั่นวิตกเสี้ยวหนึ่ง
หลินสวินรับฟังอย่างไม่แสดงท่าที
“พี่หลิน ตอนนี้เจ้าก็ควรเปิดเผยอันดับในกระดานทองคำผู้กล้าได้แล้วกระมัง”
เซ่าเฮ่าเอ่ยถามยิ้มๆ
“ข้ากลัวแต่ว่าพอเจ้าฟังแล้วจะไม่สุขใจเอาได้”
หลินสวินกล่าวพลางยิ้ม
เซ่าเฮ่าอึ้งไป นัยน์ตาหดรัดลงทันที จากนั้นก็ส่ายหน้ายิ้มขื่น “เฮ้อ รู้แต่แรกก็ไม่ถามเจ้าหรอก หาเรื่องใส่ตัว ช่างพาให้คนหมดสนุกเหลือเกิน”
และทุกคนในที่นั้นก็พากันรู้ชัด เซ่าเฮ่าเป็นที่หนึ่งในกระดานทองคำผู้กล้า คำตอบที่สามารถทำให้เขา ‘หาเรื่องใส่ตัว’ ได้ ย่อมชัดเจนในตัวมันเองแล้ว
ที่หนึ่ง!
เทพมารหลินเข้ามาในแดนยอดมรดกด้วยอันดับที่หนึ่งในกระดานทองคำผู้กล้า ก่อนที่แดนมกุฎใกล้จะสิ้นสุดลง!
ชั่วขณะทั่วลานต่างหันสายตา เหล่าผู้กล้าสะทกสะท้าน
ที่หนึ่งนี้ ความหมายไม่ค่อยเหมือนกันนัก
ในช่วงหลายปีมานี้ที่แดนเก้าบนปรากฏ เริ่มจากอวิ๋นชิ่งไป๋ใช้ท่วงท่าไร้เทียมทานครอบครองตำแหน่งที่หนึ่งในกระดานทองคำผู้กล้ามานานหลายปี
แต่สุดท้ายบนสังเวียนพิฆาตมารมาร อวิ๋นชิ่งไปก็พ่ายแพ้ภายใต้เงื้อมมือหลินสวิน!
และในช่วงหลายปีที่ผ่านมาองค์ชายเซ่าเฮ่าก็ครอบครองตำแหน่งที่หนึ่งบนกระดานทองคำผู้กล้ามาจนบัดนี้ ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนได้ ชื่อเสียงโด่งดังทั่วแดนเก้าบน
ทว่าตอนนี้ อันดับของเขาถูกหลินสวินทำลายในคราเดียว!
เบื้องหน้ามีอวิ๋นชิ่งไป๋ เบื้องท้ายมีองค์ชายเซ่าเฮ่า คนหนึ่งย่อยยับคามือหลินสวินในการต่อสู้ อีกคนหนึ่งถึงจะไม่เคยประมือกับหลินสวิน แต่อันดับกลับถูกหลินสวินโค่นลง
อันดับที่หนึ่งเช่นนี้ จะมีความหมายทั่วไปได้อย่างไรกัน
เมื่อลองนึกถึงผลงานการต่อสู้ที่ไม่เคยแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่าของหลินสวิน นึกถึง ‘ศึกวงล้อ’ ที่อลังการไร้ใดเปรียบที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่
ชั่วขณะนี้ทำเอาสายตาของทุกคนที่มองไปทางหลินสวิน ล้วนเจือแววซับซ้อนที่ไม่อาจปกปิดได้
เสื้อผ้าของเขาเปื้อนเลือด สีหน้าขาวซีด ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ดูเหมือนอ่อนแอและเหนื่อยล้าเต็มที แต่ยามนี้ในสายตาของผู้คนกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!
นี่คือบุคคลที่สามารถทำให้คนรุ่นเดียวกันใจสะท้าน ไม่อาจมองข้ามได้ เป็นเหมือนกับตำนาน นับตั้งแต่เหยียบแดนเก้าบนจนบัดนี้ยังไม่เคยพ่ายแพ้เลยสักครั้ง!
“แดนมกุฎในวันนี้ เคารพยกย่องเจ้า”
ท่ามกลางความเงียบงัน เทพธิดารั่วอูเอ่ยปาก น้ำเสียงใสเย็นประหนึ่งสะเทือนสวรรค์ชั้นฟ้า พาให้ทั่วลานต่างฮือฮา
ประโยคนี้หนักหน่วงเกินไป!
ไม่ต่างอะไรกับยอมรับว่าหลินสวินคือบุคคลอันดับหนึ่งในแดนมกุฎ!
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นคงไม่สามารถแบกรับชื่อเสียงเกียรติยศระดับนี้ได้ เพราะหากแบกไม่ไหวจะถูกคนมากมายเพ่งเล็ง ถูกผู้คนหลายหมื่นด่าทอว่าไม่ดูกำลังตนเอง
แต่เกียรติยศนี้สวมเหนือศีรษะหลินสวิน…
กลับทำให้ผู้คนไร้คำพูด ไม่อาจโต้แย้ง และไม่สามารถทักท้วง!
นายเหนือหัวแห่งยุคอย่างหยวนฝ่าเทียน ราชันเผิงปีกทองน้อย เย่หมัวเฮอ หมีเหิงเจิน หวังเสวียนอวี๋ จี้ซิงเหยาเป็นต้น ยังไม่แย้งใดๆ
ความเงียบ ก็คือการยอมรับในตัวมันเองอย่างหนึ่ง
แม้ว่าในใจอาจไม่ยอม ก็ต้องยอมรับ!
และเซ่าเฮ่าก็เสียกิริยาเล็กน้อยอย่างหาได้ยาก สีหน้าที่เรียบนิ่งไม่ไหวติงเสมอมา ยามนี้เป็นเผยแววไหววูบซับซ้อนอย่างเห็นได้ชัด
เขามองหลินสวินและไม่ได้พูดอะไรมากเช่นกัน แต่… ในใจเขาคิดอย่างไรนั้น ใครเล่าจะรู้ได้
“แม่นางรั่วอู่ชมเกินไปแล้ว”
หลินสวินประสานมือคารวะ ในใจราบเรียบ อันดับหนึ่งแดนมกุฎหรือ
มรรคาของเขา ไม่เคยกำจัดไว้เพียงเท่านี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว!
ยามเข้าใจความแข็งแกร่งของเหล่าเมธีในอดีต เข้าใจความนองเลือดของสงครามเก้าดินแดน เข้าใจว่านอกดินแดนรกรางโบราณยังมีทางเดินโบราณฟ้าดาราอันลึกลับ ทำให้เหล่าจักรพรรดิต่างมุ่งหน้าไปเสาะหาเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างไม่ขาดสาย
สายตาของหลินสวินได้เปลี่ยนไปตั้งนานแล้ว
เขารู้ มรรคาในภายภาคหน้ายังอีกยาวไกล
เขาในอดีต ก็เหมือนเป็นศัตรูกับทั่วโลก หากวันใดวันหนึ่งสามารถผงาดกร้าวเหนือใคร ไร้ศัตรูในโลก บางทีถึงจะเป็นเวลาที่ควรค่าแก่การภาคภูมิใจ
น้ำเสียงเพิ่งสิ้นสุดลง หลินสวินก็เดินออกไปนอกสนามประลองชั้นยอด
เหล่าผู้กล้าเงียบกริบ สบสายตากัน นี่คือการเคารพและยอมรับต่อศักยภาพของหลินสวินอย่างหนึ่ง
“พี่หลิน…”
ทันใดนั้นเซ่าเฮ่าก็เอ่ยปาก
หลินสวินชะงักเท้า หันศีรษะไปกล่าวว่า “มีอะไร”
เซ่าเฮ่ากล่าวยิ้มๆ “ข้าหวังว่าเมื่อสงครามเก้าดินแดนมาถึง จะได้วัดฝีมือกับพี่หลินอีกสักครั้ง!”
คำว่า ‘อีก’ พิสูจน์ให้เห็นว่าเซ่าเฮ่ายังติดใจที่ถูกหลินสวินชิงอันดับอยู่!
“ถ้ามีโอกาสย่อมสู้เป็นเพื่อนอยู่แล้ว”
หลินสวินยิ้มก่อนหมุนตัวเดินออกไปจากสนามประลอง
มองเห็นหลินสวินที่กำลังเดินเข้ามา พวกเจ้าคางคก อาหลู่ นกทมิฬต่างพากันตื่นเต้นหาใดเปรียบ
แดนมกุฎสิบปีมานี้ หลินสวินเริ่มจากผู้ฝึกปราณระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่ง ทะยานสู่อันดับหนึ่งในแดนมกุฎที่ทุกคนต่างยอมรับ!
หนำซ้ำชื่อเสียงสมคำล่ำลือ ไม่มีใครตั้งข้อสงสัย!
เรื่องนี้มีหรือจะไม่ทำให้พวกเขาตื่นเต้นและปลื้มใจ
“พี่ใหญ่!”
เจ้าคางคกพุ่งถลามาอย่างตื่นเต้น คิดจะโผกอดหลินสวินเต็มรักสักที กลับถูกอาหลู่คว้าตัวไว้ในหมับเดียว ร้องด่าทอว่า “นี่ใช่เวลาที่เจ้าจะร่วมแสดงความยินดีเสียที่ไหน”
เจ้าคางคกอึ้งงัน สายตามองไปทางจ้าวจิ่งเซวียนที่อยู่ข้างๆ
จ้าวจิ่งเซวียนในยามนี้ บนดวงหน้างดงามราวภาพวาดเต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใสแพรวพราว แม้แต่ดวงตาก็ยังยิ้มจนเป็นรูปจันทร์เสี้ยว
ไม่มีใครเข้าใจไปกว่านาง หลินสวินฝึกปราณจากจักรวรรดิในโลกชั้นล่างจนบัดนี้ กว่าจะมีความสำเร็จในวันนี้ได้ไม่ง่ายปานใด!
ก็เพราะเข้าใจ ถึงยิ่งตื่นเต้นและเบิกบานใจมากยิ่งขึ้น!
เมื่อมองดูหลินสวินที่สวมเสื้อผ้าเปื้อนเลือดเดินเข้าใกล้เรื่อยๆ จ้าวจิ่งเซวียนยิ่งอดไม่ไหว พุ่งไปโผกอดหลินสวิน นัยน์ตาสุกใสรื้นหยาดน้ำตา ขอบตาเริ่มแดงก่ำ
ไม่มีอะไรมากกว่านั้น แค่กอดแน่นๆ ทั้งอย่างนั้น
เจ้าคางคก อาหลู่ นกทมิฬต่างพากันฉีกยิ้ม.Aileen-novel.
หลินสวินอึ้งไปก่อนเป็นอย่างแรก ซึมซับกลิ่นหอมละมุนในอ้อมกอด ความรู้สึกทุกอย่างภายในใจ สุดท้ายกลายเป็นรอยยิ้มที่ริมฝีปาก
……
วันนี้การต่อสู้ในแดนยอดมรดกสิ้นสุดลง เหล่าผู้กล้าต่างทยอยจากไป
และในวันนั้นเอง ข่าวเกี่ยวกับอริยะนำพา เกี่ยวกับหลินสวินขึ้นเป็นที่หนึ่งในแดนมกุฎต่างก็เผยแพร่ไปทั่วแดนเก้าบนราวกับพายุกาฬวาต!
เสียงฮือฮา สั่นสะท้าน ประหลาดใจ ไม่อยากเชื่ออุบัติขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ราวกับหม้อที่เดือดปุดๆ
อันดับหนึ่งกระดานทองคำผู้กล้า!
ที่หนึ่งในแดนมกุฎ!
สองเส้นทางยิ่งใหญ่ล้วนตกอยู่ในครอบครองของเทพมารหลินแต่เพียงผู้เดียว เป็นเรื่องที่ทุกคนไม่อาจคาดคิดมาก่อนหน้านี้
และพร้อมกันนั้น เสียงตั้งข้อสงสัยก็เกิดขึ้นตามมาด้วย แต่ไม่นานก็จางหายไป
เพราะขนาดเหล่านายเหนือหัวแห่งยุคที่เข้าร่วมการแข่งขันชิงชัยในแดนยอดมรดกต่างก็ยอมรับแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีช่องว่างสำหรับข้อสงสัยเหล่านี้อีก!
นี่ก็คือชื่อเสียงสมคำล่ำลืออย่างแท้จริง
ส่วนองค์ชายเซ่าเฮ่า นายเหนือหัวแห่งยุคคนหนึ่งที่ถูกสายตาคนนับไม่ถ้วนจับจ้อง ภายใต้ชื่อเสียงบารมีของหลินสวิน ก็ดูหม่นแสงลงเล็กน้อยอย่างชัดเจน
แน่นอน นี่เป็นเพียงการเปรียบเทียบในแง่ชื่อเสียงเท่านั้น
ที่หนึ่ง สุดท้ายก็ต้องได้รับความสนใจมากกว่าที่สองอยู่แล้ว!
คนที่เฉิดฉายที่สุด ย่างเหยียบยอดมกุฎ แต่ไหนแต่ไรมาก็อาจจะ… และน่าจะมีได้แค่คนเดียวเท่านั้น!
เรื่องพวกนี้ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับหลินสวิน หลังจากย้อนกลับเขาฝนดาวตกพร้อมกับจ้าวจิ่งเซวียน และพวกเจ้าคางคก เขาก็เริ่มรักษาอาการบาดเจ็บ
เพราะอีกไม่ถึงหนึ่งเดือน แดนมกุฎก็จะปิดฉากลงแล้ว…
——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset