Carefree Path of Dreams – ตอนที่ 210

Chapter 210: ยึดครอง

 

ทุกสิ่งล้วนมีวิญญาณ!

 

บนเขามีเทพแห่งภูเขา มีภูติน้ําในแม่น้ํา

 

กระทั่งบนผืนดินสักแห่ง ท้องทะเลกว้างใหญ่ หรือกระทั่งโลกใบนี้ทุกอย่างล้วนมีวิญญาณข องตนเอง

 

ถึงอย่างนั้น จิตใจของวิญญาณเหล่านี้กลับเคลื่อนไหวเชื่องช้านักหนึ่งความคิดอาจจะใช้เวลานับพันปี!แต่พวกมันก็มีอยู่

 

ในเมื่อทุกสิ่งล้วนมีวิญญาณ พวกเราย่อมสามารถสื่อสารกับพวกเขาได้ด้วยการแฝงเข้าไปในความฝันของพวกเขา!

 

นี่อาจจะเป็นต้นกําเนิดของการฝึกตนเป็นจ้าวแห่งฝัน!

 

นี่ยังหมายความว่าค่ายกลนั้นตั้งขึ้นทับจิตวิญญาณแห่งค่ายกล!

 

แน่นอนว่า ในค่ายกลเล็ก ๆ จิตวิญญาณย่อมอ่อนแอเกินไปหรืออาจจะยังไม่สามารถพัฒนา

 

แต่ว่า เพียงแวบแรก เมื่อฟางหยวนมองนกหงเฟิงเขาก็ยืนยันได้ว่าค่ายกลนกเพลิงนั้นมีจิตวิญญาณที่เยี่ยมชีวิตชีวาอยู่!

 

หากจิตวิญญาณนี้เหมือนจิตวิญญาณของภูเขาสูงใหญ่หรือที่ในค่ายกลไร้ชีวิตฟางหยวนคงไม่สามารถแฝงเข้าไปในความฝันของพวกมันได้เพราะความสามารถของเขานั้นยังคงจํากัด

 

แต่ว่า จิตวิญญาณแข็งแกร่งของค่ายกลนี้เป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมให้ฟางหยวนโจมตี!

นี่คล้ายกับการที่เขาไม่สามารถเข้าสู่ความฝันของพืชธรรมดาได้แต่กลับเข้าสู่ความฝันของหญ้าวงเดือนและบุปผากงจักรได้!

 

“วังเวง!”

 

เพียงพริบตาเดียว นกหงเฟิงก็ตกอยู่ในสภาพนิ่งงันและทั้งค่ายกลก็หยุดลง!

 

วินาทีถัดมา ตามมาด้วยการสั่นของอุกกาบาต พลังไหลกลับเข้าไปในตัวนกหงเพิ่งราวกับมันเพิ่งตื่นขึ้นจากภวังค์

 

นี่เป็นช่วงเวลาที่ฟางหยวนรออยู่!

 

ค่ายกลนกเพลิงนี้มีจุดอ่อนอยู่ตั้งแต่ต้น มันถูกผลาญโดยธาตุอื่นอีกสามธาตุ และหลังจากสู้กับฟางหยวนเป็นระยะเวลานาน ฟางหยวนก็สามารถบอกวิถีการทํางานอันจํากัดของค่ายกลรวมทั้งความลึกลับของค่ายกลได้

 

นี่เป็นโอกาสของฟางหยวน!

 

“ไป!”

 

ฟางหยวนร่ายก้าวมายา หลังจากกระโดดไปบนจุดอ่อนหลายจุดของค่ายกล เขาก็กระโดดข้ามกําแพงไฟและไปถึงตรงหน้าเจ้าเมือง

 

“เจ้า”

 

สีหน้าของเจ้าเมืองทั้งโมโหทั้งตกใจ แค่เขาพูดออกมาคําเดียว ฟางหยวนก็คําราม “ตายซะ!”

 

มันคือคํารามหยุดฟ้า รุนแรงราวกับพายุ!

 

ในการตะโกนนี้ ฟางหยวนไม่เพียงใส่เคล็ดวิชาลับลงไป แต่ยังปนหมอกสะกดของจ้าวแห่งฝันลงไปด้วย!

 

เมื่อเผชิญกับของแบบนี้เข้า กระทั่งเจ้าเมืองที่เป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ยังนิ่งงันไป

 

“ฝูบ!”

 

นี่เป็นโอกาสทอง!

 

อู่จงนั้นว่องไวอย่างมากอยู่แล้ว อู่จงระดับเปิดชีพจรยิ่งไวมากกว่า!

 

เพียงไม่นาน เขาก็มาถึงตรงหน้าเจ้าเมืองและปล่อยหมัดออกไป

 

“โผละ!”

 

ก้อนน้ําก้อนหนึ่งปรากฏขึ้นและหมุนควงอยู่กลางอากาศพร้อมกับอักขระเวทย์ มันมีรอยบุบประหลาดเกิดขึ้นเมื่อรับหมัดแทนเจ้าเมือง

 

“สมบัติวิเศษเฉพาะกาล?”

 

ฟางหยวนหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ “ต่อให้เป็นของชิ้นนี้ก็ช่วยท่านไม่ได้! ปลดปล่อยสามชีพจรศักดิ์สิทธิ์!”

 

“ครก ครก!”

 

ชีพจรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามปรากฏขึ้นบนร่างของเขาและหายไปอย่างรวดเร็ว

 

ในเวลาเดียวกัน ก็มีเสียงดังปุจากหลังของเขา ราวกับลูกโซ่ เสียงนั่นดังต่อเนื่องกันมาและในที่สุดก็มาถึงหมัดของเขา นําเอาพลังอันมหาศาลมาพร้อมมันด้วย

 

“ไม่!”

 

ในที่สุด เจ้าเมืองก็ตระหนักได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เขาสั่งให้นกหงเพิ่งมาช่วยเขาทันที

 

แต่มันก็สายไปแล้ว

 

“วูบ!”

 

เสียงดังขึ้นจากก้อนน้ําที่แตกกระจายออก ทําให้หมัดของฟางหยวนผ่านมาได้ กระแทกเข้ากับร่างของเจ้าเมือง

 

อย่างไรเขาก็เป็นจ้าวแห่งกลไก! ไม่ใช่อู่จง!

 

ผลการต่อสู้ตัดสินในวินาทีนี้ที่เขาปล่อยให้อู่จงขอบเขตเปิดชีพจรเข้าใกล้เขาได้!

 

แม้ว่าเจ้าเมืองจะสวมเกราะเอาไว้ชั้นในและยังมีเครื่องรางที่ส่องประกายแสงแห่งเวทย์ ทั้งหมดล้วนไร้ประโยชน์

 

พร้อมกับเสียงคํารามเกรี้ยวกราด ฟางหยวนระเบิดความแข็งแกร่งออกมา เพียงเสี้ยววินาทีเขาก็ผลักดันตัวเองไปจนถึงขีดจํากัด

 

หมัดนี้ทะลวงผ่านเสื้อผ้าของเจ้าเมืองและกระแทกเข้ากับเกราะด้านในเกิดเป็นรอบยุบขนาดใหญ่

 

ในเวลาเดียวกัน ก็มีการสั่นรุนแรงสัมผัสได้ผ่านเกราะด้านในและระเบิดอยู่ภายในร่างของเจ้าเมือง

 

“หม…”

 

มงกุฏบนศีรษะของเจ้าเมืองระเบิดออก เส้นผมของเขาสยายปลิว ดวงตา จมูก และหู มีเลือดไหลออกมา เมื่อเขาเปิดปากขึ้น ก็มีอวัยวะภายในบางส่วนทะลักออกมา

 

ไม่มีทางที่จะแกล้งตายได้เหมือนเช่นนี้ เขาตายโดยไร้ความหวังจะช่วยชีวิตไว้ได้

 

“เอ๋?”

 

ฟางหยวนตรวจพบพลังธาตุซ่อนอยู่ในร่างของเจ้าเมือง

 

“ดวงวิญญาณของเขา? ดวงจิต? หรือว่าความเสียใจ?”

 

เขายิ้มขณะที่พลังเวทย์ของเขาระเบิดออกราวกับพระอาทิตย์สว่างจ้าแผดเผา

 

“ซี่! ซี่!”

 

ทันใดนั้น ก็มีควันสีดําเริ่มลอยออกมาจากศพพร้อมกับเสียงครูดบาดหู ในที่สุด ใบหน้าอันเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองของเจ้าเมืองก็ระเบิดออก

 

“การทําลายทั้งร่างและวิญญาณของท่านทิ้งไปย่อมหมายถึงการตายที่แท้จริงของท่านถ้าท่านยังสามารถกลับมามีชีวิตได้ ข้าก็ต้องนับถือยิ่งแล้ว!”

 

ฟางหยวนถอนหายใจและมองไปที่ค่ายกลนกเพลิง

 

แม้ว่าเจ้าเมืองจะตายไปแล้ว นกหงเพิ่งก็ยังเป็นปัญหาใหญ่สําหรับเขา

 

“แก๊วก! แก๊วก!”

 

เมื่อสูญเสียเจ้าของไป นกหงเฟิงก็ดูสงบลงและไม่ดุร้ายเหมือนก่อนหน้าอีกต่อไป ตรงกันข้ามมันเดินไปมาอย่างเกียจคร้านและจิกขนตัวเองเป็นครั้งคราว

 

กริยาทั้งหมดของมันนั้นดูเหมือนนกที่มีชีวิตจริง ๆ เลย และไม่มีใครที่จะโยงมันเข้ากับค่ายกลสิ้นพลังนั่นได้

 

“เคล็ดค่ายกลช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ!”

 

ฟางหยวนชื่นชมขณะเดินเข้าไป ลูบขนบนตัวมัน

 

“แกวัก! แกึก!”

 

เสาเพลิงต้นหนึ่งปรากฏขึ้นและเริ่มเผาผลาญพลังธาตุบนมือของฟางหยวน

 

ฟางหยวนกระโดดหลบออกมาและโบกมือขณะชีพจรศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้น เขาดับไฟนั่นทิ้งและซ่อมเกราะของตัวเองอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อเห็นว่าไม่มีอันตรายแล้ว ขนของมันก็สู่ลงราวกับกลับมาเป็นนกที่แสนอิสระ

 

“เมื่อไม่มีผู้ควบคุมค่ายกล ค่ายกลนกเพลิงนี้ก็ยอดเยี่ยมมากพอแล้ว มันสามารถรักษาสมดุลได้ด้วยตัวเองและปกป้องตัวเองจากอันตรายภายนอก!”

 

ฟางหยวนคิดอย่างใจลอย

 

ตามพื้นฐานความเข้าใจเรื่องค่ายกลของเขา รวมทั้งประสบการณ์ที่เขาเพิ่งได้รับ เขาก็ได้คําตอบที่ไม่น่าเป็นไปได้

 

“แฝงฝัน!”

 

เผชิญหน้ากับค่ายกลเวทย์ เขาเรียกใช้เคล็ดแฝงฝันอีกครั้ง

 

หมอกสะกดนั้นเป็นพื้นฐานของจ้าวแห่งฝันทั้งปวง มันไม่สามารถทําร้ายผู้ใช้ได้ แต่กลับให้ผลสงบใจต่อผู้ใช้

 

นกหงเฟิงไม่ได้มีท่าที่ใด แต่ว่า ด้วยพลังของมัน มันก็ยังมีนงงไปและปรับตัวได้อย่างรวดเร็วขณะที่จิตใจปัดป้องสิ่งรุกรานออกไป

 

“อีกครั้ง!”

 

ดวงตาของฟางหยวนเป็นประกายขณะเขาพยายามใช้เคล็ดวิชาอีกครั้ง

 

ในไม่ช้าความฝันอันแสนสั้นก็ปรากฏขึ้น และตอนที่เขาเข้าไปรับบทนกหงเพิ่ง เขาก็เห็นการสร้างเมืองซิงลัวและความพยายามของเหล่าบรรพบุรุษ

 

“แกรัก! แกวก!”

 

เวลาผ่านไป นกหงเพิ่งสยายปีกของมันออกแล้วก็หลับลึกไปอย่างนุ่มนวล

 

ฟางหยวนเดินเข้าไปและดึงเอาอุกกาบาตออกอย่างเบามือ

 

“ฝูบ!

 

อุกกาบาต ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานนั้นตกอยู่ในมือฟางหยวนแล้ว

 

“หืม…”

 

ความคิดแรกของฟางหยวนก็คืออุกกาบาตชิ้นนี้หนักมาก!

 

หนักอย่างที่สุด!

 

หลังจากมันหยุดเปล่งประกาย อุกกาบาตก็มีขนาดเพียงกําปั้นเดียวเท่านั้น แต่มันหนักหลายพันชั่ง!

 

ถ้าไม่ใช่เพราะฟางหยวนมีร่างกายที่แข็งแกร่ง เขาก็ไม่สามารถยกมันขึ้นมาได้

 

“พลังทั้งหมดอยู่ในอุกกาบาตชิ้นนี้ มันมีพลังมหาศาล แต่หลังจากมีผู้นําที่ล้มเหลวหลายรุ่นพลังงานส่วนมากของมันก็ถูกใช้ไปจนเกือบหมด นี่เป็นเหตุผลให้เจ้าเมืองต้องใช้เลือดเพื่อให้มันมีพลังต่อไป”

 

ฟางหยวนมองอุกกาบาตในมือ

 

ที่ด้านหนึ่งของมันนั้นดูมีประกาย มีรอยประทับเลือดซึ่งดูชั่วร้าย

 

“ของชิ้นนี้ ถูกทําเป็นอาวุธเวทย์…”

 

ฟางหยวนสงสัย “นอกจากนี้ ของชิ้นนี้ยังไม่มีเจ้าของ ด้วยค่ายกลเวทย์สี่ธาตุ ข้าสา มารถครอบครองมันได้!”

 

เห็นได้ชัดเจนว่าเจ้าของอุกกาบาตนี้ก่อนหน้าคงเป็นเจ้าเมืองซิงถั่วแล้ว!

การตายของเขาย่อมหมายความว่าตอนนี้อุกกาบาตนี้ไม่มีเจ้าของ

 

ที่สําคัญกว่านั้น ผ่านการแฝงฝัน ฟางหยวนนั้นเข้าใจค่ายกลเวทย์สี่ธาตุได้ลึกซึ้งมากขึ้นถึงระดับที่เขาน่าจะเป็นคนที่เข้าใจมันมากที่สุดในเมืองนี้

 

นอกจากนี้ ปริมาณของพลังธาตุที่เขามีนั้นเป็นหลายเท่าของอู่จงและนักรบศักดิ์สิทธิ์ทั่วไป

 

ด้วยการปล่อยพลังออกมาอย่างง่าย ๆ อุกกาบาตก็ไม่ต่อต้านพลังของเขาที่ทําสัญ ลักษณ์ลงไปบนตัวมัน

 

“งั้น…. ตอนนี้ข้าก็สามารถควบคุมเหนือค่ายกลเวทย์สุธาตุได้อย่างสมบูรณ์แล้ว?”

 

ฟางหยวนมองอุกกาบาต ไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

 

“แกว๊ก! แกว๊ก!”

 

นกหงเพิ่งตื่นแล้วและมองมาที่เขาอย่างสงบ

 

“กลับไปซะ! ทําลายผนึกรอบ ๆ นี่และปกป้องเมืองต่อไป!”

 

เขาใช้เจตจํานงเวทย์สั่งการนกหงเพิ่ง

 

“แกึก! แกึก!”

 

นกหงเพิ่งกรีดร้องเสียงยาวขณะเปลี่ยนกลับไปเป็นลูกไฟ ไม่ช้า มันก็หายเข้าไปในผืนดิน

 

“ฝูบ!”

 

ในจัตุรัส เมื่อผนึกถูกเอาออก กําแพงเมืองที่พังเสียหายก็ปรากฏขึ้นแก่สายตา

 

“ท่านเจ้าเมือง เหตุใดจึงรู่วามใช้พลังจากอุกกาบาตเล่า? ท่านไม่รู้หรือว่านี้จะนําไปสู่… แค่ก…”

 

เมื่อผนึกถูกเอาออก ชายหัวโล้นคนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาอย่างอดรนทนไม่ไหวและออกปากต่อว่า

 

เห็นฟางหยวนแล้วเขาก็ตกใจสีหน้าไม่อยากเชื่อ “เป็นท่าน?!”

 

“ใช่แล้ว เป็นข้า! ท่านไม่พอใจหรือ?”

 

ฟางหยวนพูดแหย่เขาขณะโยนอุกกาบาตขึ้นไปกลางอากาศ

 

เห็นเขาเล่นกับอุกกาบาต พระคุณเจ้าคงหมิงก็หน้าซีด ทันใดนั้น เขาก็ดูทั้งหวาดกลัว ละโมบเศร้าใจ… ทุกความรู้สึกแวบผ่านใบหน้าเขาไป

 

“ข้าคือคงหมิง คารวะท่านเจ้าเมือง!”

 

หลังจากสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปมานับครั้งไม่ถ้วน เขาก็กัดฟัน และคุกเข่าลงอย่างไม่เต็มใจนัก

 

“เจ้าเมือง?”

 

ฟางหยวนไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องให้ดี

 

“ไม่ว่าจะเป็นใคร หากครอบครองอุกกาบาตและควบคุมค่ายกลปกป้องย่อมมีสิทธิ์อย่างถูกต้องที่จะเป็นเจ้าผู้ครองเมืองซิงลัว!”

 

คงหมิงตอบโดยไม่ลังเล

 

เขาเป็นคนฉลาด เห็นฟางหยวนครอบครองอุกกาบาต เขาก็รู้ว่าชีวิตของทุกคนในเมืองนี้อยู่ในมือเขาแล้ว

 

เกรงว่าฟางหยวนจะหนีไปและเอาอุกกาบาตไปด้วย เขาจึงรีบมอบหมายตําแหน่งเจ้าเมืองให้หวังว่าด้วยอํานาจเช่นนี้และความรับผิดชอบ เขาจะสามารถโน้มน้าวผู้มีความสามารถผู้นี้ให้อยู่ที่นี่ได้

 

ทําไมจึงไม่แย่งชิงกลับมา?

 

กระทั่งเจ้าเมืองผู้เก่งกาจที่ควบคุมเหนือค่ายกลเวทย์สี่ธาตุและยังทรัพยากรอื่น ๆ ยังไม่สามารถต่อสู้กับเขาได้ แล้วเขาจะกล้าลองได้อย่างไร?

 

“ท่านเป็นคนฉลาดจริง ๆ!”

 

ฟางหยวนพยักหน้า “แต่ว่า…. แล้วเรื่องที่ท่านโกหกขาเล่า…”

 

“ข้าไร้สามารถและไม่รู้ว่าท่านมีความสามารถสูงส่งเพียงนี้ ข้าจะควักตาตัวเองเดี๋ยวนี้!”

 

ด้วยใบหน้ามุ่งมั่น คงหมิงควักลูกตาตัวเอง เลือดสีแดงเข้มไหลออกมา

 

เพื่อจ่ายค่าชดใช้ที่โกหกฟางหยวน เขาทําให้ตัวเองตาบอด

 

“ดีมาก!”

 

ฟางหยวนพยักหน้า ด้วยการโยนอีกครั้ง อุกกาบาตก็กลายเป็นประกายแสงฝังลงใต้พื้นดิน

 

บนกําแพงเมือง มีแสงส่องสว่างขึ้นขับไล่สัตว์ร้ายทุ่งน้ําแข็งออกไป นํามาซึ่งเสียงยินดีจากด้านในกําแพงเมือง

 

“ขอบคุณ ท่านเจ้าเมือง!”

 

พระคุณเจ้าคงหมิงประสานมือเข้าด้วยกันเผยสีหน้าสงบเยือกเย็น

 

Carefree Path of Dreams

Carefree Path of Dreams

CPoD, 逍遥梦路
Score 7.4
Status: Ongoing Type: Author: , , Artist: Released: 2017 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Carefree Path of Dreamsนี่เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มที่ใช้ชีวิตสันโดษอยู่บนภูเขา ปลูกพืช เลี้ยงปลา และฝันถึงความฝันของเขา เอ๋? จู่ ๆ ข้าก็ออกไปพิชิตทั่วหล้าและกลายเป็นผู้ครองโลกเหรอ? หรือว่าข้ายังอยู่ในความฝันกันแน่?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset