Carefree Path of Dreams – ตอนที่ 211

Chapter 211: หลังการต่อสู้

 

“ในที่สุดก็จบแล้ว?”

 

ภายใต้ซากปรักหักพัง อวี่เงี่ยนคลานออกมา เขายังอึ้งอยู่เมื่อเห็นเพลิงแผดเผาและเลือดอยู่ทั่วทุกแห่ง

 

“ใช่ มันจบแล้ว!”

 

ในที่สุดหลีหูก็ปล่อยมือจากมีดของตัวเอง มองกําแพงเมืองที่ส่องประกายเขาเผยสีหน้าไม่อยากเชื่อ“ใครจะรู้ว่ากระทั่งเมืองซิงลั่วเองก็ประสบกับเรื่องเช่นนี้!”

 

“ข้าได้ยินจากนายท่านผู้นั้น…”

 

ดวงตาของอวี่เงี่ยนเป็นประกาย “ความแข็งแกร่งของประเทศไม่ได้ตัดสินด้วยตําแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์แต่ด้วยหัวใจของผู้คน!”

 

“หัวใจของผู้คน?”

 

หลีหูมองเศษซากแห่งความวุ่นวายและใจลอยคิดไป

 

“ถูกต้อง ข้าอยากกลับแล้ว!”

 

หลีหูกําหมัดแน่น “ข้าอยากจะเปลี่ยนหมู่บ้านของเราให้แข็งแกร่งที่สุดเพื่อให้กระทั่งสัตว์ร้ายแห่งทุ่งน้ําแข็งก็ไม่กล้าโจมตีพวกเรา! ข้าต้องการทําให้หมู่บ้านของเรากลายเป็นเมืองซิงลัวที่สอง!”

 

ชายหนุ่มผู้นี้ ไม่รู้เพราะเหตุใด เขาได้ล้มเลิกแผนการที่จะย้ายมาอยู่เมืองซิงถั่วและตั้งเป้า หมายใหม่ให้แก่ตัวเอง

 

“อืม… นั่นดีมาก แต่ก่อนหน้านั้น”

 

หลีหูไม่รู้สึกเป็นปกติแต่อย่างใด “พวกเราควรจะรักษาอาการบาดเจ็บก่อนที่จะไปรวมตัวกับคนในหมู่บ้านอื่น ๆ ใช่หรือไม่?”

 

“เอ๋?”

 

ถึงตอนนี้ อวีเจียนถึงได้รู้สึกว่าตัวเองมีแผลเปิดใหญ่ที่ขา ลึกจนมองเห็นกระดูก เขาล้มตัวไปบนพื้นและร้องไห้ออกมาอย่างช่วยไม่ได้

 

“งั้นนี่ก็คือคฤหาสน์เจ้าเมือง?”

 

ในเวลาเดียวกัน ฟางหยวนไพล่มือไว้ด้านหลังเหมือนเป็นเจ้าของขณะมองที่ดินผืนใหญ่พร้อมสิ่งก่อสร้าง

 

“ถูกต้องแล้ว…”

 

ที่ด้านข้างเขา คงหมิงผู้ตาบอดเดินนําเขาไปอย่างนอบน้อมราวกับเป็นคนรับใช้ผู้หนึ่ง

 

“เท่าที่ข้ารู้มา นี่เป็นสถานที่เก็บรักษาขุมทรัพย์ทั้งหมดของเจ้าเมืองคนก่อน ๆ!”

 

“โอ้? และตอนนี้ทั้งหมดก็เป็นของข้าแล้ว!”

 

ฟางหยวนหัวเราะดีใจ “ท่านคิดว่าข้าควรจะยึดอํานาจทั้งหมดของเจ้าเมืองคนก่อนมาทันทีที่ทําได้ไหม?”

 

พระคุณเจ้าคงหมิงคิด “เจ้าเมืองคนก่อนมีอู่จงสองคนเป็นผู้ช่วยข้างตัวแต่ว่าทั้งสองคนก็ตายไปแล้วตอนนี้จ้าวแห่งกลไกที่เก่งกาจนอกเหนือจากเขาก็เหลือข้าเพียงผู้เดียว และข้าสามารถโน้มน้าวศิษย์วิญญาณอื่น ๆ ให้ท่านได้ ดังนั้น สิ่งเดียวที่ท่านต้องทําก็คือเรียกเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเมืองมาและแสดงความสามารถของท่าน ไม่ช้าท่านก็สามารถควบคุมพวกเขาได้ด้วยความหวาดกลัว!”

 

“ข้าเข้าใจแล้ว!”

 

ฟางหยวนมองไปรอบ ๆมีทหารทํากําลังตื่นตระหนกหลายคนอยู่รอบๆตัวเขา

 

“แต่ว่า ข้ามีวิธีที่ตรงไปตรงมามากกว่า!”

 

ด้วยการโบกมือเพียงครั้ง คฤหาสน์เจ้าเมืองก็สั่นสะเทือน

 

“โฮก! โฮก!”

 

“อ้าววว!”

 

มังกรเขียว เสือขาว และเต่าดําปรากฏขึ้นที่สามมุมของคฤหาสน์

 

แม้ว่าพวกมันจะไม่นับเป็นกระไรเลยในสายตาฟางหยวนพวกมันก็ยังเหมือนเป็นเทพเจ้าสําหรับคนในเมืองเป็นการยืนยันอํานาจ!

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

“นี่มัน.. ค่ายกลเวทย์สามธาตุ?”

 

“ไม่ใช่ว่าท่านเจ้าเมืองออกไปจัดการกับอู่จงผู้นั้น? ทําไมเขาถึงอยู่มาล้อมรอบคฤหาสน์นี่ล่ะ?”

 

เกิดความวุ่นวายมากเกินไปและผู้ฝึกยุทธ์มากมายก็พุ่งเข้ามาในคฤหาสน์ทั้งหมดล้วนอยู่ที่ระดับสูงสุดของประตูทองที่ 12 และยังเป็นศิษย์วิญญาณของจ้าวแห่งกลไก เห็นฟางหยวนเป็นผู้ควบคุมค่ายกลสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป “ทําไมถึงเป็นเจ้า? ท่านเจ้าเมืองอยู่ที่ไหน?”

 

“เจ้าเมือง?”

 

ฟางหยวนยิ้ม “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าคือเจ้าเมือง! ผู้ตามข้าอยู่ใครขวางข้าตาย! คุกเข่าให้ข้า!”

 

“บ้าไปแล้ว!”

 

“เจ้าเสียสติไปแล้ว!”

 

“คนผู้นี้ถูกสิงแล้ว!”

 

“แต่ทําไมพระคุณเจ้าคงหมิงถึงอยู่กับเขาเล่า

 

บ้าเอ๊ย พวกเราต้องคุกเข่าจริง ๆ !”

 

ขณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงมองหน้ากันไปมา ไม่มีใครรู้สึกดีในเรื่องนี้

 

ผู้ที่มีตําแหน่งไม่สําคัญหลายคนที่ด้านข้างอึ้งไปและรีบกล่าวขออภัย

 

“โฮก!”

 

มังกรเขียวสะบัดหาง ผู้ฝึกยุทธ์ประตูทองที่ 12 ปลิวไปหากําแพงและกลายเป็นกองเลื อดเนื้อกองหนึ่ง

 

“โฮก! โฮก!”

 

ที่อีกด้านของคฤหาสน์ เสือขาวคํารามขณะตวัดกรงเล็บกรงเล็บของมันกรีดผ่านผู้ฝึกยุทธ์ที่มีท่าที่จะวิ่งหนี

 

“อย่าฆ่าข้า อย่าฆ่าข้า!”

 

ผู้ฝึกยุทธ์หญิงผู้หนึ่งคุกเข่าลง “ข้ายินยอมติดตามท่านแล้ว!”

 

เมื่อมีคนแรก หลายคนก็โค้งกายลงคารวะตาม

 

หลังจากนั้น

 

ในห้องหนังสือ พระคุณเจ้าคงหมิงถอนหายใจเบา ๆ

 

“เกิดอะไรขึ้น? ท่านคิดว่าข้าทําเกินไปใช่หรือไม่?”

 

ฟางหยวนพลิกตํารายุทธ์ผ่าน ๆ ในนั้นเป็นบันทึกของผนึกมังกรพยัคฆ์” เขาเงยหน้าขึ้นยิ้ม 

 

“วิธีการของท่านตรงไปตรงมาและยังก่อให้เกิดความกลัวในตัวพวกเขาทั้งหมด แน่นอนว่ามัน ได้ผล! แต่ว่า มันค่อนข้างสุดโต่งและยากที่ท่านจะเอาชนะใจพวกเขาในการปกครองเมืองอย่างเหมาะสมในอนาคต”

 

พระคุณเจ้าคงหมิงเตือนเขา ราวกับคิดเพื่อประโยชน์ของฟางหยวนอย่างแท้จริง

 

“ข้าเข้าใจความแตกต่างของการใช้ไม้อ่อนและไม้แข็งดี”

 

ฟางหยวนเปิดหน้าต่างและมองไปที่ด้านนอก

 

หากเขาเอื้อมมือออกไป ทั้งเมืองก็กลายเป็นของเขา

 

แต่เมืองนี้จะเทียบกับประเทศโยวได้อย่างไร?

 

เขาสามารถปล่อยวางทั้งประเทศโยวได้ แล้วเหตุใดเขาจึงจะมายอมทิ้งความฝันและความทะเยอทะยานทั้งหมดเพียงแค่เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้?

 

“คนธรรมดาจะเข้าใจความทะเยอทะยานของผู้สูงศักดิ์ได้อย่างไร…”

 

เขาส่ายหน้าและพูดต่อ “พวกเราจะเข้าไปดูขุมสมบัตินั้นที่หลัง!”

 

“ตกลง นายท่าน!”

 

พระคุณเจ้าคงหมิงกัดริมฝีปากและเดินออกไปอย่างไม่ยินยอมนัก

 

เมื่อฟางหยวนอยู่คนเดียวในห้องหนังสือ ก็มีประกายแสงเกิดขึ้นบนมือของเขาและตําราโบราณหลายเล็บก็อันตรธานไป

 

“อืม… มีวิชายุทธ์ดี ๆ อยู่ในนี้หลายเล่ม อย่าลืมม้วนคัมภีร์ที่เป็นเคล็ดการร่ายค่ายกล จากทั้งหมดนี้ ข้าสามารถฝึกตนเป็นจ้าวแห่งกลไกได้ด้วยตนเอง แล้วก็ ที่สําคัญที่สุดก็คือแผ่นที่เหล่านี้พวกมันจะทําให้ข้าค้นหาเส้นทางสู่อาณาจักรต้าเฉียนที่เหลือได้”

 

หลังจากเก็บเกี่ยวจากในห้องหนังสือ ฟางหยวนก็ไปถึงขุมสมบัติของเจ้าเมือง

 

นี่เป็นเกือบครึ่งหนึ่งของสมบัติที่ครั้งหนึ่งเจ้าเมืองเคยมี

 

แต่ว่า มันน่าเสียดายนักที่ฟางหยวนไม่ได้รู้สึกชื่นชอบสมบัติส่วนมาก

 

“เอ๋?”

 

ที่มุมหนึ่ง เขาก็พบเรื่องประหลาดใจเล็ก ๆ

 

“นี่มัน… แก้วพลังธาตุ?”

 

มันมีขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือและยังใสกระจ่าง การค้นพบนี้ทําให้ฟางหยวนยินดีมาก

 

นี่เป็นสมบัติที่ใช้กันเป็นปกติในยุทธภพของอาณาจักรต้าเฉียน มันมีความสามารถในการทดแทนพลังธาตุของอู่จงหรือนักรบศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างรวดเร็ว และยังสามารถเป็นแหล่งพลังของค่ายกลหรืออาวุธเวทย์ ดังนั้น มันจึงเป็นที่ต้องการมาก

 

“แม้ว่าคุณภาพจะแค่ระดับกลาง ๆ และนับเป็นแก้วพลังธาตุระดับต่ํา เรื่องดีก็คือมีอยู่เป็นจํานวนมากจํานวนหลายพันเม็ดนี้นับเป็นสมบัติขุมหนึ่งเลยถ้าข้าจําไม่ผิดในความทรงจําของหยางฟานเอามันไปทั้งหมดเลยแล้วกัน!”

 

เพราะมีไข่มุกภูผานที่อยู่ในมือ ฟางหยวนจึงเก็บทุกอย่างที่นี่ไป

 

“ต่อให้เป็นแค่ขยะ มันก็ยังมีคุณค่าของมัน อย่างไรข้าก็มีพื้นที่อันไร้จํากัดในไข่มุกภูผานที่และข้าก็สามารถนําทุกอย่างไปกับข้าได้”

 

เมื่อพระคุณเจ้าคงหมิงกลับมา เขาก็อึ้งไป กระทั่งขอทานยังร้องไห้เมื่อเข้าไปในห้องสมบัติตอนนี้

 

“ท่านเจ้าเมือง ท่าน…”

 

แม้ว่าเขาจะตาบอด เขาก็ยังมีสัมผัสเวทย์อันแรงกล้าและรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น “ท่านคงทําเช่นนี้ไม่ได้หากไม่มีของวิเศษที่ใช้เก็บของได้ ถูกหรือไม่?”

 

“ถูกต้อง!”

 

ฟางหยวนพอใจ พร้อมกับสีหน้าซุกซน เขาพูดต่อ “ในนามของเจ้าเมืองซิงลั่ว ตอนนี้ข้าขอออกคําสั่งแรก!”

 

“นายท่าน!”

 

คงหมิงเปลี่ยนเป็นจริงจังขณะคารวะลง

 

“อืม ข้าจะแต่งตั้งเจ้าเป็นเจ้าเมือง เมื่อข้าไม่อยู่ เจ้าสามารถจัดการทุกอย่างในเมืองซิงลัวได้เลย!”

 

เพียงแค่โบกมือ ก็มีประกายแสงผุดขึ้นจากพื้น อุกกาบาตปรากฏขึ้น และมีพลังเวทย์ของคงหมิงตีตราเอาไว้แล้วด้วย

 

ที่จริงแล้วนี่คือการให้สิทธิเขาในการจัดการกับค่ายกลเวทย์สี่ธาตุ

 

“อะไรนะ? ท่านจะจากไป?”

 

คงหมิงนั้นเดาเอาไว้แล้วตั้งแต่แรกและเพิ่งยืนยันมันได้ในตอนนี้

 

ฟางหยวนไม่สนใจเรื่องสภาพของเมืองและกําลังจะจากไป!

 

แต่ว่า เขาไม่ได้เอาอุกกาบาตไปด้วย และนี่คือสัญญาณที่เขามอบโอกาสการมีชีวิตอยู่ต่อไปให้กับทุกคนที่อาศัยในเมือง

 

“อย่างไรเมืองซิงลั่วก็ไม่สามารถเติมเต็มความทะเยอทะยานของข้าได้!”

 

ฟางหยวนโบกมือแล้วจากไปโดยไม่ลังเล

 

“เอ๋ ”

 

กระบอกตากลวงเปล่าของคงหมิงหันไปทางฟางหยวนที่จากไปและถอนหายใจ

 

น่าอิจฉาที่เห็นว่าฟางหยวนไม่หวั่นไหวไปกับสิ่งยั่วยวนภายนอก

 

มันคงน่าเสียดายที่เขาเป็นนักบวชผู้หนึ่งและดังนั้นจึงไม่สามารถเอื้อมถึงระดับที่ฟางหยวนอยู่

 

หากนรกไม่ว่างเปล่า เขาย่อมไม่สามารถเป็นเทพได้โดยสงบสุข!นี่ไม่ใช่เพียงคําสาบานแต่ยังเป็นวิธีทางการดําเนินชีวิตของเขา!

 

นอกเมืองซิงลัว

 

ฟางหยวนเปิดแผนที่ชิ้นหนึ่งออก

 

นี่มาจากชุดสะสมส่วนตัวของเจ้าเมืองคนเก่าและมีรายละเอียดมากกว่าแผนที่ที่เขามอบให้ฟางหยวนเมื่อก่อนหน้านี้

 

“การจะไปให้ถึงต้าเฉียน ข้าต้องเดินทางผ่านอันตรายทั้งสิบสามในอันตรายทั้งสิบสามนี้มีเพียงสามที่ที่ผู้คนสามารถอาศัยอยู่ได้สถานที่พวกนั้นมีทะเลสาบของตนเอง นั่นก็คือทะเลทรายรกร้างประตูมรณะและนรกพันปีศาจ…”

 

ฟางหยวนส่ายหน้า

 

บรรพบุรุษของเจ้าเมืองคนเก่าและพระคุณเจ้าคงหมิงนั้นเป็นผู้อพยพที่ออกมาตั้งรกรากไกลจากอาณาจักรต้าเฉียนที่สุดพวกเขามีเพียงช่องเขาน้ําแข็งที่ขวางเอาไว้จากแผ่นดินทางใต้แต่ทว่ากลับอยู่ห่างจากต้าเฉียนนับหลายพันลี้

 

“ตราบใดที่ข้ารู้ทิศทางที่จะมุ่งหน้าไป มันก็ไม่เป็นไรแล้ว!”

 

ฟางหยวนนั้นมั่นใจมาก

 

เขาผ่านช่องเขาน้ําแข็งที่ยากลําบากมากได้ ในเมื่อบรรพบุรุษของเมืองซิงลั่วยังผ่านอันตรายทั้งสิบสามมาได้ เขาย่อมไม่มีปัญหาที่จะทําเช่นเดียวกัน

 

“ไปได้แล้ว!”

 

มองเมืองซิงลั่วเป็นครั้งสุดท้าย ฟางหยวนก็หันหลังกลับแล้วจากมา

 

ที่ประตู

 

อรี่เจี้ยนและหลีหูนั้นขนสินค้าออกจากเมือง ด้วยสีหน้าหดหูพวกเขาออกจากเมืองอย่า งเชื่องช้า

 

แม้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากผู้มีพระคุณที่ไม่ออกนามซึ่งช่วยพวกเขาขายสินค้าและกระทั่งได้รับค่าชดเชยกองใหญ่คนในหมู่บ้านก็ยังตายตกอย่างน่าสมเพชจากหายนะที่เกิดขึ้นกับเมือง

 

ด้วยความรับผิดชอบกลุ่มของชาวหมู่บ้านทําได้เพียงเก็บศพของพวกเขาเอาไว้อย่างดีไม่มีใครอยู่ในอารมณ์ที่จะแก้แค้นและทั้งขบวนเดินทางกลับก็เงียบงัน

 

“อ้า… ทั้งหมดนี้คือโชคชะตา!”

 

หลีหูถอนหายใจ “ไปกันเถอะ! ถึงพวกเราจะตายตกไปแต่พวกเราก็จะยังแบ่งส่วนแบ่งและกําไรให้กับครอบครัวของพวกเขาด้วย!”

 

ชาวบ้านคนอื่น ๆ นั้นก็เป็นความหวังของบ้านที่จะได้รับส่วนแบ่งหากประสบเหตุโชคร้าย ดังนั้น พวกเขาทั้งหมดจึงยอมรับได้และมองหลีหูอย่างนับถือ

 

ในฐานะผู้นํา หลีหูนั้นเติบโตขึ้น มองอวีเจียนแล้วเขาก็พูด “ไปกันเถอะเลิกอ่านหนังสือนั้นได้แล้ว ”

 

“โอ้ ได้เลย!”

 

จากเรื่องทั้งหมด อวี่เงี่ยนเองก็เติบโตขึ้น ปิดหนังสือมือเขายังสั่นอยู่“ข้ามาแล้ว!”

 

ในใจเขา เขายังคงตกใจอยู่ “ตําราวิชายุทธ์!นี่ดียิ่งกว่าเล่มที่อยู่ในหมู่บ้าน!เป็นสมบัติที่พบในยามคับขันจริง ๆ

 

มองเมืองซิงลั่วเป็นครั้งสุดท้าย เขาก็มีความรู้สึกผสมปนเป “เมืองซิงลั่ว ข้าจะกลับมา!”

 

Carefree Path of Dreams

Carefree Path of Dreams

CPoD, 逍遥梦路
Score 7.4
Status: Ongoing Type: Author: , , Artist: Released: 2017 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Carefree Path of Dreamsนี่เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มที่ใช้ชีวิตสันโดษอยู่บนภูเขา ปลูกพืช เลี้ยงปลา และฝันถึงความฝันของเขา เอ๋? จู่ ๆ ข้าก็ออกไปพิชิตทั่วหล้าและกลายเป็นผู้ครองโลกเหรอ? หรือว่าข้ายังอยู่ในความฝันกันแน่?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset