Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ – ตอนที่ 1016: จอมยุทธที่น่าตกตะลึง

ตอนที่ 1016: จอมยุทธที่น่าตกตะลึง ผนึกที่พิเศษมากได้ปิดเส้นทางระหว่างโลกเซียนที่ถูกทอดทิ้งละทวีปเทียนหยวนเอาไว้ แสงไฟขนาดเท่าแขนเกินออกมาจากผนึก แสงตัดผ่านกันและอยู่ที่พื้นอย่างเงียบเงียบเหมือนใยแมงมุม มันแสดงพลังแห่งการมีอยู่ที่ลึกซึ้งออกมา ผนึกนั้นเต็มไปด้วยพลังงานดั้งเดิม รูสีดำสนิทใหญ่อยู่ที่ใต้ผนึก มันกว้างหลายพันเมตรและสีดำสนิทด้านในและไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย มันเหมือนประตูไปสู่นรก และให้ความรู้สึกขนหัวลุก ในตอนนี้เอง มิติที่อยู่ในหลุมก็เริ่มปั่นป่วนอย่างรุนแรง สายพลังของปราณดาบที่ทรงพลังมากผ่านชั้นแห่งความมืดมิดและปรากฎออกมา มันโจมตีไปที่ผนึกด้วยความเร็วแสง บู้ม ผนึกสั่นไหวอย่างรุนแรงหลังจากที่ปราณดาบใหญ่โจมตีโดนมัน คลื่นพลังงานที่เหลืออยู่ที่รุนแรงสั่นไหวไปทั่วใต้ดิน และมันยังผลกระทบกับเมืองทหารรับจ้างด้านบนด้วย ทั่วทั้งเมืองสะเทือนอย่างรุนแรงและทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนตกใจ ปราณดาบเต็มไปด้วยพลังงานดั้งเดิม มันไม่ได้สลายออกไปทันทีหลังจากที่ปะทะกับผนึก กลับกัน มันพุ่งต่อไปที่ผนึกที่เหมือนใยแมงมุมเหมือนกระทิงที่กำลังโกรธ มันทำให้ผนึกยืดออกจนเป็นรูปกรวย “ฮือ ชั้นผนึกที่นายท่านสร้างไว้เมื่อหลายปีก่อนถูกทำลายลงแล้ว มีเพียงชั้นนี้เท่านั้นที่เหลืออยู่ ฮือ…ทั้งหมดเป็นความผิดของเสี่ยวหลิง ทั้งหมดเป็นเพราะเสี่ยวหลิงไม่เชื่อคำสั่งของนายท่านและออกจากเมืองทหารรับจ้างไป ไม่เช่นนั้นผนึกก็คงไม่ถูกทำลาย” เสี่ยวหลิงสะอื้นในขณะที่นางปรากฎอยู่ตรงหน้าผนึกที่ถูกยืดออก นางเหมือนเด็กที่กำลังทำความผิดในตอนนี้ นางกังวล กลัว และเสียใจ “ผนึกที่อยู่ตรงนั้นถูกทำลายแล้ว ผนึกตรงนี้จะถูกทำลายไปไม่ได้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ไม่เช่นนั้นเมืองที่นายท่านสร้างมาด้วยความพยายามก็จะหายไป ถ้าเมืองหายไป นายท่านจะต้องโกรธมากแน่” เสี่ยวหลิงพึมพำกับตัวเองในขณะที่นางกลั้นน้ำตา นางกำลังกดผนึกที่เหลืออยู่ ในตอนนั้นเอง พลังงานมหาศาลที่รวมกันอยู่ที่ใต้เมืองทหารรับจ้างก็เริ่มพุ่งพวยอย่างรวดเร็วและไหลไปที่ผนึกไม่หยุดเหมือนคลื่นที่บ้าคลั่ง ในตอนสุดท้าย ผนึกดูดซึมมันเอาไว้ทั้งหมด ผนึกเริ่มส่องแสงจ้ากำลังจากที่มันดูดพลังงานมหาศาลเข้าไป ซึ่งทำให้มันแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ “ทำลาย ! “ ในเวลาเดียวกัน เสียงเล็ก ๆ ก็ดังออกมาจากหลุมมืดที่อยู่ใต้ผนึก มันบอกไม่ได้ว่าเป็นเสียงของชายหรือหญิง เสียงเต็มไปด้วยเสน่ห์ในขณะที่มันสะท้อนมาจากด้านใต้พื้น ปราณดาบที่โจมตีไปที่ผนึกระเบิดออกไปด้วยแสงแสบตาทันที สายพลังของปราณดาบที่ทรงพลังที่เพียงพอที่จะสั่นไหวโลกได้ได้พุ่งออกมาภายในมัน และก็โจมตีไปที่ผนึกอย่างรุนแรงมากกว่าเก่าอีกครั้ง มันต่อต้านผนึกที่ถูกเสริมพลังและทำให้มันย่ำแย่ “โอ้ ช่างเป็นคนที่ทรงพลังอะไรแบบนี้ ! ” เสี่ยวหลิงอดไม่ได้ที่จะร้องออกมา แววแห่งความกังวลเกิดขึ้นที่ใบหน้าของนางและสายพลังงานดั้งเดิมก็เริ่มที่จะไหลออกมาจากร่างของนาง มันไหลเข้าไปที่ผนึกไม่หยุดและต่อต้านปราณดาบที่น่ากลัวนั้นไว้ ผนึกเริ่มดีขึ้นและข่มปราณดาบเอาไว้ได้ด้วยการสนับสนุนของพลังงานดั้งเดิมของเสี่ยวหลิง มันค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะปกติ “ทำลายผนึก ! “ เสียงเล็กดังออกมาจากหลุมดำสนิทอีกครั้งและปราณดาบยาว 1.2 เมตรก็พุ่งออกมาจากความมืดด้วยพลังแห่งการมีอยู่ที่สั่นสะเทือน มันโจมตีไปที่ผนึกที่เหมือนใยแมงมุมด้วยความเร็วดุจสายฟ้า การปะทะของดาบกับผนึกไม่ได้ทำให้เกิดเสียงดังอย่างที่คาด มันทำให้คนอื่นเห็นว่ามันไม่รุนแรงอย่างที่ควรจะเป็น อย่างไรก็ตาม แสงสีขาวจ้าของผนึกก็เริ่มมืดลงอย่างเร็วในตอนต่อมา สิ่งกีดขวางสุดท้ายที่กั้นโลกเซียนที่ถูกทอดทิ้งเอาไว้ได้แสดงอาการเหมือนจะถูกทำลายออกมา “พระเจ้า ไม่นะ ช่างเป็นพลังที่แปลกอะไรแบบนี้ ? มันมีผลทำลายอย่างรุนแรงกับผนึกของนายท่าน” เสี่ยว หลิงร้องออกมา นางกังวลทันที ในขณะที่นางทุ่มเทพลังงานดั้งเดิมมากกว่าเดิมเข้าไปในผนึก ซึ่งทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกัน พลังงานที่รวมกันอยู่ที่ใต้เมืองทหารรับจ้างก็พุ่งไปที่ผนึกด้วยอัตราเร็วที่มากกว่าเก่า เสี่ยวหลิงรวมพลังงานนี้มาหลายปีและปกติจะใช้มันเพื่อผนึก เสี่ยวหลิงไม่สนใจปริมาณพลังที่ใช้ไปเนื่องจากอันตรายในตอนนี้ รอยผนึกที่เกือบแตกก็กลับมาคงที่ภายใต้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ของเสี่ยวหลิง มันเริ่มที่จะฟื้นฟูเร็วที่สุดที่มันจะทำได้ในขณะที่มันกำลังต่อต้านจอมยุทธลึกลับในหลุมมืดสนิทนั่น ปราณดาบและดาบยังดันไปที่ผนึกต่ออีกสักพัก ในท้ายที่สุด ปราณดาบก็กระจายหายไปหมดเนื่องจากมันหมดพลังงาน ในขณะที่ดาบเลี้ยวกลับไปและหายกลับเข้าไปในหลุมมืด เสี่ยวหลิงถอนหายโล่งออกมาทันทีเมื่อนางเห็นว่าในที่สุดจอมยุทธของโลกเซียนที่ถูกทอดทิ้งก็ล้มเลิกที่จะทำลายผนึก ใบหน้าของนางปรากฏอาการเหนื่อยออกมา มันเป็นเวลาน้อยกว่า 2 ก้านธูป แต่มันก็เหมือนเป็นการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับจอมยุทธที่อยู่ในระดับเดียวกันถึงสามวันสามคืนสำหรับเสี่ยวหลิง เสี่ยวหลิงจับหน้าอกตัวเองและมองไปที่หลุมด้วยความกลัว นางพึมพำ “น่ากลัวจริงจริง แข็งแกร่งมาก การโจมตีทั้งสองนี้ต้องมาจากคนเดียวกันแน่แน่ ถ้าข้ามาไม่ทันเวลา ผนึกของนายท่านจะต้องต่อต้านอีกการโจมตีของคนผู้นั้นไม่ได้แน่” ทันใดนั้นเอง มิติที่อยู่ในหลุมก็บิดเบี้ยว มีร่างหนึ่งที่เห็นได้รางรางอยู่ในความมืดมิด คนที่เห็นได้ราง ๆ นี้มีพลังแห่งการมีอยู่ที่สามารถดูถูกได้ทุกสิ่ง เสี่ยวหลิงมีความแข็งแกร่งมาก แต่จิตใจของนางก็ยังไม่ได้โตมากไปกว่าเด็กเลย นางเม้มปากเมื่อเห็นอย่างนั้นและถอยกลับไปหลายก้าวอย่างไม่รู้ตัว นางเกิดขลาดกลัวขึ้นมา “ผนึกนี้หยุดข้าไม่ได้หรอก วันที่ข้าสำเร็จวิชาทำลายผนึกของข้าจะเป็นวันที่ผนึกนี้จะหายไปและวันนั้นก็อีกไม่ไกลหรอก” เสียงเล็กดังออกมาจากความมืด แม้ว่ามันจะเย็นชาและไร้อารมณ์มาก แต่มันก็เต็มไปด้วยความมั่นใจ ร่างค่อย ๆ หายไปหลังจากนั้น พื้นดินใต้เมืองทหารรับจ้างก็กลับลงมาสงบอีกครั้ง เสี่ยวหลิงจ้องไปทีหลุมมืดตาลอยเหมือนว่ามันเป็นประตูไปสู่นรก สักพักต่อมา นางก็ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด “ฮือ นายท่าน ท่านอยู่ที่ไหน? กลับมาเร็วเร็ว เสี่ยวหลิงกลัวเหลือเกิน” …. โถงศักดิ์สิทธิ์สีขาวหิมะที่ดูมีบารมีก็ลอยอยู่อย่างเงียบ ๆ ที่ดินแดหิมะที่ขั้วโลก คนที่อยู่ในชุดเกราะสีขาวกำลังนั่งอยู่ที่กลางห้องที่เต็มไปด้วยอากาศเย็น ส่วนเดียวที่มองเห็นได้ของนางคือตาเท่านั้น ในตอนนี้เอง ตาของนางก็เปิดออกช้า ๆ เสียงเย็นชาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจก็ดังสะท้อนขึ้นมาในห้องที่เงียบเชียบนี้ “ช่างเป็นอัจฉริยะที่น่าตกใจอะไรแบบนี้ ไม่เพียงแต่เขาจะถึงระดับการฝึกฝนที่สูงขนาดนี้ในเวลาเพียง 800 ปี แต่เขายังแม้แต่สร้างทักษะการต่อสู้พิเศษเพื่อใช้สำหรับการทำลายผนึก มันดูเหมือนว่าเขาจะทำลายผนึกได้ในไม่ช้านี้…” “ข้าเฝ้ามองเจ้ามา 800 ปี ข้าอยากจะรู้ว่าความสำเร็จในอนาคตเจ้าจะไปถึงขนาดไหน ข้าตั้งตาตั้งตารอมันจริงจริง…” “เฮ้อ ช่างเป็นกลุ่มคนที่น่าสงสารเสียจริง…” เจี้ยนเฉิน ฮุสตัน เฮยยู่ และหงเหลียนยังนิ่งอยู่ที่จุดนั้น พวกเขายากที่จะสงบจากอารมณ์ที่พุ่งพรวดได้ เสี่ยวหลิงขับไล่เซียนจักรพรรดิถึง 3 คนให้หนีไปได้อย่างง่ายดาย พวกเขาตกใจมากในตอนที่เห็นคนที่เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิเป็นครั้งแรก “ข้าไม่คิดว่ายังจะมีคนที่เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิอยู่ในโลกปัจจุบันที่ขาดพลังงานดั้งเดิมนี้อยู่” รุยจินถอนหายใจยาวสักพักต่อมา แม้ว่าเขาจะรู้ถึงการมีอยู่ของจิตวิญญาณม่านพลังในตอนที่เขาไปที่เมืองทหารรับจ้างเป็นครั้งแรกพร้อมกับเจี้ยนเฉินและเฮยยู่ แต่พวกเขาก็เชื่อเสมอว่าจิตวิญญาณม่านพลังนั้นเป็นแค่เซียนจักรพรรดิเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่คิดวาจิตวิญญาณม่านพลังจะเป็นอะไรที่เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิ ทั้งสองรู้ว่าคนที่เหนือกว่าเซียนรับจักรพรรดินั้นไร้เทียมทาน แม้แต่ในครั้งโบราณกาล ก็มีเพียงสี่สุดยอดจอมยุทธเท่านั้น ฮุสตันลอยหน้าซีดอยู่ข้าง ๆ เจี้ยนเฉินอยู่นานโดยไม่ได้พูดอะไร เสียงของเสี่ยวหลิงที่เรียกเจี้ยนเฉินว่าพี่ใหญ่ดังอยู่ในหัวของเขาอย่างต่อเนื่อง หัวใจของเขาเริ่มปั่นป่วนมานานแล้ว เขาไม่คิดว่าเจี้ยนเฉินจะมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับจิตวิญญาณม่านพลังของเมืองทหารรับจ้างที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิไปอีก เจี้ยนเฉินสงบลงในไม่ช้า เขามองไปที่ทิศทางของเมืองทหารรับจ้าง “เมื่อเสี่ยวหลิงต้องการที่จะจับมารราคะ จักรพรรดิเสือ และไคเซอร์ แต่นางก็รีบจากไปทันที มีบางอย่างสำคัญเกิดขึ้นที่เมืองทหารรับหรือไม่ ? “ รุยจินคิดซักพักก่อนที่จะพูดออกมา “ทำไมพวกเราไม่ไปตรวจดูที่เมืองทหารรับจ้างล่ะ ? เจ้าหนอนกลายพันธุ์นั่นทำให้มิติวุ่นวายไปหมด มิติยังไม่คงตัวเลย พวกเราไม่สามารถสร้างประตูมิติได้ พวกเราบินไปกัน” หลังจากนั้น รุยจินก็พาเจี้ยนเฉินไปด้วยในขณะที่เขาบิน รุยจินมุ่งหน้าไปที่เมืองทหารรับจ้างพร้อมกับหงเหลียน เฮยยู่ ฮุสตันและคนอื่น ๆ จอมยุทธของตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบและเซียนราชาคนอื่น ๆ ทั่วทั้งทวีปมาถึงที่ซึ่งเซียนจักรพรรดิทั้งสามคนสู้กับเสี่ยวหลิง ทั้งหมดพบว่าสถานที่เละเทะมาก “ข้าสัมผัสได้ถึงพลังงานที่ลึกลับที่นี่ คล้ายกับพลังงานดั้งเดิมจากอาวุธของจอมยุทธสัตว์อสูรทั้งสองนั้นมาก” เจียงหยางชิงหยุนพูด “เหมือนไม่ใช่เลย ข้าสัมผัสได้ว่าพลังงานดั้งเดิมที่เหลืออยู่ที่นี่นั้นบริสุทธิ์กว่าพลังงานดั้งเดิมที่อยู่ในอาวุธของสัตว์อสูรทั้งสองนั้นมาก” หัวหน้าของอารามจิตพิสุทธิ์ วูเฉินซี พูด อย่างไรก็ตาม สายตาของนางก็เป็นประกายจากนั้นนางก็มองไปที่เมืองทหารรับจ้างแล้วพูด “พวกเขาบินไปที่เมืองทหารรับจ้างแล้ว เราตามไปดูกัน” เซียนราชาจากตระกูลผู้พิทักษ์และจากองค์กรต่าง ๆ เดินทางต่อไปที่เมืองทหารรับจ้าง เมืองทหารรับจ้าวุ่นวาย การสั่นสะเทือนที่รุนแรงก่อนหน้านี้ได้ทำให้รู้ตัวและทุกคนก็อยู่ที่ถนนในตอนนี้ ทั้งหมดชี้ไปที่รอยแตกแขนงที่อยู่บนพื้นในขณะที่มีเสียงถกเถียงกันอื้ออึง ทุกคนที่มาที่เมืองทหารรับจ้างรู้เรื่องเกี่ยวกับพลังป้องกันของเมือง พื้นดินนั้นแข็งแกร่งมากกว่าเหล็กกล้าหลายเท่า แม้แต่เซียนผู้คุมกฎก็ยังไม่สามารถทำให้เป็นรอยได้ถึงจะโจมตีเต็มกำลัง พวกเขาไม่เชื่อว่าจะมีรอยแยกหนาขนาดนี้เกิดขึ้นที่พื้น กลุ่มคนที่มีอายุต่างกันลอยอยู่อย่างเคร่งเครียดบนอากาศกลางเมือง ในขณะที่พวกเขาสังเกตทั้งเมืองอยู่โดยมีเทียนเจียนเป็นคนนำ ทุกคนมีท่าทางหวาดกลัวมาก

ตอนที่ 1016: จอมยุทธที่น่าตกตะลึง

ผนึกที่พิเศษมากได้ปิดเส้นทางระหว่างโลกเซียนที่ถูกทอดทิ้งละทวีปเทียนหยวนเอาไว้ แสงไฟขนาดเท่าแขนเกินออกมาจากผนึก แสงตัดผ่านกันและอยู่ที่พื้นอย่างเงียบเงียบเหมือนใยแมงมุม มันแสดงพลังแห่งการมีอยู่ที่ลึกซึ้งออกมา

ผนึกนั้นเต็มไปด้วยพลังงานดั้งเดิม

รูสีดำสนิทใหญ่อยู่ที่ใต้ผนึก มันกว้างหลายพันเมตรและสีดำสนิทด้านในและไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย มันเหมือนประตูไปสู่นรก และให้ความรู้สึกขนหัวลุก

ในตอนนี้เอง มิติที่อยู่ในหลุมก็เริ่มปั่นป่วนอย่างรุนแรง สายพลังของปราณดาบที่ทรงพลังมากผ่านชั้นแห่งความมืดมิดและปรากฎออกมา มันโจมตีไปที่ผนึกด้วยความเร็วแสง

บู้ม ผนึกสั่นไหวอย่างรุนแรงหลังจากที่ปราณดาบใหญ่โจมตีโดนมัน คลื่นพลังงานที่เหลืออยู่ที่รุนแรงสั่นไหวไปทั่วใต้ดิน และมันยังผลกระทบกับเมืองทหารรับจ้างด้านบนด้วย ทั่วทั้งเมืองสะเทือนอย่างรุนแรงและทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนตกใจ

ปราณดาบเต็มไปด้วยพลังงานดั้งเดิม มันไม่ได้สลายออกไปทันทีหลังจากที่ปะทะกับผนึก กลับกัน มันพุ่งต่อไปที่ผนึกที่เหมือนใยแมงมุมเหมือนกระทิงที่กำลังโกรธ มันทำให้ผนึกยืดออกจนเป็นรูปกรวย

“ฮือ ชั้นผนึกที่นายท่านสร้างไว้เมื่อหลายปีก่อนถูกทำลายลงแล้ว มีเพียงชั้นนี้เท่านั้นที่เหลืออยู่ ฮือ…ทั้งหมดเป็นความผิดของเสี่ยวหลิง ทั้งหมดเป็นเพราะเสี่ยวหลิงไม่เชื่อคำสั่งของนายท่านและออกจากเมืองทหารรับจ้างไป ไม่เช่นนั้นผนึกก็คงไม่ถูกทำลาย” เสี่ยวหลิงสะอื้นในขณะที่นางปรากฎอยู่ตรงหน้าผนึกที่ถูกยืดออก นางเหมือนเด็กที่กำลังทำความผิดในตอนนี้ นางกังวล กลัว และเสียใจ

“ผนึกที่อยู่ตรงนั้นถูกทำลายแล้ว ผนึกตรงนี้จะถูกทำลายไปไม่ได้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ไม่เช่นนั้นเมืองที่นายท่านสร้างมาด้วยความพยายามก็จะหายไป ถ้าเมืองหายไป นายท่านจะต้องโกรธมากแน่” เสี่ยวหลิงพึมพำกับตัวเองในขณะที่นางกลั้นน้ำตา นางกำลังกดผนึกที่เหลืออยู่

ในตอนนั้นเอง พลังงานมหาศาลที่รวมกันอยู่ที่ใต้เมืองทหารรับจ้างก็เริ่มพุ่งพวยอย่างรวดเร็วและไหลไปที่ผนึกไม่หยุดเหมือนคลื่นที่บ้าคลั่ง ในตอนสุดท้าย ผนึกดูดซึมมันเอาไว้ทั้งหมด

ผนึกเริ่มส่องแสงจ้ากำลังจากที่มันดูดพลังงานมหาศาลเข้าไป ซึ่งทำให้มันแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ทำลาย ! “

ในเวลาเดียวกัน เสียงเล็ก ๆ ก็ดังออกมาจากหลุมมืดที่อยู่ใต้ผนึก มันบอกไม่ได้ว่าเป็นเสียงของชายหรือหญิง เสียงเต็มไปด้วยเสน่ห์ในขณะที่มันสะท้อนมาจากด้านใต้พื้น

ปราณดาบที่โจมตีไปที่ผนึกระเบิดออกไปด้วยแสงแสบตาทันที สายพลังของปราณดาบที่ทรงพลังที่เพียงพอที่จะสั่นไหวโลกได้ได้พุ่งออกมาภายในมัน และก็โจมตีไปที่ผนึกอย่างรุนแรงมากกว่าเก่าอีกครั้ง มันต่อต้านผนึกที่ถูกเสริมพลังและทำให้มันย่ำแย่

“โอ้ ช่างเป็นคนที่ทรงพลังอะไรแบบนี้ ! ” เสี่ยวหลิงอดไม่ได้ที่จะร้องออกมา แววแห่งความกังวลเกิดขึ้นที่ใบหน้าของนางและสายพลังงานดั้งเดิมก็เริ่มที่จะไหลออกมาจากร่างของนาง มันไหลเข้าไปที่ผนึกไม่หยุดและต่อต้านปราณดาบที่น่ากลัวนั้นไว้

ผนึกเริ่มดีขึ้นและข่มปราณดาบเอาไว้ได้ด้วยการสนับสนุนของพลังงานดั้งเดิมของเสี่ยวหลิง มันค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะปกติ

“ทำลายผนึก ! “

เสียงเล็กดังออกมาจากหลุมดำสนิทอีกครั้งและปราณดาบยาว 1.2 เมตรก็พุ่งออกมาจากความมืดด้วยพลังแห่งการมีอยู่ที่สั่นสะเทือน มันโจมตีไปที่ผนึกที่เหมือนใยแมงมุมด้วยความเร็วดุจสายฟ้า

การปะทะของดาบกับผนึกไม่ได้ทำให้เกิดเสียงดังอย่างที่คาด มันทำให้คนอื่นเห็นว่ามันไม่รุนแรงอย่างที่ควรจะเป็น

อย่างไรก็ตาม แสงสีขาวจ้าของผนึกก็เริ่มมืดลงอย่างเร็วในตอนต่อมา สิ่งกีดขวางสุดท้ายที่กั้นโลกเซียนที่ถูกทอดทิ้งเอาไว้ได้แสดงอาการเหมือนจะถูกทำลายออกมา

“พระเจ้า ไม่นะ ช่างเป็นพลังที่แปลกอะไรแบบนี้ ? มันมีผลทำลายอย่างรุนแรงกับผนึกของนายท่าน” เสี่ยว

หลิงร้องออกมา นางกังวลทันที ในขณะที่นางทุ่มเทพลังงานดั้งเดิมมากกว่าเดิมเข้าไปในผนึก ซึ่งทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกัน พลังงานที่รวมกันอยู่ที่ใต้เมืองทหารรับจ้างก็พุ่งไปที่ผนึกด้วยอัตราเร็วที่มากกว่าเก่า เสี่ยวหลิงรวมพลังงานนี้มาหลายปีและปกติจะใช้มันเพื่อผนึก เสี่ยวหลิงไม่สนใจปริมาณพลังที่ใช้ไปเนื่องจากอันตรายในตอนนี้

รอยผนึกที่เกือบแตกก็กลับมาคงที่ภายใต้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ของเสี่ยวหลิง มันเริ่มที่จะฟื้นฟูเร็วที่สุดที่มันจะทำได้ในขณะที่มันกำลังต่อต้านจอมยุทธลึกลับในหลุมมืดสนิทนั่น

ปราณดาบและดาบยังดันไปที่ผนึกต่ออีกสักพัก ในท้ายที่สุด ปราณดาบก็กระจายหายไปหมดเนื่องจากมันหมดพลังงาน ในขณะที่ดาบเลี้ยวกลับไปและหายกลับเข้าไปในหลุมมืด

เสี่ยวหลิงถอนหายโล่งออกมาทันทีเมื่อนางเห็นว่าในที่สุดจอมยุทธของโลกเซียนที่ถูกทอดทิ้งก็ล้มเลิกที่จะทำลายผนึก ใบหน้าของนางปรากฏอาการเหนื่อยออกมา มันเป็นเวลาน้อยกว่า 2 ก้านธูป แต่มันก็เหมือนเป็นการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับจอมยุทธที่อยู่ในระดับเดียวกันถึงสามวันสามคืนสำหรับเสี่ยวหลิง

เสี่ยวหลิงจับหน้าอกตัวเองและมองไปที่หลุมด้วยความกลัว นางพึมพำ “น่ากลัวจริงจริง แข็งแกร่งมาก การโจมตีทั้งสองนี้ต้องมาจากคนเดียวกันแน่แน่ ถ้าข้ามาไม่ทันเวลา ผนึกของนายท่านจะต้องต่อต้านอีกการโจมตีของคนผู้นั้นไม่ได้แน่”

ทันใดนั้นเอง มิติที่อยู่ในหลุมก็บิดเบี้ยว มีร่างหนึ่งที่เห็นได้รางรางอยู่ในความมืดมิด คนที่เห็นได้ราง ๆ นี้มีพลังแห่งการมีอยู่ที่สามารถดูถูกได้ทุกสิ่ง

เสี่ยวหลิงมีความแข็งแกร่งมาก แต่จิตใจของนางก็ยังไม่ได้โตมากไปกว่าเด็กเลย นางเม้มปากเมื่อเห็นอย่างนั้นและถอยกลับไปหลายก้าวอย่างไม่รู้ตัว นางเกิดขลาดกลัวขึ้นมา

“ผนึกนี้หยุดข้าไม่ได้หรอก วันที่ข้าสำเร็จวิชาทำลายผนึกของข้าจะเป็นวันที่ผนึกนี้จะหายไปและวันนั้นก็อีกไม่ไกลหรอก” เสียงเล็กดังออกมาจากความมืด แม้ว่ามันจะเย็นชาและไร้อารมณ์มาก แต่มันก็เต็มไปด้วยความมั่นใจ

ร่างค่อย ๆ หายไปหลังจากนั้น พื้นดินใต้เมืองทหารรับจ้างก็กลับลงมาสงบอีกครั้ง

เสี่ยวหลิงจ้องไปทีหลุมมืดตาลอยเหมือนว่ามันเป็นประตูไปสู่นรก สักพักต่อมา นางก็ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด “ฮือ นายท่าน ท่านอยู่ที่ไหน? กลับมาเร็วเร็ว เสี่ยวหลิงกลัวเหลือเกิน”

….

โถงศักดิ์สิทธิ์สีขาวหิมะที่ดูมีบารมีก็ลอยอยู่อย่างเงียบ ๆ ที่ดินแดหิมะที่ขั้วโลก คนที่อยู่ในชุดเกราะสีขาวกำลังนั่งอยู่ที่กลางห้องที่เต็มไปด้วยอากาศเย็น ส่วนเดียวที่มองเห็นได้ของนางคือตาเท่านั้น

ในตอนนี้เอง ตาของนางก็เปิดออกช้า ๆ เสียงเย็นชาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจก็ดังสะท้อนขึ้นมาในห้องที่เงียบเชียบนี้

“ช่างเป็นอัจฉริยะที่น่าตกใจอะไรแบบนี้ ไม่เพียงแต่เขาจะถึงระดับการฝึกฝนที่สูงขนาดนี้ในเวลาเพียง 800 ปี แต่เขายังแม้แต่สร้างทักษะการต่อสู้พิเศษเพื่อใช้สำหรับการทำลายผนึก มันดูเหมือนว่าเขาจะทำลายผนึกได้ในไม่ช้านี้…”

“ข้าเฝ้ามองเจ้ามา 800 ปี ข้าอยากจะรู้ว่าความสำเร็จในอนาคตเจ้าจะไปถึงขนาดไหน ข้าตั้งตาตั้งตารอมันจริงจริง…”

“เฮ้อ ช่างเป็นกลุ่มคนที่น่าสงสารเสียจริง…”

เจี้ยนเฉิน ฮุสตัน เฮยยู่ และหงเหลียนยังนิ่งอยู่ที่จุดนั้น พวกเขายากที่จะสงบจากอารมณ์ที่พุ่งพรวดได้

เสี่ยวหลิงขับไล่เซียนจักรพรรดิถึง 3 คนให้หนีไปได้อย่างง่ายดาย พวกเขาตกใจมากในตอนที่เห็นคนที่เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิเป็นครั้งแรก

“ข้าไม่คิดว่ายังจะมีคนที่เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิอยู่ในโลกปัจจุบันที่ขาดพลังงานดั้งเดิมนี้อยู่” รุยจินถอนหายใจยาวสักพักต่อมา แม้ว่าเขาจะรู้ถึงการมีอยู่ของจิตวิญญาณม่านพลังในตอนที่เขาไปที่เมืองทหารรับจ้างเป็นครั้งแรกพร้อมกับเจี้ยนเฉินและเฮยยู่ แต่พวกเขาก็เชื่อเสมอว่าจิตวิญญาณม่านพลังนั้นเป็นแค่เซียนจักรพรรดิเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่คิดวาจิตวิญญาณม่านพลังจะเป็นอะไรที่เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิ

ทั้งสองรู้ว่าคนที่เหนือกว่าเซียนรับจักรพรรดินั้นไร้เทียมทาน แม้แต่ในครั้งโบราณกาล ก็มีเพียงสี่สุดยอดจอมยุทธเท่านั้น

ฮุสตันลอยหน้าซีดอยู่ข้าง ๆ เจี้ยนเฉินอยู่นานโดยไม่ได้พูดอะไร เสียงของเสี่ยวหลิงที่เรียกเจี้ยนเฉินว่าพี่ใหญ่ดังอยู่ในหัวของเขาอย่างต่อเนื่อง หัวใจของเขาเริ่มปั่นป่วนมานานแล้ว เขาไม่คิดว่าเจี้ยนเฉินจะมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับจิตวิญญาณม่านพลังของเมืองทหารรับจ้างที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิไปอีก

เจี้ยนเฉินสงบลงในไม่ช้า เขามองไปที่ทิศทางของเมืองทหารรับจ้าง “เมื่อเสี่ยวหลิงต้องการที่จะจับมารราคะ จักรพรรดิเสือ และไคเซอร์ แต่นางก็รีบจากไปทันที มีบางอย่างสำคัญเกิดขึ้นที่เมืองทหารรับหรือไม่ ? “

รุยจินคิดซักพักก่อนที่จะพูดออกมา “ทำไมพวกเราไม่ไปตรวจดูที่เมืองทหารรับจ้างล่ะ ? เจ้าหนอนกลายพันธุ์นั่นทำให้มิติวุ่นวายไปหมด มิติยังไม่คงตัวเลย พวกเราไม่สามารถสร้างประตูมิติได้ พวกเราบินไปกัน”

หลังจากนั้น รุยจินก็พาเจี้ยนเฉินไปด้วยในขณะที่เขาบิน รุยจินมุ่งหน้าไปที่เมืองทหารรับจ้างพร้อมกับหงเหลียน เฮยยู่ ฮุสตันและคนอื่น ๆ

จอมยุทธของตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบและเซียนราชาคนอื่น ๆ ทั่วทั้งทวีปมาถึงที่ซึ่งเซียนจักรพรรดิทั้งสามคนสู้กับเสี่ยวหลิง ทั้งหมดพบว่าสถานที่เละเทะมาก

“ข้าสัมผัสได้ถึงพลังงานที่ลึกลับที่นี่ คล้ายกับพลังงานดั้งเดิมจากอาวุธของจอมยุทธสัตว์อสูรทั้งสองนั้นมาก” เจียงหยางชิงหยุนพูด

“เหมือนไม่ใช่เลย ข้าสัมผัสได้ว่าพลังงานดั้งเดิมที่เหลืออยู่ที่นี่นั้นบริสุทธิ์กว่าพลังงานดั้งเดิมที่อยู่ในอาวุธของสัตว์อสูรทั้งสองนั้นมาก” หัวหน้าของอารามจิตพิสุทธิ์ วูเฉินซี พูด อย่างไรก็ตาม สายตาของนางก็เป็นประกายจากนั้นนางก็มองไปที่เมืองทหารรับจ้างแล้วพูด “พวกเขาบินไปที่เมืองทหารรับจ้างแล้ว เราตามไปดูกัน”

เซียนราชาจากตระกูลผู้พิทักษ์และจากองค์กรต่าง ๆ เดินทางต่อไปที่เมืองทหารรับจ้าง

เมืองทหารรับจ้าวุ่นวาย การสั่นสะเทือนที่รุนแรงก่อนหน้านี้ได้ทำให้รู้ตัวและทุกคนก็อยู่ที่ถนนในตอนนี้ ทั้งหมดชี้ไปที่รอยแตกแขนงที่อยู่บนพื้นในขณะที่มีเสียงถกเถียงกันอื้ออึง

ทุกคนที่มาที่เมืองทหารรับจ้างรู้เรื่องเกี่ยวกับพลังป้องกันของเมือง พื้นดินนั้นแข็งแกร่งมากกว่าเหล็กกล้าหลายเท่า แม้แต่เซียนผู้คุมกฎก็ยังไม่สามารถทำให้เป็นรอยได้ถึงจะโจมตีเต็มกำลัง พวกเขาไม่เชื่อว่าจะมีรอยแยกหนาขนาดนี้เกิดขึ้นที่พื้น

กลุ่มคนที่มีอายุต่างกันลอยอยู่อย่างเคร่งเครียดบนอากาศกลางเมือง ในขณะที่พวกเขาสังเกตทั้งเมืองอยู่โดยมีเทียนเจียนเป็นคนนำ ทุกคนมีท่าทางหวาดกลัวมาก

Chaotic sword god

Chaotic sword god

Comment

Options

not work with dark mode
Reset