Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ – ตอนที่ 981: ทางออก

ตอนที่ 981: ทางออก

ซ่างเฉียงพูดออกมาหน้าตาเฉย เขาไม่กลัวไคเซอร์ เพราะเขาก็เป็นคนหนึ่งที่ควบคุมทวีปสัตว์เทวะเช่นเดียวกัน เขาควบคุมหนึ่งในสามส่วนของแผ่นดินนอกจากไคเซอร์และแลงคีรอส

แม้ว่าจะมีความแตกต่างในด้านกำลังระหว่างทั้งสามที่ทวีปสัตว์เทวะ แต่ฐานะของพวกเขาก็เหมือนกัน

ใบหน้าของไคเซอร์มืดครึ้มในขณะที่เขาได้ยินที่ซ่างเฉียงพูด เขาจ้องไปที่ซ่างเฉียงและพูดอย่างโกรธเกรี้ยว “ซ่างเฉียง ในฐานะที่เจ้าเป็นส่วนหนึ่งของทวีปสัตว์เทวะ เจ้าควรจะคิดถึงเรื่องของทวีปสัตว์เทวะ พยัคฆ์ปีกเทวะเป็นเทพเจ้าสัตว์อสูรของทวีปเรา ดังนั้นพวกเราจึงต้องเอามันกลับไปไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม”

“ซ่างเฉียง พยัคฆ์ปีกเทวะตกอยู่ในมือของมนุษย์ มันอยู่ในอันตรายตอนนี้ เจ้ายังเป็นหนึ่งในคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบทวีปสัตว์เทวะ เจ้าทนดูพยัคฆ์ปีกเทวะถูกข่มเหงโดยมนุษย์ได้อย่างไร ? ” แลงคีรอสพูดอย่างเร่งรีบ เขายุ่งอยู่กับรุยจินและเฮยยู่อยู่ในตอนนี้ เขาจำเป็นต้องระมัดระวังเมื่อเขาเผชิญหน้ากับอาวุธที่มีพลังงานดั้งเดิม เพราะว่ามันทำให้เซียนจักรพรรดิบาดเจ็บได้

ซ่างเฉียงลังเลอะไรและพูดอย่างเย็นชาออกมา “มันจะเติบโตอย่างไม่ยากลำบากได้อย่างไร ? ยังไม่พูดถึงที่ว่าพยัคฆ์ปีกเทวะยังเด็กอยู่ในตอนนี้ ดังนั้นมันจึงต้องผ่านเรื่องเหล่านี้ไปให้ได้ นอกเหนือไปจากนั้น พยัคฆ์ปีกเทวะเป็นสัตว์เทวะ มันมีร่างของสัตว์เทวะ ดังนั้นมันจะถูกคนอื่นทำให้บาดเจ็บง่าย ๆ ได้อย่างไร ข้าจะออกมาเองถ้ามันเจอกับอันตรายจริง ๆ ” หลังจากนั้น ซ่างเฉียงก็จ้องไปที่การต่อสู้ระหว่างแลงคีรอสและอีกทั้งสองคน ก่อนที่จะออกผ่านประตูมิติที่เขาสร้างไป เขากลับไปที่ทวีปสัตว์เทวะ

การจากไปของซ่างเฉียงทำให้ท่าทางของไคเซอร์และแลงคีรอสทั้งคู่เริ่มน่ากลัว พวกเขาทั้งคู่วุ่นวายอยู่กับมารราคะเช่นเดียวกับรุยจินและเฮยยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เหลือกำลังที่จะไปจับเจี้ยนเฉินและเอาพยัคฆ์ปีกเทวะมา จอมยุทธจากเมืองทหารรับจ้างและตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบก็กำลังสังเกตการต่อสู้อยู่รอบ ๆ

จอมยุทธจากทวีปเทียนหยวนถอนหายใจโล่งออกมาทันทีด้วยหลังจากที่เซียนจักรพรรดิอีกคนของทวีปเทพเจ้าสัตว์อสูรจากไป ด้วยการที่มีเซียนจักรพรรดิลดน้อยลงอีกคน ความกดดันก็ลดน้อยลง พวกเขาสามารถทุ่มเทพลังงานมากกว่านี้เพื่อที่จัดการกับไคเซอร์และแลงคีรอสได้

“แขกจากทวีปสัตวเทวะ ได้โปรดกลับไปด้วย” มารราคะพูดออกมา

ตาของไคเซอร์เป็นประกายสักพักในขณะที่เขาลังเล เขาเข้าใจว่าพวกเขาทั้งสองไม่ได้เปรียบจากสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ ดังนั้นเขาจึงเหวี่ยงแขนออกไปทันที ประตูมิติปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา จากนั้น เขาก็จากไปหลังจากที่เขามองรุยจินและเฮยยู่อย่างเย็นชา

เมื่อไคเซอร์จากไป แลงคีรอสก็หยุดสู้กับรุยจินและเฮยยู่เช่นกัน เขาเปลี่ยนใจแล้วจ้องไปที่เจี้ยนเฉินและอาวุธกับเกราะของรุยจินและเฮยยู่สักพัก เขาพูดอย่างเย็นชาออกมา “ข้าจะปล่อยเจ้าไปในวันนี้ ครั้งหน้า มันจะไม่โชคดีอย่างนนี้แน่” แลงคีรอสเปิดประตูมิติและจากไปหลังจากที่พูดขู่ออกไป

อวกาศรอบ ๆ ตกอยู่ในความเงียบชั่วคราวหลังจากการจากไปของเซียนจักรพรรดิทั้งสามคน เซียนจักรพรรดิทั้งสามอยู่ที่นี่น้อยกว่า 1 ก้านธูปตั้งแต่มาจนจากไป อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลาอันสั้นนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนคิดเรื่องนี้ซักพัก

การต่อสู้ระหว่างมารราคะและไคเซอร์น่าตื่นเต้นและทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ตกใจ ความแข็งแกร่งของการโจมตีทางอารมณ์ทั้งเจ็ดและความปรารถนาทั้งหกเหนือกว่าจินตนาการของทุกคน

รุยจินและเฮยยู่เก็บอาวุธของพวกเขา แต่พวกเขายังสวมเกราะพลังงานดั้งเดิมอยู่ พวกเขาต้องพึ่งเกราะที่รับการโจมตีของเซียนจักรพรรดิได้

“เซียนจักรพรรดิมนุษย์ การต่อสู้ของพวกเรายังไม่สรุป” รุยจินพูดในขณะที่เขามองไปที่มารราคะ ไข่มุกที่สามารถป้องกันการโจมตีทางวิญญาณได้ลอยอยู่เหนือเขา และห้อมล้อมพวกเขาทั้งสองเอาไว้ด้วยแสงวิบวับ

มารราคะมองไปที่ไข่มุกสักพักในขณะที่ความเครียดฉายลึกอยู่ในแววตาของเขา เขาพูดออกมาเสียงแหบแห้ง “เจ้าอยู่ข้างไหนกัน ? “

“พวกเราเป็นกลาง พวกเราไม่ได้อยู่ข้างไหน” รุยจินพูด ความเหงาเป็นประกายลึกอยู่ในดวงตาของเขา แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็ว

“ถ้าเป็นแบบนั้น มันก็ไม่จำเป็นที่พวกเราจะต้องต่อสู้กับอีกต่อไป เจ้าไปได้” มารราคะพูดออกมา เขาไม่สนใจที่จะสู้กับทั้งสองต่อ เพราะว่าการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของเขาไม่ใช่การโจมตีทางกายภาพแต่เป็นการโจมตีทางวิญญาณที่เขาสร้างขึ้นมา ในตอนนี้ทั้งรุยจินและเฮยยู่มีสมบัติป้องกัน ไข่มุกป้องกันการโจมตีทางวิญญาณและเกราะป้องกันการโจมตีทางกายภาพ เขาไม่สามารถทำอะไรสองคนนี้ได้ ชัยชนะคงจะเกิดขึ้นได้ยากแม้ว่าพวกเขาจะยังสู้กันต่อไป

รุยจินและเฮยยู่มองหน้ากันและกันและยอมรับในผลลัพธ์แบบนี้ พวกเขาไม่บังคับให้มารราคะสู้ต่อ หลังจากนั้น พวกเขาทั้งคู่ก็มาถึงตรงหน้าเจี้ยนเฉินที่ดูมีสภาพย่ำแย่ รุยจินถามเขา “น้องเจี้ยนเฉิน เจ้าสบายดีหรือไม่ ? “

ท่าทางของคนจากตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นว่าเจี้ยนเฉินรู้จักรุยจินและเฮยยู่ ความรู้สึกมุ่งร้ายปรากฏลางลางอยู่ในหัวใจของพวกเขา ในขณะที่คนของตระกูลเจียงหยางทั้งหมดดีใจ พวกเขาเห็นความแข็งแกร่งของรุยจินและเฮยยู่ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นแค่เซียนราชาในขั้นสูงสุด แต่พวกเขาก็ยากที่จะจัดการได้แม้ว่าจะมีเซียนจักรพรรดิก็ตาม

เจี้ยนเฉินยิ้มในขณะที่เขามองไปที่เกราะทั้งคู่ เขาตอบกลับ “ข้าสบายดี ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยข้า”

“มันแค่เรื่องเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องสุภาพนักหรอก” เฮยยู่โบกมือและพูดออกมาอย่างไม่สนใจ มันดูเหมือนเขาได้ทำบางอย่างที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก

ท่าทีของเฮยยู่ทำให้หัวใจของเจี้ยนเฉินอบอุ่น เขาไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อย ถ้าไม่ใช่เพราะการช่วยเหลือของเฮยยู่และรุยจิน เขาก็คงไม่สามารถต่อต้านได้เลยเมื่อเผชิญหน้ากับมารราคะ โถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดสามารถถูกทำลายได้และเสือขาวก็จะจ้องถูกเอาไปในตอนท้าย แม้แต่วัตถุเซียนก็ไม่เพียงพอที่จะปกป้องเขาได้ มันจะโดนทำลายเป็นชิ้น ๆ โดยมารราคะ

แม้ว่าวัตถุเซียนจะมีความแข็งแกร่งเท่ากับเซียนจักรพรรดิภายในมิติของวัตถุเซียน มันยังเป็นวัตถุเพื่อช่วยเหลือในตอนสุดท้าย มันไม่ได้มีพลังในการต่อสู้มาก แม้ว่าวัตถุจิตวิญญาณจะมีพลังของเซียนจักรพรรดิ แต่มันก็อาจจะอ่อนแอและมันไม่ใช่คู่มือของมารราคะ

การป้องกันของโถงศักดิ์สิทธิ์เทียบเท่ากับวัตถุเซียน ทั้งหมดที่มันทำได้คือการป้องกันการโจมตีจากเซียนราชา และอาจจะได้รับความเสียหายหรืออาจจะถูกทำลายได้ถ้าเจอกับการโจมตีในระดับเซียนจักรพรรดิ

มารราคะขมวดคิ้วเมื่อเขาเห็นว่าเจี้ยนเฉินสนิทสนมกับรุยจินและเฮยยู่ เรื่องที่เจี้ยนเฉินเป็นคนของตระกูลผู้พิทักษ์ไม่ได้ทำให้เขากลัว มันเป็นรุยจินและเฮยยู่ต่างหากที่ทำให้เขากลัว

“บ้าเอ้ย ไม่คิดเลยว่าเจี้ยนเฉินจะสนิทกับคนทั้งสองนั้น ข้าจะทำยังไงดีตอนนี้ ? และดูเหมือนว่าเขาจะห่วงพยัคฆ์ปีกเทวะมาก ถ้าเขาร่วมมือในการปกป้องพยัคฆ์ปีกเทวะ ข้าจะเอามันไปจากเจี้ยนเฉินได้อย่างไร ? ” มารราคะคิดในขณะที่เขายืนนิ่งอยู่ เขามองไปที่ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบเป็นครั้งคราว ในขณะที่ตาของเขาเป็นประกาย

คนจากตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งหมดไม่สบายใจ ตาของพวกเขาเป็นประกายเหมือนว่าพวกเขากำลังลังเลบางอย่างอยู่ มีเพียงตระกูลเจียงหยางเท่านั้นที่ปิติยินดี ความยินดีของพวกเขาเพิ่มจนถึงขีดสุด ในขณะที่คนจากอารามจิตพิสุทธิ์ยังคงสงบนิ่ง สำหรับพวกเขา ตราบใดที่พยัคฆ์ปีกเทวะไม่ไปตกอยู่ในมือของทวีปสัตวเทวะ พวกเขาก็ไม่สนว่ามันจะอยู่ที่ตระกูลผู้พิทักษ์ใด

รุยจินแอบมองผ่านไปที่คนของตระกูลผู้พิทักษ์และมารราคะ เขาพูดกับเจี้ยนเฉิน “เจ้ามีเรื่องที่ยังไม่สะสางอีกหรือไม่ น้องเจี้ยนเฉิน ? “

เจี้ยนเฉินมองไปที่ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายยิหยวนทันทีเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น ก่อนที่จะส่ายหน้าหลังจากที่ลังเลเล็กน้อย รุยจินและเฮยยู่ช่วยเขามาพอแล้ว ครั้งแรกพวกเขาได้ช่วยชีวิตของเจี้ยนเฉินเอาไว้บนเกาะมังกรเพื่อหนีการไล่ตามของวิญญาณมังกร และช่วยเจี้ยนเฉินในการเอาหญ้าน้ำลายมังกรมา จากนั้นพวกเขาก็ช่วยหยุดมารราคะและเซียนจักรพรรดิของทวีปสัตว์เทวะอีกในครั้งนี้ เจี้ยนเฉินติดหนี้บุญคุณพวกเขาเพียงพอแล้วและไม่ต้องการจะติดหนี้บุญคุณมากกว่านี้

“เมื่อเจ้าจัดการเรื่องทั้งหมดของเจ้าแล้ว อย่าอยู่ที่อวกาศต่อเลย กลับไปที่ทวีปเถอะ” รุยจินพูด หลังจากนั้น เขาก็คว้าไหล่ของเจี้ยนเฉินและบินไปทางทวีปเทียนหยวน

ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบและมารราคะลังเลเล็กน้อยในขณะที่พวกเขามองทั้งสามบินออกไป ในตอนสุดท้าย พวกเขาไม่ได้หยุดทั้งสามไว้และแยกย้ายตัวกันออกไปแทน

แม้จะไม่ยืนยันว่าชื่อของเจี้ยนเฉินจะโด่งดังไปทั่วทั้งทวีปหลังจากเรื่องที่เขาทำในครั้งนี้ แค่หัวหน้าตระกูลของตระกูลโบราณและเซียนราชาที่เป็นอิสระบางคนก็เห็นความแข็งแกร่งของเขาแล้ว สำหรับพวกเขาแล้ว ความประพฤติและความน่ากลัวของเจี้ยนเฉินก็คงกระจายไปทั่วตระกูลโบราณทั้งหมด และทำให้พวกเขากลัวเจี้ยนเฉิน

การต่อสู้ในครั้งนี้ได้เป็นการรวบรวมพลังและสถานะของเขาบนทวีปเทียนหยวนเอาไว้เป็นอย่างดี

เจี้ยนเฉินกลับมาจากอวกาศภายนอกและมาถึงที่ท้องฟ้าเหนือเมืองอัคนี เขามองอย่างเย็นชาผ่านไปที่คนของพันธมิตรพิชิตอัคนี ในขณะที่รุยจินและเฮยยู่ลอยอยู่ข้าง ๆ เขา

พันธมิตรพิชิตอัคนีอยู่ในสภาวะระวังภัยในขั้นสูงในขณะที่เซียนผู้คุมกฎยี่สิบกว่าคนลอยอยู่กลางอากาศในขณะที่พวกเขามองไปที่อวกาศด้านนอก ท่าทีของพวกเขาหงอลงทันทีเมื่อเจี้ยนเฉินกลับมาอย่างไม่ได้รับบาดเจ็บ

Chaotic sword god

Chaotic sword god

Comment

Options

not work with dark mode
Reset