Crazy Leveling System ตอนที่ 728: จุดดารา!

ตอนที่ 728: จุดดารา!

“ท่านประมุข นี่ทำไม่ได้…..”

ผู้อาวุโสหกคุกเข่าพร้อมกับร้องออกมา “ตอนนี้จำนวนในการเข้ารับมรดกลดน้อยลงมากแล้ว เหลืออีกแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น จะให้มันสูญเปล่าไม่ได้ จำต้องเหลือไว้ให้ศิษย์ที่ร้ายกาจ ข้ารู้ว่าเขาร้ายกาจมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงเสียเปล่าอยู่ดี สายเลือดที่อ่อนแอเกินไป ผลลัพธ์ย่อมไม่ต่างจากการสูญเปล่า…..”

ตอนนี้ไม่เพียงแต่ผู้อาวุโสหกเท่านั้น แต่คนอื่นๆ ก็พากันคุกเข่าลงด้วย ในกลุ่มนี้มีเพียงแต่กลุ่มของผู้อาวุโสห้าที่พามาก่อนหน้านี้เท่านั้นที่ไม่เข้าร่วม

อี้เทียนหยุนกวาดตามอง แล้วก็พบว่าคำพูดของตนนั้น สามารถเพิ่มค่าความชอบของผู้คนขึ้นได้ด้วย? เขาพบว่าเหล่าศิษย์ที่เขาปากเปียกปากแฉะสาธยายให้ฟังนั้น ได้มีค่าความชอบให้กับเขาเกิน 50-60 แล้ว กระทั่งว่ามีบางคนที่เกือบจะมีค่าความชอบให้เขาถึง 100 เลยด้วยซ้ำ

และคนพวกนั้นก็คือพวกที่มีอายุพอๆ กันกับเขา ดังนั้นจึงได้ติดกับคำพูดของเขาได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะความสำเร็จที่เปรียบได้กับตำนานของเขา มันง่ายมากที่จะทำให้พวกเขาให้การยอมรับ! แล้วยิ่งพลังของเขาที่แข็งแกร่งมาก รวมกับกลิ่นอายที่สุดยอด จึงยิ่งเพิ่มค่าความชอบง่ายขึ้นไปอีก

เขาเผยรอยยิ้มคลุมเครือออกมา ดูเหมือนว่าการจะควบคุมที่นี่ จะไม่ได้ยากที่คิด

“ดูเหมือนพวกเจ้าจะไม่ถือว่าข้าเป็นประมุขของพวกเจ้าแล้วสินะ!” ขนคิ้วของสัวไค่เฟิงลุกชี้ชัน พร้อมกันนั้นกลิ่นอายของเขาก็ระเบิดออกมาในทันที

“ไม่ใช่อย่างนั้น…..” ในใจผู้อาวุโสหกอดไม่ได้ให้สั่นสะท้าน แต่ก็ยังคงโขกศีรษะลงกับพื้นแล้วพูดขึ้นว่า “ข้าแค่อยากให้ท่านตัดสินใจให้ดี จากนี้ข้ายินยอมชดใช้ทุกอย่างให้กับผู้อาวุโสรอง แต่ว่าการเข้ารับมรดกไม่สามารถให้เสียเปล่าได้! ตอนนี้สิทธิ์ในการเข้ารับมรดกเหลือไม่ถึงสิบครั้งก่อนที่จะสลายไป ดังนั้นทุกครั้งจำต้องใช้กับศิษย์ที่มีสายเลือดที่ดีที่สุด…..”

“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว เรื่องนี้ข้าได้ตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว!” สัวไค่เฟิงไม่สนใจเขา

ตอนนี้เขาเหลือเพียงแค่ศิลามรดกเท่านั้นแล้ว ที่จะทำให้อี้เทียนหยุนอยู่ และก็ถือเป็นการชดใช้ไปในตัว เพราะตอนนี้อย่างอื่นก็เปรียบได้กับของธรรมดา แม้กระทั่งอุปกรณ์ระดับเทวะเองก็ด้วย

จริงอยู่ที่อุปกรณ์ระดับเทวะนั้นทรงพลัง แต่จะเทียบกับอุปกรณ์ระดับเทวะที่มาเป็นเซ็ตได้ยังไง?

“ข้าต้องการลองทดสอบโชคชะตาของสายเลือดอีกครั้ง” ในตอนนี้เอง อี้เทียนหยุนก็ได้ก้าวออกมาพูด “ที่ผู้อาวุโสหกพูดมาก็มีเหตุผล หากว่าสายเลือดของข้าไม่มีคุณสมบัติจริงๆ ข้าก็เต็มใจที่จะยอมแพ้ในการเข้ารับมรดกในครั้งนี้!”

เขาไม่คิดว่ามันจะมีการจำกัดจำนวนครั้งเอาไว้ด้วย ดูเหมือนว่าศิลามรดกนี้จะถูกใช้มาหลายครั้งเกินไป จนอีกไม่นานก็จะพังลงแล้ว

ผู้คนพากันตกใจ นี่ไม่ใช่การตบหน้ากันใช่ไหม? เห็นได้ชัดว่าที่พวกเขาออกมาคัดค้านอย่างนี้ ก็เพราะไม่อยากให้คนอื่นใช้ที่นี่เท่านั้น และในตอนแรกที่อี้เทียนหยุนทำการทดสอบ มันเพียงแค่สร้างระลอกคลื่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งหากเปลี่ยนเป็นศิษย์ทั่วไป พวกเขาคงเสียหน้าจนตาย และไม่คิดที่จะทำการทดสอบนี้อีกตลอดชีวิต

แต่ตอนนี้อี้เทียนหยุนกลับต้องการทดสอบเพื่อตอกย้ำความเจ็บปวดเมื่อก่อนหน้าอีกอย่างงั้นเหรอ? เห็นได้ชัดว่าประมุขกำลังปกป้องเขาอยู่ หากว่าเขาไม่ยอมซะอย่าง มรดกนี้ก็ไม่มีทางหนีไปจากเขาได้อย่างแน่นอน แต่ในเมื่อตอนนี้เมื่อเขาพูดมันออกมา ก็ได้ทำให้ค่าความชอบของคนอื่นเพิ่มขึ้นในทันที

อี้เทียนหยุนที่เป็นที่เกลียดชัง มาตอนนี้กลับได้รับค่าความชอบเพิ่มสูงขึ้น อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตัวเลขติดลบอีกต่อไป

เขาไม่ได้สนใจจะดูค่าความชอบมานานแล้ว ในเมื่อเขาต้องวิ่งไปทุกที่ ดังนั้นจึงไม่ได้มีความคิดที่จะสยบอีกฝ่าย ทำให้ไม่สนว่าค่าความชอบจะเป็นยังไง และเขาเองก็ไม่อยากจะถูกผูกมัดอยู่ที่แดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนนี้ด้วยเช่นกัน

แต่ตอนนี้ดูแล้วเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้อย่างราบรื่น

ในใจผู้อาวุโสหกพลันมีความสุขเอ่อล้นออกมา พร้อมกับมองขึ้นมายังอี้เทียนหยุนแล้วพูดขึ้นว่า “งั้นคงต้องขอบคุณผู้อาวุโสรองมาก!”

เรื่องที่อี้เทียนหยุนขึ้นเป็นผู้อาวุโสรองนั้น พวกเขาไม่มีความเห็นอะไร เพราะถึงยังไงพลังที่เขามีอยู่ก็ไม่มีอะไรที่พวกเขาจะแย้งได้อยู่แล้ว ดังนั้นจึงทำได้เพียงยอมรับมันเท่านั้น ยังไงก็ตาม เรื่องการเข้ารับมรดกนั้นต่างออกไป หากว่าสายเลือดย่ำแย่เกินไป ก็ไม่คุ้มกับที่จะต้องเสียโอกาสไปจริงๆ

“นี่….” สัวไค่เฟิงขมวดคิ้ว จากนั้นก็พยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “งั้นก็ทดสอบเถอะ”

สีหน้าผู้คนพากันแปลกไป บ้างก็พากันส่ายหัว คิดว่าอี้เทียนหยุนนั้นต้องการขายหน้า สายเลือดตัวเองน่าผิดหวังขนาดนั้น ยังจะกล้าทดสอบอีก หากเปลี่ยนเป็นพวกเขา แค่ครั้งเดียวก็เกินพอ เพราะต่อให้ทดสอบสักกี่ครั้ง สุดท้ายผลก็ออกมาเหมือนเดิม

ยังไงก็ตาม พวกเขาก็ได้แต่คิดอยู่ในใจเท่านั้น ไม่ได้พูดออกไปต่อหน้า เพราะคำพูดก่อนหน้านี้ยังกระแทกใจพวกเขาอยู่ สายเลือดอ่อนแอแล้วยังไง ถึงยังไงตอนนี้ก็ประสบความสำเร็จ จนขนาดที่สามารถดูถูกเหล่าผู้กล้าที่โดดเด่นได้อย่างเกินพอ!

จากนั้น อี้เทียนหยุนก็เดินไปตรงหน้าศิลาสายโลหิต ขณะที่มุมปากหยักขึ้นเป็นรอยยิ้ม ใครบอกกันว่าสายเลือดของเขาจะต้องเป็นน่าผิดหวังอย่างแน่นอน? หลายปีมานี้ สายเลือดของเขากลายเป็นน่าสะพรึงขึ้นมากแล้ว

ส่วนสายเลือดราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนอะไรนั่นจะเป็นยังไงนั้น เขาก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่เขาเชื่อว่ามันจะต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน เรื่องนี้มีโอกาสเป็นไปได้มาก ในตอนนั้นเขาถูกพิษกระหายเลือดอยู่ ดังนั้นจึงทำให้เกิดเหตุการณ์เหมือนตอนนั้น

หากว่ายังแย่อีก แล้วเขายังจะผ่านการทดสอบเหล่านั้นได้อีกอย่างงั้นเหรอ?

จากนั้น เขาก็วางมือลงบนศิลาสายโลหิต พร้อมกับ “เปรี้ยง” มีลำแสงสายโลหิตกระโจนออกมา ยิงขึ้นไปบนท้องฟ้า

และเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ด้านบนก็ไม่ได้มีเพดานแต่อย่างใด แต่กลับเป็นพื้นที่ว่างเปล่า เหมือนกับสนามโล่งๆ แห่งหนึ่ง และเมื่อลำแสงสายนี้ยิงขึ้นไปบนท้องฟ้า ก็พลันทำให้ดาวดวงหนึ่งส่องสว่างขึ้นในทันที ตามติดมาด้วยดวงที่สอง! และแทบจะในเวลาเดียวกัน ดาวดวงที่ถูกก็จุดสว่าง จากนั้นก็เป็นดวงที่สาม!

ผู้คนต่างก็พากันมองด้วยความตกใจ การทดสอบสายโลหิตไม่ได้มีกฎหรือความต้องการอะไรสูงนัก เพียงแค่จุดสว่างดวงเดียวก็ถือว่าผ่านเกณฑ์แล้ว ตอนนี้เพิ่งจะเริ่ม ดาวก็จุดสว่างถึงสองดวงแล้ว กระทั่งว่าดวงที่สามเองก็ใกล้จะถูกจุดแล้วด้วย!

“นะ นี่คือสองดารา…. สายเลือดของลูกชายเราไม่ได้อ่อนแอ ไม่ได้อ่อนแอเลยจริงๆ!” เจียวหลิงเหอตื่นเต้น พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา

“อืม!” อี้ซิงเฉินเองก็พยักหน้าอย่างแรง ก่อนหน้านี้ที่ทดสอบไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่น้อย อย่าว่าแต่ดาวดวงเดียวเลย แม้แต่แสงยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ

ศิลาสายโลหิตนี้ไม่ได้ต้องการพลังวิญญาณเพื่อขับเคลื่อน ต้องการเพียงพลังสายเลือดที่ทำให้มันเคลื่อนไหวก็พอ

คนอื่นต่างก็พากันตกใจ คิดว่ายังไงก็ไม่มีทางที่ดาวจะติด แต่เพียงพริบตาก็จุดสว่างไปสองดวงแล้ว ไม่นานดวงที่สามก็สว่าง จากนั้นก็เริ่มไปดวงที่สี่

ที่นี่มีอยู่ด้วยกันเก้าดารา เพียงไม่นานเขาก็จุดสว่างไปมากกว่าครึ่ง

“ขะ เขาจะไม่จุดสว่างเกินห้าดวงใช่ไหม?”

ผู้คนพากันตกใจ ผู้อาวุโสใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดยังสามารถจุดสว่างได้เพียงสี่ดวงเท่านั้น! ก่อนหน้านี้ประมุขเองก็สามารถจุดได้ห้าดวง อี้ซิงเฉินและอี้เฟยหลงที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะอันดับ 1 ก็จุดได้ห้าดวง แค่นี้ก็เรียกว่าเป็นอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว

ส่วนเรื่องที่เกินห้าดวงนั้น เป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ตอนนี้แค่สี่ดาราก็ถูกจัดให้อยู่ในแกนหลักที่ต้องได้รับการฝึกฝนแล้ว

ตอนนี้อี้เทียนหยุนจุดสว่างสี่ดวงติดอย่างรวดเร็ว ทั้งยังพร้อมจะจุดดวงที่ห้าต่ออีกด้วย บนท้องฟ้าตอนนี้เปล่งประกายด้วยแสงเจิดจ้า ทำให้ทุกคนในแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนต้องแหงนหน้ามองด้วยสีหน้าแตกตื่น มองไปยังดวงดาราที่กำลังเปล่งประกายพวกนั้น ไม่รู้ว่าใครที่เป็นคนทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น?

“เปรี้ยง!”

ดาวดวงที่ห้าจุดสว่างอย่างสมบูรณ์ พร้อมกับเริ่มไปดวงที่หกต่อทันที หากให้ว่ากันเรื่องกำลังนั้นไม่มีปัญหา แต่ที่น่าตกใจคือความเร็วในการจุดสว่างที่เร็วมากต่างหาก แทบจะจุดสว่างในทันที ตอนนี้แม้กระทั่งดาวดวงที่หกก็เกือบจะสว่างอย่างสมบูรณ์แล้ว

“เปรี้ยง” ดาวดวงที่หกสาดประกายลงมายังแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน! สาดแสงส่องลงมาราวกับปาฏิหาริย์

ผู้คนพากันมองไปที่อี้เทียนหยุน มองไปที่เขาด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ ราวกับกำลังมองเทพเจ้าอยู่อย่างไงอย่างงั้น!

Crazy Leveling System

Crazy Leveling System

Status: Ongoing
อ่านนิยายCrazy Leveling System ปมเพาะไม่ได้เพราะเส้นลมปราณพิการอย่างงั้นเหรอ? ไม่ใช่ปัญหา! เพราะมีระบบเพิ่มเลเวล แสนบำคลั่งอยู่ เจ้าแค่หภารกิจ สังหารสัตว์อสูร ดูดกลืนพลังวิญญาณของคนอื่น หลอมยา หรือสลักอาคม แค่นี้เจ้าก็ได้ค่าประสบการณ์แล้ว! อะไรนะ! ค่าประสบการณ์ที่ได้มันต่ำไปอย่างงั้นเหรอ? อย่าได้กลัว เพราะข้มีปัตร ประสบการณ์ x2 หรือแม้กระทั่งปัตรประสบการณ์ x10 แค่นี้ค่าประสบการณ์ของเจ้าก็จะฟุง ทะยานราวกับพลุระเบิดแล้ว! น่าชัน อัจฉริยะ นายน้อยตระกูลใหญ่ จักรพรรดิผู้ครองอาณาจักร หรือกระทั่งอัจฉริยะที่ฟันปี จะมีสักครั้งอย่างงั้นเหรอ? เมื่ออยู่ต่อหนีระบบเพิ่มเลเวลแสนบำาคลั่งนี้ พวกมันลัวนถูกทิ้ง ห่างไปไกล! "เฮ้ย นี่ข้เลเวลอัพอีกแล้วเหรอ?" อี้เทียนหยุนที่ตื่นขึ้นมาและพบว่าเลเวลของเขาได้เพิ่มขึ้น อีกครั้ง.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset