Devil’s love ทิ้งรักของนายปีศาจไป – ตอนที่ 106 สมุดบันทึกเล่มนั้นที่มีความในใจซ่อนอยู่

“เอี๊ยด~” เสียงรถเบรกเสียดแก้วหู คนขับรถยื่นหน้าออกมาและด่า “เป็นบ้ารึไง อยากตายแม่น้ำหวงผู่อยู่ข้างหน้าน่ะ!”

“ขอโทษค่ะ ขอโทษที…” เจี่ยนถงรีบกล่าวทัก นับว่ายังเป็นโชคดี ดีที่คนชับรถเบรกรถได้เร็ว จึงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น

เซียวเหิงถลึงตาใส่คนขับรถคนนั้น “คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง? ชนคนแล้วยังจะกล้า?”

เซียวเหิงเกรี้ยวกราด คนขับรถจึงหวาดกลัวเล็กน้อยและด่ากระปอดกระแปด “ผัวเมียทะเลาะกันก็กลับไปทะเลาะที่บ้าน บ้าบอ” เขาพูดพลางขับรถออกไป

ถึงแม้เซียวเหิงจะมีท่าทางเกรี้ยวกราด แต่ก็รู้ว่าจะโทษคนขับรถก็ไม่ได้ แล้วจึงมองไปที่เจี่ยนถง เธอไม่ได้ล้มลงอย่างแรงแต่มีแผลถลอกแน่นอน

เขารีบวิ่งไปที่เจี่ยนถง “เจี่ยนถง อย่าขยับ ฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาล”

“คุณอย่าเข้ามา!”

เจี่ยนถงนั่งอยู่บนพื้น สีหน้าสงบลง

ท่ามกลางสายฝนที่ตกหนักบนพื้นดินที่เป็นโคลน เธอเงยหน้าขึ้นผ่านม่านฝน เสียงแหบพร่าดังขึ้นช้าๆ

“คุณเซียว ฉันไม่ต้องการความสุขใดๆ และฉันก็ไม่ต้องการการไถ่โทษ ชีวิตของฉันตอนนี้มันดีมาก รบกวนคุณอย่าได้มาวุ่นวายกับชีวิตฉันอีก” และอย่าเข้ามาในชีวิตฉันตามอำเภอใจอีก

เมื่อทุกสิ่งจมอยู่ในความมืด ลำแสงนั้นไม่ใช่การไถ่โทษ แต่เป็นความผิดและเป็นบาป

สีหน้าของเซียวเหิงเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาและช้อนสายตามองไปที่หญิงสาวแอ่งโคลนท่ามกลางสายฝน ฝนยังตกกระทบตัวเขาจนคิ้วเปียกชุ่ม เขาไม่สนใจผู้หญิงคนนั้นและก้าวเท้าเข้าไปหาเธอ

เจี่ยนถงสีหน้าเปลี่ยน “คุณอย่าเข้ามานะ!” น้ำเสียงแหบพร่าของเธอดังขึ้น!

เธอใช้การปฏิบัติจริงเพื่อปฏิเสธผู้ชายคนนี้ในการเข้ามาในชีวิตของเธอ

“คุณเซียว คุณรู้ไหมว่าฉันเป็นคนยังไง?” ท่ามกลางสายฝน เธอยิ้มเล็กน้อย สายฝนปกคลุมความเจ็บปวดในแววตาของเธอ แต่กลับทำให้รอยยิ้มของเธอยิ่งเจิดจ้า “คุณเซียว คุณมีเงินไหม? ถ้ามีคุณก็คือเศรษฐี ฉันเห็นแก่เงิน คุณเอาเงินมาที่ตงหวง ฉันไม่มีทางทำให้คุณผิดหวังแน่นอน”

เธอพูด “คุณเซียว ฉันจะรอคุณอยู่ที่ตงหวง”

เซียวเหิงมองไปที่ผู้หญิงในหลุมโคลนพยายามใช้มือและเท้าเพื่อลุกขึ้นมาอย่างลำบากและเดินกะเผลกไปกลางสายฝน

คำพูดของเธอยังดังอยู่ข้างหู คุณมีเงินไหม? ถ้ามีคุณก็คือเศรษฐี ฉันเห็นแก่เงิน คุณเอาเงินมาที่ตงหวง ฉันไม่มีทางทำให้คุณผิดหวังแน่นอน

ฉินมู่มู่เคยบอกเขาว่าเจี่ยนถงเห็นแก่เงิน เพื่อเงินเธอทำอะไรก็ได้

ตอนนั้นเขาไม่พูดอะไรและเข้าใจความกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเจี่ยนถง

แต่ตอนที่เขาสารภาพกับเธอ นำความจริงในใจเปิดเผยตรงหน้าเธอในวันนี้ เขาไม่คิดเลยว่าเธอจะเลือกรักเงินมากกว่าแบบนั้น

เซียวเหิงไม่โทษเจี่ยนถงที่หน้าเงิน…โลกนี้มีใครไม่ชอบเงินบ้าง?

แต่ว่ากลับรู้สึกหดหู่อยู่บ้างที่เจี่ยนถงเลือกที่จะทำในวันนี้

ตรงหน้าเธอ ส่วนหนึ่งคือความรู้สึกของเขาเซียวเหิงตัดสินใจจริงจังเป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าปีมานี้ อีกส่วนก็คือเรื่องเงินๆทองๆ…แต่ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะรักเงินมากกว่าหน่อย

เซียวเหิงอึ้งอยู่ตรงนั้นกระทั่งเจี่ยนถงเดินไปไกลจนมองไม่เห็นแล้ว เขาจึงได้สติและเมื่อคิดจะตามไปก็ไม่เห็นเธอแล้ว

เอื้อมมือไปเคาะหัว “คิดผิดแล้ว… ถ้าผู้หญิงคนนี้รักเงินมากล่ะก็ ก็ควรจะต้องจับตนเองไว้สิ?”

แต่ไม่ใช่การผลักไสเขา แต่จับเขาไว้ นี่มันเงินทองให้คว้าเอาไว้ ไม่ใช่เหรอ?

ทันใดนั้นเซียวเหิงก็เกิดสงสัยขึ้นมา…ทำไมกันนะ? เพราะคนแซ่เสิ่นงั้นเหรอ?

ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าใช่ เกิดความรู้สึกมั่นใจบนใบหน้าของเซียวเหิง “คนแซ่เสิ่น ไม่ช้าก็เร็วเจี่ยนถงจะต้องยอมรับฉัน”

……

เจี่ยนถงรีบกลับไปที่หอ พอถึงห้องก็รีบปิดประตูราวกับมีสัตว์ร้ายกำลังไล่ตามหลังเธอมา

เสื้อผ้าของเธอหลุดลุ่ยตอนที่สะดุดล้ม ดีที่คนขับรถคนนั้นยังเบรกรถทันและดีที่เธอใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว จึงไม่ได้รับบาดเจ็บมากมายตอนที่ล้มลงไป ฝ่ามือเธอมีแผลถลอกแต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร

หลังจากทำแผลที่ฝ่ามืออย่างลวกๆ ก็หยิบโทรศัพท์มือถือที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมาและลังเลพักหนึ่งก่อนจะโทรออกหาซูเมิ่ง “ฉัน…วันนี้อยากจะขอลาค่ะ”

ซูเมิ่งประหลาดใจและตั้งใจหยิบโทรศัพท์ออกมาและดูหน้าจอเพื่อให้มั่นใจว่าเป็นสายโทรเข้าของเจี่ยนถง เธอยังคงแปลกใจเล็กน้อย “เสี่ยวถง เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

“…ไม่มีอะไรค่ะ เหนื่อยนิดหน่อย อยากจะพักสักวัน”

ซูเมิ่ง “อือ” สั้นๆ และรู้สึกโล่งใจ “ก็ได้” เธอตอบอย่างกระปรี้กระเปร่า “เธอน่ะ ในที่สุดก็รู้สักที่ว่าควรพักผ่อน ได้ วันนี้พักผ่อนดีๆ ล่ะ ทางนี้เธอไม่ต้องห่วง”

โทรศัพท์ถูกวางสาย

เจี่ยนถงยืนขึ้น เดินไปที่โต๊ะไม้เล็กๆ ข้างหน้าต่างห้องนอนแล้วนั่งลง ค่อยๆ ดึงลิ้นชักออก และหยิบสมุดบันทึกออกมาจากด้านใน

หลังจากที่เธอได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำ เธอไม่มีงานอดิเรก และไม่มีกิจกรรมยามว่าง สมุดบันทึกเล่มนี้กลายเป็นงานอดิเรกเพียงอย่างเดียวของเธอและการใช้ชีวิตที่น่าเบื่อหน่ายหลังจากที่เธอได้รับการปล่อยตัว

เธอไม่ได้เขียนบันทึกนานแล้ว บันทึกล่าสุดที่เธอเขียน เนื้อหาคือ

‘ผ่านไปสามปี ฉันได้พบเขาอีกครั้ง’

ไม่มีการอธิบายอะไร ไม่มีการเขียนถึงอารมณ์ใดๆ มีเพียงคำแถลงเรื่องนี้เท่านั้น

เปิดสมุดบันทึกที่มีปากกาลูกลื่นอยู่ในนั้น เจี่ยนถงหยิบขึ้นมาแล้วเขียนช้าๆ

‘จู่ ๆ เซียวเหิงก็ปรากฏตัว เขาถามฉันอีกว่าเต็มใจจะเป็นแฟนของเขาไหม’

ตลอดมาเข้าใจผิดว่า การถามครั้งแรกนั้นก็เป็นเพียงความสนใจของผู้ชายคนนั้นจึงถามขึ้น

หลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอเขาอีก

แต่วันนี้เขาก็ปรากฏตัวตรงหน้าฉันอีกครั้งและคำถามเดิม

ฉันอยากจะคิดว่ามันคือเรื่องล้อเล่นมาก

แต่เซียวเหิงไม่ ฉันเห็นสายตาที่จริงจังและยืนกรานขนาดนั้นของเขา

เขาบอกว่าเขาจริงจัง และสายตาของเขาบอกฉันว่าเขาไม่ได้พูดโกหก

เขาบอกว่าเธอไม่จำเป็นต้องพยายามเข้าหาฉัน ให้ฉันเป็นฝ่ายเข้าหาเธอ เขาบอกว่าเขาจะทำให้ฉันมีความสุข ไม่ให้ฉันเสียน้ำตา

ความสุข…ใครไม่อยากได้บ้างล่ะ?

วินาทีนั้น ใจฉันเต้นนะ ใจสั่นไปครู่หนึ่ง ไม่อย่างนั้นไม่คิดจะถามเขาทันใด ‘’เจี่ยนถงในสายตาคุณเป็นแบบไหน‘

……ถ้าตอนนั้นใจฉันไม่ได้ใจเต้น ฉันคงไม่ถามแบบนั้น ที่ใจเต้นไม่ใช่เพราะเซียวเหิง แต่เป็นสิ่งที่เซียวเหิงพูดถึง “ความสุข”

ฉันอยากรู้ว่าฉันในสายตาของเขากับฉันในความจริงมันแตกต่างกันเพียงไร

ท้ายที่สุดฉันเห็นแก่ตัว ฉันสามารถพูดคุยเรื่องความต่ำต้อยและความลำบากของตัวเอง เปิดเผยด้านที่น่าอายที่สุดที่ต่อเขา ฉันสามารถจะบอกเขาไปตรงๆ ‘ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่คนที่งดงามอย่างที่คุณพูด’

ฉันสามารถจะให้เขาเห็นตัวตนของฉันในตอนนี้ ต่ำต้อย ขี้ขลาด ไร้ความสามารถ เย็นชา…อีกทั้งยังเห็นแก่ตัว!

ในตอนที่ฉันคิดจะพูดความจริงออกไป ฉันเห็นความจริงจังลึกในแววตาของผู้ชายคนนั้น มันจริงจัง ยืนหยัด และ…ใจจดใจจ่อมาก

นาทีนั้นฉันคิดถึงแต่ตัวเอง จู่ ๆ ฉันก็ไม่อยากให้เขาเห็นความน่าเกลียดของฉัน

ฉันรู้ ฉันไม่สามารถจะรักเขาได้…เพราะหัวใจที่ตายไปแล้วของฉันมันเต้นตามเครื่องกระตุ้นหัวใจที่ติดอยู่ในหัวใจของฉัน มันไม่สามารถจะรักใครได้ ฉันจะตอบสนองต่อความรู้สึกที่จริงใจได้ยังไง?

แต่ตอนนี้น้อยคนบนโลกใบนี้ที่จะยอมมองเธออย่างไร้สิ่งปรุงแต่ง ตั้งใจสบตาฉันอย่างจดจ่อและจริงใจ…จู่ ๆ ฉันก็เกิดกลัวมากว่าสายตาแบบนี้จะเปลี่ยนเป็นความรังเกียจและดูถูกเหมือนคนอื่น

เขาพูดขึ้นอีก ‘ลองดู ไม่ลองแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าจะไม่มีความสุข?’

ฉันรู้เลยว่า——มันไม่มีทางมีความสุข!

คนแบบฉัน แบกรับภาระหนี้ชีวิต จะมีสิทธิ์อะไรจะมีชีวิตที่มีความสุขใต้ดวงตะวันดวงนี้?

ใช้ชีวิตของอาลู่แลกมาซึ่งความสุขอย่างนั้นเหรอ?

เหลวไหล!

แต่ฉันยิ่งรังเกียจความสกปรกของตัวเอง!

ถึงแม้ฉันจะไม่กล้าจะยอมรับมันนับครั้งไม่ถ้วน แต่นี่ก็เป็นความจริง——

ฉันหนี…ไม่ใช่เพียงเพราะรู้สึกติดค้างอาลู่จนไม่ต้องการจะคาดหวังจะมีความสุข ฉันรู้ว่าฉันสกปรก สุดท้ายแล้วยังต้องใช้ประโยชน์จากคนที่ตายไปแล้วเพื่อหลีกหนีจากความรู้สึกของเซียวเหิง

อย่าเจอกันอีกเลย เขาเองก็คงไม่มาปรากฏตัวตรงหน้าฉันอีกแล้ว

แบบนี้ ก็ดีแล้ว

ชีวิตที่เหมือนน้ำนิ่งสงบไม่มีคลื่นลม นั่นคือสิ่งที่ฉันต้องการที่สุดในตอนนี้

ไม่สามารถจะฝืนทนพายุได้ เมื่อได้เงินมากพอ เมื่อถึงเวลาที่คนคนนั้นเบื่อกับทุกอย่าง ก็ถึงเวลาที่ฉันควรจะจากไป

ปิดสมุดบันทึก หญิงสาวลุกขึ้นและเปิดหน้าต่างปล่อยให้ฝนสาดเข้ามาเป็นครั้งคราว

สายฝนหนาวเหน็บจนจับเข้าไปในกระดูก เธอตัวหนาวสั่นและกอดอก ในหัวกลับชัดเจนเป็นประวัติการณ์

เธอชัดเจนว่าตอนนี้กำลังทำอะไร ชัดเจนกับทุกเรื่องที่เธอทำ

Devil’s love

Devil’s love

เซี่ยเวยเหมิงเสียชีวิตแล้ว เสิ่นซิวจิ่นส่งตัวเจี่ยนถงเข้าไปในเรือนจำหญิงสามปีในคุก คำพูดของเสิ่นซิวจิ่นที่ว่า“ดูแลเธอให้ดีๆ”ทำให้เจี่ยนถงทรมานและเปลี่ยนไปมาและเปลี่ยนไปมาก ยิ่งไปกว่านั้นคือตอนที่อยู่ในคุกถูก “ยินยอมที่จะบริจาคไตโดยไม่สมัครใจ”ก่อนเข้าคุก เจี่ยนถงพูด:ฉันไม่ได้ฆ่าเธอ เสิ่นซิวจิ่นไม่แสดงท่าทีอะไรหลังออกจากคุก เจี่ยนถงพูด:ฉันเป็นคนที่ฆ่าเซี่ยเวยเหมิง ฉันอาชญากรรมแล้วเสิ่นซิวจิ่นพูดด้วยสีหน้าซีดขาว:หุบปากไปเลย! อย่าให้ฉันได้ยินประโยคนี้อีก!เจี่ยนถงยิ้ม:จริงๆ ฉันเป็นคนที่ฆ่าเซี่ยเวยเหมิง ฉันติดคุกมาสามปี เจี่ยนถงหลบหนีไป เสิ่นซิวจิ่นตามหาเธอทั่วทุกมุมโลก เสิ่นซิวจิ่นพูด:เจี่ยนถง ฉันยกไตให้คุณ คุณมอบหัวใจให้ฉันเถอะ เจี่ยนถงเงยหน้ามองเสิ่นซิวจิ่น แล้วพูด…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset