Devil’s love ทิ้งรักของนายปีศาจไป – ตอนที่ 224 คืนนี้ฉันจะพิสูจน์ให้เธอเห็น

เอ๋อร์ไห่ในทางไกล เงียบสงบ

ยกเว้นหลู่หมิงชูที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น เขามักจะสร้างปัญหาเป็นครั้งคราว ทำให้โฮมสเตย์เล็กๆ ที่เงียบสงบเกิดปัญหาขึ้น

เขาบอกว่าจะว่ายน้ำ

ดวงตาของจาวจาวเกือบจะตาถลน “ทะเลสาบนี้ว่ายน้ำไม่ได้นะคะ”

ลู่หมิงชูยืนยันที่จะว่ายน้ำ “ฉันว่ายน้ำเก่ง จะว่าไปน้ำในทะเลสาบใสมาก ฉันไม่ไปไกลหรอก อยู่แค่แถวด้านหน้าเท่านั้นแหละ”

“แต่ว่าน้ำทะเลสาบมันว่ายไม่ได้จริงๆ…”

ก่อนที่จะพูดจบ จาวจาวก็จ้องไปที่ชายหนุ่มรูปงามที่บอกจะทำอะไรก็ทำ โบกมือแล้วพูดอะไรบางอย่าง “ฉันไปเปลี่ยนเสื้อ เดี๋ยวลงมา”

ลู่หมิงชูเดินไปและจาวจาวหันศีรษะไปมองผู้หญิงที่อยู่ข้างๆด้วยความงงงวย

“เถ้าแก่เนี้ย…พี่หมิงชูเขาคิดอะไรของเขา? จะทำยังไงฉันก็ไม่เข้าใจที่เขาพูดเลย?”

หญิงสาวเบ้ปาก “เธอรีบไปดูเถอะ ห้องที่เขาจองไว้ยังเหลืออีกหลายวัน รีบโพสต์ขายห้องบนอินเทอร์เน็ตเถอะ”

“เถ้าแก่เนี้ย!” จาวจาวเหมือนค้นพบโลกใหม่ เอามือข้างหนึ่งปิดปากของเธอแล้วชี้ไปที่ผู้หญิงบนเก้าอี้เอนกาย “โอ้~ฉันเข้าใจแล้ว! เถ้าแก่เนี้ย เถ้าแก่เนี้ยจะไล่พี่หลิงชูให้ไปไว ๆ ใช่ไหมคะ? ? ?”

หญิงสาวกลอกตา “เธอเพิ่งจะดูออกเหรอ?”

จาวจาวกำลังจะพูด เมื่อแสงจากมุมหางตาของเธอก็กวาดไปที่บางสิ่งบางอย่าง เธอหยุดและยืนอยู่ที่นั่นสักพักหนึ่ง จ้องมองไปที่คนที่มาอย่างตะลึงงัน

“จาวจาว? อ้าปากกว้างขนาดนั้นทำไม…” เสียงของผู้หญิงคนนั้นหยุดกะทันหัน และคราวนี้ เธอก็ตกตะลึงเช่นกัน…

ลู่หมิงชูยกมุมปาก อวดหุ่นสวยอย่างภาคภูมิใจ “ดีไหมล่ะ?” จู่ ๆ ก็ก้มตัวลงและกระซิบที่ข้างหูเบาๆ

“เธอกำไรแล้ว ปกติฉันไม่ให้ดูหรอกนะ”

ครู่หนึ่ง…

หญิงสาวเก็บสายตาที่ตกตะลึงนั้น “คุณ…หนาวรึเปล่า?”

ลู่หมิงชูนิ่งไปครู่หนึ่ง… “คุณ ไม่มีอย่างอื่นจะพูดแล้วเหรอ?”

เขากำลังสงสัยว่าเธอเป็นผู้หญิงรึเปล่า

“เถ้าแก่เนี้ย…คุณลองดูให้ละเอียดสิ ผมเป็นยังไง?”

ลู่หมิงชูในตอนนี้เหมือนกำลังประจบสอพลอผู้หญิงที่อยู่ในวังในสมัยโบราณ

หญิงสาวไม่ได้พูดอะไร จาวจาวชี้ไปที่นิ้วของผู้หญิงคนนั้น และจู่ ๆ ก็เปลี่ยนทิศทางชี้ไปที่ลู่หมิงชู

“พี่หมิงชู! พี่มีซิกแพคด้วยนะ! ซะ ซะ…เซ็กซี่มาก!” พูดจบ เลือดกำเดาอุ่นก็ค่อยๆ ไหลออกมาจากรูจมูก “ไม่ไหว ๆ พี่หมิงชู พี่รีบใส่เสื้อเถอะค่ะ

จริงๆ นะ! น้ำในทะเลสาบมันว่ายไม่ได้จริงๆ~”

เธอสงสัยอย่างยิ่งว่าพี่หมิงชูจงใจทำ จงใจแต่งตัวแบบนี้ โชว์เนื้อหนังแบบนี้ต่อหน้าเถ้าแก่เนี้ย

จาวจาวที่ยังอายุน้อย เธอดูละครเกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวันมาเยอะมาก ในสมองอันน้อยนิดของจาวจาว มีเรื่องทะลึ่งอยู่เต็มไปหมด

ผู้ช่วยที่มากับลู่หมิงชู ชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ยืนอยู่ที่มุมห้องโถงซึ่งไม่มีความรู้สึกว่ามีอยู่ ใบหน้าของผู้ชายคนนั้นเกิดความเขินอายและหน้าแดงขึ้น

ปรายตาและไม่คิดจะหันไปมองเจ้านายที่สง่างามของเขาอีก

เขาหน้าแดงแทนเจ้านายเข้าแล้ว

นี่มันอะไรกัน มุขจีบสาวยุคแปดศูนย์ คุณชายของเขา ไปเรียนมาจากไหนกันนะ?

ลู่หมิงชูจงใจเอนตัวลงไปตรงหน้าของผู้หญิงคนนั้น และรอยยิ้มที่อธิบายไม่ได้ก็ปรากฏขึ้นภายใต้ดวงตาของเธอ ดังนั้นเธอจึงถามอย่างแผ่วเบา

“คุณลู่ คุณจะหลงในหุ่นตัวเองไปรึเปล่า?”

“หรือว่าหุ่นผมไม่ดี?” ไม่ได้ดีกว่าไอ้บ้าเสิ่นซิวจิ่นเหรอ?

“เรื่องนี้เหรอ…หุ่นอย่างคุณลู่ ธรรมดามากเลยค่ะ ฉันเห็นมาหลายคนแล้ว”

ตึงๆ ๆ!

ลู่หมิงชูรู้สึกเหมือนโดนก้อนหินทุบ “คุณเคยเห็นหลายคนแล้ว?”

ที่เขาย้ำคือ “คุณเคยเห็น”

แต่พอไปถึงผู้หญิง สิ่งที่ย้ำกลับเป็น… “ใช่สิ เห็นหลายคนแล้ว”

“ผมไม่เชื่อ”

ผมไม่เชื่อ “คุณเห็นมาแล้ว” หลายคน

“ถ้าคุณลู่ไม่เชื่อล่ะก็ งั้นคืนนี้ฉันจะพิสูจน์ให้คุณเห็นเอง คุณลู่ คุณกล้าพนันกับฉันไหมล่ะคะ?”

“คืนนี้? คุณ? พิสูจน์? ให้ผมดู?” ทุกคำที่เขาพูดระคนไปด้วยความสงสัย

“ทำไมคะ? คุณลู่ไม่กล้าเหรอ?”

“ใครบอกผมไม่กล้า?” เพียงแต่ เธอจะพิสูจน์ให้เขาเห็นตอนกลางคืน…จะพิสูจน์ยังไง?

เขาลังเลครู่หนึ่งและยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่า เขามองผู้หญิงตรงหน้าอย่างสงสัย “กลางคืนเหรอ? คุณแน่ใจเหรอ?”

“ใช่ค่ะ กลางคืน”

ลู่หมิงชูใจเต้นตึกตักๆ

พิสูจน์ตอนกลางคืน ยิ่งกว่านั้นยังเกี่ยวข้องกับรูปร่าง…เธอคงจะไม่คิด…

“ได้ ผมพนันกับคุณ”

“อือ”

“อย่าเพิ่งรีบ พนันอะไร?

ชนะพนันแล้วผมจะได้อะไร?”

รอยยิ้มที่คำนวณได้ปรากฏขึ้นภายใต้ดวงตาของเขา เขาเป็นนักธุรกิจ และนักธุรกิจไม่มีทางยอมเสียเปรียบ

ผู้หญิงคนนั้นหลับตาลงเพื่อซ่อนรอยยิ้มลึกๆ ในดวงตาใสของเธอ

“ได้ คุณตัดสิน”

เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง รอยยิ้มก็ค่อยๆ กลับคืนมา แต่เมื่อเผชิญกับแสงแดด มันสะท้อนความงามที่แปลกประหลาดออกไป

หัวใจของลู่หมิงชูเต้นเร็วขึ้นและคอของเขาขยับเล็กน้อย

“คุณพูดแล้วนะ ผมตัดสิน ผมตัดสินใจอะไรคุณก็จะยอมรับเหรอ? ถ้าผมชนะ จะทำตามเงื่อนไขของผม?”

“ชักช้า”

ลู่หมิงชูแอบขบขัน หญิงสาวคนนี้ยังคงทำให้ตนเองช้า เธอไม่รู้ว่าเธอเข้าไปในถ้ำหมาป่าแล้ว หึ

เขามั่นใจในรูปร่างของเขามาก เขายังไม่เชื่อว่าเธอจะพิสูจน์ได้ว่ารูปร่างของเขาจะธรรมดา

ลู่หมิงชูรู้สึกว่าเขาเป็นยายหมาป่าที่โกหกหนูน้อยหมวกแดง และเขามีศักยภาพที่จะทำผลงานได้ดีในอุตสาหกรรมนี้

ผู้หญิงคนนั้นหลับตาลงและพยักหน้า

……

กลางคืนค่อยๆ มืดลง

บ่ายวันนี้ลู่หมิงชูคิดถึงความเป็นไปได้ทั้งหมดในใจของเขา เขาคิดถึงฉากต่างๆ นับไม่ถ้วน ด้วยรูปลักษณ์ที่ขี้อายของเธอ และความเย้ายวนอันมีเสน่ห์ของเธอ… ใช่แล้ว!

ลู่หมิงชูรู้สึกละอายใจกับจินตนาการของตัวเองและเกิดอารมณ์ขึ้นมา

ก๊อกๆ ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น เขาออกมาจากห้องน้ำพอดี

ก่อนที่จะเปิดประตูยังตั้งใจเปิดปกคอเสื้อของเสื้อคลุมอาบน้ำ แล้วจึงไปเปิดประตู

“ทำไมถึงเป็นเธอ? เถ้าแก่เนี้ยของพวกเธอล่ะ?”

จาวจาวไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับพรเช่นนี้ ดวงตาของเธอแทบจะถลนออกมา และทันใดนั้นก็ปิดจมูก “พี่หมิงชู คุณรีบใส่เสื้อผ้าเถอะค่ะ เถ้าแก่เนี้ยรอคุณอยู่ที่ลานจอดรถ”

“ลานจอดรถ? ทำไมถึงไปที่ลานจอดรถ…เฮ้ จาวจาว เธออย่าเพิ่งไป อธิบายก่อนสิ…”

“ไม่เอาๆ ๆ พี่หมิงชู ฉันน้ำตาลต่ำ ยังไงซะ ฉันไปก่อนนะคะ คุณรีบลงไปล่ะ ลงไปช้า เถ้าแก่เนี้ยโกรธนะคะ”

จาวจาวปิดจมูกและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

ลู่หหมิงชูไม่เข้าใจจึงได้แต่สงสัย เขาคว้าเสื้อแล้วออกจากห้อง

ในโรงแรมมีที่จอดรถเล็กๆ ที่เขาว่ากันว่าเป็นที่จอดรถ แต่จริงๆ แล้วเป็นที่เปล่า เทปูนแล้วเอามาทำเป็นที่จอดรถ

ลู่หมิงชูเห็นหญิงสาวยืนอยู่ข้างรถจากที่ไกลๆ

เดินเข้าไปไม่กี่ก้าว “ไม่ใช่บอกว่ากลางคืนจะพิสูจน์ให้ผมดูเหรอ?”

“ใช่ไง นี่ไม่ใช่ว่าจะพาคุณไปพิสูจน์หรอกเหรอ?”

ลู่หมิงชูหรี่ตาลง… “พาผมไปพิสูจน์? พาผมไปไหน?”

“เมืองโบราณต้าหลี่” เธอพูดแล้วขึ้นรถไปก่อน “คุณลู่ คุณยังจำทางได้รึเปล่า?”

ลู่หมิงชูขึ้นรถเงียบๆ และอยากจะดูว่าเธอจะทำอะไร

แต่ระหว่างเธอไม่ว่าเขาจะหลอกถามเธอยังไง เธอก็ไม่ปริปากสักนิด

จนกระทั่งถึงเมืองโบราณต้าหลี่ ลู่หมิงชูเดินตามเธอไป และเดินไปตามทางที่จะไปบาร์เหล้า

สองข้างทางของถนนสายหลักมีบาร์ที่ครึกครื้นอยู่หลายสิบแห่ง แต่ละแห่งมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง ไม่ร้องเพลงพื้นบ้านก็เพลงป๊อป

นักร้องนำมีทั้งผู้หญิงผู้ชาย

เธอกลับไม่ได้เดินเข้าไปแล้วหันเดินเข้าไปในตรอกเล็กๆ แล้วเข้าไปในบาร์แห่งเดียวในตรอก

“คุณพาผมมาที่นี่ทำไม?” ลู่หมิงชูมองดูนักเต้นชายหลายคนเต้นไปมาบนเวทีกลางบาร์ และมีผู้หญิงนับไม่ถ้วนตะโกนใส่นักเต้นชายที่ยัดเงินไว้ในกางเกงใน… ในใจของเขาเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดี “ผมยังมีธุระ ไปก่อนนะ” พูดแล้วก็รีบหันหลังจะเดินออกไป

กลับมีมือหนึ่งจับแขนเขา

“คุณลู่ เล่นพนันก็ต้องมีของพนัน คุณขนะก็ต้องทำตามเงื่อนไขคุณ ฉันชนะก็ต้องทำตามเงื่อนไขของฉันใช่ไหมคะ?

หากคุณลู่ไปตอนนี้ล่ะก็ แบบนั้นถือว่ายอมแพ้นะคะ ถ้าอย่างนั้นขอให้คุณลู่คืนห้องแล้วออกไปจากMemory House ส่วนเรื่องค่าเสียหาย ฉันจะรับผิดชอบเอง”

เธอไม่ได้โง่ ลู่หมิงชูมองตาเธอ เธอดูช่างคุ้นเคย…คุ้นเคยจน…เจ็บ!

ไม่ว่าเขาจะมีจุดประสงค์อะไร ไม่ว่าจะจริงจังหรือแค่เล่นๆ

ถ้าหากเล่นเธอคงไม่คิดจะเล่น ไล่เขาไปเป็นกฎของเธอ

ถ้าหากว่าเขาจริงใจ อย่างนั้น…เธอยิ่งไม่สามารถแสร้งทำเฉย ส่งให้เขาไปเป็นผลดีกับเขาเอง

อย่างไรเสีย——ไม่ให้ความหวัง เป็นความอ่อนโยนของเธอต่อคนแปลกหน้าคนนี้

แสงไฟในบาร์มืดเกินไป และเธอไม่สามารถมองเห็นช่วงเวลาที่หนาวเย็นบนใบหน้าของชายที่อยู่ข้างๆ เธอและเงาดำมืดในดวงตาของเขาได้

เมื่อไม่เห็นเขาพูดอะไรเธอจึงพูดขึ้น “คุณลู่ พวกเราไปกันเถอะ”

เธอก้าวขาจะเดินไปแล้วถูกคนข้างหลังดึงกลับ และได้ยินเสียงที่ไม่รู้ว่าอยู่ในอารมณ์ไหนดังเข้ามาในหูเธอ “ตั้งแต่เริ่มที่ยังไม่มีเดิมพันอะไร คุณก็คิดจะไล่ผมไปอยู่แล้วใช่ไหม?”

เมื่อได้ยินเสียงที่ไม่สามารถระบุอารมณ์ได้ เธอตัวสั่นอย่างอธิบายไม่ถูก “สิ่งนี้…ดีกับคุณที่สุดแล้ว”

เธอพูดบางอย่างที่ไม่เกี่ยวข้อง แต่ชายที่อยู่ข้างๆ เธอยิ้ม โน้มตัวลงมา ลมหายใจร้อนก็เข้าเต็มหูของเธอในทันใด

“ผมเอาด้วย”

เขาพูดคำสองคำเงียบๆ ข้างหูของเธอ ผู้หญิงเพียงรู้สึกว่าแขนที่จับได้ของเธอคลายขึ้นทันที และแหล่งความร้อนรอบๆ ตัวเธอก็สลายไป ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องก็ดังมาจากหูของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า

เธอหันไปมองร่างที่อยู่บนเวทีโดยไม่รู้ตัว… เธอตกตะลึง

เธอแค่อยากจะขู่เขาด้วยสิ่งนี้ เธอต้องการทำให้เขากลัว เธอไม่ได้คาดหวังว่าชายที่เจอริมน้ำจะลดศักดิ์ศรีของเขาลงจริงๆ แล้วเดินขึ้นไป

เขาเป็นที่รักในสปอตไลท์ ดึงดูดสายตาทุกคนในคราวเดียว

กระดุมเสื้อเชิ้ตที่ใช้บ่อยที่สุดที่ปลายนิ้วของเขาถูกปลดทีละเม็ด มันกลายเป็นตัวการที่ทำให้ผู้หญิงนับไม่ถ้วนกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง…มีเสน่ห์เหลือเกิน

เมื่อกระดุมบนเสื้อถูกปลดออกโดยปลายนิ้วของเขา เมื่อปลดเสื้อแล้ว พวกผู้หญิงในกลุ่มผู้ชมก็กรี๊ด “ถอดเลย! ถอดเลย! ถอดเลย!”

และมีคนโยนเงินขึ้นไปบนเวที

ชายหนุ่มบนเวที ด้วยการเคลื่อนไหวง่ายๆ และถอดเสื้อเชิ้ตของตัวเอง ทันใดนั้นเองเสียงกรี๊ดก็กลบเสียงดนตรีจนหมด

และผู้ชายที่มองผ่านผู้ชมที่ส่งเสียงกรีดร้อง ในสภาพแวดล้อมที่มืดสลัวนี้ ก็พบผู้หญิงคนนั้นอย่างแม่นยำ

เธอ ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น สายตาของชายผู้นั้นอยู่บนเวที อย่างอธิบายไม่ถูก… ความเจ็บปวดที่หายไปนาน ความรู้สึกคุ้นเคยเกิดขึ้น

เธออยู่ข้างล่างเวทีและริมฝีปากซีดขาวเล็กน้อย แต่แสงไฟนั้นไม่ชัดเจน เธออ้าปากแล้วพูดกับคนที่อยู่บนเวที “พอแล้ว”

เสียงดนตรีโดยรอบและเสียงกรี๊ดที่ดังเกินไป ดูเหมือนว่าเธอกำลังพูดกับคนบนเวทีแต่ดูเหมือนว่าเธอกำลังพูดกับตัวเองเสียมากกว่าเพราะมันไม่สามารถเข้าถึงหูของชายคนนั้นบนเวทีได้เลย

แต่หลังจากที่ผู้ชายคนนั้นอ่านริมฝีปากของเธอว่า “พอแล้ว” ได้แล้ว ก็ยิ้มเยาะออกมาเบาๆ แต่เขาก็ไม่ได้หยุด มือของเขายื่นลงไปปลดเข็มขัดกางเกงผ้าออก

“กรี๊ด! ถอดเลย! ถอดเลย! ถอดเลย!”

ภายใต้สายตาที่กระตือรือร้นนับไม่ถ้วน ชายผู้นั้นกระตุกเข็มขัดของเขา…

Devil’s love

Devil’s love

เซี่ยเวยเหมิงเสียชีวิตแล้ว เสิ่นซิวจิ่นส่งตัวเจี่ยนถงเข้าไปในเรือนจำหญิงสามปีในคุก คำพูดของเสิ่นซิวจิ่นที่ว่า“ดูแลเธอให้ดีๆ”ทำให้เจี่ยนถงทรมานและเปลี่ยนไปมาและเปลี่ยนไปมาก ยิ่งไปกว่านั้นคือตอนที่อยู่ในคุกถูก “ยินยอมที่จะบริจาคไตโดยไม่สมัครใจ”ก่อนเข้าคุก เจี่ยนถงพูด:ฉันไม่ได้ฆ่าเธอ เสิ่นซิวจิ่นไม่แสดงท่าทีอะไรหลังออกจากคุก เจี่ยนถงพูด:ฉันเป็นคนที่ฆ่าเซี่ยเวยเหมิง ฉันอาชญากรรมแล้วเสิ่นซิวจิ่นพูดด้วยสีหน้าซีดขาว:หุบปากไปเลย! อย่าให้ฉันได้ยินประโยคนี้อีก!เจี่ยนถงยิ้ม:จริงๆ ฉันเป็นคนที่ฆ่าเซี่ยเวยเหมิง ฉันติดคุกมาสามปี เจี่ยนถงหลบหนีไป เสิ่นซิวจิ่นตามหาเธอทั่วทุกมุมโลก เสิ่นซิวจิ่นพูด:เจี่ยนถง ฉันยกไตให้คุณ คุณมอบหัวใจให้ฉันเถอะ เจี่ยนถงเงยหน้ามองเสิ่นซิวจิ่น แล้วพูด…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset