Devil’s love ทิ้งรักของนายปีศาจไป – ตอนที่ 271 ไอ้ทึ่มคนนั้นหัวเราะอย่างไร้เดียงสา

พักสังเกตอาการในโรงพยาบาลที่อิตาลี จนกว่าสถานการณ์ของเสิ่นซิวจิ่นจะดีขึ้น ถึงจะกลับไปที่เมือง S

แต่………..

มองดูนิ้วมือที่เรียวยาวตรงชายเสื้อของตัวเอง เจี่ยนถงบอกไม่ถูกว่าตอนนี้รู้สึกยังไง

แล้วมองไปที่ดวงตาที่ระมัดระวังของเด็กทุกอย่างเปลี่ยนไปในชั่วข้ามคืน

เรื่องนี้ ไม่ค่อยมีคนรู้ นอกจากไป๋ยู่สิงและซีเฉิน แล้วยังมีพวกบอดี้การ์ดที่ติดตามเสิ่นซิวจิ่นมาตั้งแต่เด็ก

จากเสิ่นเอ้อจนถึงเสิ่นสือทั้งแปดคนจะไม่มีใครเปิดเผยแน่นอน(ในภาษาจีนเอ้อแปลว่าสอง สือแปลว่าสิบ)

ไป๋ยู่สิงและ ซีเฉินยิ่งไม่มีทาง

แต่ คนคนนี้เปลี่ยนไปจริงๆ

ตอนที่อยู่อิตาลีก็ยังโอเค แต่เมื่อกลับมาถึงเขตเมือง S ก็ยากที่จะรับประกันว่าจะไม่มีใครรู้

ณ เวลานั้น แต่ก็คิดวิธีอื่นไม่ออก

ไป๋ยู่สิงค่อนข้างมีสติ “ตอนนี้ทำได้เพียงให้อาซิว‘ลาพักผ่อน’”

ซีเฉินพยักหน้าอย่างหนัก“ตอนนี้ก็คงทำได้เพียงเท่านี้ แต่หวังว่าอาการของอาซิวจะดีขึ้นในระยะเวลาสั้นๆนี้”

แม้ว่า จะกล่าวเช่นนี้ แต่ทุกคนก็รู้ในใจว่า ความเป็นไปได้นั้น น้อยมาก

“ห้ามให้โลกภายนอกรู้สถานการณ์จริงของอาซิวโดยเด็ดขาด” ไป๋ยู่สิงไตร่ตรองสักครู่ “อย่าลืมนะ ในตระกูลเสิ่นยังมีลู่หมิงชูคนคนนั้น ไม่ว่าจะเป็นท่านแก่เสิ่นหรือลู่หมิงชูต่างก็ไม่ได้โง่ คงจะไม่ยอมปล่อยโอกาสครั้งนี้ไปแน่นอน

เวลานี้ ถ้าสามารถถ่วงเวลาได้นานแค่ไหนก็ถ่วงไว้นานเท่านั้นก่อน”

“เช่นนั้นก็ตามนี้ก่อน ฉันจำได้ว่าที่เกาะฉงหมิงอาซิวมีคฤหาสน์ส่วนตัวอยู่หนึ่งหลัง

ที่แห่งนั้น ตั้งอยู่ในเขตชานเมืองมีประชากรเบาบาง มีความเป็นส่วนตัวสูง ทิวทัศน์ก็ดี เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อน”

ตอนนี้ก็คงทำได้แค่นี้

แม้แต่เจี่ยนถง ก็คิดหาวิธีที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว

“ช่วงที่อาซิวไม่อยู่ที่บริษัท ก็ต้องมีคนคอยจัดการบริหารงานในบริษัทเสิ่นซื่อกรุ๊ปทุกอย่าง”

นี่เป็นปัญหาใหม่

ซีเฉินตบฝ่ามือหนึ่งที “เรื่องนี้ไม่ยาก ให้อาซิวออกคำสั่งชั่วคราว คุณกับฉันก็เป็นตัวแทนของอาซิวอยู่แล้ว ก็ถือว่าเป็นมือซ้ายมือขวาของอาซิว ในเวลานี้ออกมาช่วยดูแลบริษัทเสิ่นซื่อกรุ๊ป ทุกคนก็คงจะไม่สงสัย

เหตุการณ์เช่นนี้ เมื่อก่อนก็เคยมี”

พูดแล้วหันไปมองเจี่ยนถง

เจี่ยนถงแตะจมูก จะมองเธอทำไม?

“แต่ภายใต้แผนการทั้งหมด ต้องการความร่วมมือจากคุณ ‘คุณนายเสิ่น’”

ซีเฉินพูดอย่างจริงจัง และเน้นหนักที่สามคำนี้

และในเวลานี้สมองของเจี่ยนถงกำลังสับสน พยักหน้าอย่างมึนๆ

ตอนนี้เธอก็ยังคงยอมรับไม่ได้ อยู่ดีๆก็กลายเป็นแบบนี้

ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ไป๋ยู่สิงและซีเฉินก็ลงมือทำทุกอย่าง

หลังจากกลับมาเมืองSจากอิตาลี ก็ไม่ล่าช้า เพราะครั้งนี้เสิ่นซิวจิ่นอยู่ที่อิตาลีใช้เวลาค่อนข้างนาน ทางด้านท่านแก่เสิ่นก็เหมือนจะรู้ตัวบ้าง ขณะที่เสิ่นซิวจิ่นกลับมาถึงเมืองS ก็ให้คนไปแจ้งว่า “คุณปู่คิดถึงคุณชาย หวังว่าคุณชายจะกลับบ้านใหญ่ด้วย”

บนชั้นสองของคฤหาสน์ตระกูลเสิ่นหลังราวบันได มีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ พูดด้วยสีหน้าเย็นชา “กลับไปเรียนท่านปู่ ช่วงนี้งานค่อนข้างยุ่ง ให้ท่านปู่ดูแลสุขภาพด้วย”

คนที่มาบ้านใหญ่ที่อยู่ชั้นล่างไม่ได้รับผลตอบรับที่ดี มองดูผู้ชายที่อยู่หลังราวบันได แล้วก็เดินออกไป

เมื่อคนคนนั้นออกไปแล้ว คนหลังราวบันได ชายผู้นั้นเปลี่ยนสีหน้าทันที หันกลับมาขอคำชมอย่างใจจดใจจ่อ

“พี่สาว ฉันทำได้ดีไหม?”

เจี่ยนถงยืนอยู่หลังเขาอย่างเงียบๆ

“ดี……..” เธอเปิดปากชม เมื่อกี้ เธอเกือบจะคิดว่า ความจำเสื่อม ลืมทุกอย่าง ทั้งหมดล้วนเป็นของปลอม เขาแกล้งทำทั้งนั้น

ความเย็นชา และน้ำเสียงที่เยือกเย็น ถ้าไม่ใช่ตัวตนของเสิ่นซิวจิ่น แล้วใครจะที่เหมือนได้ขนาดนี้?

แต่ความคิดนี้เป็นเพียงชั่วพริบตาก็ถูกผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าแย่งเอาความดีเข้าตัว ทำลายกับมือตัวเอง

ถ้าเสิ่นซิวจิ่นมีสติจริงๆ เขาจะแสดงความอ่อนแอง่ายๆได้อย่างไร?

สีหน้าแววตาที่เอาใจเอาความดีเข้าตัว……..เจี่ยนถงนึกภาพไม่ออก ถ้าผู้ชายตรงหน้า มีสติจริงๆ คงไม่มีทางแสดงสีหน้าในตอนนี้แน่นอน

เสิ่นซิวจิ่นที่โดดเดี่ยว

เสิ่นซิวจิ่นที่เย็นชา

เสิ่นซิวจิ่นที่ไม่แยแส

เสิ่นซิวจิ่นที่โหดร้าย

ซึ่งไม่มีเสิ่นซิวจิ่นที่แสดงความอ่อนแอเพื่อเอาใจเอาความดีเข้าตัว

เธอก็พูดอะไรไม่ได้

แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่รู้สึก ในใจ พยายามที่จะมองข้ามความเหงาและความผิดหวัง

“ฉันทำได้ไม่ดีใช่ไหม?” บนชายเสื้อ มือข้างนั้นก็ยื่นมาอีกครั้ง เจี่ยนถงตะลึง ในขณะที่ตื่นตระหนก ก็ดึงสติกลับมา ไม่รู้เมื่อครู่นี้สติล่องลอยไปไหนมา

“ดี”

ดวงตาของคนคนนั้นเป็นประกายขึ้นอีกครั้ง รีบเอาศีรษะใกล้เข้าไปทันที

“………ทำอะไร?” มองดูศีรษะที่ดำ เจี่ยนถงงงเล็กน้อย

“รางวัล พี่ยู่สิงพูด ทำได้ดี พี่สาวจะมีรางวัลให้” คนคนนั้นเงยหน้าขึ้นทันที โชว์หน้าออกมาเล็กน้อย บนใบหน้าที่หล่อเหลานั้นในดวงตาสีดำคู่นั้น เต็มไปด้วยความปรารถนา

“……..” เธออ้างค้าง ในใจรู้สึกผิดหวังอีกครั้ง ……จริงเหรอ? จำอะไรไม่ได้เลยเหรอ?

“ไม่มีรางวัลเหรอ” แววตาของคนคนนั้น เกือบจะร้องไห้ออกมาออกแล้ว

เจี่ยนถงจัดริมฝีปาก “มี อาซิวทำได้ดีมาก” เธอมีความรู้สึกที่พูดไม่ค่อยออก เอื้อมมือไป ลูบศีรษะดำๆที่อยู่ตรงหน้า

เวลาต่อมา ไหล่หนักขึ้น เธอมองดูผู้ชายที่เอาหัวพิงบนไหล่ของเธอด้วยความตะลึง เห็นด้านข้างของหน้าอย่างคลุมเครือ ด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ

เป็นความสุขที่บริสุทธิ์

“คุณ……จำอะไรไม่ได้แล้วจริงๆเหรอ?”

คำพูดนี้ ติดอยู่ในลำคอ สุดท้าย เธอก็ไม่ได้พูดออกไป

ไป๋ยู่สิงเดินมาจากด้านหลัง “ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ส่งอาซิวไปได้แล้ว”

รถคันหนึ่ง ออกมาจากบ้านตระกูลเสิ่นวิ่งขึ้นทางด้วยมุ่งหน้าสู่เกาะฉงหมิง

ระหว่างทางไม่มีการพูดคุย รถขับไปเรื่อยๆบนทางหลวงเจี่ยนถงมองด้านข้าง มองดูผู้ชายคนนั้นที่พิงไหล่ของตัวเองแล้วหลับไป

เธอคิดถึงอดีต ทั้งเรื่องดีและไม่ดี เธอตอนก่อนติดคุก และหลังติดคุก

ในความทรงจำของเธอ คนคนนี้ครอบครองครึ่งชีวิตของเธอ ทุกๆภาพในความทรงจำ ล้วนมีภาพของคนคนนี้อยู่ด้วย

แต่ในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย ก่อนติดคุกหรือหลังติดคุก ก็มีเพียงเธอคนเดียวที่จำมันได้ แต่คนที่อยู่เป็นอีกส่วนในชีวิตเธอ เขากลับจำอะไรไม่ได้เลย

ฝ่ามือที่วางบนขา มันกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว กำไว้แน่นจนฝ่ามือของเธอมีรอยเล็บเต็มไปหมด

จนในอากาศเต็มไปด้วยความอึมครึม เธอหันศีรษะมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างกะทันหัน มองฉากนอกรถที่ถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว ในหัวใจค่อยๆหายไปทีละน้อย

เขา จำไม่ได้แล้ว

ความรักความเกลียด ความทุกข์และสิ่งพัวพันเหล่านั้น มันได้กลายเป็นความทรงจำของเธอคนเดียวแล้วจริงๆ

สิ่งที่ซ่อนอยู่ หมัดที่กำไว้อย่างแน่นบนขา สั่นเล็กน้อย เหมือนกำลังอดทนกับอะไรบางอย่างอยู่

รถลงจากทางด่วนขับไปทางชานเมือง ยิ่งขับก็ยิ่งห่างไกลมากขึ้นเรื่อยๆ

เลี้ยวเข้าไปในถนนเล็กๆที่ไม่โดดเด่น ต้นไม้สูงตระหง่านสองข้างทาง

แล้วขับต่อไปอีกสี่สิบนาที จึงจะเห็นบ้านที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางต้นไม้อยู่ไม่ไกล

“ถึงแล้ว”

หลายคนลงรถ คนคนนั้นหลับสนิทมาก ไป๋ยู่สิงก้มลง ค่อยๆดึงเสิ่นซิวจิ่นออกจากไหล่ของเจี่ยนถง แล้วช่วยกันแบกคนคนนั้นกับซีเฉินคนละข้าง เดินเข้าไปในคฤหาสน์

ซีเฉินได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว

เสิ่นเอ้อกับเสิ่นซานมาถึงที่นี่ก่อนล่วงหน้าแล้ว

ตอนนี้ คฤหาสน์ที่เงียบแห่งนี้ ในที่สุดก็มีคนมา

เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็สั่งเสิ่นเอ้อกับเสิ่นซานอยู่ที่นี่ ดูแลเสิ่นซิวจิ่นให้ดี

เจี่ยนถงกับไป๋ยู่สิงและซีเฉินพวกเขา ก็รีบกลับเมือง Sทันที

ไป๋ยู่สิงกับซีเฉินยังมีธุระอีกมากมายที่ต้องไปจัดการ

บริษัทเสิ่นซื่อกรุ๊ปที่เมือง S จะขาดคนดูแลไม่ได้ มิฉะนั้น จะทำให้เกิดความสงสัยได้

เสิ่นซิวจิ่นเขา เพียงแค่ “ลาพักผ่อน” เท่านั้น

เจี่ยนถงยังต้องดูแลทุกส่วนของเจี่ยนซื่อกรุ๊ป

ไม่เพียงแต่เจี่ยนซื่อกรุ๊ป ยังมีตระกูลเจี่ยนด้วย

ทุกอย่างเรียบร้อยดี

เสิ่นเอ้อโทรมา บอกว่าหลังจากที่ตื่นมา ก็เรียกหาแต่พี่สาวของเขา

เขากับเสิ่นซานต้องใช้ความพยายามอย่างมาก จึงจะเกลี้ยกล่อมคนคนนั้นไว้ได้

ส่วนวิธีการเกลี้ยกล่อมนั้น ก็ไม่ได้บอกอย่างละเอียด

แต่คนคนนั้นถูกเกลี้ยกล่อมจนไม่สร้างปัญหาอีก อยู่ที่เกาะฉงหมิงอย่างเงียบๆ ในคฤหาสน์ที่เงียบสงบแห่งนั้น

เจี่ยนถงก็ยุ่งจนแทบไม่ได้หยุดพักเลย

ระหว่างที่เธอเดินทางไปอิตาลีติงหน่วนเคยมาหาเธอ วิเวียนก็ให้เหตุผลว่าเธอออกไปทำงานนอกสถานที่ แล้วติงหน่วนก็กลับไป

แต่ในตอนนี้ เธอกลับมาแล้ว ติงหน่วนก็กลับมาหาเธออีกครั้ง

“คุณนายเสิ่น ที่โรงพยาบาลติดต่อมา บอกว่าผลการจับคู่ออกมาแล้ว” ติงหน่วนพูดอย่างระมัดระวัง “ฉันกำลังรอคุณไปโรงพยาบาลพร้อมกัน”

“คุณดูสิ คุณออกไปทำงานนอกสถานที่ ฉันก็ไม่กล้าไปโรงพยาบาลคนเดียว พวกเราไปรับผลตรวจที่โรงพยาบาลพร้อมกัน ว่าผลตรวจเป็นอย่างไร ตอนนี้ฉันเองก็ไม่รู้เช่นกัน”

ติงหน่วนกำลังอธิบาย

เจี่ยนถงยกแขนขึ้นมา มองดูนาฬิกาที่ข้อมือ โทรภายใน “วิเวียน เตรียมรถให้ด้วย”

เวลาที่เธอสามารถแบ่งออกมาได้นั้นไม่มาก

เมื่อพวกเธอไปถึงที่โรงพยาบาล ถึงได้รู้ว่า คุณหญิงเจี่ยนก็อยู่ด้วย เจี่ยนโม่ป๋ายหน้าซีด ยืนอยู่ตรงนั้น

เจี่ยนถงมองอยู่ไกลๆ ทันใดนั้นในใจก็รู้สึกแปลกๆ

เจี่ยนโม่ป๋ายผอมลงเยอะมาก

เธอเหลือบมองไปสายตามองไปที่คุณหญิงเจี่ยน “คุณหญิงเจี่ยนก็มาด้วยเหรอ”

“เสี่ยวถง” ใบหน้าของคุณหญิงเจี่ยนดูแก่ชราลงเยอะมาก ขอบตาร่องน้ำตรงหางตาก็ชัดขึ้น

เจี่ยนถงมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นคนที่สมควรอยู่ตรงนี้ “ทำไม?เรื่องสำคัญเช่นนี้ คุณเจี่ยนถึงไม่อยู่ที่นี่?”

เจี่ยนเจิ้นตงไม่ได้มา

เรื่องที่เกี่ยวข้องกับลูกชายทั้งสองคนของเขา เจี่ยนเจิ้นตงในฐานะที่เป็นพ่อ มีเพียงเขาคนเดียวที่ไม่อยู่ที่นี่ในเวลานี้

เจี่ยนถงแสดงการเสียดสีออกทางสายตา มองผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ติงหน่วนสีหน้าดูเขินๆหน่อย“เจิ้นตงเขาเป็นหวัด พักอยู่ที่บ้าน ก็เลยไม่ได้มา”

เธอไม่เปิดปากพูดจะดีกว่า เมื่อเธอพูดออกมา คุณหญิงเจี่ยนที่อยู่ข้างๆก็อดกลั้นไม่ไหว “เจิ้นตงเจิ้นตงเรียกอย่างใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก ก็ของเน่าที่ยั่วผู้ชายที่เขามีเมียแล้ว”

ติงหน่วนสีหน้าดูแย่ทันที “คุณหญิงเจี่ยน ที่นี่เป็นที่สาธารณะนะ!” เธออดทน กำหมัดไว้อย่างแน่น

“เป็นที่สาธารณะแล้วจะทำไม คนเล่นชู้อย่างพวกคุณ กล้าทำเรื่องที่ไร้ยางอายเหล่านี้ แล้วคนอื่นไม่มีสิทธิ์พูดหรือไง?”

คุณหญิงเจี่ยนยิ่งดูถูกเหยียดหยามไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น

เจี่ยนถงเม้มริมฝีปาก “คุณหญิงเจี่ยนคุณติง พวกเราไปรับผลรายงานกันเถอะ” เธอจะไม่มีทางห้ามมวยสองคนนี้แน่นอน แต่ ก็ไม่มีเวลาอยู่ที่นี่นานพอ ที่จะมาฟังเมียหลวงกับเมียน้อยของเจี่ยนเจิ้นตงมาถกเถียงกัน

ดูเหมือนเหนื่อยหน่อย ช่วงนี้เหนื่อยเป็นพิเศษ โดยเฉพาะหลังจากกลับจากอิตาลีเจี่ยนถงก้าวไปข้างๆครึ่งก้าว เอนหลังพิงกำแพงเล็กน้อย

หลังจากผลจับคู่ ออกมาแล้ว คุณหญิงเจี่ยนแย่งไปอย่างรวดเร็ว อ่านหนึ่งรอบ เหมือนไม่กล้าเชื่อ พลิกดูรายงานอย่างใจจดใจจ่ออีกครั้ง

เจี่ยนโม่ป๋ายก็ถามอย่างใจจดใจจ่อ

“แม่ ประสบความสำเร็จไหม?ประสบความสำเร็จหรือยัง?”

การเร่งของเขา ไม่ต้องพูดก็เห็นได้ชัด

คุณหญิงเจี่ยนหน้าซีด เจี่ยนโม่ป๋ายแย่งมาแล้ว เมื่อเขาได้รายงานมา ก็รีบอ่านดูอย่างรวดเร็ว หลังจากเห็นผลแล้ว เดินเซไปสองสามก้าว นั่งลงบนเก้าที่พิงกำแพง “ทำไมถึง……..”

“ฉันไม่เชื่อ……..ฉันไม่เชื่อ………”

เจี่ยนถงยื่นมือออกมาหนึ่งข้าง แล้วรับรายงานฉบับนั้นมา

เมื่อเห็น ก็ขมวดคิ้ว ……ไม่สำเร็จเหรอ?

ยังไม่สำเร็จอีกเหรอ?

แล้วมองเจี่ยนโม่ป๋ายที่กำลังตกตะลึง เธออยากพูดอะไรเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา

แต่เจี่ยนโม่ป๋ายเหมือนคิดอะไรออก จับมือของเจี่ยนถงไว้

“เสี่ยวถง ตอนนี้มีเพียงคุณเท่านั้นที่สามารถช่วยฉันได้”

เขาเอาความหวังทั้งหมดที่มี เดิมพันที่เธอ

ใจของเจี่ยนถงจมลงกะทันหัน

“ปล่อย”

“เสี่ยวถง คุณจะช่วยพี่ใช่ไหม” เจี่ยนโม่ป๋ายจับมือของเจี่ยนถงไว้แน่น ยิ่งจับยิ่งแน่น มองเจี่ยนถงอย่างมีความหวัง “ใช่ไหม?”

หัวใจของเธอยิ่งอยู่ยิ่งจมลงเรื่อยๆไม่พยายามเอามือของเจี่ยนโม่ป๋ายออกอีก แค่มองตาอีกฝ่าย จ้องมองอยู่สักพัก ภายใต้สายตาที่กังวลของเจี่ยนโม่ป๋าย แล้วพูดเบาๆว่า

“คุณจะให้ฉัน คนที่มีไตเพียงข้างเดียวมาช่วยคุณ แล้วฉันควรทำอย่างไร”

ไม่เกี่ยวข้องกับอะไรทั้งนั้น ไม่ใช่เพื่อวัตถุประสงค์ใดๆ เธอแค่อยากรู้ว่า ในใจของ“พี่ชาย” คนที่เกิดจากแม่คนเดียวกันกับเธอ โตมาด้วย เขาจะวางแผนอนาคตอย่างไรให้เธอ

เธอแค่อยากรู้คำตอบของคำถามนี้เขาเจี่ยนโม่ป๋าย คำตอบของพี่ชายของเจี่ยนถง

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรเหรอก เสี่ยวถงคุณแข็งแกร่งและกล้าหาญมาตั้งแต่เด็ก” เจี่ยนโม่ป๋ายพูดอย่างเร่งรีบ “คุณดูสิ คุณฆ่าคนตายโดยไม่ตั้งใจ ก็ติดคุกแค่สามปี ก็ถูกปล่อยออกมาแล้ว ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่”

เสี่ยวถงคุณโชคดีมาตั้งแต่เด็ก จะไม่เป็นไรแน่นอน อีกอย่าง คุณเสียไตไปหนึ่งข้าง ตอนนี้ก็ใช้ชีวิตได้ตามปกติดีไม่ใช่เหรอ?”

วิเวียนสีหน้าเปลี่ยนกะทันหัน “เจี่ยนโม่ป๋าย คำพูดของคุณเป็นคำพูดของมนุษย์เหรอ!”

ความเฉียบแหลมทางสายตาของเธอ รีบพยุงร่างกายที่เซของเจี่ยนถง “ประธานเจี่ยน……..”

เธอยังพูดไม่จบ เจี่ยนถงจู่ๆก็ยกมือห้ามเธอพูด และพูดอย่างเฉียบขาด “หยุดพูดได้แล้ว”

เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้น มองไปที่เจี่ยนโม่ป๋ายเป็นความแปลกและความไม่เข้าใจเป็นอย่างที่สุด ภายใต้สายตาของเจี่ยนโม่ป๋าย เอื้อมมืออีกข้าง ค่อยๆแกะมือของเจี่ยนโม่ป๋ายที่จับมือเธอไว้อย่างแน่นออก

“คุณชายเจี่ยนพักรักษาตัวไม่ต้องกังวล คนดีๆจะต้องได้รับการช่วยเหลือจากสววรค์เบื้องบนแน่นอน”

เสียงของเธอ เบามากจนไม่สามารถเกิดคลื่นได้ เบาจนลมพัดไปได้ เอื้อมมือออกไปช้าๆวางบนแขนของวิเวียน ไปข้างหูวิเวียนแทบพูดไม่ออก “ช่วยพยุงฉันลงไปข้างล่าง”

ถ้าวิเวียนไม่ได้มีการฟังที่ดีเยี่ยม ก็คงจะนึกว่าเจี่ยนถงไม่ได้พูดอะไร

“เสี่ยวถง…….” ด้านหลัง มีเสียงร้องไห้ของคุณหญิงเจี่ยนดังมา

วิเวียนหันไปมองอย่างกะทันหัน สายตาคมเหมือนมีด จ้องมองสองแม่ลูกคู่นั้น “อย่าเข้ามา เป็นคนอย่างทำตัวไร้ยางอายเช่นนี้!”

เธอพยุงเจี่ยนถงรู้สึกได้ว่า ผู้หญิงในอ้อมแขนภายใต้การแสดงออกที่ไม่แยแสร่างกายที่สั่นเทา

เมื่อออกมาจากอาคาร วิเวียนก็เห็น ผู้หญิงที่ยืนหลังตรง ล้มลงกะทันหันพิงที่ตัวเธอ “เจี่ยนถง พวกเขา…….” ทำเกินไปจริงๆ

“พยุงฉันขึ้นรถ ส่งฉันกลับไปที่บริษัท”

“อะไรนะ ยังจะกลับบริษัทอีกเหรอ?” ในสภาพเช่นนี้?

วิเวียนมองหน้าขาวซีดของเจี่ยนถงด้วยความกังวล “เสี่ยวถง ฉันส่งคุณกลับไปพักผ่อนดีกว่า งานที่บริษัท คุณไม่ต้องกังวล ฉันกับคนอื่นๆจะช่วยการจัดการให้เสร็จ”

เจี่ยนถงส่ายหัว “พวกคุณจัดการไม่ได้เหรอก” วิเวียนรู้แค่ว่าสถานการณ์ในเจี่ยนซื่อกรุ๊ปมีความซับซ้อน สถานการณ์ไม่ค่อยดี แต่ไม่รู้ว่าสถานการณ์ของเจี่ยนซื่อกรุ๊ป กำลังแย่มากๆ

เจี่ยนเจิ้นตง………เธอพูดสามคำนี้เบาๆ

วิเวียนเห็นว่าเกลี้ยกล่อมเจี่ยนถงไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้ เป็นคนดื้อรั้นมาตลอด

เธอรู้

ในรถ วิเวียนพยายามพูดเรื่องตลก อยากจะทำให้เจี่ยนถงสบายใจ

ในช่วงเวลาหนึ่ง เธอเงยหน้าขึ้น มองที่กระจกมองหลัง แล้วอึ้งไปเลย

ในเบาะหลังของรถผู้หญิงที่ดื้อรั้นคนนั้นผู้หญิงที่สามารถรับมือกับองค์กรขนาดใหญ่ได้ ไม่ว่าจะเหนื่อยหรือยากลำบากแค่ไหนผู้หญิงคนนี้ก็ไม่เคยบ่น หลับตาลงน้ำตาคลอเบ้าอย่างเงียบงัน

ใจของวิเวียน มีความรู้สึกที่พูดไม่ออก เหมือนถูกเข็มแทง มันเจ็บ เธอก็มองออกไป ขับรถไปอย่างเงียบๆ และลดความเร็วลง

เวลาคนเรายุ่งๆ ก็จะทำให้ลืมทุกอย่าง

คำพูดนี้ ไม่รู้ว่าเคยได้ยินตั้งแต่ตอนไหน ที่ไหนและจากคนนิรนามคนไหน เคยกล่าวไว้

เจี่ยนถงหมกมุ่นอยู่กับงานท้องฟ้าค่อยๆมืดลง

“ประธานเจี่ยนได้เวลาเลิกงานแล้ว”

“คุณกลับไปก่อนเถอะ ฉันยังมีบางส่วนที่ยังทำไม่เสร็จ”

วิเวียนส่ายหัว เธอรู้ดีว่า ผู้หญิงอย่างเจี่ยนถง ภายนอกดูอ่อนแอ แต่ดื้อรั้นไม่ฟังใคร

“ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณ”

“ไม่ต้อง คุณกลับไปเถอะ”

“ไม่ได้…….”

“กลับไป” ผู้หญิงหลังโต๊ะทำงานเงยหน้าขึ้นมองโดยไม่มีข้อโต้แย้ง “กลับไปพักผ่อน พรุ่งนี้เช้าจะต้องไปเจรจากับฝ่าย ข อีก ภารกิจยาก”

วิเวียนมองเจี่ยนถงที่อยู่หลังโต๊ะทำงาน สุดท้ายก็พยักหน้า “ฉันรู้แล้ว”

เวลาบรรยายสภาพแวดล้อมโดยรอบเงียบสงัดไฟในสำนักงานชั้นบนสุดของเจี่ยนซื่อกรุ๊ป ในที่สุดก็ดับไป

รปภ.ที่เดินตรวจกล่าวมาหนึ่งประโยค “ประธานเจี่ยนเพิ่งเลิกงานเหรอ”

เจี่ยนถงพยุงตัวเองไล่แตะฝาผนัง พยักหน้าเบาๆอย่างฝืนๆ

“ประธานเจี่ยนคุณโอเคไหม?”

“ไม่เป็นไร แค่หิวแล้วน้ำตาลในเลือดต่ำ”

รปภ.รีบยื่นลูกอมกลิ่นผลไม้มาให้ “ฉันก็น้ำตาลในเลือดต่ำ ปกติก็จะหยิบลูกอมใส่ไว้ในกระเป๋าตลอด นี่ครับ ประธานเจี่ยนคุณกินหนึ่งเม็ด ก็จะดีขึ้น”

เจี่ยนถงพยักหน้า “ขอบคุณมาก”

เธอลงไปชั้นล่าง เรียกรถผ่านแอพมือถือ วันนี้เธอไม่ได้ขับรถ วิเวียนก็เลิกงานแล้ว

ออกจากอาคารของเจี่ยนซื่อกรุ๊ป เพิ่งสังเกตว่า จู่ๆฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก

รถมาถึง เธอขึ้นรถ ความเหนื่อยล้าทำให้เธอมึนเล็กน้อย

เมื่อลงจากรถ เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

“ฮัลโหล” ความเหนื่อยล้าของเธอ สามารถรับรู้ได้จากการฟังเสียงผ่านโทรศัพท์

“อาซิวหายไป!”

ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน ทันใดนั้น หายไปเพราะตกใจ

“คุณพูดอีกครั้ง!”

“เสิ่นเอ้อเพิ่งโทรมา บอกว่าอาซิวหายไป!”

“ที่คฤหาสน์หาจนทั่วแล้วเหรอ?” เจี่ยนถงถามด้วยความตกใจ

“หาจนทั่วแล้ว แต่ไม่เจออาซิว โดยปกติคฤหาสน์แห่งนั้นจะไม่มีการใช้งาน บางจุดก็ซ่อมไม่ได้ พวกเสิ่นเอ้อเจอกระดุมเสื้อของอาซิวที่รูสุนัขกำแพงด้านหลัง”

“เสิ่นเอ้อหมายถึงอะไร?” เจี่ยนถงรีบถาม “เจอกระดุมเสื้อของเขาที่รูสุนัข รูสุนัขเชื่อมต่อกับด้านนอกคฤหาสน์เขาคงไม่……..”

“ถูกต้อง คุณเดาไม่ผิด นอกกำแพงมีรอยเท้าของอาซิวอาซิวหลอกให้เสิ่นเอ้อกับเสิ่นซานออกห่างเขา แล้วออกไปนอกคฤหาสน์” ไป๋ยู่สิงกล่าว

ในใจเจี่ยนถงเกิดเพลิงร้อนขึ้น แต่ ณ เวลานี้ ไม่ใช่เวลาที่จะโกรธ หายใจลึกๆ “ตอนนี้ต้องตามหาคน”

“เสิ่นเอ้อกับเสิ่นซาน ในเมือง Sคนของพวกเสิ่นซื่อ ก็เริ่มตามหาแล้ว แต่น้ำที่อยู่ไกลดับไฟที่กำลังรุกไม่ได้”

“ฉันจะขับรถไปเดี๋ยวนี้เลย”

“เดี๋ยวก่อน การตามหาคน คุณสู้เสิ่นเอ้อพวกเขาไม่ได้ ฉันโทรศัพท์บอกคุณ เพียงแค่อยากให้คุณร็สถานการณ์ เรื่องตามหาคน ฉัน ซีเฉินแล้วยังมีเสิ่นเอ้อพวกเขาจะตามหาเอง”

พูดจบ ก็วางสายโทรศัพท์

แต่เจี่ยนถงในตอนนี้ ไม่รู้สึกความเหนื่อยแล้ว

คนคนนั้นหายไป?

คนตัวใหญ่ขนาดนั้น หายไปง่ายๆเช่นนี้เหรอ?

เธอไปที่โรงรถใต้ดินที่บ้าน ขับรถมุ่งไปที่คฤหาสน์ตระกูลเสิ่น ถ้าหาก ถ้าหากล่ะ!

ถ้าหากเขาจำทุกอย่างได้ แล้วกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลเสิ่นคนเดียวล่ะ?

ขับรถเร็วมาก ไม่นานก็ถึงคฤหาสน์ตระกูลเสิ่น

เธอลงจากรถ ก็รีบเคาะประตู ผลักพ่อบ้านที่มาเปิดประตูให้ ตามหาตั้งแต่ชั้นล่างจนถึงชั้นบน ตามหาทีละห้อง

“คุณนาย ท่านหาอะไร?”

เธอเม้มปากอย่างแน่น ไม่พูดอะไร

พ่อบ้านถามอย่างหนัก เธอก็พูดคำเดียว “คุณไปพักซะ ฉันตามหาของบางอย่าง จำไม่ได้ว่าเอาไว้ไหน ถ้าเจอแล้วฉันก็จะไปเอง”

เธอค้นหาทุกซอกทุกมุมของตระกูลเสิ่น แต่ก็ไม่เจอคนคนนั้น

ทันใดนั้นนั่งอยู่ในทางเดินหินอ่อน มือและเท้าอ่อนแรง…….ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น เขาจะกลับมาที่เมือง S จากเกาะฉงหมิงได้อย่างไร ถ้าเขามีสติสัมปชัญญะจริงๆ ความทรงจำกลับมาแล้ว แล้วทำไมจะจำเสิ่นเอ้อพวกเขาไม่ได้ แอบหนีออกมาจากรูสุนัขคนเดียว?

รูสุนัข!

คนคนนั้น ถ้ามีสติสัมปชัญญะจริงๆ จะมุดออกมาจากรูสุนัขได้อย่างไร?

เจี่ยนถงนั่งบนพื้น ส่ายหัวและหัวเราะเยาะตัวเอง ทั้งๆที่เธอก็รู้อยู่แล้ว รู้แล้วว่าเขาไม่มีทางอยู่ที่นี่

ความทรงจำของเขาไม่ได้ฟื้นคืน

แล้วเธอกำลังทำอะไร?

ทั้งๆที่รู้คำตอบในใจ

หลอกตัวเองแท้ๆ

ในเมื่อคุณนายของบ้านยังไม่ออกไป พ่อบ้านจะกล้าไปนอนได้อย่างไร

“คุณนาย ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

เจี่ยนถงผลักมือของพ่อบ้านที่เอื้อมมาพยุงเธอ แล้วพยุงพื้นยืนขึ้น “ฉันไม่เป็นไร ของหาไม่เจอ ฉันจะกลับแล้ว”

ขับรถมา ขับรถกลับไป

นั่งเบาะคนขับ เวลานี้ว่างเปล่าไปหมด

เจี่ยนถงหัวเราะตัวเองและกล่าว เหนื่อยมาเหลือเกิน จนเกิดภาพหลอนแล้ว

คนคนนั้นจะปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร

คนคนนั้น……..ปรากฏตัวที่นี่?

“เสียงเบรกรถ” ในตอนดึก เสียงเบรกรถกะทันหัน เจี่ยนถงเหยียบเบรก ร่างพุ่งไปข้างหน้า กระแทกพวงมาลัยรถ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่สังเกต ลืมตาไม่กะพริบตา จ้องมองสถานที่ที่อยู่ไม่ไกล

แสงไฟส่องแสงสว่างเงาคนที่อยู่ไม่ไกล

ท่ามกลางฝนตกหนักสามารถมองเห็นร่องรอยฝน

ระยะห่างเจ็ดแปดเม็ดมองไม่เห็นหน้าตาของคนคนนั้น แต่ตอนนี้เธอ ลืมแม้แต่จะหายใจ

เวลาต่อมา!

เธอปลดเข็มขัดนิรภัยอย่างรวดเร็ว เปิดประตูรถแล้วลงจากรถอย่างรวดเร็ว วิ่งกะเผลกไปข้างหน้า

หน้าฝนถนนลื่น เกือบล้ม

ขณะวิ่งอยู่ จู่ๆก็หยุดอย่างกะทันหัน ตอนอยู่ห่างจากคนคนนั้นประมาณสามสี่เมตร ทันใดนั้นเธอก็หยุดอยู่กับที่

ดวงตายิ่งอยู่ยิ่งโต ยกเท้าขึ้นอย่างช้าๆอีกครั้ง ค่อยๆเดินเข้าไปหาคนคนนั้นทีละก้าวอย่างกะเผลก

ในที่สุด มองเห็นอย่างชัดเจน…….ชัดเจนมาก!

เธอเริ่มหายใจตัดขัด หายใจเร็วขึ้น หน้าอกขึ้นๆลงๆอย่างรวดเร็ว

เหลือระยะห่างแค่ไม่กี่ก้าว เธอยกเท้าขึ้นและวิ่งไปอย่างรวดเร็ว

ลมหายใจที่ติดขัดของเธอ ไม่เปิดปากด้วยความอุดอู้เธอมองผู้ชายที่มองเธออย่างงุนงงโดยทันใด

“เสิ่นซิวจิ่น!คุณรู้หรือไม่ทุกคนกำลังเป็นห่วงคุณอยู่ !

คุณรู้หรือไม่การที่คุณแอบหนีออกมา จะทำให้ทุกคนกลัวจนตัวสั่น!

คุณรู้หรือไม่ เพื่อบริษัทของคุณไป๋ยู่สิงกับซีเฉินยุ่งจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว แล้วต้องเอาเวลามาตามหาคุณอีก!

คุณรู้หรือไม่ เสิ่นเอ้อพวกเขาก็ลำบากใจมาก พวกเขาไม่เพียงแต่ต้องดูแลการดำรงชีวิตของคุณ ยังต้องดูแลความปลอดภัยของคุณด้วย แล้วยังต้องเกลี้ยกล่อมคุณด้วย!

คุณรู้หรือไม่ ว่าคุณทำอะไรลงไป!

คุณรู้หรือไม่ คุณทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อนกันมากขนาดไหน!

คุณรู้หรือเปล่า!”

คำพูดนั้นโวยวายอย่างหนักเจี่ยนถงต่อว่าอย่างรุนแรง ด้วยน้ำเสียงที่ดังและหนา แตกเป็นเสี่ยงๆ

สายตาของเธอ จ้องมองคนที่อยู่ตรงหน้า เม็ดเหงื่อปรากฏขึ้นที่หน้าผาก

คนคนนั้นดูเหมือนจะตกใจเสียงที่ดังของเธอ ยืนจ้องเธอด้วยความตะลึง

แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ในเวลานี้ ในสมองปรากฏเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลในตอนกลางวันของวันนี้

คำพูดเหล่านั้นของเจี่ยนโม่ป๋าย จู่ๆก็ปรากฏขึ้นในสมองของเธอ ก้องอยู่ในหูของเธอและการร้องขอความช่วยเหลือของคุณหญิงเจี่ยน

ขณะนั้น ไม่กล้าเสียใจ ไม่กล้าอ่อนแอ เข้มแข็งและยืดอกไว้ แกร่งเหมือนราชินี

เธอคิดว่า เธอไม่ลำบากใจ เธอไม่เสียใจ เธอออกจากโรงพยาบาล ก็ไปทำงานทันที

เธอคิดเธอไม่รู้สึกไม่ร้องไห้และไม่สนใจ ทำงานจนเหนื่อยล้า ความเหนื่อยล้าเข้ามาแทนที่ความขมขื่นที่โรงพยาบาลในวันนี้

เธอคิดว่า ในที่สุดฟ้าก็ต้องมืดลง เธอคิดว่า ความเหนื่อยเพียงพอที่จะทำให้นอนหลับได้ เมื่อนอนหลับ วันนี้ก็จะผ่านไปแล้ว

ไม่ ไม่ ไม่ใช่!

เขาหายไป!

เธอรีบร้อนที่จะตามหา ตามหาทุกที่ทุกแห่ง

เขาสร้างปัญหาให้เธอแบบนี้เหรอ?

ตอนที่เขามีสติสัมปชัญญะ ก็เป็นความเคราะห์ร้ายของเธอ แล้วทำไมตอนที่เขาไม่มีสติสัมปชัญญะ ก็ยังเป็นความเคราะห์ร้ายของเธออีก

ไม่ ไม่ใช่ ยังไม่ใช่ เขาจะเป็นความเคราะห์ร้ายของเธอได้อย่างไร!

จนเขาปรากฏตัว ก็มาปรากฏตัวที่หน้ารถของเธอ ในสายตาของเธอ ความกดดันและอารมณ์เชิงลบทั้งหมดของเธอ กลายเป็นคมดาบที่แทงออกไป

“พี่สาว ฉัน ฉัน……” คนคนนั้นเหมือนจะกลัวเจี่ยนถงแล้ว “เสิ่นเอ้อบอกว่า เพียงแค่ฉันเชื่อฟัง พี่สาวก็จะมาเยี่ยมฉัน แต่ว่าฉันก็กินข้าวอย่างเชื่อฟัง นอนอย่างเชื่อฟัง รดน้ำให้ดอกไม้อย่างเชื่อฟัง รอแล้วรออีก รอเป็นเวลานานมาก แต่ก็ไม่เห็นพี่สาวมาเยี่ยมฉันเลย

ฉันได้เป็นเพื่อนที่ดีกับปลาน้อยในสระน้ำในสวนแล้ว แต่พี่สาวก็ไม่ปรากฏตัว

ฉัน ฉัน……ฉัน …….อาซิวคิดถึงพี่สาวมาก”

คนคนนั้นแสดงสีหน้าที่ไม่รู้จะทำอย่างไร แทบจะร้องไห้ออกมาและไม่กล้าเงยหน้า “อาซิว อาซิวทำผิดไปใช่ไหม?”

ณ ตอนนี้!

เจี่ยนถงใจเต้นทันใด ความเจ็บปวดที่บรรยายไม่ได้ใช้โอกาสในขณะที่เธอไม่ทันตั้งตัว ซอกแซกเข้ามาทุกส่วนของร่างกายอย่างกะทันหัน

“คุณ…….” เธอพูดออกมา แล้วตกใจเสียงของตัวเอง ที่แห้งและแหบมากขนาดนี้

ประโยคต่อไป ไม่สามารถพูดต่อไปได้แล้ว

ยื่นมือข้างหนึ่งออกมา บังไว้บนศีรษะของเธอ เธอเงยหน้าขึ้น ฝ่ามือนั้น เหมือนจะใหญ่มาก พอที่จะบังฝนให้เธอได้

เธอหัวเราะเยาะตัวเอง นี่เป็นแค่ภาพลวงตา

“พี่สาว อย่าตากฝน เจ็บ อาซิวเจ็บตรงนี้”

ข้างหู มีเสียงที่เหมือนเด็กของคนคนนั้นดังขึ้น

เธอจ้องมองคนคนนั้น มือข้างหนึ่งจับที่หน้าอกด้านซ้าย……เธอจ้องเขม็งไปชั่วขณะหนึ่ง เงยหน้าขึ้นอย่างกะทันหัน แล้วพุ่งเข้าไปในรูม่านตาที่ไร้มลทินของคนคนนั้น ไร้เดียงสา……มาก

ในใจเหมือนโดนอะไรมากระแทกอย่างแรง

ในช่วงที่เธอไม่ทันตั้งตัว มีบางอย่างที่เธอไม่สามารถบอกหรืออธิบายให้เข้าใจได้พุ่งเข้ามาในร่างของเธอ

กะทันหันเช่นนั้น!

แค่คืนเดียว แต่ละฉากในโรงพยาบาล ปรากฏตรงหน้าอีกครั้ง เธออยากกะพริบตาแล้วให้ภาพนั้นหายไปในพริบตา

“พี่สาวไม่เสียใจนะ อาซิวอาซิวคิดถึงพี่สาว แต่ถ้าอาซิวรู้ว่าพี่สาวจะเสียใจเพราะอาซิวแอบหนีมาหาที่สาว อาซิว อาซิวก็คงจะไม่แอบหนีมา

พี่สาวไม่ต้องเสียใจ ต่อไปอาซิว…….อาซิวจะเชื่อฟัง จะอยู่แต่ในบ้านหลังใหญ่นั้น

อาซิวจะไม่เสียใจ อาซิว…….มีปลาน้อยเป็นเพื่อน สามารถพูดคุยกับปลาน้อยได้

วันหลัง วันหลังถ้าอาซิวคิดถึงพี่สาว ก็จะบอกความคิดถึงนั้นปลาน้อยฟัง”

เจี่ยนถงหลับตาลงทันที……… ไม่ทันแล้ว!หางตาของเธอ แสดงออกอย่างอบอุ่น

“คุณ……..มาได้อย่างไร?” เธอถาม ถามด้วยเสียงแหบ

“ฉันมุดออกมาจากรูสุนัข เจ้าเหลืองนำทางให้ฉัน”

“เจ้าเหลืองเป็นใคร?”

“สุนัขสีเหลืองตัวหนึ่ง” กล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ฉันฉลาดใช่ไหม?”

เจี่ยนถงไหล่แข็งทันที…….เสิ่นซิวจิ่นถ้าคุณมีสติสัมปชัญญะ คงจะไม่ทำแบบนี้แน่นอน

เขาแย่มากแล้วจริงๆ……….

“อาซิวพักอยู่ตั้งไกล แล้วทำไมมาถึงที่นี่ได้?”

เธอโน้มน้าวใจ

แต่คนคนนั้นกลับมีท่าทางภาคภูมิใจมาก

“ฉันวิ่งมาเรื่อยๆ วิ่งมาถึงถนนที่กว้าง มีคนหนึ่งขับรถใหญ่ๆ

ฉันดึงเขาไว้ไม่ให้เขาไป เขาถูกฉันตื๊อจนไม่รู้จะทำอย่างไร จึงถามฉันว่าจะไปไหน ฉันก็เลยบอกว่า จะไปเมืองS ฉันเคยถามเสิ่นเอ้อว่าพี่สาวอยู่ที่ไหน เสิ่นเอ้อบอกว่าพี่สาวอยู่ที่เมือง S เมื่อก่อนอาซิวกับพี่สาวพักอาศัยอยู่ที่นี่

คุณอาที่ขับรถใหญ่ๆคนนั้น บอกว่าจะส่งได้ถึงแค่ถนนด้านหน้าเส้นนั้น

ฉันจำถนนเส้นนั้นได้ วันที่นั่งเครื่องบินลำใหญ่ๆนั้นกลับมา ผ่านถนนเส้นนั้น”

เจี่ยนถงเข้าใจแล้ว……..เสิ่นเอ้อถูกเสิ่นซิวจิ่นที่อายุแปดขวบปั่นหัวแล้ว

เธอมองตามนิ้วมือที่ชี้ทิศทางของคนคนนั้น ……..แต่ก็ไม่รู้ว่าถนนที่เขาชี้เป็นถนนเส้นไหน แต่ว่า ไม่ว่าจะเป็นถนนเส้นไหน เขาตามหามาตั้งแต่ถนนเส้นนั้น………

“คุณ…….มาที่นี่ด้วยตัวเองเหรอ?”

“อืม อาซิวฉลาดไหม?”

เจี่ยนถงมองคนตรงหน้าอย่างตื่นตระหนกก้มมองเท้าของเขา รองเท้าคู่นั้น หมดสภาพแล้ว เกรงว่าน่าจะเดินหามาหลายที่แล้ว ตามหามานานมาก”

ทันใดนั้น!

เงาดำสูงก้มลงตรงหน้า ข้างหูได้ยินเสียงที่ไร้เดียงสาของเด็กดังขึ้น

“พี่สาว มือของอาซิว บังฝนไม่อยู่แล้ว” เขากอดเจี่ยนถงไว้อย่างแน่น กดศีรษะเธอลง หลบอยู่ในอ้อมแขนของเขา เขาใช้วิธีทั่วๆไป ด้วยวิธีที่ง่ายที่สุดและตรงที่สุดที่เขาคิดได้ ใช้ร่างกายของเขา บังฝนให้เธอ

“พี่สาวหนาวไหม ?อาซิวไม่หนาว”

เจี่ยนถงถูกกอดด้วยแขนอันใหญ่นี้ เขาถามเธอว่าหนาวไหม เขาบอกว่าเขาไม่หนาว……ทั้งๆที่เสียงของเขาหวานจนสั่นแล้ว

คืนฝนตกในฤดูใบไม้ร่วงเย็นสบายมีลมเล็กน้อย เขาตามหาจากเกาะฉงหมิงมาจนถึงที่นี่ด้วยความทุลักทุเล จนพบเธอ

เจี่ยนถงอิงแนบที่แขน ไหล่สั่นไม่หยุด

“อาซิวไม่หนาว” คนคนนั้นตัวสั่น กล่าวด้วยเสียงหัวเราะที่ไร้เดียงสา

Devil’s love

Devil’s love

เซี่ยเวยเหมิงเสียชีวิตแล้ว เสิ่นซิวจิ่นส่งตัวเจี่ยนถงเข้าไปในเรือนจำหญิงสามปีในคุก คำพูดของเสิ่นซิวจิ่นที่ว่า“ดูแลเธอให้ดีๆ”ทำให้เจี่ยนถงทรมานและเปลี่ยนไปมาและเปลี่ยนไปมาก ยิ่งไปกว่านั้นคือตอนที่อยู่ในคุกถูก “ยินยอมที่จะบริจาคไตโดยไม่สมัครใจ”ก่อนเข้าคุก เจี่ยนถงพูด:ฉันไม่ได้ฆ่าเธอ เสิ่นซิวจิ่นไม่แสดงท่าทีอะไรหลังออกจากคุก เจี่ยนถงพูด:ฉันเป็นคนที่ฆ่าเซี่ยเวยเหมิง ฉันอาชญากรรมแล้วเสิ่นซิวจิ่นพูดด้วยสีหน้าซีดขาว:หุบปากไปเลย! อย่าให้ฉันได้ยินประโยคนี้อีก!เจี่ยนถงยิ้ม:จริงๆ ฉันเป็นคนที่ฆ่าเซี่ยเวยเหมิง ฉันติดคุกมาสามปี เจี่ยนถงหลบหนีไป เสิ่นซิวจิ่นตามหาเธอทั่วทุกมุมโลก เสิ่นซิวจิ่นพูด:เจี่ยนถง ฉันยกไตให้คุณ คุณมอบหัวใจให้ฉันเถอะ เจี่ยนถงเงยหน้ามองเสิ่นซิวจิ่น แล้วพูด…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset