Devil’s love ทิ้งรักของนายปีศาจไป – ตอนที่ 286 แขกไม่ได้รับเชิญ

แขกไม่ได้รับเชิญท่านหนึ่งบุกเข้ามาที่ออฟฟิศของเจี่ยนถง

ในเวลาที่เหมาะสม ออฟฟฟิศของเธอยังมีผู้ร่วมพันธมิตรอยู่ท่านหนึ่ง

ปัง–เสียงหนึ่ง

คนคนหนึ่งบุกเข้ามาอย่างรวดเร็ว ด้านหลังยังมีเลขาของผู้จัดการทั่วไปตามมาห้ามปราม “คุณผู้ชายท่านนี้คะ คุณเข้าไปไม่ได้นะคะ ประธานเจี่ยนยังมีลูกค้าคนสำคัญอยู่ด้านในนะคะ”

ในออฟฟิศ หลังจากได้ยินเสียงแล้วสายตาของทั้งสองต่างก็หันไปมองที่หน้าห้อง

เจี่ยนถงเห็นคนที่มาแล้วได้เม้มปากเล็กน้อย

“ขอโทษค่ะ ประธานเจี่ยน คุณผู้ชายท่านนี้ดันจะบุกเข้ามาให้ได้ค่ะ……” เลขาอธิบายอย่างละอายใจ

“พี่มาได้ยังไง?” เจี่ยนถงถามไปที่ทิศทางประตูอย่างเรียบเฉย

“ทำไมพี่จะมาไม่ได้?”คนที่มามีสีหน้าซีดเซียว ใต้ตาดำคล้ำ “แล้วก็”เขาของขึ้นใส่เลขาที่อยู่ข้างๆ “แหกตาดูดีๆด้วยว่าฉันคือใคร”เลขาถูกร้ายกาจของแววตาเขาทำเอาตกใจจนตัวสั่น “ขอ ขอโทษค่ะ……”

เจี่ยนถงขมวดคิ้วทีหนึ่ง แล้วพยักหน้าให้เลขา “เธอออกไปก่อน” พอเลขาหายใจหอบอย่างตัวสั่นงันงกราวกับ

ได้รอดตายจากสถานการณ์อันตราย ได้ตอบว่า”ค่ะ” ตอนที่หันหลังจากไป เจี่ยนถงมองคนที่มาแวบหนึ่งแล้วได้ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นได้เรียกเลขาไว้ “เดี๋ยวก่อน”

“ประธานเจี่ยน ยัง ยังมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?”

เธอเป็นนักศึกษาที่เพิ่งเรียนจบปีนี้ สามารถเข้ามาทำงานที่บริษัทใหญ่โตขนาดนี้ เดิมทีก็เห็นคุณค่ามากอยู่แล้ว

แต่วันนี้เธอกลับขัดขวางไม่ให้แขกที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามาไม่ได้ กลัว ประธานบริษัทจะหาว่าเธอว่างานง่ายๆแบบนี้ก็ทำได้ไม่ดี ตั้งแต่เมื่อกี๊ก็เริ่มกระวนกระวายใจอยู่ตลอดเวลา

แววตาของเจี่ยนถงมีความเข้าใจ เธอหลุบตาเล็กน้อย “เธอไปเตรียมน้ำเปล่าแก้วหนึ่ง แล้วยกเข้ามา”

“ได้ค่ะ ประธานเจี่ยน”

เลขายกฝีเท้าจะไป ด้านหลังได้พูดขึ้นอีกว่า “แล้วก็ ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนี้ ฉันไม่ไล่เธอออก แค่เพราะเธอปล่อยพี่ชายฉันเข้ามาในออฟฟิศเหรอก”

เลขาตอบ”ค่ะ”อย่างเซ่อๆคำหนึ่ง ผ่านไปห้าวินาที เธอเกือบจะร้องออกมาว่า……พี่ชายของประธานเจี่ยน???

ทันใดนั้นเธอหันไปมองผู้ชายที่ป่วยออดๆแอดๆด้วยจิตใต้สำนึก ได้ถูกสายตาร้ายกาจนั้นทำเอากลัวจนรีบออกไปจากออฟฟิศอีก

สีหน้าของเจี่ยนโม่ป๋ายดูแย่มาก

เจี่ยนถงลุกขึ้น “ทำไมไม่พักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล?”

“พักฟื้น?” เจี่ยนโม่ป๋ายเผยความเหน็บแนมออกมา “ขืนฉันพักฟื้นต่อก็ไม่มีชีวิตอยู่ต่อแล้ว”

เจี่ยนถงฟังแล้วยักคิ้วเล็กน้อย แต่พริบตาเดียวก็ได้กลับคืนสู่ความสงบ พร้อมเปิดปากพูดอย่างอ่อนโยน “โรงพยาบาลเป็นที่ช่วยชีวิตคนใกล้ตายและรักษาผู้บาดเจ็บ”

เจี่ยนโม่ป๋ายกัดฟันแน่น จ้องเจี่ยนถงด้วยความโกรธแวบหนึ่ง “เธอรู้ว่าทำไมพี่ต้องมาที่นี่ โรงพยาบาลช่วยพี่ไม่ได้”

“ถ้าหมอก็ยังช่วยพี่ไม่ได้ งั้นพี่วิ่งมาที่นี่ก็ยิ่งเปล่าประโยชน์เลย”

เจี่ยนถงพูดอย่างเรียบเฉย

เจี่ยนโม่ป๋ายมองไปอย่างหนักใจ แววตาลึกๆมีความโกรธและความเฉียบขาด “เธอจะทนเห็นพี่ตายก็ไม่ช่วยจริงๆเเหรอ?”

เขาจะไม่รออีกต่อไป ช่วงที่ทำคีโม ผมของเขาได้ร่วงเป็นกำๆ เมื่อก่อนเขาเกลียดการใส่หมวกที่สุด ตอนนี้กลับต้องทำเรื่องที่เมื่อก่อนเกลียดที่สุด

แถมยังลาจากยาเหล่านั้นไม่ได้ด้วย

เขาจะไม่ใช้ชีวิตอย่างไม่เป็นผู้ไม่เป็นคนอีกแล้ว ทุกคืนล้วนไม่กล้านอนหลับ กลัวว่าวันรุ่งขึ้นจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก

เขาเกลียดฟ้าเบื้องบนช่างไม่ยุติธรรมเลย

ทำไมต้องให้เขาป่วยเป็นโรคนี้ด้วย!

หางตาของเจี่ยนถงมองไปที่คาย์อัน เฟโรกิ–พันธมิตรที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะทำงาน

เธอไม่อยากหารือเรื่องนี้กับเจี่ยนโม่ป๋ายต่อหน้าคนนอก

“พี่กลับโรงพยาบาลไปก่อน เดี๋ยวคืนนี้ฉันไปเยี่ยมพี่ที่โรงพยาบาล”

มีเรื่องอะไร ถึงจะแตกคอกัน ก็แตกคอต่อหน้าคนนอกไม่ได้มั้ง

แต่เจี่ยนโม่ป๋ายในนาทีนี้ได้ถูกเรื่องฝังใจของความตายปกคลุมอยู่เป็นเวลานาน เขาหวาดผวามาเป็นเวลานาน คอยทนรับกับความเจ็บป่วย ทำให้จิตใจเขาไม่สามารถคิดพิจารณาเรื่องที่นอกเหนือจากความเป็นความตายอีก

“เธออย่าคิดจะหลอกให้พี่ไปเลย เสี่ยวถง เธอแค่บอกมาคำเดียว จะทนเห็นพี่ชายแท้ๆของตัวเองตายโดยไม่ช่วยเหลือจริงใช่มั้ย!” เขาต้องการคำตอบ เขาจะไม่รออีกแล้ว เขาไม่อยากตาย เขายังหนุ่มยังแน่นขนาดนี้

เจี่ยนถงเหมือนคนไม่มีปาก ไม่พูดไม่จา

เจี่ยนโม่ป๋ายมองแล้วมองอีก ได้สบตากับแววตาใสสะอาดแต่แน่วแน่ของเธอ

ตั้งนานแสนนาน

เขาโซซัดโซเซราวกับทนไม่ไหวอีกต่อไป ได้ถอยหลังไปครึ่งก้าวพร้อมมองเจี่ยนถงอย่างสิ้นหวัง “พี่เข้าใจแล้ว” เขาหันหลังดึงประตูออฟฟิศออก และก้าวเท้าเดินจากไป นาทีที่หันหลัง เจี่ยนโม่ป๋ายได้พูดอย่างเฉียบขาดว่า “เจี่ยนถง เธอเป็นคนเลือกเอง อย่ามาโทษพี่นะ!”

เจี่ยนถงรู้สึกประหลาดใจ เลขาได้เอาน้ำมาเสิร์ฟ และขวางทางของเจี่ยนโม่ป๋ายไว้ “น้ำ……”

เพรี๊ยง~เจี่ยนโม่ป๋ายยื่นมือปัดทิ้งโดยไม่ได้คิด “ไสหัวไป!”

“อ๊า ร้อนจังเลย”

เจี่ยนถงอารมณ์ขึ้น “เจี่ยนโม่ป๋าย พี่ชักจะเกินไปแล้วมั้ง เอาเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมาระบายอารมณ์ นับเป็นคนตระกูลเจี่ยนประสาอะไร”

จู่ๆเจี่ยนโม่ป๋ายที่อยู่ด้านหน้าได้หยุดลงมา หันหลังจ้องเจี่ยนถงด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “ใช่ พี่ไม่เหมือนคนตระกูลเจี่ยน เธอเหมือนคนตระกูลเจี่ยนที่สุด เหอะๆ” เขาหัวเราะอย่างเย็นชา พร้อมเงยหน้ามองสำรวจดูรอบๆ “ตอนนี้พี่ใกล้ตายแล้ว เจี่ยนซื่อกรุ๊ปก็เป็นของในกระเป๋าเธอแล้ว เธอพอใจหรือยัง”

ระหว่างที่พูด เขาตระหนักได้ในทันที “พี่เข้าใจแล้ว”จู่ๆเขาได้ชี้ไปที่เจี่ยนถง “พี่เข้าใจแล้วว่าทำไมจับคู่สำเร็จทุกอย่าง แต่เธอกลับไม่ยอมบริจาคไขสันหลังให้พี่สักที”

เจี่ยนโม่ป๋ายเผยรอยยิ้มที่ขี้โกงออกมา “เจี่ยนถง พี่ป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ที่จริงลึกๆเธอคงจะแอบดีใจมากเลยสินะ ที่จริงเธอแทบอยากจะให้พี่ตายเร็วๆ ถ้าพี่ตายไป เธอก็สามารถยึดครองทุกอย่างของตระกูลเจี่ยนอย่างแท้จริงแล้ว เจี่ยนถง เธอเป็นหมาป่าตัวหนึ่งชัดๆ!พี่ดูเธอผิดไปแล้ว!”

เจี่ยนถงยืนอยู่ที่หน้าประตูของออฟฟิศ เธอได้ปล่อยมือของเลขา ทิศทางที่ห่างกันประมาณหกเจ็ดเมตร เธอมองไปยังคนที่อยู่สุดทางเดินคนนั้น นอกจากเสิ่นซิวจิ่นแล้ว นี่ก็คือใบหน้าของเพศชายที่เธอคุ้นเคยที่สุดแล้ว

พวกเขาโตมาด้วยกัน จากนั้น พอวันนี้เขากลับบอกว่าเธอคือหมาป่าตัวหนึ่ง!

เธอมองผู้ชายที่อยู่สุดทางเดิน ร่างกายสั่นไปทั้งตัวอย่างควบคุมไม่ได้

บนไหล่ มีฝ่ามือใหญ่คอยจับไหล่เธอไว้เบาๆอย่างปลอบโยน “เสี่ยวถง ไม่เป็นไร ผมเชื่อคุณ”

คาย์อัน เฟโรกิจับไหล่ของเจี่ยนถงไว้พร้อมปลอบโยนเบาๆ ทีแล้วทีเล่า

เหมือนทีนี้ เจี่ยนโม่ป๋ายถึงพบว่าในออฟฟิศของเธอยังมีผู้ชายอีกคนอยู่ สายตาสำรวจอยู่ที่บนตัวคาย์อัน เฟโรกิ สุดท้ายสายตาได้หล่นอยู่ที่ใบหน้าของคาย์อัน เฟโรกิ บังเอิญได้ไปสบตากับดวงตาโหดเหี้ยมดั่งเหยี่ยวเข้า แค่แวบเดียว นาทีต่อมาก็ได้หลบสายตาที่น่ากลัวนั้นอย่างตั้งใจและไม่ตั้งใจ

แต่ก็เจ็บใจไม่อยากแสดงความอ่อนแอออกมาต่อหน้าผู้ชายอีกคน จู่ๆได้เงยหน้าขึ้นพร้อมพูดประชดประชัน “คุณนึกว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างกายคุณคนนั้น เป็นผู้หญิงที่เรียบง่ายใสซื่อเเหรอ?คุณนึกว่าเธออ่อนแอต้องการๆปกป้องงั้นเเหรอ?เหอะๆ คุณดูสิเจี่ยนซื่อกรุ๊ปที่ใหญ่ขนาดนี้ เดิมทีตกเป็นของหลานคนโตแห่งตระกูลเจี่ยนอย่างฉัน ตอนนี้กลับไปตกอยู่ในมือของมัน พ่อของฉันถูกเธอบีบจนอายุที่ยังไม่ถึงวัยเกษียณ ก็ต้องใช้ชีวิตของวัยเกษียณแล้ว พวกเรายังเป็นคนในครอบครัวมันด้วยนะ มันยังใจร้ายกับพวกเราได้ขนาดนี้เลย คนนอกยิ่งไม่ต้องพูดถึง ฉันขอเตือนคุณเลยนะว่าระวังตัวหน่อย อย่าถูกมันหลอกเชียวนะ มันแสดงละครเก่งที่สุดเลย แม้แต่เสิ่นซิวจิ่นที่หยิ่งและโดดเดี่ยวของตระกูลเสิ่นคนนั้นยังถูกมันปั่นหัว……”เล่นเลย……

“เจี่ยนโม่ป๋าย!” หลังจากเสียงกรีดร้องที่แหลมและเศร้ารันทดผ่านไป เจี่ยนถงสั่นไปทั้งตัว มองผู้ชายที่อยู่สุดทางเดินด้วยใบหน้าซีดเซียว หลับตาลง ตอนที่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง อารมณ์ในแววตาได้นิ่งลงมา ไม่มีความอ่อนไหวอีก “ใช่ ฉันคือหมาป่า เจี่ยนโม่ป๋าย พี่ทายถูกแล้ว ฉันแอบดีใจและแทบอยากให้พี่ไปตายเร็วๆ ฉันกำลังแสดงละครอยู่ ตอนนี้เจี่ยนซื่อกรุ๊ปเป็นของฉันแล้ว พี่ไม่พอใจ?”

เธอเชิดคางไว้ พร้อมหัวเราะเยาะอย่างท้าทาย “ถ้าแน่จริง พี่ก็มาแย่งเจี่ยนซื่อกรุ๊ปไปจากฉันสิ!เหอะ~แต่เสียดาย พี่มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว ทำไม?โกรธแล้วเเหรอ?โมโหแล้วเเหรอ?”

สีหน้าและแววตาเธอเปลี่ยนมาเย็นชา แม้แต่น้ำเสียงก็เย็นชาตามด้วย “ถ้าแน่จริง พี่ก็ใช้ชีวิตต่อไปให้ดีๆและอายุมั่นขวัญยืนสินะ”  

Devil’s love

Devil’s love

เซี่ยเวยเหมิงเสียชีวิตแล้ว เสิ่นซิวจิ่นส่งตัวเจี่ยนถงเข้าไปในเรือนจำหญิงสามปีในคุก คำพูดของเสิ่นซิวจิ่นที่ว่า“ดูแลเธอให้ดีๆ”ทำให้เจี่ยนถงทรมานและเปลี่ยนไปมาและเปลี่ยนไปมาก ยิ่งไปกว่านั้นคือตอนที่อยู่ในคุกถูก “ยินยอมที่จะบริจาคไตโดยไม่สมัครใจ”ก่อนเข้าคุก เจี่ยนถงพูด:ฉันไม่ได้ฆ่าเธอ เสิ่นซิวจิ่นไม่แสดงท่าทีอะไรหลังออกจากคุก เจี่ยนถงพูด:ฉันเป็นคนที่ฆ่าเซี่ยเวยเหมิง ฉันอาชญากรรมแล้วเสิ่นซิวจิ่นพูดด้วยสีหน้าซีดขาว:หุบปากไปเลย! อย่าให้ฉันได้ยินประโยคนี้อีก!เจี่ยนถงยิ้ม:จริงๆ ฉันเป็นคนที่ฆ่าเซี่ยเวยเหมิง ฉันติดคุกมาสามปี เจี่ยนถงหลบหนีไป เสิ่นซิวจิ่นตามหาเธอทั่วทุกมุมโลก เสิ่นซิวจิ่นพูด:เจี่ยนถง ฉันยกไตให้คุณ คุณมอบหัวใจให้ฉันเถอะ เจี่ยนถงเงยหน้ามองเสิ่นซิวจิ่น แล้วพูด…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset