Douyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu ne – ดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว – ตอนที่ 48 การเปลี่ยนแปลงกะทันหัน?

ไม่กี่วันหลังจากนั้น วันนี้เป็นวันประกาศผลการสอบข้อเขียน ฉันกับทุตเต้มาด้วยกันสองคน ใช้ตามองดูกระดาษ 2 แผ่นที่มีขนาดประมาณ A4 ซึ่งแปะอยู่บนกำแพงสีขาวหน้าทางเข้าห้องนั่งเล่น

 

「พบแล้วค่ะ คุณหนู ดูเหมือนคุณหนูจะได้ที่ 5 สินะคะ」

 

「อื~ม เล็งไว้ประมาณที่ 10 มะ ช่างเถอะ ในตอนนี้แค่ไม่ได้ที่ 1 ก็พอแล้ว เยี่ยมแล้วล่ะ」

 

พอทุตเต้หาชื่อของฉันจากประกาศเจอ ก็อ่านลำดับที่เขียนออกมา ฉัน*เฮ้อ*ออกมาด้วยความโล่งอกแม้จะไม่ค่อยพอใจที่ลำดับมันต่างจากที่คาดไปเล็กน้อย ถึงแม้ว่า ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน จะถูกพระเจ้ากลั่นแกล้งจนได้รับที่ 1 มา ภาคปฏิบัติ ข้อเขียน การจะได้คะแนนในอันดับต้นๆทั้งสองอย่างนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องบอกเลยว่าไม่ใช่ของที่จะทำตัวลอยชายแล้วได้มา ม่า อันที่จริง จากคะแนนของคนได้ที่หนึ่งในครั้งนี้แล้ว ถ้าฉันอยากจะได้ที่หนึ่งก็ทำได้ไม่ยากนักหรอก

 

(ม่า ก็คิดอยู่แล้วว่าไม่น่าจะถนัดข้อเขียนหรอก แต่ถ้าจะทำคะแนนให้ต่ำกว่าซาฮะล่ะก็ ฉัน คงต้องทำถึงขั้นว่ายังไม่หายป่วย แบบนั้นยอมได้อันดับสูงกว่าดีแล้วล่ะนะ)

 

ระหว่างที่คิดอะไรหยาบคายกับเขาไปประมาณนั้น ฉันก็มองสำรวจอันดับคะแนนไปเรื่อยๆ แล้วสายตาก็ไปเจอกับชื่อของคนรู้จัก ซาฟีน่าอยู่กลางๆของกลุ่มบน ส่วนซาฮะนั้นไล่จากข้างล่างขึ้นมาจะหาเจอง่ายกว่า

 

「เฮ้~อ… ของฉันอยู่ตรงนี้เหรอคะ เอาเถอะ ก็คาดอยู่แล้วค่ะ」

 

ขณะที่ฉันจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ก็ได้ยินเสียงถอนหายใจดังมาจากข้างๆ พอเบนสายตาออกจากตารางจัดอันดับ ก็พบกับซาฟีน่ายืนคอตกอยู่

 

「ม่าม่า ก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยอยู่นี่ ดีแล้วไม่ใช่เหรอ คะแนนปฏิบัติก็สูงซะด้วยนี่」

 

ฉันเรียกซาฟีน่าที่ดูผิดหวังและพูดปลอบใจ เธอที่ก้มหน้าอยู่จึงเงยหน้าขึ้นมา ดูเหมือนจะฟื้นฟูจิตใจได้แล้วจึงส่งยิ้มและตรงมาทางนี้ ตอนนี้ซาฟีน่าได้รับการยอมรับให้ศึกษาต่อ ฉันรู้สึกโล่งใจมากเลยตอนได้ยินแบบนั้น ส่วนอีกฝั่ง「เขา」ขาดเรียนยาวต่อเนื่องตั้งแต่หลังการแข่ง และเพราะไม่ได้มาเข้าสอบในครั้งนี้ จะนับว่าดรอปเอาไว้หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่เป็นที่แน่นอนว่าหมดสิทธิ์จะได้เลื่อนชั้นในปีหน้า ม่า มันก็ได้เกี่ยวอะไรกับฉันนี่นะ…

 

「ใช่แล้วล่ะ สำหรับพวกเราแล้วคะแนนภาคปฏิบัติสำคัญกว่าล่ะนะ」

 

「สำหรับนายน่ะช่วยตั้งใจเรียนด้วยย่ะ」

 

คงเพราะได้ยินที่พวกเราคุยกันอยู่ล่ะมั้ง เด็กชายผู้ได้คะแนนติด 10 อันดับสุดท้ายแต่แสดงออกการว่าไม่ใส่ใจซักนิด จึงเข้ามารวมกลุ่ม ฉันไขว้แขนไว้เหนือหน้าอกหรี่ตามองซาฮะเป็นการทักท้วง

 

「แต่ว่า สุดยอดเลยนะ ท่านแมรี่เนี่ย ได้ที่ 1 ในภาคปฏิบัติ แถมยังได้ข้อเขียนที่ 5 อีก จะสมบูรณ์แบบเกินไปแล้วค่ะ」

 

「มะ ไม่จริงซักหน่อยค่ะ」

 

ดวงตาสีหยกของเธอเปล่งประกาย เพราะทนต่อสายตาของซาฟีน่าไม่ไหวฉันจึงต้องถอยหลบออกมาครึ่งก้าว แม้จะเป็นการไม่สุภาพ แต่ต้องขอปฏิเสธคำชมของเธออย่างสุดหัวใจ

 

「นั่นสินะ มีข่าวลือว่า ถ้าไม่หยุดเรียนไปถึง 2 สัปดาห์ล่ะก็ คงจะได้ที่ 1 ไปแล้วด้วยล่ะ」

 

「เอ๋? ใครเป็นคนปล่อยข่าวน่ะ」

 

ข่าวลือแปลกๆเกิดขึ้นมาอีกแล้วเหรอ ฉันที่รู้สึกระแวง หันไปหาซาฮะและถามถึงแหล่งที่มาของข้อมูล

 

「รุ่นพี่คาริส」

 

(เจ้ารุ่นพี่นั่น… พูดเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกแล้ว)

 

พอลองนึกดูดีๆ เพราะฉันเคยอยากได้คะแนนสอบข้อเขียนดีๆ เลยขอแรงรุ่นพี่คาริส ให้ช่วยรวบรวมกระดาษข้อสอบเก่าเอาไว้เป็นแนวทางศึกษา ดังนั้นในสายตาของคอมเมนเตเตอร์เจ้าปัญหาอย่างรุ่นพี่คาริส การที่เขาด่วนสรุปออกมาแบบนั้นจึงเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ไม่ยาก ฉันได้แต่ไหล่ตก ยอมแพ้ที่จะปฏิเสธข่าวลือไป สิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้จากตอนงานแข่งก็คือ การเคลื่อนไหวที่ผิดพลาดเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้สถานการณ์แย่งลง

 

「โอ๋โอ๋ อันที่จริง ท่านแมรี่ได้ที่ 5 เนี่ย ก็สุดยอดน้า」

 

「ตามที่รุ่นพี่คาริสพูด ว่ามีความสามารถจะได้ที่ 1 แต่เพราะสภาพร่างกาย…」

 

โดยไม่ทันรู้ตัวก็มีนักเรียนในระดับชั้นเดียวกันเข้ามาห้อมล้อม ชวนคุยแล้วก็พูดปลอบใจฉัน จะพูดไปแล้ว ตั้งแต่ลูกระเบิดแห่งความเข้าใจผิดปะทุขึ้น เหล่าผู้คนที่รายล้อมตัวฉัน ต่างก็คอยประคบประหงมฉัน ในระดับที่เรียกได้เลยว่าเอาใจจนเสียคน

 

เวลาที่ฉันจะทำอะไร ก็จะมี นั่งลงเถอะผมทำให้ ไม่เหนื่อยเหรอ อย่าหักโหมนะ ทุกคนคอยเป็นห่วง แล้วก็เข้ามาดูแลฉันจนเกินเหตุ มันมากเกินไปถึงขั้นว่า ทุตเต้ที่ได้รับหน้ามาดูแลฉันไม่มีงานทำ จนเธอคร่ำครวญหลังกลับถึงบ้าน

 

(แบบนี้ไม่ดีแน่ค่ะ แพทเทิร์นแบบนี้ฉันได้กลายเป็นคนไม่ได้ความแน่ๆเลย ต้องทำอะไรซักอย่าง)

 

เพราะอยู่กับทุตเต้มาตั้งแต่เล็ก แล้วก็ทำอะไรที่เหมือนกับคนไม่ได้เรื่องที่ทำอะไรไม่เป็นต้องคอยพึ่งแต่เธอมาโดยตลอด แม้ว่าฉันอยากทำอะไรให้พ้นจากสถานการณ์นี้ แต่เพราะสิ่งที่ทำมาโดยตลอด อย่างเมื่อไม่นานมานี้ ฉันแสดงให้ทุกคนเห็นว่าหายดีแล้ว โดยการยกนั่นยกนี่ แกว่งแขนแกว่งขา ทำตัวร่าเริง รู้แล้วล่ะ แต่อย่าหักโหมนะ ทุกคน มองมาด้วยสายตาอันอบอุ่นพยักหน้าเข้าใจ พอลองมองดูดีๆ จะพบว่ามีเด็กผู้หญิงบางคน ถึงกับหลบสายตา เอามือป้องปาก พยายามกลั้นไม่ให้เสียงร้องไห้ดังออกมา

 

(ถึงอย่างงั้น พลังครึ่งๆกลางๆแบบนี้ ก็ยังดีกว่าใช้พลังแบบเต็มที่ล่ะนะ เพราะถึงจะแก้ไขความเข้าใจผิดไปได้ในพริบตาก็เถอะ… แต่สถานการณ์คงจะเลวร้ายสุดๆ น่าจะไม่ถูกนับว่าเป็นมนุษย์อีกต่อไปแล้วนะ )

 

 

หลังจากกลับไปบ้านแล้วพูดคุยเรื่องสถานการณ์ต่างๆกับทุตเต้ ก็ได้ข้อสรุปออกมาว่า ไม่สามารถทำอะไรได้แล้วในตอนนี้ ช่วงเวลานั้นมันผ่านเลยไปแล้ว

 

「ท่านแมรี่? เป็นอะไรไปคะ รู้สึกไม่ดีตรงไหนหรือคะ?」

 

ซาฟีน่ามองตัวฉันจมอยู่กับความคิดไปพักใหญ่ด้วยความเป็นห่วง ฉันหยุดเอาไว้ก่อนและเงยหน้าขึ้น

 

「เอ๋ อื้ม ฉันสบายดี」

 

「แต่ว่าไปนั่งพักก่อนน่าจะดีกว่า ทุกคน ช่วยเปิดทางด้วย」

 

ในตอนที่ฉันโบกมือเพื่อปฏิเสธไป ก็มีบางคนในห้องพูดขึ้นมาเช่นนั้น ฝูงชนที่อยู่ตรงหน้าแยกออกซ้ายขวา ผายมือทำท่าเชิญ

 

「เชิญ ท่านแมรี่」

 

แล้ว ทุกคนก็หลบทางให้

 

「ขะ ขอบคุณนะ」

 

(อ้าา… อยากจะมุดหนีไปจากตรงนี้จริงๆ)

 

ฉันได้แต่ตอบรับความเอื้ออาธรของทุกคนด้วยการยิ้มฝืดๆตอบกลับ แล้วมีซาฟีน่าเดินนำพาออกจากจุดนั้นไป

 

――――――――――

 

ไม่กี่วันต่อมา หลังจากหมดคาบเรียนประจำวัน ฉันที่กลับมายังห้องนั่งเล่นพร้อมกับทุตเต้ ก็พบกับอาจารย์อิคซ์เดินสวนออกมาที่หน้าทางเข้าห้อง

 

「เจอตัวพอดีเลย เลกาเลีย ผู้อำนวยการต้องการพบน่ะ ตามชั้นมา」

 

พูดเช่นนั้น แล้วเธอก็ก้าว*ฉับฉับ*ออกจากห้องนั่งเล่นไปตามทางเดินโดยไม่รอการตอบรับจากฉัน ทำให้ตัวฉันมีเครื่องหมาย !? ลอยอยู่บนหัว มองไปทางทุตเต้ เธอเอียงคอสงสัยและมีเครื่อง !? ลอยอยู่เช่นกัน แล้วอาจารย์อิคซ์ก็สั่งให้รีบตามมา จึงต้องรีบตามเธอไป

 

หลังเดินออกมาจากอาคารเรียน พวกเราเดินมาจนถึงสวนขนาดใหญ่ที่มีพื้นทางเดินปูด้วยหิน มุ่งตรงไปยังหอคอยซึ่งดูเหมือนหอนาฬิกา ฉันไม่รู้จักที่นี่มาก่อน ท่านพ่อมาคุยกับผู้อำนวยการโรงเรียน พอมองดูแล้ว เขาเตรียมห้องคุยกันเอาไว้ที่ชั้นบนสุดของหอนาฬิกาอย่างงั้นเหรอ ฉันเดิน*ตุบตุบ*เขาไปใกล้แล้วก็อ้าปากค้างกับความสูงของหอนาฬิกา ถึงแม้ จะไม่ได้สูงโอเวอร์ระดับโตเกียวทาวเวอร์ แต่นี่ก็น่าจะสูงไม่น้อยกว่าตึก 5 ชั้นเลยล่ะ เป็นของที่มีมาตั้งแต่เปิดโรงเรียน จึงค่อนข้างเก่าแก่พอสมควร อาคารเรียนโดยรอบมีความสูงอย่างมากแค่ประมาณตึก 3 ชั้น หากมองจากตรงนั้นก็นับเป็นความสูงที่เหมาะสม

 

เดินตามอาจารย์อิคซ์ พอพวกเราเดินมาถึงหน้าหอนาฬิกาแล้วมองขึ้นไปอีกครั้งก็เผลอร้อง*โอ้~*ออกมา อาคารทรงสี่เหลี่ยมที่ถูกปูอย่างปราณีตด้วยอิฐหิน ด้านบนมีการติดตั้งหน้าปัดขนาดใหญ่ พร้อมทั้งแขนนาฬิกาขนาดใหญ่ที่ทำจากเหล็กสองอัน ฉันรู้สึกตะลึงกับขนาด แต่ที่สนใจยิ่งกว่านั้นในตอนนี้ก็คือ การที่ต้องพยายามปีนขึ้นไปยังชั้นบนสุดเนี่ยล่ะ

 

「ทำอะไรอยู่น่ะ ทางนี้」

 

ขณะที่ฉันมองขึ้นไปข้างบนด้วยความทึ่งแล้วอ้าปากค้างเหมือนคนบ้า อาจารย์อิคซ์ที่ยืนอยู่หน้าทางเข้าก็หันกลับมาเร่ง ฉันจึงรีบเดินตามเธอเข้าไป

 

พอเข้าไปข้างใน สิ่งแรกที่สะดุดสายตาก็คืออุปกรณ์กลไกซึ่งมีเฟืองขนาดใหญ่จำนวนมากตั้งอยู่ตรงกลางหอคอย ฉันหลุดเสียง*โอ้~*ออกมาอีกครั้งเมื่อมองขึ้นไปข้างบน พวกเราเดินตามอาจารย์อิคซ์ขึ้นไปบนบันไดซึ่งมีขนาดกว้างพอที่จะเดินแถวเรียงสองซึ่งอยู่ติดกับกำแพง ขึ้นไปยังห้องที่อยู่ด้านบนของอุปกรณ์กลไก

 

ชั้นนี้ต่างไปจากชั้นก่อน เพราะเป็นเพียงห้องว่างๆที่ผนังทำจากอิฐหิน มีบันไดวนอยู่ใกล้ๆ ดูเหมือนว่าจะมีห้องอยู่ข้างบนอีก เพราะมีอุปกรณ์กลไกอยู่จึงไม่ทันรู้สึก แต่พอไม่มีสิ่งของแล้ว ดูเหมือนพื้นที่ในแต่ละชั้นของหอคอยจะค่อนข้างกว้างทีเดียว

 

เพราะรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยจึงคิดว่ายังจะต้องขึ้นไปอีกเหรอ อาจารย์อิคซ์ยังคงเดินขึ้นชั้นบนโดยไม่มีการหยุดพัก ฉันถอนหายใจออกมาแล้วเดินขึ้นบันไดเวียนไป แล้วเข้ามายังห้องที่ดูเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอีกครั้ง

 

มีชั้นหนังสือวางเรียงอัดแน่นเต็มแนวกำแพง พรมที่ทออย่างประณีตด้วยการออกแบบที่มีสีสันคล้ายกับลวดลายเรขาคณิตถูกปูอยู่บนพื้น เพดานสูง มีบันได้พาดขึ้นสู่ชั้นสอง โดยที่ไม่มีเพดานกันระหว่างชั้นหนึ่งกับสอง บันไดเวียนถูกแทนที่ด้วยบันไดแยกซ้ายขวาจากจุดที่ยืนอยู่ ให้อิมเมจเหมือนกับห้องสมุดที่สามารถมองภาพมุมกว้างของชั้นหนึ่งและสองไปได้พร้อมๆกัน

 

「รอตรงนี้ ชั้นจะไปเรียกผู้อำนวยการ」

 

พูดจบอาจารย์อิคซ์ก็ปล่อยพวกเราไว้แล้วเดินขึ้นบันไดไป เป็นเรื่องปกติที่พวกเราจะใช้สายตามองตามไป จึงไม่ทันที่จะรู้สึกถึงเงาน่าสงสัยที่คืบคลานเข้ามาจากทางด้านหลัง

 

มุนิ้ว!

 

「ฟุมุฟุมุ นี่มันนี่มัน เต่งตึงขนาดนี้รู้สึกคาดหวังกับอนาคตเลยล่ะ」

 

「ฮี้!」

 

ทุตเต้ที่อยู่ข้างหลังส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ ฉันรีบหันหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว และพบว่ามีใครบางคนกำลังสำรวจเจ้าภูเขาแฝดที่อยู่ในวัยกำลังโตจากทางด้านหลังผ่านชุดเมดของเธออยู่

 

「นะ!」

 

จากเหตุการณ์ที่ไม่คาดทำให้ฉันตัวแข็งทื่อ แล้วทันใดนั้นก็มีบางอย่างที่มีแรงกดดันมหาศาลพุ่งมาจากทางด้านหลังผ่านตัวฉันไป

 

「ทำอะไรน่ะ ตาแก่ลามกนี่」

 

สิ่งที่พุ่งมาจากทางด้านหลังของฉัน ไม่ต้องบอกก็คงเดาได้ อาจารย์อิคซ์นั่นเอง เธอชักดาบที่เอวออกมา หันคมดาบเข้าใส่ศีรษะของชายที่กระทำการน่ารังเกียจที่อยู่ข้างหลังทุตเต้

 

「นี่นี่ อิคซ์คุง ข้าน่ะ ถึงจะเห็นแบบนี้แต่ก็เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนนะ เลือกใช้คำพูดให้ถูกหน่อย」

 

「ไม่จำเป็นต้องใช้คำสุภาพกับศัตรูของผู้หญิงย่ะ รีบถอยออกมาเลย」

 

ในขณะที่ฉันยังตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาจารย์อิคซ์ใช้ออร่ากดดัน จนชายที่อยู่ข้างหลังทุตเต้ยอมถอยห่างจากตัวเธอ เขาเป็นชายสูงอายุในชุดผ้าคลุมที่ดูหรูหรา ริ้วรอยเหี่ยวย่นบ่งบอกถึงความมีอายุแต่ยังคงให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา หนวดเคราสีขาวที่ยาวพอๆ กับผมสีขาวทอดยาวกว่าระดับไหล่นั้นน่าดูประทับใจ ข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คือ ดวงตาที่ให้ความรู้สึกน่ารังเกียจยังไงชอบกล

 

ทุตเตซึ่งได้รับการปล่อยตัวจากชายชรารีบวิ่งไปซ่อนข้างหลังฉันด้วยน้ำตาคลอเบ้า ฉันกอดปกป้องเธอไว้ในอ้อมแขน

 

「โฮ่โฮ่โฮ่ ไม่ต้องระแวงขนาดนั้นก็ได้ แค่หยอกเล่นนิดหน่อยเอง」

 

ผู้อำนวยการก็ลูบเคราสีขาวของตน ยิ้มด้วยใบหน้าเป็นกันเอง อาจารย์อิคซ์ถอนหายใจออกมาแล้วเก็บดาบ แต่ยังคงยืนคั่นระหว่างพวกเรากับผู้อำนวยการ

 

「อะโน อาจารย์อิคซ์คะ」

 

「เข้าใจว่าอยากพูดอะไร เลกาเลีย คนนี้คือผู้อำนวยการโรงเรียนอัลโทเรีย ฟอร์ทูน่า ฟุทรูริก้าล่ะ」

 

ฉันทำหน้าแบบนี่มันอะไรกันคะเพื่อให้อาจารย์อิคซ์ช่วยอธิบาย เธอทำหน้าเหนื่อยหน่ายแล้วแนะนำตัวชายสูงอายุ ฉันรู้สึกเหมือนว่าเคยเห็นอยู่ครั้งนึงตอนพิธีปฐมนิเทศ แต่ก็จำไม่ค่อยได้เพราะตอนนั้นกำลังต่อสู้กับอาการง่วงอยู่ ตอนนั้นคงกำลังโดนเวทย์ sleep? อยู่สินะ สิ่งที่ฉันรู้สึกแปลกใจไม่ใช่การที่เขามายืนอยู่ตรงหน้า แต่เป็นชื่อเสียงเรียงนามซะมากกว่า

 

「เอ๋! ฟุทรูริก้าเนี่ย」

 

「ใช่แล้วค่ะ ช่างน่าอายจริงๆ นั่นคือท่านปู่ของดิฉันเองค่ะ」

 

เสียงตอบคำพูดตกใจของฉัน ดังลงมาจากบันไดชั้นสองที่อยู่ข้างหลัง เจ้าของผมโรลม้วนเกลียวแนวตั้งสีทอง มากิลูก้ากล่าวขอโทษ

 

「โฮ่โฮ่โฮ่ ในเมื่อทุกคนมากันครบแล้ว ขอเริ่มอธิบายเลยละกันนะ」

 

ในขณะที่ฉันยังตามสถานการณ์ไม่ทัน การสนทนาจากบุคคลรอบตัวก็ยังคงดำเนินต่อไป เพราะทุกคนเดินขึ้นไปยังชั้นบน ฉันจึงเดินตามไปโดยพยายามเรียบเรียงความคิดไปด้วย

 

ไม่รู้ว่าชั้นสองนี้ถูกจัดเป็นทั้งห้องรับแรกและห้องทำงานหรือยังไง จึงมีโต๊ะทำงานไม้ยาวที่ถูกออกแบบและแกะสลักอย่างประณีตพร้อมเก้าอี้ ข้างหน้ามีโต๊ะรับแขกกับโซฟาขนาดใหญ่สองตัวประกบอยู่ พอมองดูดีๆ ด้านหลังโต๊ะทำงานมีผ้าผืนใหญ่ที่ปักตราโรงเรียนอัลโทเรียแขวนอยู่ด้วย

 

ฉันกับมากิลูก้านั่งลงบนโซฟาฝั่งนึง อาจารย์อิคซ์นั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้าม ส่วนผู้อำนวยการนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง ทุตเต้อยู่ห่างออกไปกำลังเตรียมชาให้ แล้วก็ ถัดอาจารย์อิคซ์มีชายวัยกลางคนท่าทางสุภาพมองมาด้วยรอยยิ้มอบอุ่น จากการแนะนำตัวของมากิลูก้า บอกว่าเขาคือแกรนมาสเตอร์ของอาเรย์ออส ยิ่งทำให้ฉันจับสถานการณ์ไม่ได้เข้าไปอีก

 

「เอาล่ะ แมรี่จัง」

 

「จัง?」

 

คำพูดแบบเป็นกันเองของผู้อำนวยการพัดพาบรรยากาศหนักๆออกไป ดึงสติให้ฉันกลับมาตั้งใจฟัง

 

「ที่เรียกมานี่เพราะว่ามีเรื่องอยากปรึกษานิดหน่อย」

 

โดยไม่สนใจสายตาประท้วงแบบเล็กๆของฉัน ผู้อำนวยการโรงเรียนพูดต่อด้วยรอยยิ้ม ฉันจึงได้แต่ยอมแพ้และรับฟัง

 

「อะไรอย่างนั้นหรือคะ?」

 

「ขอพูดแบบตรงๆเลยนะ แมรี่จัง เจ้า อยากจะย้ายมาอยู่อาเรย์ออสในปีหน้ามั้ย?」

 

คำพูดที่ตรงเกิน ทำให้ฉันทำหน้า*ก๊อง*ค้างไป

 

Douyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu ne – ดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว

Douyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu ne – ดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว

อ่านนิยาย เรื่องDouyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu neอ่านนิยาย เรื่องดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว ชาติที่แล้วในช่วงชีวิตก่อนที่จะตายฉันได้วิงวอน [ถ้าได้เกิดใหม่ขอร่างกายที่ไม่ว่าจะเจออะไรก็ไม่แพ้ได้ง่ายๆ] และดูท่าว่าคำขอนั้นจะถูกส่งไปถึง หลังจากมาเกิดใหม่ก็เป็นต่างโลกซะแล้ว ทั้งพละกำลังที่แข็งแกร่งสุดๆ ทั้งพลังป้องกันที่ไร้เทียมทาน ทั้งพลังเวทที่แข็งแกร่งที่สุด ทั้งความเร็วที่เร็วที่สุด การโจมตีทางกายภาพก็ทำอะไรไม่ได้ การโจมตีด้วยเวทมนต์ก็ไร้ผล เพราะว่าไม่มีทางแพ้ทุกๆอย่างไม่ว่าอะไรก็ตามเลยทำให้มีค่า สเตตัสทุกอย่างเต็ม MAX

Options

not work with dark mode
Reset