Douyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu ne – ดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว – ตอนที่ 45 นี่คือโอกาสค่ะ

「อะโน ทำไมถึงจะให้ฉันย้ายไปอาเรย์ออสอย่างนั้นหรือคะ?」

 

「ฟุมุ… จะตั้งคำถามแบบนั้นก็เป็นธรรมดาล่ะนะ ก่อนอื่น ที่แมรี่จังเรียนโซลออสเนี่ย มีความฝันที่จะเป็นนักรบอย่างนั้นรึ?」

 

「เปล่าค่ะ ฉันแค่อยากมีความสุขกับชีวิตในแต่ละวัน ไม่ได้ตั้งเป้าหมายอะไรไว้เป็นพิเศษค่ะ」

 

ถึงแม้การตอบคำถามด้วยการถามกลับจะไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง แต่ฉันก็เลือกที่จะตอบคำถามของผู้อำนวยการไปตามตรง และเพราะอยากจะได้คำตอบของฉันบ้าง จึงจ้องกลับไปที่ผู้อำนวยการ ดูเหมือนว่าจะรับรู้ถึงสายตาที่จ้องแล้ว ผู้อำนวยการถึงมีท่าทางกระอักกระอ่วนหลบสายตาของฉัน

 

「โฮ่โฮ่โฮ่ ที่โซลออสน่ะ เพราะจากนี้จะเข้าสู่เส้นทางการฝึกฝนให้เป็นนักรบเต็มตัว ดังนั้นจึงต้องมีการฝึกฝนที่ใกล้เคียงกับการต่อสู้จริง ซึ่งคงเป็นภาระที่หนักเกินไปสำหรับเด็กสาวอย่างเจ้า พลาดพลั้งขึ้นมา ตัวเจ้าที่ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจอาจถึงขั้นบาดเจ็บสาหัสจนกลายเป็นเรื่องใหญ่เอาได้」

 

อะไรแบบนั้น ซึ่งสิ่งที่ผู้อำนวยการตอบกลับมาก็ยังไม่ได้ตอบคำถามของฉัน

 

(จะมีอะไรบางอย่างที่ไม่ดีหากฉันยังคงอยู่โซลออสอย่างงั้นเหรอ? และ น่าจะเป็นเรื่องที่พูดตรงๆกับฉันได้ลำบาก)

 

ฉันหยุดใช้ความคิด ทำให้เกิดความเงียบปกคลุมห้องไปชั่วขณะ เปิดโอกาสให้ทุตเต้เริ่มทำการเสิร์ฟชาลงตรงหน้าของแต่ละคน ฉันจับถ้วยชาที่ทุตเต้นำมาเสิร์ฟ จิบลงไปอึกหนึ่ง เพื่อให้จิตใจสงบลง และพอสงบใจได้ ก็มีสิ่งหนึ่งแวบขึ้นมาในหัวของฉัน ซึ่งน่าจะเป็นต้นเหตุของเรื่องวุ่นวายในครั้งนี้

 

「…เพราะท่านพ่อหรือคะ?」

 

「「「!!!」」」

 

ในจังหวะดื่มชาแล้วถือถ้วยค้างเอาไว้ ฉันก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย สังเกตเห็นทั้งอาจารย์และผู้อำนวยการเกิดอาการสะดุ้ง ฉันจึงมั่นใจ ว่าเหตุการณ์นี้ ท่านพ่อเฟรดดิทช์มีส่วนเกี่ยวข้อง

 

น่าจะเป็นเพราะ หลังจบการแข่งนั้น ท่านพ่อเป็นห่วงฉันมาก คงจะใช้อำนาจบางอย่างกดดันทางโรงเรียน โดยปกติแล้วทางโรงเรียนไม่มีความจำเป็นที่จะต้องโอนเอนไปตามอารมณ์ของครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง แต่เมื่อเป็นครอบครัวของฉัน ดยุคเลกาเลีย เรื่องมันก็ต่างออกไป

 

เพราะท่านพ่อเป็นถึงจอมพล ย่อมต้องมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับการทหารของประเทศ ไม่ว่าจะผู้ที่มีผลงานในอดีตหรือเจ้าหน้าที่ปัจจุบัน ต่างก็ให้ความเคารพยกย่องเป็นอย่างมาก หากท่านพ่อคิดจะก่อเหตุรุนแรงก็คงมีคนรอบตัวจำนวนมากพร้อมทำตามอย่างเต็มใจด้วยล่ะมั้ง นอกจากนี้ ความเกี่ยวข้องทางเศรษฐกิจของประเทศกับดยุคเลกาเลียก็มีความเกี่ยวพันกันอย่างลึกซึ้ง และเป็นจุดศูนย์กลางที่คอยถ่วงดุลอำนาจของขุนนาง แม้ว่าอำนาจการปกครองอาณาจักรอารุเดียแห่งนี้จะอยู่ในมือของราชวงศ์ แต่ในความจริงแล้วขุนนางเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งด้วย ซึ่งทางราชวงศ์เองก็ไม่อาจมองข้ามพวกเขา สงครามกลางเมืองระหว่างราชวงศ์กับเหล่าขุนนางอาจเกิดขึ้นได้หากวันใดวันหนึ่งทางราชวงศ์ก่อความบาดหมางกับตระกูลเลกาเลีย นี่คือสิ่งที่ทั้งผู้ปกครอง พ่อบ้านและอาจารย์ส่วนตัวบอกเอาไว้ให้รู้ตั้งแต่ยังเด็ก นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงพยายามที่จะไม่ใช้อำนาจของตระกูลเท่าที่จะเป็นไปได้

 

ท่านพ่อที่เป็นแบบนั้นบุกมาถึงโรงเรียนเมื่อหลายวันก่อน ดูจากปฏิกิริยาของทุกคนแล้วคงจะมีการกำชับอะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวฉันเอาไว้แน่

 

「ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่ลูกสาวของข้าล้มลงเช่นนี้อีก จะเกิดอะไรขึ้นคงรู้สินะ พูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มสังหาร ข้านี่ตัวสั่นไปหมด ตอนมาเข้าโซลออสก็ไม่บอกกันก่อน… เรียนที่โซลออสมันก็ต้องได้ซักแผลสองแผลเป็นธรรมดาอยู่แล้วสิ ไอ้เจ้าผู้ปกครองติงต๊องนี่」

 

ผู้อำนวยการระบายความในใจที่ไม่อาจพูดให้ใครฟังแล้วพึมพำว่าถึงยังไงข้าก็เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนอารุเดียนะ ฉันเห็นประกายแสงแห่งความหวัง จึงทำการตัดสินใจ

 

「เข้าใจแล้วค่ะ เรื่องการย้ายคณะ ฉันขอยอมรับค่ะ」

 

ฉันวางถ้วยลงไปบนจาน แล้ววางกลับไปบนโต๊ะ เกิดเสียงดัง*แกร๊ก*เบาๆ

 

「เอ๋? จะดีเหรอ? เรื่องย้ายฝั่งนี่ คิดดูอีกซักหน่อยก็ได้นะ」

 

「มีไม่เห็นด้วยตรงไหนหรือคะ?」

 

「เปล่า ไม่ใช่ไม่เห็นด้วยหรอก」

 

พอฉันตอบรับไปก็มีเสียงโต้แย้งกลับมา ผู้ที่ตกใจกับการตอบรับข้อเสนอของผู้อำนวยการและให้เวลากลับไปคิด คงเพราะไม่คาดคิดว่าฉันจะตอบรับ อาจารย์อิคซ์ผู้ซึ่งเป็นแกรด์มาสเตอร์ของโซลออสมองมาทางนี้ด้วยความตกตะลึง ตอนแรกก็ไม่ได้คิดหรอก แต่พอลองคิดดูดีๆแล้ว ก็พบว่านี่คือโอกาส

 

(ทำผลงานใหญ่ในโซลออสจนเรียกได้เลยว่าไม่มีใครไม่รู้จักฉัน นี่จึงเรียกได้ว่าเป็นโอกาสเริ่มต้นใหม่ที่พระเจ้าประทานมา ฉัน จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่อาเรย์ออสนี่ล่ะ คราวนี้ล่ะ จะต้องใช้ชีวิตวัยเรียนอย่างมีความสุขไม่โดดเด่นให้ได้เลย!)

 

ฉันทำท่าทางสงบต่อหน้าทุกคน ในขณะที่จุดประกายไฟในใจด้วยความมุ่งมั่น

 

「ว่าแต่ว่า ทำไมถึงเป็นอาเรย์ออสล่ะคะ? ลาไลออสก็น่าจะได้เหมือนกันนี่คะ?」

 

ในขณะที่ฉันกำลังตื่นเต้นกับชีวิตใหม่ ก็เกิดคำถามเล็กๆกับเส้นทางที่เลือก ถึงถามออกไปโดยไม่ตั้งใจ

 

「ฟุมุ จากผลการสอบที่เห็น ข้อเขียนถือว่าทำได้ดีแม้ว่าจะไม่ได้ที่หนึ่งก็ตาม ถ้าเกิดว่าได้ที่หนึ่งทั้งข้อเขียนและภาคปฏิบัติ คงจะมีคำถามมากมายว่าทำไมถึงให้ย้ายออกมาจากโซลออส อันที่จริงข้าก็คิดจะแนะนำให้เข้าลาไลออส แต่พอได้ยินเรื่องที่ไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหนของหลานสาวเข้าแล้ว จึงคิดว่าควรแนะนำให้เข้าอาเรย์ออสเสียดีกว่าน่ะ」

 

เพราะประหลาดใจกับคำตอบที่ไม่คาดคิดของผู้อำนวยการ ฉันจึงหันไปมองทางมากิลูก้าที่อยู่ข้างๆ ซึ่งเธอตอบรับฉันด้วยรอยยิ้ม

 

「ท่านแมรี่สามารถใช้เวทย์มนต์ระดับ2ตั้งแต่ตอนที่เริ่มฝึกใช้เวทย์โจมตี แถมได้ยินมาว่าเป็นการทดลองใช้หลังจากอ่านตำราด้วย ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากเลยครับ」

 

ผู้ที่นั่งเงียบมาจนถึงตอนนี้ แกรดมาสเตอร์ของอาเรย์ออส อาจารย์ 『 เอริค.ฟรีท』มองมาทางฉันและกล่าวออกมาอย่างมีความสุข ผมสีดำตัดสั้นและมีบางจุดโค้งงอออกมาอย่างไม่เป็นระเบียบ ตอนอยู่โซลออส เหล่าอาจารย์ชายทั้งหลายต่างก็เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ พอเห็นหุ่นบอบบางแทบไม่มีกล้ามแบบนี้ฉันจึงรู้สึกกังวลว่า นี่เขาได้ทานข้าวบ้างรึเปล่า? ชุดที่ใส่เป็นดูเหมือนกับชุดสูทมาตรฐานสีเทา ถึงแม้สำหรับขุนนางแล้วจะถือเป็นชุดที่ขาดความโดดเด่น แต่ถ้าดูจากบุคลิคสุภาพอ่อนโยนกับโทนเสียงที่นุ่มนวลแล้วก็ถือว่าเข้ากันอย่างลงตัว นี่น่าจะทำให้เหล่าสาวน้อยใจเต้นเมื่อเจอกับหนุ่มหล่อคนนี้เป็นครั้งแรกอย่างแน่นอน

 

「เอ๋」

 

「ค่ะ อาจารย์ฟรีท เรื่องจริงค่ะ ดิฉันได้เห็นอย่างใกล้ชิดด้วยตาของตัวเองเลยค่ะ」

 

แล้วอาจารย์หนุ่มก็ส่งยิ้มมองมาทางนี้ด้วยสายตาแปลกๆ ฉันเกิดความรู้สึกไม่ดี จึงพยายามปฏิเสธและหยุดการเล่าเรื่อง จากมากิลูก้าที่นั่งอยู่ข้างๆ

 

(คุ… ถูกนำไปทางนั้นอีกแล้วค่ะ)

 

แม้ว่าฉันพยายามจะปฏิเสธ แต่เรื่องที่เธอเล่าเป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธเนื่องจากฉันเคยทำให้เธอเห็นต่อหน้า เพราะรู้ว่าไม่มีช่องให้หลบเลี่ยงจึงได้แต่ทำให้มันฟังดูคลุมเครือ

 

「โฮ่โฮ่โฮ่ ตอนที่ได้ยินเรื่องราวจากหลานสาว ก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยน่าเชื่ออยู่หรอก แต่หากมีพรสวรรค์อยู่จริงเช่นนี้ การปล่อยพรสวรรค์นั้นไว้โดยไม่เจียระไนคงเป็นเรื่องน่าเสียดาย เบนเข็มเจ้ามาทางอาเรย์ออสแทนก็แล้วกัน」

 

「ยะ อย่างงั้นหรือคะ」

 

รู้สึกเหมือนว่าบทสนทนามันจะพัฒนาไปในทิศทางแปลกๆตั้งแต่ก่อนย้าย แม้ว่าฉันจะรู้สึกกังวลนิดหน่อยแต่เพราะอยากจบเรื่องนี้ให้ไว จึงใช้ความเงียบตอบกลับไปแทน หลังจากนั้น อาจารย์ฟรีทก็เริ่มอธิบายขั้นตอนการย้ายแล้วก็เรื่องโน่นนี่นั่นแบบคร่าวๆ ฉันโยนเรื่องทั้งหมดให้ทุตเต้ที่ยืนพยักหน้าอยู่ข้างหลังจัดการ และแล้วการพูดคุยกับผู้อำนวยการโรงเรียนก็จบลง ในตอนที่จะกลับบ้านแล้วเดินมาด้วยกันกับมากิลูก้า ในตอนนั้น ก็ได้รู้ว่าที่หอคอยแห่งนี้มีการติดตั้งลิฟต์เอาไว้ด้วย ม่า สายพละกำลังอย่างอาจารย์อิคซ์นี่นะ ไม่จำเป็นต้องไปพึ่งเครื่องจักรพรรค์นั้น เป็นการฝึกฝนร่างกายและจิตใจ คงห้ามไม่ให้ฉันใช้ด้วยคำพูดแบบนั้นล่ะมั้ง

 

และแล้ว การเรียนวันนี้ก็จบลง ในรถม้าระหว่างกลับบ้าน ฉันก็คุยกับทุตเต้ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

 

「คิดยังไงกับเรื่องการย้าย ทุตเต้?」

 

「แม้จะเกิดเรื่องราวต่างๆมากมายกับคุณหนู แต่นี่ถือเป็นโอกาสค่ะ」

 

「นั่นสิเนอะ! นี่คือโอกาสที่พระเจ้ามอบให้! คราวนี้ล่ะฉันจะต้องคว้ามันมาให้ได้! No event, good life!」

 

「ใช่แล้วค่ะ คุณหนู!」

 

ในขณะที่รถม้าเคลื่อนที่ไป ฉันก็กำหมัดเหวี่ยงขึ้นฟ้า *โอ้*ตะโกนปลุกใจ แต่ ตอนนั้นเอง โชคไม่ดีที่รถม้าแล่นไปทับก้อนหิน*กึก*ทำให้เกิดการยกขึ้นและตกลงอย่างแรง *ฟุหวา*ร่างของฉันลอยขึ้น กำปั้นพุ่งเขาไปกระแทกกับหลังคา *ปึ้ง*เกิดเสียงอันไม่พึงประสงค์ แล้วภายในรถม้าก็ตกอยู่ภายในบรรยากาศเงียบสงัดอย่างอึดอัด

 

Douyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu ne – ดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว

Douyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu ne – ดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว

Status: Ongoing
อ่านนิยาย เรื่องDouyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu neอ่านนิยาย เรื่องดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว ชาติที่แล้วในช่วงชีวิตก่อนที่จะตายฉันได้วิงวอน [ถ้าได้เกิดใหม่ขอร่างกายที่ไม่ว่าจะเจออะไรก็ไม่แพ้ได้ง่ายๆ] และดูท่าว่าคำขอนั้นจะถูกส่งไปถึง หลังจากมาเกิดใหม่ก็เป็นต่างโลกซะแล้ว ทั้งพละกำลังที่แข็งแกร่งสุดๆ ทั้งพลังป้องกันที่ไร้เทียมทาน ทั้งพลังเวทที่แข็งแกร่งที่สุด ทั้งความเร็วที่เร็วที่สุด การโจมตีทางกายภาพก็ทำอะไรไม่ได้ การโจมตีด้วยเวทมนต์ก็ไร้ผล เพราะว่าไม่มีทางแพ้ทุกๆอย่างไม่ว่าอะไรก็ตามเลยทำให้มีค่า สเตตัสทุกอย่างเต็ม MAX

Options

not work with dark mode
Reset